การจราจรในช่วงสายของวันยังแน่นขนัดอยู่ ทั้งที่ตติยะออกมาจากคอนโดของภรวีได้ประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้วแต่เขายังอยู่ไม่ห่างจากแถวคอนโดของหญิงสาวนัก ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาสายกว่าตอนที่อยู่บ้านสวนเพราะกว่าจะได้หลับกันจริงๆ ทั้งเขาและภรวีก็เหนื่อยอ่อนจากกิจกรรมบนเตียงไปตามๆ กัน เนื่องจากหญิงสาวทำทุกอย่างเพื่อปลุกอารมณ์เขาอยู่ตลอด แม้จะปฏิเสธไปแล้วทว่าเมื่อถูกกระตุ้นคนอย่างตติยะก็ไม่เคยถอยอยู่แล้ว ชายหนุ่มรู้สึกสนุกกับสิ่งที่ภรวีมอบให้ แต่ก็เกิดความหน่ายแทรกขึ้นมาด้วยเหมือนกันเพราะเธอเรียกร้องจากเขามากจนเกินไป ถึงจะเคยมีเซ็กซ์ที่บ้าคลั่งกว่านี้กับสาวผมทองถึงสองคนพร้อมกัน แต่เขาชักไม่สนุกกับความต้องการของภรวีเสียแล้ว ตติยะอดคิดไม่ได้ว่าหากไม่ป้องกันตัวเองอย่างดี เมื่อคืนนี้อาจจะทำให้ภรวีท้องก็ได้ บางทีเขาอาจจะต้องเว้นระยะห่างกับเธอบ้าง เขารู้สึกอย่างนั้น หากภรวีไม่ยอมก็คงต้องพูดกันอย่างจริงจังว่าหากยังต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันคงอยู่ เธอก็ไม่ควรทำให้เขาเบื่อเสียก่อน ซึ่งเขาเชื่อว่าภรวีรู้และเข้าใจดี
รถเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ทำให้คนขับเริ่มเบื่อ หลังจากเปิดเพลงฟังเพื่อผ่อนคลายความหงุดหงิดกับการจราจรแล้วสายตาคมก็กวาดมองข้างทางไปด้วย แล้วร่างบางของใครคนหนึ่งที่กำลังเดินอยู่ริมฟุตบาทซึ่งรถของเขาเลื่อนผ่านก็ทำให้ตติยะยิ้มออก
“แซนด์”
ระหว่างนั้นรถติดอีกครั้งทำให้ชายหนุ่มมีโอกาส เขาโน้มตัวไปอีกด้านขณะที่กระจกกำลังลดลง ร้องเรียกคนที่กำลังจะเดินผ่านไปเอาไว้
“แซนด์ แซนด์”
หญิงสาวในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าแขนตุ๊กตาพอดีตัวกับกระโปรงบานพลิ้วเหนือเข่าหันมาทางเขา ใบหน้าที่มีผมหยักลอนเป็นคลื่นสีน้ำตาลเข้มล้อมรอบดูงุนงงเล็กน้อย
“ขึ้นรถสิ จะไปไหน เดี๋ยวติวไปส่งให้”
เขาบอกอย่างสบายๆ พร้อมกับยิ้มให้ ขณะที่อีกฝ่ายจ้องเขาสักครู่ก่อนจะทำตาโตเหมือนตกใจแล้วก็ทำท่าเหมือนกำลังตัดสินใจเมื่อเขาเปิดประตูฝั่งข้างคนขับรอเธอ
“มาเร็วเข้า รถกำลังติดอยู่ ถ้ารถเคลื่อนเดี๋ยวได้โดนบีบแตรไล่พอดี”
หญิงสาวหันมองรอบๆ เห็นหลายคนที่เดินอยู่ใกล้ๆ หันมามอง เพราะชายหนุ่มตะโกนพูดกับเธอแข่งกับเสียงรถที่ติดเครื่องจอดนิ่งๆ หลายคัน รวมทั้งเสียงรถจากถนนอีกฝั่งหนึ่งที่ยังเคลื่อนตัวตามปกติอยู่ จึงก้าวเข้าไปใกล้แล้วขึ้นรถไปในที่สุด
“ไม่คิดว่าจะเจอแซนด์อีก ติวยังแปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้เจอแซนด์แถวนี้บ่อยๆ” ตติยะเอ่ยอย่างสนิทสนมทันทีที่หญิงสาวขึ้นรถมา “แซนด์กำลังจะไปทำงานเหรอ ย้ายมาอยู่แถวนี้แล้วเหรอ ทำไมไม่บอกกันบ้างฮึ”
“เอ่อ...เปล่า ที่ทำงานแถวนี้น่ะ” หญิงสาวบอกเบาๆ
“งั้นเหรอ เดี๋ยวติวไปส่งที่สำนักทนายความให้นะ อยู่ตรงไหนบอกได้เลย”
“ไม่...เอ่อ...ไม่ต้องก็ได้ คือว่า เอ่อ...วันนี้ไม่ได้จะไปที่สำนักทนายความ”
“อ้าว...ไหนบอกว่าที่ทำงานอยู่แถวนี้ ติวก็เลยนึกว่ามาทำงาน”
ชายหนุ่มอุทานอย่างงงๆ แล้วหันไปกวาดสายตามองเพื่อนสาวอย่างเต็มตาก่อนจะยิ้มพราว ทั้งใบหน้าและแววตาของชายหนุ่มวาววามขณะพูด
“วันนี้ดูสวยผิดปกตินะ”
อีกฝ่ายหันมามองหน้าเขาแล้วทำหน้าเหวอ ขณะที่ชายหนุ่มละสายตาไปเพื่อมองทางเพราะรถเริ่มเคลื่อนตัวได้แล้ว
“อย่าบอกนะว่ามีนัด มาแถวๆ ที่ทำงานแบบนี้ มีนัดกับพี่ชวินเหรอฮึ”
คนถามถามทั้งที่ยังมองไปข้างหน้า ดูจากการแต่งตัวของหญิงสาวแล้วคิดว่าตัวเองคงเดาไม่ผิด
“เปล่าสักหน่อย”
“ไม่ได้นัดกับพี่ชวินแล้วนัดกับใคร พี่เขาดูเป็นคนดีนะ เขาดูแลแซนด์มาตั้งหลายปีแต่ทำท่าเหมือนไม่กล้าแตะ ดูตลกดี ติวเชียร์คนนี้”
“ฉันมาทำงาน” คนที่นั่งฟังอีกฝ่ายพล่ามไร้สาระเอ่ยเสียงเหมือนรำคาญ
“เอ๊ะ...งานอะไร”
คราวนี้รถหยุดอีกครั้งตติยะจึงมีโอกาสหันกลับมาจ้องหญิงสาวเขม็ง วันนี้เพื่อนเขาดูแปลกไป ไม่ได้เกี่ยวกับชุดที่เธอใส่หรอก ถึงแม้ปกติเอื้อมทรายจะแต่งตัวแบบเรียบๆ ไม่เด็กเกินไปแล้วก็โตเกินไป แต่ไม่เคยใส่อะไรที่ดูน่ารักๆ แบบวันนี้ แต่แปลกใจกับท่าทางและแววตาที่เธอมองเขาต่างหาก ความจริงเธอก็มองเขาเหมือนที่มองเมื่อวานนี้ ทว่านั่นแหละมันทำให้ตติยะรู้สึกถึงความห่างเหิน
“แซนด์ยังทำงานหลายอย่างพร้อมๆ กันอยู่อีกเหรอ” เขายังอดเป็นห่วงเพื่อนไม่ได้
“ก็...อืม”
“อะไรกัน งานที่สำนักทนายได้เงินน้อยหรือไง ว้า...งั้นเอางี้ไหม มาทำงานกับติว เดี๋ยวติวจ่ายให้สองเท่า แซนด์จะได้ไม่ต้องทำงานพร้อมๆ กันอย่างนี้อีก เหนื่อยแย่ แล้วที่สำนักงานรู้หรือเปล่า เขายอมให้มาทำงานอื่นอย่างนี้ด้วยเหรอ”
สีหน้าคนตอบดูลำบากใจที่จะพูด แต่เมื่ออีกฝ่ายจ้องมองอย่างคาดคั้นก็หลบสายตาเขา คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากอิ่มเม้มขณะครุ่นคิด
“เอ่อ...คือ...เขาก็ไม่ว่าหรอก ถ้ามีคดีถึงค่อยเข้าไป”
“เหรอ...อืม ก็ดูใจดีดีนะ แต่ถ้าไม่พอจริงๆ ติวว่าแซนด์มาทำกับติวดีกว่า ติวให้เป็นสามเท่าเลยก็ได้”
“ฉันไม่ใช่คนหน้าเงินนะ”
หญิงสาวสวนกลับทันควันทำให้ตติยะรู้สึกสะดุดแปลกๆ แต่ก็ยังยิ้มให้ รู้ว่าตัวเองพูดผิดไปทำให้อีกฝ่ายโกรธขึ้นมาซะแล้ว
“ติวล้อเล่น แต่ก็ไม่อยากให้แซนด์เหนื่อยจนเกินไป จริงๆ นะ”
แววตาคมบ่งบอกถึงความจริงใจทำให้คนที่มองเข้าใจแล้วก็พยักหน้ารับด้วยสีหน้าละอายใจที่หงุดหงิดใส่เขา
“ช่างมันเถอะ” หญิงสาวถอนหายใจก่อนพูด “ขอบคุณ เอ่อ...ขอบใจที่อยากช่วย”
“แล้วให้ติวไปส่งที่ทำงานไหม”
“รถติดแบบนี้เดินยังเร็วกว่าเลย”
ตติยะยิ้มแห้งๆ ก่อนจะขยับรถเคลื่อนตามคันข้างหน้าอีกครั้ง นั่นสิเขาลืมคิดข้อนี้ไป
“ขอโทษนะที่เรียกขึ้นรถ ตอนแรกคิดว่าบ้านอยู่แถวนี้แล้วแซนด์ก็กำลังจะไปทำงาน เลยว่าจะไปส่ง แซนด์ก็ไม่ยอมบอกตั้งแต่แรก”
“ตะโกนดังจนใครๆ ก็มอง แถมยังเปิดประตูออกมาอีก ไม่ขึ้นมาแล้วจะให้ตะโกนบอกหรือไงว่าไม่ไป ยังไงก็คุยไม่รู้เรื่องอยู่ดี ฉันคิดว่าคุณคงไม่ยอมไปง่ายๆ เลยคิดว่าขึ้นมาดีกว่า”
“พูดซะ คุณเคินอะไรกัน อย่าประชดกันน่า”
ชายหนุ่มพูดอย่างไม่คิดมากขณะที่ขยับรถไปด้วย ทว่ากลับทำให้อีกฝ่ายชะงักไปแต่เขาไม่สังเกตเห็น
“แล้วตกลงเอาไงดี ให้ติวส่งลงตรงไหนดีล่ะ”
“เอ่อคือ...ความจริงยังไม่ถึงเวลาเข้างานหรอก แล้วฉันก็กะจะไปกินข้าวเช้าก่อน ถัดไปอีกสองซอยมีร้านโจ๊กอยู่จอดตรงนั้นก็ได้ค่ะ”
นิ่งไปสักพักจนชายหนุ่มถามขึ้นมาอีกครั้ง หญิงสาวจึงนึกหาเสียงตัวเองเจอแล้วตอบเขา
“อืม...งั้นติวกินด้วยดีกว่า ชักหิวแล้วเหมือนกัน”
คนได้ยินกำลังจะอ้าปากพูดบางอย่าง แต่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจ เขาหันไปให้ความสนใจกับการขับรถแล้วก็หาป้ายร้านโจ๊กแทน
=====
หลังเอื้อมทรายคลอดลูก ทั้งครอบครัวของตติยะก็ยังพักอยู่ต่อโดยไม่มีใครเดินทางกลับนอกจากแขก เพราะต่างก็เห่อหลานชายสองคนที่น่ารักน่าชังมากๆ แม้แต่คุณอานนท์กับคุณนิตยาเองก็ยังเฝ้าหลานทั้งสองคนไม่ห่าง ทิ้งงานที่โรงพยาบาลไปเลยทีเดียว เนื่องจากคุณนิตยาลงความเห็นว่าหลานตัวน้อยยังไม่แข็งแรงพอที่จะเดินทางไปโดนแดดโดนลมทะเลในตอนนี้ ก็เลยเพียงแค่พามาพักที่บ้านพักของตระกูลตติยะเพื่อความสะดวกสบาย และเสียงเด็กๆ จะได้ไม่รบกวนแขกของรีสอร์ต พวกเขาจึงพากันเกงานกันทั้งครอบครัว โดยคุณเจอเซ่สั่งงานผ่านทางวิดีโอคอลกับคนสนิทที่ไว้ใจได้ตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาเลยทีเดียวส่วนตัวตติยะนั้นเขาตั้งใจเอาไว้แล้วว่าหลังแต่งงานจะพักฮันนีมูนเป็นเดือนจึงไม่เดือดร้อน เนื่องจากเคลียร์และกับเลขาอย่างคุณวิชัยเรียบร้อย หากมีอะไรด่วนวิชัยคงติดต่อเขามาเอง ก็กว่าเขาจะได้แต่งงานคนอื่นก็นำโด่งไปไกลไม่เห็นฝุ่นแล้ว เพราะนับตั้งแต่คืนที่เขาต้องเสียเงินซื้อรถให้น้องทั้งสองคน เอื้อมธารก็ไม่ค่อยจะยอมให้เขาแตะต้องสักเท่าไร แถมก็งานยุ่งเนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงปรับโครงสร้างใหม่ นานๆ ครั้งถึงจะมีโอกาส ฉะนั้นพอแต่งงานตติยะจึงขอใช้เวลาส่วนตัวก
สองปีต่อมา...“แซนด์ไปไหน คุณหมอเห็นแซนด์หรือเปล่าคะ”ในงานเลี้ยงฉลองงานแต่งงานของลูกชายคนโตตระกูลเวลเลโอ ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งบนเกาะซึ่งเจ้าของงานเหมาทั้งรีสอร์ตเพื่อรับรองแขกนั้น ร่างบางของเจ้าสาวชุดสวยหรูราวเจ้าหญิงเดินไปทั่วทั้งบริเวณจัดงาน หลังจากส่งแขกเรียบร้อยแล้วด้วยใบหน้ากังวล เอื้อมธารถามหมอหนุ่มที่กำลังจะไปนั่งดื่มกับกลุ่มเพื่อนในมุมหนึ่งของรีสอร์ต ทำเอาชายหนุ่มชะงักหันมองอย่างงงๆ เพราะแทนที่จะถามหาเจ้าบ่าวแต่เจ้าสาวกลับถามหาพี่สาว“เปล่าครับ แล้วนี่ซีจะไปไหน น่าจะพักนะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”วิศรุตต์พูดโดยไม่ได้เอ่ยถึงเจ้าบ่าวที่เขาคิดว่ามันคงนั่งร่วมวงอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆ เรียบร้อยแล้ว เพราะไม่อยากเป็นคนชี้โพรงให้กระรอกฤกษ์ส่งตัวนั้นมีไปตั้งแต่เมื่อวานที่กรุงเทพฯ เพราะทั้งสองคนแต่งงานที่บ้านสวนแบบเรียบง่าย รดน้ำทำบุญ มีเพียงแขกผู้ใหญ่และคนสนิทจริงๆ ส่วนงานเลี้ยงมาจัดที่เกาะ ซึ่งเป็นความต้องการของเจ้าบ่าวเจ้าสาวแต่ก็อำนวยความสะดวกให้กับแขกที่ได้รับเชิญทั้งไทยและเทศอย่างดี ฉะนั้นคู่บ่าวสาวจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตามฤกษ์ ส่วนบ้านพักของตระกูลนั้นตติยะให้ผู้ใหญ่ในครอบครัวของเ
เสียงหอบหายใจคละเคล้ากับเสียงเรียกชื่อเขา พร้อมปฏิกิริยาแสนซื่อจากร่างกายของหญิงสาวทำให้คนเจนสนามไหวร่างไม่นับครั้ง สายตาคมจ้องอกอวบสองข้างที่สะท้อนขึ้นลงไว้มั่น ทั้งแรงเสียดสีจากร่างอ่อนนุ่มก็ทำให้กายแข็งแกร่งร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนสูงลิบแตะเพดาน หัวใจหนุ่มเต้นระส่ำยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ชายหนุ่มเองก็ยิ่งส่งตัวเองเร็วชนิดลืมโลก เขาไม่เคยคลั่งแบบนี้มาก่อน ลืมไปด้วยซ้ำว่าคนใต้ร่างเขานั้นเพิ่งครั้งแรก เมื่อไม่สามารถรั้งตัวเองได้ตติยะก็วิ่งชนโครมเต็มตัวไม่ยั้ง กระทั่งร่างของคนทั้งสองสะท้านเยือกขึ้นพร้อมกัน ร่างสูงใหญ่เกร็งคำรามพร่าในลำคอดัง ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำบิดเหยเกแหงนเงยมองเพดานห้องเอื้อมธารที่กรีดร้องพร้อมตาเบิกโพลงมองภาพชายหนุ่มตรงหน้าด้วยหัวใจที่กระหน่ำแรงโลด รู้สึกรักเขาและภาคภูมิใจในตัวเองอย่างที่สุด หน้าตาท่าทางของอีกฝ่ายแม้จะเหมือนทรมานแสนสาหัสแต่เธอรู้เขาสุขสุดๆ เลยเชียวแหละ เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะเธอเองก็ไม่ต่างจากเขาเลยความรักกับเซ็กส์บางครั้งมันก็แยกกันไม่ออก เธอเพิ่งเข้าใจก็วันนี้เอง การได้มีความสุขกับคนที่รักนั้นคือเซ็กส์ที่สุดยอดจริงๆเมื่อปล่อยกายปล่อยใจตามอารมณ์ปรารถนาแล้วตต
ครึ่งชัวโมงผ่านไปร่างบางก็ออกมาจากห้องพร้อมผ้าขนหนูพันตัวเพราะไม่ได้ถือเสื้อผ้าเตรียมเข้าไป เธอทำใจกล้าก่อนจะมองดูว่าคนตัวสูงใหญ่อยู่ในห้องหรือไม่ เมื่อไม่เห็นก็รีบวิ่งพรวดไปที่ตู้ซึ่งเพิ่งจัดเสื้อผ้าเข้าไปค้นหาของอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าเขาไปไหน แต่ต้องรีบกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำก่อนที่ตติยะจะเข้ามาทว่าช้าไปแล้ว เพราะประตูห้องเปิดพรวดในขณะที่ร่างสูงในชุดกางเกงเลกับเสื้อแขนตัดฟิตเปรี๊ยะจนเห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดแข็งแกร่ง มือใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมก้าวเข้ามาในห้อง ชายหนุ่มชะงักมองคนร่างบางที่หันมามองเขาตาโต ส่วนหญิงสาวก็สะดุ้งตกใจจนเผลอปล่อยทุกอย่างในมือร่วงลงพื้นตาคมสีอ่อนมองร่างสวยตั้งแต่ใบหน้า ผมเปียกที่ถูกขมวดลวกๆ รุ่ยร่ายตกลงมาระลำคอระหง ไหล่บาง เนินอกอวบขาวนวลเนียนก่อนจะถูกผูกทับไว้ด้วยผ้าขนหนู สายตาเขาจึงไล่ลงล่างอย่างรวดเร็ว ขาขาวกลมกลึงที่โผล่จากผ้าผืนเล็กคลุมสะโพกอย่างหมิ่นเหม่ทำเอาชายหนุ่มกลืนน้ำลายเสียงดังชัดเจน คนที่สบตากับเขาถึงกับตัวสั่นเพราะแววกระหายฉายวาบโชติช่วงอย่างไม่ปิดบัง เอื้อมธารจึงเลี่ยงหลุบตาลงมองเสื้อผ้าแล้วย่อตัวลงหยิบ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้มีส่วนล่อแห
ขณะนั้นตติยะเริ่มขยับลุกขึ้นก้าวไปข้างหน้า ทว่าได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ล้มลงแล้วลุกขึ้นใหม่ มือหนายื่นไปข้างหน้าเพื่อควานหาคนร่างบาง หากก็ต้องล้มอีกครั้งเพราะความรีบร้อนลุยน้ำและมองไม่เห็น แต่ชายหนุ่มก็ยังฝืนลุกขึ้นก้าวเร็วๆ ขึ้นไปบนผืนทรายจนได้ เขาขยี้ตาที่ยังแสบแต่ก็ยังลืมตาไม่ขึ้นจึงได้แต่เดินสะเปะสะปะยื่นมือไปทั่ว“ซี คุณยังอยู่แถวนี้หรือเปล่า ผมเป็นห่วงคุณนะ ตอบผม ให้ผมได้ยินเสียงคุณหน่อย”หลังจากลืมตาขึ้นมาแล้วยืนมองคนที่ดูเหมือนจะไม่ยอมแพ้ในการหาเธออยู่พักใหญ่จนแทบจะทนไม่ไหว มือบางก็ยื่นไปข้างหน้าช้าๆ หากก็ตัดใจลดมือลงในที่สุดและยืนนิ่งอย่างรอคอย ใจเต้นแรงลุ้นระทึกแทบจะกลั้นหายใจ ขอเวลาอีกนิดเดียว แค่นิดเดียวเท่านั้น‘ก้าวมาสิ มาหาฉัน’เอื้อมธารร้องเรียกอีกฝ่ายอยู่เพียงในใจ“คุณอยู่ที่นี่ใช่ไหมซี”ชายหนุ่มเคลื่อนไหวช้าลง พยายามจับทิศทางก่อนจะขยับไปด้านซ้ายมือเพียงสองก้าวแล้วคว้าหมับ ทำให้ร่างเย็นชื้นหากก็นุ่มนิ่มเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนเขาเต็มๆ ปากบางสวยก้มลงจูบข้างขมับเธอพร้อมกระซิบต่อว่าเบาๆ ทั้งที่ใจเขาแทบขาดรอน กลัวไปหมดทุกอย่าง“แกล้งผมทำไมฮึ คุณจะฆ่าผมหรือไง ทั้งที่รู้ว่าผมรักคุณ
“บอกอะไรคะ”ชินานางอดถามไม่ได้“ก็พี่ทิมบอกว่า ผู้ชายถ้าได้มีอะไรกับคนที่รักแล้วจะยิ่งรักมากขึ้น ให้ดูพี่เรฟเป็นตัวอย่าง เพราะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเวลาอยู่กับพี่นา แยมไม่ค่อยเชื่อ เพราะพี่เรฟเขาเย็นชา ชอบทำหน้าเฉยตลอด แต่แยมก็เห็นพี่เรฟมองตามพี่นาตลอดเหมือนกัน ตอนเราเล่นน้ำก็มอง แต่พอเห็นความน่ารักของพี่นาเวลาเขินอย่างนี้แยมเข้าใจเลยค่ะ แยมก็ชอบพี่นานะคะ”เอื้อมธารกับชินานางมองคนที่อธิบายเสียงใสแล้วก็มองหน้ากัน โดยชินานางเป็นฝ่ายเขินหลบไปก่อนขณะที่เอื้อมธารคิดตามคำพูดของสาวน้อย เธอเองก็เห็นด้วยเพราะรู้สึกได้ว่า เรฟแสดงออกว่าห่วงใยรักใคร่ชินานางมากกว่านิสัยปกติของเขา คล้ายกับแววตาที่อานินท์มองพี่สาวของเธอ แถมทั้งสองคนยังมีแผนจะแต่งงานกันในอีกหกเดือนข้างหน้า แต่เอื้อมทรายจะยังอยู่กับเธอโดยที่อานินท์ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยส่วนเมื่อคิดถึงแววตาและการเอาใจใส่ดูแลเธอของตติยะก็ไม่ได้น้อยไปกว่าใคร แถมเขายังดูจะตามใจเธอมากกว่าคนอื่นด้วยซ้ำ ไม่ได้ทำให้เอื้อมธารรู้สึกน้อยหน้าใครๆ แต่อย่างใด“แล้วพี่เรฟ แบบว่ามีเซ็กส์กับพี่นาบ่อยไหมคะ”สาวน้อยจอมซักยังถามต่อ แม้ใบหน้าสวยของตัวเองจะแดงเรื่อขึ้น