Home / โรแมนติก / ลวงเงารัก / 6...การจราจรในช่วงสาย (2)

Share

6...การจราจรในช่วงสาย (2)

Author: rasita_suin
last update Huling Na-update: 2025-07-19 01:09:33

ร่างสูงใหญ่เดินตามหญิงสาวเข้ามาในร้านด้วยท่าทางสบายๆ หลังจากวนหาที่จอดรถจนได้แต่ก็ต้องเข้ามาจอดในซอยถัดมา แล้วเดินกลับมาที่ร้านอีกที ถึงแดดจะเริ่มร้อน เหงื่อซึมออกมาบนแผงอกและแผ่นหลังจนเปียกเสื้อเชิ้ตเนื้อดี แต่เขาก็ยังดูเฉยๆ ไม่ได้มีอาการหงุดหงิดแต่อย่างใด ทั้งที่ร้านนี้ก็เป็นร้านธรรมดาไม่มีแอร์และคนก็ค่อนข้างเยอะ เธอเหลือบตามามองเขาเล็กน้อยตติยะจึงยิ้มให้แล้วชี้ไปที่โต๊ะเล็กๆ สำหรับนั่งสองคนซึ่งว่างอยู่พอดี

“นั่งตรงนั้นกัน”

ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินนำไปก่อนแต่หญิงสาวกลับเดินเข้าไปหาพ่อครัวที่ยืนอยู่หน้าหม้อโจ๊ก สั่งแล้วจึงเดินตามเข้าไป ตติยะนั่งลงแล้วมองหาคนที่ควรจะเดินตามเขา เมื่อเห็นว่าต้องสั่งก่อนเข้ามานั่งก็มองคนที่นั่งลงฝั่งตรงข้ามอย่างเก้อๆ เพราะเขาคิดว่าจะมีคนมารับออเดอร์

“ขอโทษนะ ทั้งที่ผู้ชายควรจะเป็นคนสั่ง”

“คุณไม่รู้นี่”

อีกฝ่ายยักไหล่อย่างไม่แคร์เท่าไร ตติยะเงียบไปขณะเพ่งมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาพร้อมกับครุ่นคิดแล้วก็ส่ายหน้าอยู่คนเดียว ขณะที่หญิงสาวมองไปรอบๆ ร้านก่อนจะหันกลับมามองชายหนุ่มซึ่งมีเหงื่อผุดออกมาจนเต็มหน้าผาก

“เช็ดหน้าหน่อยไหม ดูเหมือนจะร้อนมาก” เธอบอกขณะมองหน้าเขา

ตติยะยิ้มนิดๆ แล้วก็พยายามหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกง แต่พอนึกได้ว่าเขาใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทที่ถอดเอาไว้ในรถก็ส่ายหน้าให้ก่อนจะบอก

“ติวลืมผ้าเช็ดหน้าไว้ในเสื้อสูทน่ะ”

หญิงสาวฟังแล้วก็เงียบไป ขณะนั้นโจ๊กสองถ้วยกับปาท่องโก๋ที่เธอสั่งก็ถูกนำมาวางบนโต๊ะพอดี ดึงความสนใจของคนที่หิวไปหาอาหารอย่างทันควัน มือบางรีบจับช้อนคนโจ๊กร้อนๆ ส่วนมืออีกข้างก็หยิบปาท่องโก๋มากัดจนเต็มคำ ขณะเดียวกันก็ตักโจ๊กขึ้นมาเป่าแล้วจึงเอาเข้าปาก ก้มหน้าก้มตาทานโดยไม่สนใจชายหนุ่ม ขณะที่ตติยะได้แต่มองเอื้อมทรายทานสลับกับโจ๊กตรงหน้าตัวเองแล้วก็ทำหน้างอ จนในที่สุดก็พูดขึ้น

“พอได้กินแล้วก็ไม่สนใจติวเลยนะ”

เมื่อถูกทักหญิงสาวจึงชะงักแล้วเงยหน้ามองคนพูดอย่างแปลกใจ

“แล้วทำไมไม่กิน ไหนบอกว่าหิว”

“หิวสิ”

“งั้นก็กินสิ กินตอนกำลังร้อนๆ พร้อมกับปาท่องโก๋น่ะ อร่อยสุดๆ เลย”

“แซนด์น่ะ ยังโกรธเรื่องเมื่อวานอยู่ใช่ไหม”

คำถามของชายหนุ่มทำให้อีกฝ่ายจ้องเขาอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะก้มลงทานเหมือนเดิมพร้อมกับตอบเหมือนไม่ใส่ใจ

“เปล่านี่”

“งั้นก็ฉีกปาท่องโก๋ให้หน่อยสิ”

คราวนี้หญิงสาวเงยหน้ามามองเขาตาโต ก่อนจะบอกด้วยสีหน้าแหยงๆ

“มีมือหรือเปล่า ฉีกเองสิ”

“พูดแบบนี้ยังโกรธอยู่จริงๆ ด้วย” ตติยะฟันธงด้วยน้ำเสียงที่ดูงอแงเหมือนเด็กๆ

“ก็บอกว่าไม่ใช่”

“แล้วทำไมไม่ฉีกปาท่องโก๋ให้ติวล่ะ”

“ตัวก็โตอย่างกับ...อะไร ทำเองก็ได้”

“เมื่อก่อนกินโจ๊กด้วยกันแซนด์ก็ฉีกให้ทุกที แถมยังถามว่าเติมน้ำปลาหรือซอสไหมตลอด”

คำพูดของเขาทำให้อีกฝ่ายอึ้งแล้วก็เงียบไป ท่าทางดูอึกอัก

“คุณโตแล้วนะ ไม่ใช่เด็กๆ แล้วก็...เอ่อ...”

“ยังโกรธอยู่ก็ยอมรับมาเถอะน่า”

ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับยิ้มล้อเลียน ทำเอาคนเห็นนิ่งอึ้งไปแล้วหน้าก็ค่อยๆ แดงเรื่อขึ้นก่อนจะเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งแล้วเบือนหน้าหนีเขาไปทางอื่นเหมือนไม่อยากสบตา

“นั่นไง แซนด์ยังโกรธอยู่ แล้วตอนนี้ก็งอนติวด้วย ใช่ไหม”

“ไม่หิวใช่ไหมถึงไม่กินสักที งั้นก็กลับไปเลย”

แม้เธอจะหันมาพูดเบาๆ ทว่าน้ำเสียงดูขุ่นขึ้งอย่างชัดเจน ชายหนุ่มจึงรีบยิ้มอ้อนพร้อมกับเอาใจ

“ติวกำลังจะกินแล้วนี่ไง” เขาบอกแล้วตักโจ๊กเข้าปาก “อื้ม...อร่อยมากเลย ปาท่องโก๋นี่ก็ด้วย”

ตติยะหยิบปาท่องโก๋มากัดกินตามหญิงสาว แล้วเคี้ยวทำหน้าตาเอร็ดอร่อยเหมือนเด็กๆ จนคนเห็นอดยิ้มขำไม่ได้ เมื่อเธอยิ้มและหัวเราะเขาก็ยิ่งกินด้วยท่าทางโอเวอร์มากขึ้น รู้สึกดีใจที่เห็นอีกฝ่ายยิ้มและหัวเราะอย่างสดใส

หญิงสาวมองคนที่ทำท่าตลกอยู่สักพักแล้วคิดว่าเขาคงร้อนมาก เพราะเหงื่อเริ่มไหลมากขึ้นกว่าเดิมจึงก้มลงหาบางอย่างในกระเป๋าของตัวเองก่อนจะหยิบทิชชูที่ปกติเอาไว้ซับหน้าออกมายื่นให้เขา ทว่าตติยะกลับยื่นหน้าของเขาเข้ามาใกล้ๆ อย่างทะเล้น โต๊ะเล็กที่ไม่ค่อยกว้างนัก ทั้งชายหนุ่มก็ตัวสูงใหญ่ พอเขาโน้มตัวแล้วยื่นหน้ามาหาทำให้ระยะใบหน้าของทั้งคู่ไม่ห่างกันมากนัก ตากลมโตคู่สวยมองใบหน้าหล่อเหลาคมคายที่มีไรหนวดเคราซึ่งคงไม่ได้โกนเมื่อเช้าด้วยแววตาที่ตติยะไม่เคยเห็น แต่แล้วอยู่ๆ เขาก็ต้องผงะหน้าหงายเพราะโดนหญิงสาวกระแทกทิชชูใส่หน้าผาก

“โอ๊ย...วันนี้ทำไมแซนด์ดุจัง”

อีกฝ่ายไม่สนใจที่เขาพูดหันกลับไปทานโจ๊กของตัวเองเงียบๆ ตติยะหยิบทิชชูที่ยังติดที่หน้าผากตัวเองซับเหงื่อเบาๆ แต่ก็ยังพูดต่อไป

“ทำยังไงแซนด์ถึงจะหายโกรธเนี่ย”

เขาถามอย่างขำๆ แม้จะรู้สึกว่าเอื้อมทรายเหมือนจะไม่หายโกรธง่ายๆ ซึ่งเป็นเรื่องแปลกไปสำหรับหญิงสาว เพราะปกติเอื้อมทรายจะค่อนข้างใจเย็น ใจดี ไม่ถือสาอะไรมากมาย เมื่อก่อนเธอจะฉีกปาท่องโก๋ใส่ในโจ๊กก่อนทานทุกครั้งแล้วก็จะเผื่อแผ่มาถึงเขาด้วย ครั้งนี้เพื่อนของเขาคงจะไม่พอใจจริงๆ อาจจะโกรธที่เขาไม่ยอมบอกเธอตั้งแต่แรก ทั้งที่เจอกันมาแล้ว แต่พอมารู้อีกทีกลับเป็นตอนที่โดนภรวีวีนใส่

“แซนด์ไม่เคยโกรธติวนานแบบนี้นี่นา”

“ไม่ได้โกรธคุณมากเท่าแฟนคุณหรอก” เสียงไม่พอใจสวนขึ้นมา

“เรียกคุณอย่างนี้ก็หมายความว่าโกรธติวเหมือนกัน ถึงจะไม่มากก็เถอะ แต่ก็ยังโกรธอยู่ ใช่ไหม”

ชายหนุ่มสบตาหญิงสาวพร้อมกับทำหน้าให้น่าสงสารสุดๆ ขณะที่คนมองนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะกะพริบตาถี่ๆ ก้มลงทานต่อแล้วบอกด้วยน้ำเสียงรำคาญ

“ก็มันน่าหงุดหงิดไหมล่ะ อยู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาด่า”

“วีวี่เขาเป็นพวกใจร้อนน่ะ แล้วเมื่อวานเขาก็มีเรื่องไม่สบายใจอยู่”

“ก็เลยมาพานชาวบ้านงั้นเหรอ”

“ติวขอโทษแทนเขาก็แล้วกันนะ”

หญิงสาวมองหน้าคนพูดอีกครั้งอย่างไม่พอใจ ตติยะรีบอ้อนต่อ

“นะ...จะให้ติวทำยังไงก็ได้ แซนด์หายโกรธเถอะนะ กลับมาพูดกับติวเหมือนเดิมเถอะ ติวเลี้ยงข้าวมื้อนี้ก็ได้ นะ...นะครับ”

ท่าทางของชายหนุ่มตัวโตๆ ที่ทำสีหน้ากับพยายามส่งสายตาออดอ้อนทำให้คนเห็นอดยิ้มไม่ได้ ใบหน้าขาวนวลมีเฉดสีแดงเรื่อ

“แค่คุณคนเดียว แฟนคุณไม่เกี่ยว”

แม้หญิงสาวจะบอกเสียงนิ่งๆ แต่ตติยะรู้ดีว่าอีกฝ่ายใจอ่อนแล้ว จึงยิ้มหวานพยักหน้ารับอย่างเต็มใจ เขาไม่สนอยู่แล้ว ที่เขาแคร์คือความรู้สึกของเอื้อมทรายไม่ใช่ภรวี

“ไม่เป็นไร ขอแค่แซนด์หายโกรธติวก็พอ จะให้ติวเลี้ยงข้าวทั้งอาทิตย์ก็ยังได้ แต่เรียกติวสิ อย่าเรียกคุณ แบบนี้เหมือนยังโกรธอยู่เลย”

“คุณ เอ่อ...พูดเองนะ”

“แน่นอน ติวรับปาก ว่าแต่แซนด์ไม่โกรธติวแล้วนะ”

“อื้อ...แต่อาทิตย์เดียวน้อยไปนะ ถึงแค่เลี้ยงข้าวมันจะไม่คุ้มกันเลยกับความรู้สึกที่เสียไป แต่ยังไงคุณ เอ่อ...ติวก็เป็นเอ่อ...เพื่อน ฉันจะถือว่าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ แล้วก็ไม่เคยเจอยัยพายุทอร์นาโดแฟนติวก็แล้วกัน”

ตติยะได้ฟังที่หญิงสาวพูดแล้วก็ยิ้มกว้าง นึกในใจว่าเดี๋ยวนี้เพื่อนเขาพูดกัดคนเก่งขึ้นเยอะ เปรียบเทียบภรวีซะเขานึกภาพออกเลยทีเดียว

“ให้เลี้ยงทุกวันเลยก็ได้นะ เอาไหมล่ะ เลี้ยงตลอดไปเลยดีไหม”

ชายหนุ่มถามเล่นๆ แต่คิดว่าถ้าอีกฝ่ายรับเขาก็ยินดีทำตามที่เธอต้องการ

“มากไป แค่สองอาทิตย์ก็พอแล้ว”

หญิงสาวบอกเขาพร้อมสีหน้าแหยงๆ เพราะแค่อยากแกล้งเขานิดหน่อยเท่านั้น ก่อนจะบุ่นอุบอยู่ในใจคนเดียวขณะก้มหน้าทานโจ๊กกับปาท่องโก๋ต่อ

‘ขืนเจอกันทุกวันตลอดไปคงแย่’

=====

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ลวงเงารัก   6...การจราจรในช่วงสาย (3)

    หลังจากไม่ได้กลับบ้านสวนเมื่อคืนวานแล้วได้พูดคุยกับเรฟที่ทำงาน ทำให้ตติยะรู้ว่าคุณอรพิมผู้เป็นป้ากลับมาที่บ้านแล้ว แต่จากที่สังเกตอาการลูกพี่ลูกน้องของเขาที่ไม่ค่อยจะยอมพูดถึงมารดาของตนเองเท่าไรนักเขาก็รู้ว่าทั้งสองน่าจะยังไม่ได้พูดคุยกันตามประสาแม่ลูกเป็นแน่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตติยะค่อนข้างเป็นห่วงมาก เขาอยากให้เรฟรู้จักกับความอบอุ่น ความเป็นครอบครัว และอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ชายหนุ่มจะได้ลดความแข็งกระด้างที่มีลงไปบ้าง เหนืออื่นใดตติยะอยากให้แม่กับลูกกลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิม แม้ว่าอาจจะไม่สามารถทำให้ทั้งสามคนอยู่ด้วยกันได้ แค่เรฟกับป้าอรพิมรักกันเข้าใจกันเขาก็ดีใจมากแล้ว ฉะนั้นตติยะจึงคิดว่าหากจะดึงเรฟเข้าไปหาแม่ของเขาให้มากขึ้น ตัวเขาเองนี่แหละที่จะต้องเป็นฝ่ายพาชายหนุ่มเดินเข้าไปเย็นวันนี้ตติยะกับเรฟไปรับชินานางกลับมาบ้านพร้อมกัน แม้ภายในรถจะมีการพูดคุยกันมาตลอดทาง ทว่าเรฟกับชินานางนั้นไม่ได้คุยหรือแม้แต่จะมองหน้ากันด้วยซ้ำ หญิงสาวนั่งอยู่เบาะหลังในขณะที่เรฟเป็นคนขับรถ ซึ่งชายหนุ่มก็ตั้งหน้าตั้งตาขับและโต้ตอบกับตติยะเท่านั้น ถึงบางครั้งจะมองกระจกหลังบ้าง หากเขาก็จะมองเผินๆ ไม่สนใจ

  • ลวงเงารัก   6...การจราจรในช่วงสาย (2)

    ร่างสูงใหญ่เดินตามหญิงสาวเข้ามาในร้านด้วยท่าทางสบายๆ หลังจากวนหาที่จอดรถจนได้แต่ก็ต้องเข้ามาจอดในซอยถัดมา แล้วเดินกลับมาที่ร้านอีกที ถึงแดดจะเริ่มร้อน เหงื่อซึมออกมาบนแผงอกและแผ่นหลังจนเปียกเสื้อเชิ้ตเนื้อดี แต่เขาก็ยังดูเฉยๆ ไม่ได้มีอาการหงุดหงิดแต่อย่างใด ทั้งที่ร้านนี้ก็เป็นร้านธรรมดาไม่มีแอร์และคนก็ค่อนข้างเยอะ เธอเหลือบตามามองเขาเล็กน้อยตติยะจึงยิ้มให้แล้วชี้ไปที่โต๊ะเล็กๆ สำหรับนั่งสองคนซึ่งว่างอยู่พอดี“นั่งตรงนั้นกัน”ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินนำไปก่อนแต่หญิงสาวกลับเดินเข้าไปหาพ่อครัวที่ยืนอยู่หน้าหม้อโจ๊ก สั่งแล้วจึงเดินตามเข้าไป ตติยะนั่งลงแล้วมองหาคนที่ควรจะเดินตามเขา เมื่อเห็นว่าต้องสั่งก่อนเข้ามานั่งก็มองคนที่นั่งลงฝั่งตรงข้ามอย่างเก้อๆ เพราะเขาคิดว่าจะมีคนมารับออเดอร์“ขอโทษนะ ทั้งที่ผู้ชายควรจะเป็นคนสั่ง”“คุณไม่รู้นี่”อีกฝ่ายยักไหล่อย่างไม่แคร์เท่าไร ตติยะเงียบไปขณะเพ่งมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาพร้อมกับครุ่นคิดแล้วก็ส่ายหน้าอยู่คนเดียว ขณะที่หญิงสาวมองไปรอบๆ ร้านก่อนจะหันกลับมามองชายหนุ่มซึ่งมีเหงื่อผุดออกมาจนเต็มหน้าผาก“เช็ดหน้าหน่อยไหม ดูเหมือนจะร้อนมาก” เธอบอกขณะมองหน้

  • ลวงเงารัก   6...การจราจรในช่วงสาย (1)

    การจราจรในช่วงสายของวันยังแน่นขนัดอยู่ ทั้งที่ตติยะออกมาจากคอนโดของภรวีได้ประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้วแต่เขายังอยู่ไม่ห่างจากแถวคอนโดของหญิงสาวนัก ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาสายกว่าตอนที่อยู่บ้านสวนเพราะกว่าจะได้หลับกันจริงๆ ทั้งเขาและภรวีก็เหนื่อยอ่อนจากกิจกรรมบนเตียงไปตามๆ กัน เนื่องจากหญิงสาวทำทุกอย่างเพื่อปลุกอารมณ์เขาอยู่ตลอด แม้จะปฏิเสธไปแล้วทว่าเมื่อถูกกระตุ้นคนอย่างตติยะก็ไม่เคยถอยอยู่แล้ว ชายหนุ่มรู้สึกสนุกกับสิ่งที่ภรวีมอบให้ แต่ก็เกิดความหน่ายแทรกขึ้นมาด้วยเหมือนกันเพราะเธอเรียกร้องจากเขามากจนเกินไป ถึงจะเคยมีเซ็กซ์ที่บ้าคลั่งกว่านี้กับสาวผมทองถึงสองคนพร้อมกัน แต่เขาชักไม่สนุกกับความต้องการของภรวีเสียแล้ว ตติยะอดคิดไม่ได้ว่าหากไม่ป้องกันตัวเองอย่างดี เมื่อคืนนี้อาจจะทำให้ภรวีท้องก็ได้ บางทีเขาอาจจะต้องเว้นระยะห่างกับเธอบ้าง เขารู้สึกอย่างนั้น หากภรวีไม่ยอมก็คงต้องพูดกันอย่างจริงจังว่าหากยังต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันคงอยู่ เธอก็ไม่ควรทำให้เขาเบื่อเสียก่อน ซึ่งเขาเชื่อว่าภรวีรู้และเข้าใจดีรถเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ทำให้คนขับเริ่มเบื่อ หลังจากเปิดเพลงฟังเพื่อผ่อนคลายความหงุดหงิดกับการจราจ

  • ลวงเงารัก   5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (4)

    ร่างสูงใหญ่เดินสำรวจไปรอบๆ รถ ดูทุกล้อว่ามีปัญหาที่ล้อใดบ้าง ร่างสูงก้มๆ เงยๆ หลายครั้งอย่างใช้ความคิด พลางยกมือหนาขึ้นเสยผมที่เปียกน้ำฝนปรกใบหน้าคมเข้มอยู่บ่อยครั้ง เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มที่เขาสวมอยู่ก็เปียกแนบกับร่างกำยำคิ้วเรียวได้รูปสวยของพยาบาลสาวขมวดเข้าหากันอย่างขัดใจ เห็นชายหนุ่มตากฝนอย่างนั้นก็รู้สึกหงุดหงิด หลังจากได้สติหญิงสาวจึงนึกได้ว่าตนเองพกร่มคันเล็กใส่ไว้ในกระเป๋าด้วยเนื่องจากหน้านี้หน้าฝน หากเรฟก็ดูจะไม่ใส่ใจกับสิ่งอื่นใดนอกจากล้อรถ เธอจึงยิ่งเป็นกังวล...คนอะไรไม่รู้ สนใจรถมากกว่าตัวเองซะอีก เดี๋ยวก็ได้หวัดกินกันพอดี คิดได้ดังนั้นชินานางจึงหยิบร่มออกจากกระเป๋าแล้วก้าวลงจากรถพร้อมกับกางร่ม ก่อนจะเดินอ้อมไปหาคนที่กำลังหาอุปกรณ์อยู่ที่หลังรถพื้นถนนซึ่งเป็นทางเลี่ยงถนนใหญ่นั้นค่อนข้างเฉอะแฉะ และมีโคลนที่ทำให้หญิงสาวก้าวเดินอย่างยากลำบาก เธอค่อยๆ ย่องเข้าไปหาคนตัวสูงใหญ่ที่กำลังก้มหน้าก้มตารื้อค้นบางอย่างวุ่นวาย ชินานางคิดอยากช่วยชายหนุ่มจึงขยับเข้าไปใกล้แล้วชะโงกหน้าไปดู แต่จังหวะนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นพอดีทำให้คนทั้งคู่ไม่ทันตั้งตัวต่างก็ผงะถอยหลังด้วยความตกใจ“เฮ้ย!” เ

  • ลวงเงารัก   5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (3)

    ชินานางรู้สึกว่าบรรยากาศภายในรถโฟร์วีลคันใหญ่นี้ ดูอึมครึมไม่แพ้กับเมฆฝนทมึนที่ตั้งเค้าอยู่ภายนอก เพราะมีคนตัวโตนั่งหน้าบึ้งถมึงทึงและมุ่งมั่นกับการบังคับรถอย่างเดียวโดยไม่พูดไม่จา นอกจากเสียงแอร์แล้วเธอไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แม้กระทั่งลมหายใจของเขา‘ตายไปแล้วมั้งเนี่ย’หากเป็นอย่างที่หญิงสาวค่อนขอดอยู่ในใจจริง คุณ MIB คนนี้คงเป็นพวกมีความสามารถพิเศษที่ขับรถได้ทั้งที่ไม่หายใจ แต่ในเมื่อเธอยังไม่เห็นเขาบินได้เขาจึงยังดูธรรมดา และรถก็ยังเคลื่อนต่อไปเรื่อยๆ นั่นก็แสดงว่าเขายังมีชีวิตอยู่“ฝนตกอีกแล้ว...ดีนะที่พ้นเขตในเมืองมาแล้ว ไม่งั้นรถคงติดแย่ หน้าฝนก็งี้ ฝนตกรถติดเรื่องธรรมชาติ”ชินานางเปิดประเด็นเพื่อทำลายความเงียบ ทั้งที่ความจริงแล้วไม่อยากจะคุยกับเขาสักเท่าไรหรอก แต่ดูจากที่เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเขาแล้วมันรู้สึกขนลุกอย่างไรบอกไม่ถูก คนอะไรไม่รู้ใส่แว่นดำก็ดูน่ากลัว พอไม่ใส่สายตาก็ดูราวกับจะเผาเธอได้“คุณคงยังไม่ชิน แต่อีกหน่อย เดี๋ยวก็ชินไปเอง...เอ๊ะ!”เธออุทานเมื่อเรฟหักพวงมาลัยเลี้ยวขวา ทั้งที่ยังไม่ถึงแยกที่ต้องเลี้ยวจริงๆ นั่นทำให้ชินานางตระหนกขึ้นมา กลัวว่าเขาจะโมโหเธอจนอยาก

  • ลวงเงารัก   5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (2)

    ‘วันนี้ฉันไม่กลับบ้านนะ นายไปรับน้องนาที่โรงพยาบาลที่ไปส่งเมื่อเช้าด้วยแล้วกัน ฉันไม่อยากให้น้องกลับเอง แล้วนายก็จะได้ไม่หลง’คนที่นั่งจมกองเอกสารอยู่ในห้องรองประธานกรรมการ ถือโทรศัพท์นิ่งค้างอยู่เช่นนั้นตั้งแต่ตติยะวางสายไปอีกราวหนึ่งนาที จากนั้นจึงค่อยๆ ประมวลระบบการรับรู้ทางหูของตนว่าได้ยินคำสั่งที่ผิดไปหรือเปล่าบอกให้เขาไปรับน้องนอกไส้นั่นน่ะเหรอ หมอนั่นคิดได้ยังไงข้อแรกเขายังจำทางไม่ค่อยได้เลย ไม่รู้จะไปถูกหรือเปล่าด้วยซ้ำ ก็ถนนในกรุงเทพฯ ไม่ได้มีแค่สองเส้นนี่ แถมยังตรอกซอกซอยอีกล่ะ ยิ่งคนอ่อนการอ่านภาษาไทยอย่างเขาแล้วด้วยยิ่งไม่ต้องพูดถึงการดูป้าย มีดีอย่างเดียวตรงที่โรงพยาบาลนั้นอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก เพราะเมื่อเช้าเขากับตติยะใช้เวลาจากที่นั่นมาถึงที่นี่แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นข้อสอง...ข้อนี้เป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นเลยก็คือเขาไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากอยู่ใกล้ หรือแม้แต่พูดคุยกับผู้หญิงคนนั้น คนที่แม่เขารักและทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูมากับมือ ลูกของคนที่มาแทนที่พ่อของเขา แม้ไม่ได้รังเกียจ แต่เขาก็คน จะให้ทำใจยอมรับกันง่ายๆ คงเป็นไปไม่ได้ชายหนุ่มคิดแล้วก็ถอนหายใจด้วยความเซ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status