Beranda / โรแมนติก / ลวงเงารัก / 6...การจราจรในช่วงสาย (3)

Share

6...การจราจรในช่วงสาย (3)

Penulis: rasita_suin
last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-19 01:10:16

หลังจากไม่ได้กลับบ้านสวนเมื่อคืนวานแล้วได้พูดคุยกับเรฟที่ทำงาน ทำให้ตติยะรู้ว่าคุณอรพิมผู้เป็นป้ากลับมาที่บ้านแล้ว แต่จากที่สังเกตอาการลูกพี่ลูกน้องของเขาที่ไม่ค่อยจะยอมพูดถึงมารดาของตนเองเท่าไรนักเขาก็รู้ว่าทั้งสองน่าจะยังไม่ได้พูดคุยกันตามประสาแม่ลูกเป็นแน่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตติยะค่อนข้างเป็นห่วงมาก เขาอยากให้เรฟรู้จักกับความอบอุ่น ความเป็นครอบครัว และอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ชายหนุ่มจะได้ลดความแข็งกระด้างที่มีลงไปบ้าง เหนืออื่นใดตติยะอยากให้แม่กับลูกกลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิม แม้ว่าอาจจะไม่สามารถทำให้ทั้งสามคนอยู่ด้วยกันได้ แค่เรฟกับป้าอรพิมรักกันเข้าใจกันเขาก็ดีใจมากแล้ว ฉะนั้นตติยะจึงคิดว่าหากจะดึงเรฟเข้าไปหาแม่ของเขาให้มากขึ้น ตัวเขาเองนี่แหละที่จะต้องเป็นฝ่ายพาชายหนุ่มเดินเข้าไป

เย็นวันนี้ตติยะกับเรฟไปรับชินานางกลับมาบ้านพร้อมกัน แม้ภายในรถจะมีการพูดคุยกันมาตลอดทาง ทว่าเรฟกับชินานางนั้นไม่ได้คุยหรือแม้แต่จะมองหน้ากันด้วยซ้ำ หญิงสาวนั่งอยู่เบาะหลังในขณะที่เรฟเป็นคนขับรถ ซึ่งชายหนุ่มก็ตั้งหน้าตั้งตาขับและโต้ตอบกับตติยะเท่านั้น ถึงบางครั้งจะมองกระจกหลังบ้าง หากเขาก็จะมองเผินๆ ไม่สนใจคนข้างหลังมากนัก และเขาก็รู้ดีว่าชินานางก็ตั้งใจหลบสายตาของเขาด้วย เพราะเมื่อเช้าเธอก็รีบออกจากบ้านไปพร้อมกับรถส่งผลไม้ก่อนตั้งแต่เช้าตรู่ ส่วนเรฟนั้นพยายามใช้ความจำที่ค่อนข้างดีของตนเองจนไปถึงที่ทำงานได้ในช่วงสายๆ

เมื่อรถเลี้ยวเข้ามาในบ้านและจอดลงก็มีชมพู่วิ่งออกมารับหญิงสาว ตติยะจึงลงจากรถออกไปถามเด็กสาวถึงผู้เป็นป้า

“คุณป้าอยู่ใช่ไหมชมพู่”

“ค่ะ” ชมพู่ตอบหลังจากยกมือไหว้ชายหนุ่มแล้ว

“งั้นน้องนาเรียนคุณป้าให้ด้วยว่าเดี๋ยวพี่กับเรฟจะเข้ามาไหว้แล้วก็ทานข้าวเย็นด้วย ตอนนี้ขอตัวไปอาบน้ำก่อน”

“ค่ะพี่ติว”

จากนั้นชายหนุ่มก็ขึ้นรถ เรฟที่เป็นคนขับหันมาบอกตติยะตอนที่รถหยุดลงหน้าบ้านแบบผสมผสานหลังใหญ่ด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย

“ผมขอตัวนะครับคุณติว”

“ได้ไง มาอยู่ที่นี่ก็ต้องไปไหว้ผู้ใหญ่ก่อน”

“ผมไหว้แล้วเมื่อวาน”

“มันต้องทำอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่ยกมือไหว้แล้วก็ขับรถออกไปอย่างที่นายเล่าให้ฟัง แบบนั้นมันเสียมารยาท”

“ผมแนะนำตัวแล้ว ไม่ใช่ไหว้เฉยๆ”

“นายนี่มันหัวแข็งจริงๆ พับผ่าสิ ธรรมเนียมคนไทย ไปลามาไหว้ ยังไงก็ต้องบอกกล่าวผู้ใหญ่เป็นกิจจะลักษณะ ไม่ใช่ทำส่งๆ ไป แล้วคุณป้าก็เป็นผู้ใหญ่ของบ้านนี้ จะทำเหมือนไม่เห็นหัวท่านไม่ได้”

ตติยะบ่นเป็นภาษาอังกฤษยาวเหยียด ปกติเวลาอยู่กันสองคนทั้งสองคนก็แทบจะไม่ได้คุยภาษาไทยกันเลย จบท้ายด้วยการบังคับหนุ่มลูกครึ่ง

“ไม่ว่ายังไงเย็นนี้นายก็ต้องไปทานข้าวบ้านนั้นกับฉัน แล้วก็ทุกๆ วันถ้าเรากลับมาทันมื้อเย็นด้วย”

เรฟถอนหายใจอย่างอ่อนใจ ก่อนจะพยายามนึกหาเหตุผล

“ผมแค่คิดว่าพวกคุณน่าจะได้ทานข้าวด้วยกันตามลำพังครอบครัว”

“นั่นนายยิ่งต้องไป เพราะนายเป็นลูกแท้ๆ ของคุณป้า”

“แต่...ท่านไม่ได้ยอมรับผม” ชายหนุ่มบอกเสียงเข้ม

“ก็ทำให้ยอมรับสิ อ้อ...แต่ก่อนที่นายจะอยากให้คุณป้ายอมรับนาย ฉันว่านายลดทิฐิของนายลง แล้วเข้าหาคุณป้าก่อนดีกว่า ถ้านายต้องการการยอมรับจากใครสักคน นายก็ต้องยอมรับเขาให้ได้ก่อน นายคิดว่าคุณป้าไม่ยอมรับนาย แล้วนายล่ะ คิดยังไงกับคุณป้า ถามตัวเองดูให้ดีก่อนเรฟ นายรักแม่ของนายหรือเปล่า”

คนเป็นทั้งลูกพี่ลูกน้องทั้งเพื่อนพูดแล้วตบบ่าหนุ่มลูกครึ่งให้ขบคิดเอาเองก่อนจะลงรถไปก่อน ปล่อยให้เรฟได้แต่นิ่งแล้วขบกรามแน่นอยู่กับตัวเองคนเดียว

จะให้เขายอมรับคนที่ละทิ้งเขากับพ่อ แล้วมีคนใหม่แบบนั้นง่ายๆ ได้ยังไง เรฟไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิด ในเมื่อคนคนนั้นก็ไม่ได้คิดถึงหรือใส่ใจอะไรเขามากมาย เมื่อวานสายตาที่มองเขามีเพียงความคาดไม่ถึงเพียงเท่านั้น ไม่มีความคิดถึงห่วงหาอาทรเลยแม้แต่น้อย ต่างจากสายตาที่มองชินานางลิบลับ

===================

อาหารมื้อเย็นถูกแป้นกับสาวใช้อีกสองคนลำเลียงขึ้นตั้งโต๊ะในระหว่างที่คุณอรพิมบ่นหลานชายที่หายหน้าหายตา ทั้งที่มาถึงเมืองไทยนานแล้วเป็นกระบุง โดยมีชินานางถูกดึงไปเป็นหัวข้อสนทนาบ้าง ในขณะที่เรฟนั้นตั้งแต่เข้ามาแล้วยกมือไหว้คุณอรพิมกับป้าจิตต์ก็นั่งเงียบหน้าขรึม ไม่พูดจาหรือยิ้มแย้มแต่อย่างใด ทำให้ตติยะได้แต่เก็บความอ่อนอกอ่อนใจเอาไว้ในใจ ส่วนคุณอรพิมเองก็ไม่ได้แสดงท่าทางพิเศษอะไรเกี่ยวกับเรฟ อาจจะมีปรายตามองบ้างในบางครั้ง แล้วก็พูดคุยกับหลานชายและลูกสาวด้วยใบหน้ายิ้มละไมซึ่งยังคงความงดงามตามวัย

หากในความรู้สึกของตติยะนั้นเขาคิดว่าป้าของเขาดีใจที่ได้พบกับลูกชาย เพราะปกติแม้ใบหน้าของผู้เป็นป้าจะยิ้มแย้มด้วยความเป็นผู้ดีมีสกุลอยู่แล้ว แต่ท่านเป็นคนที่ติดจะดุ เจ้าระเบียบ และค่อนข้างบ่นจู้จี้มากมายหลายเรื่อง ทว่าวันนี้ท่านเพียงตำหนิเขาเล็กน้อยแล้วก็บอกให้กลับบ้านมาทานข้าวด้วยทุกวัน เหมือนตั้งใจจะควบคุมความประพฤติของเขา ทว่าตติยะเชื่อว่าเพราะท่านอยากเห็นหน้าเจ้าลูกชายจอมนิ่งเฉยทุกวันด้วย

“เป็นยังไงบ้างตาติว วันนี้จิตต์เขาทุ่มสุดฝีมือเลยนะ ปกติจะแค่คุมเด็กๆ แต่พอรู้ว่าเราจะมาทานข้าวด้วยเท่านั้นแหละ ลงมือทำเองทุกอย่างแม้กระทั่งหั่นผัก นี่ดีนะ ที่ไม่แย่งเด็กมันล้างเองด้วย”

คุณอรพิมเอ่ยถามหลานชายหลังตติยะตักทานไปคำแรก

“อร่อยเหมือนเดิมเลยครับ อย่างนี้ถ้ามาทานทุกวันผมกับนายเรฟคงพุงกาง ต้องเพิ่มชั่วโมงเข้าฟิตเนตกันมากขึ้นแน่เลย”

“แหม...ชมอย่างนี้มีหวังคนทำได้ลอยแน่ๆ ใช่ไหมจิตต์” ท่านหันไปถามคนร่างท้วมที่ยืนยิ้มแป้นเยื้องไปด้านหลังของท่านคอยดูแลความเรียบร้อยอยู่

“ค่ะคุณท่าน คุณติวมาทุกวันเลยนะคะ เดี๋ยวป้าจะทำของชอบให้ทานทุกวัน”

“ได้เลยครับ ลาบปากทั้งนั้น”

“เอ่อ...แล้ว ว่าแต่ลูกพี่ลูกน้องคุณติวชอบอาหารไทยไหมคะ ชอบทานอะไร เดี๋ยวป้าจะทำให้” ป้าจิตต์อึกอักในตอนแรกเมื่อเหล่มองผู้เป็นนาย หากแต่ก็ถามชายหนุ่มถึงหนุ่มลูกครึ่งด้วยความอยากรู้

“เรียกเขาว่าเรฟเถอะป้า เขาเข้าใจภาษาไทยบ้างครับ ลองถามกับเขาดูสิครับ” ตติยะบอกยิ้มๆ เขาคิดว่าคนที่อยากรู้จริงๆ อาจจะเป็นคนที่นั่งวางฟอร์มอยู่หัวโต๊ะก็ได้

“เอ่อ...คุณเรฟ ชอบทานอาหารไทยอะไรคะ หรือถ้าไม่ค่อยชอบอาหารไทยป้าจะให้คุณหนูนาทำให้ เพราะป้าทำอาหารฝรั่งไม่เป็น แต่คนนี้เขาเก่งทุกอย่างค่ะ คุณท่านสอนมากับมือ บางครั้งก็ส่งไปเรียนเป็นคอสโน่นแน่ะค่ะ”

คุณถูกพาดพิงสะดุ้ง เหลือบตามองป้าจิตต์แล้วเหล่คนที่เอาแต่นั่งเงียบทำหน้าตาน่ากลัว แต่เขาไม่ได้มองมาทางเธอ ชายหนุ่มหันไปยิ้มมุมปากให้ป้าแม่บ้านเล็กน้อยก่อนจะตอบ

“ผมทานอะไรก็ได้ครับ ไม่เรื่องมาก”

“อุ๊ยตาย...ทานได้ทุกอย่างอย่างนี้ดีเลยค่ะ อยู่ง่ายกินง่าย น่ารักนะคะคุณท่าน”

ประโยคหลังป้าจิตต์หันไปพูดกับนายของตนเอง ทำเอาคุณอรพิมเหวอไปนิดก่อนจะปรับสีหน้าให้นิ่งแล้วตอบรับเพียงสั้นๆ

“อืม”

แม้จะดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจมากนัก หากคนใกล้ชิดอย่างป้าจิตต์ก็รู้ว่านายผู้หญิงของตนสนใจใคร่รู้ในตัวชายหนุ่มลูกครึ่งคนนี้มาก และดีใจมากเพียงใดที่ได้เจอลูกชายเพียงคนเดียวทั้งที่ชาตินี้ไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกแล้ว แต่ในเมื่อยังมีทิฐิกับความโกรธแค้นที่มีต่อพ่อของชายหนุ่มค้ำคออยู่ คุณอรพิมจึงยังแสดงท่าทางเหมือนเฉยชากับคนเป็นลูกชาย แต่นางขอให้สายสัมพันธ์ของสองแม่ลูกเชื่อมเข้าหากันได้ด้วยเวลาเพียงไม่นาน เพราะได้เห็นน้ำตาของผู้หญิงใจแข็งอย่างคุณอรพิมรินไหลตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา และแม่จิตต์ไม่อยากเห็นท่านร้องไห้อีกแล้ว

=====

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ลวงเงารัก   6...การจราจรในช่วงสาย (3)

    หลังจากไม่ได้กลับบ้านสวนเมื่อคืนวานแล้วได้พูดคุยกับเรฟที่ทำงาน ทำให้ตติยะรู้ว่าคุณอรพิมผู้เป็นป้ากลับมาที่บ้านแล้ว แต่จากที่สังเกตอาการลูกพี่ลูกน้องของเขาที่ไม่ค่อยจะยอมพูดถึงมารดาของตนเองเท่าไรนักเขาก็รู้ว่าทั้งสองน่าจะยังไม่ได้พูดคุยกันตามประสาแม่ลูกเป็นแน่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตติยะค่อนข้างเป็นห่วงมาก เขาอยากให้เรฟรู้จักกับความอบอุ่น ความเป็นครอบครัว และอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ชายหนุ่มจะได้ลดความแข็งกระด้างที่มีลงไปบ้าง เหนืออื่นใดตติยะอยากให้แม่กับลูกกลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิม แม้ว่าอาจจะไม่สามารถทำให้ทั้งสามคนอยู่ด้วยกันได้ แค่เรฟกับป้าอรพิมรักกันเข้าใจกันเขาก็ดีใจมากแล้ว ฉะนั้นตติยะจึงคิดว่าหากจะดึงเรฟเข้าไปหาแม่ของเขาให้มากขึ้น ตัวเขาเองนี่แหละที่จะต้องเป็นฝ่ายพาชายหนุ่มเดินเข้าไปเย็นวันนี้ตติยะกับเรฟไปรับชินานางกลับมาบ้านพร้อมกัน แม้ภายในรถจะมีการพูดคุยกันมาตลอดทาง ทว่าเรฟกับชินานางนั้นไม่ได้คุยหรือแม้แต่จะมองหน้ากันด้วยซ้ำ หญิงสาวนั่งอยู่เบาะหลังในขณะที่เรฟเป็นคนขับรถ ซึ่งชายหนุ่มก็ตั้งหน้าตั้งตาขับและโต้ตอบกับตติยะเท่านั้น ถึงบางครั้งจะมองกระจกหลังบ้าง หากเขาก็จะมองเผินๆ ไม่สนใจ

  • ลวงเงารัก   6...การจราจรในช่วงสาย (2)

    ร่างสูงใหญ่เดินตามหญิงสาวเข้ามาในร้านด้วยท่าทางสบายๆ หลังจากวนหาที่จอดรถจนได้แต่ก็ต้องเข้ามาจอดในซอยถัดมา แล้วเดินกลับมาที่ร้านอีกที ถึงแดดจะเริ่มร้อน เหงื่อซึมออกมาบนแผงอกและแผ่นหลังจนเปียกเสื้อเชิ้ตเนื้อดี แต่เขาก็ยังดูเฉยๆ ไม่ได้มีอาการหงุดหงิดแต่อย่างใด ทั้งที่ร้านนี้ก็เป็นร้านธรรมดาไม่มีแอร์และคนก็ค่อนข้างเยอะ เธอเหลือบตามามองเขาเล็กน้อยตติยะจึงยิ้มให้แล้วชี้ไปที่โต๊ะเล็กๆ สำหรับนั่งสองคนซึ่งว่างอยู่พอดี“นั่งตรงนั้นกัน”ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินนำไปก่อนแต่หญิงสาวกลับเดินเข้าไปหาพ่อครัวที่ยืนอยู่หน้าหม้อโจ๊ก สั่งแล้วจึงเดินตามเข้าไป ตติยะนั่งลงแล้วมองหาคนที่ควรจะเดินตามเขา เมื่อเห็นว่าต้องสั่งก่อนเข้ามานั่งก็มองคนที่นั่งลงฝั่งตรงข้ามอย่างเก้อๆ เพราะเขาคิดว่าจะมีคนมารับออเดอร์“ขอโทษนะ ทั้งที่ผู้ชายควรจะเป็นคนสั่ง”“คุณไม่รู้นี่”อีกฝ่ายยักไหล่อย่างไม่แคร์เท่าไร ตติยะเงียบไปขณะเพ่งมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาพร้อมกับครุ่นคิดแล้วก็ส่ายหน้าอยู่คนเดียว ขณะที่หญิงสาวมองไปรอบๆ ร้านก่อนจะหันกลับมามองชายหนุ่มซึ่งมีเหงื่อผุดออกมาจนเต็มหน้าผาก“เช็ดหน้าหน่อยไหม ดูเหมือนจะร้อนมาก” เธอบอกขณะมองหน้

  • ลวงเงารัก   6...การจราจรในช่วงสาย (1)

    การจราจรในช่วงสายของวันยังแน่นขนัดอยู่ ทั้งที่ตติยะออกมาจากคอนโดของภรวีได้ประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้วแต่เขายังอยู่ไม่ห่างจากแถวคอนโดของหญิงสาวนัก ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาสายกว่าตอนที่อยู่บ้านสวนเพราะกว่าจะได้หลับกันจริงๆ ทั้งเขาและภรวีก็เหนื่อยอ่อนจากกิจกรรมบนเตียงไปตามๆ กัน เนื่องจากหญิงสาวทำทุกอย่างเพื่อปลุกอารมณ์เขาอยู่ตลอด แม้จะปฏิเสธไปแล้วทว่าเมื่อถูกกระตุ้นคนอย่างตติยะก็ไม่เคยถอยอยู่แล้ว ชายหนุ่มรู้สึกสนุกกับสิ่งที่ภรวีมอบให้ แต่ก็เกิดความหน่ายแทรกขึ้นมาด้วยเหมือนกันเพราะเธอเรียกร้องจากเขามากจนเกินไป ถึงจะเคยมีเซ็กซ์ที่บ้าคลั่งกว่านี้กับสาวผมทองถึงสองคนพร้อมกัน แต่เขาชักไม่สนุกกับความต้องการของภรวีเสียแล้ว ตติยะอดคิดไม่ได้ว่าหากไม่ป้องกันตัวเองอย่างดี เมื่อคืนนี้อาจจะทำให้ภรวีท้องก็ได้ บางทีเขาอาจจะต้องเว้นระยะห่างกับเธอบ้าง เขารู้สึกอย่างนั้น หากภรวีไม่ยอมก็คงต้องพูดกันอย่างจริงจังว่าหากยังต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันคงอยู่ เธอก็ไม่ควรทำให้เขาเบื่อเสียก่อน ซึ่งเขาเชื่อว่าภรวีรู้และเข้าใจดีรถเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ทำให้คนขับเริ่มเบื่อ หลังจากเปิดเพลงฟังเพื่อผ่อนคลายความหงุดหงิดกับการจราจ

  • ลวงเงารัก   5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (4)

    ร่างสูงใหญ่เดินสำรวจไปรอบๆ รถ ดูทุกล้อว่ามีปัญหาที่ล้อใดบ้าง ร่างสูงก้มๆ เงยๆ หลายครั้งอย่างใช้ความคิด พลางยกมือหนาขึ้นเสยผมที่เปียกน้ำฝนปรกใบหน้าคมเข้มอยู่บ่อยครั้ง เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มที่เขาสวมอยู่ก็เปียกแนบกับร่างกำยำคิ้วเรียวได้รูปสวยของพยาบาลสาวขมวดเข้าหากันอย่างขัดใจ เห็นชายหนุ่มตากฝนอย่างนั้นก็รู้สึกหงุดหงิด หลังจากได้สติหญิงสาวจึงนึกได้ว่าตนเองพกร่มคันเล็กใส่ไว้ในกระเป๋าด้วยเนื่องจากหน้านี้หน้าฝน หากเรฟก็ดูจะไม่ใส่ใจกับสิ่งอื่นใดนอกจากล้อรถ เธอจึงยิ่งเป็นกังวล...คนอะไรไม่รู้ สนใจรถมากกว่าตัวเองซะอีก เดี๋ยวก็ได้หวัดกินกันพอดี คิดได้ดังนั้นชินานางจึงหยิบร่มออกจากกระเป๋าแล้วก้าวลงจากรถพร้อมกับกางร่ม ก่อนจะเดินอ้อมไปหาคนที่กำลังหาอุปกรณ์อยู่ที่หลังรถพื้นถนนซึ่งเป็นทางเลี่ยงถนนใหญ่นั้นค่อนข้างเฉอะแฉะ และมีโคลนที่ทำให้หญิงสาวก้าวเดินอย่างยากลำบาก เธอค่อยๆ ย่องเข้าไปหาคนตัวสูงใหญ่ที่กำลังก้มหน้าก้มตารื้อค้นบางอย่างวุ่นวาย ชินานางคิดอยากช่วยชายหนุ่มจึงขยับเข้าไปใกล้แล้วชะโงกหน้าไปดู แต่จังหวะนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นพอดีทำให้คนทั้งคู่ไม่ทันตั้งตัวต่างก็ผงะถอยหลังด้วยความตกใจ“เฮ้ย!” เ

  • ลวงเงารัก   5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (3)

    ชินานางรู้สึกว่าบรรยากาศภายในรถโฟร์วีลคันใหญ่นี้ ดูอึมครึมไม่แพ้กับเมฆฝนทมึนที่ตั้งเค้าอยู่ภายนอก เพราะมีคนตัวโตนั่งหน้าบึ้งถมึงทึงและมุ่งมั่นกับการบังคับรถอย่างเดียวโดยไม่พูดไม่จา นอกจากเสียงแอร์แล้วเธอไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แม้กระทั่งลมหายใจของเขา‘ตายไปแล้วมั้งเนี่ย’หากเป็นอย่างที่หญิงสาวค่อนขอดอยู่ในใจจริง คุณ MIB คนนี้คงเป็นพวกมีความสามารถพิเศษที่ขับรถได้ทั้งที่ไม่หายใจ แต่ในเมื่อเธอยังไม่เห็นเขาบินได้เขาจึงยังดูธรรมดา และรถก็ยังเคลื่อนต่อไปเรื่อยๆ นั่นก็แสดงว่าเขายังมีชีวิตอยู่“ฝนตกอีกแล้ว...ดีนะที่พ้นเขตในเมืองมาแล้ว ไม่งั้นรถคงติดแย่ หน้าฝนก็งี้ ฝนตกรถติดเรื่องธรรมชาติ”ชินานางเปิดประเด็นเพื่อทำลายความเงียบ ทั้งที่ความจริงแล้วไม่อยากจะคุยกับเขาสักเท่าไรหรอก แต่ดูจากที่เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเขาแล้วมันรู้สึกขนลุกอย่างไรบอกไม่ถูก คนอะไรไม่รู้ใส่แว่นดำก็ดูน่ากลัว พอไม่ใส่สายตาก็ดูราวกับจะเผาเธอได้“คุณคงยังไม่ชิน แต่อีกหน่อย เดี๋ยวก็ชินไปเอง...เอ๊ะ!”เธออุทานเมื่อเรฟหักพวงมาลัยเลี้ยวขวา ทั้งที่ยังไม่ถึงแยกที่ต้องเลี้ยวจริงๆ นั่นทำให้ชินานางตระหนกขึ้นมา กลัวว่าเขาจะโมโหเธอจนอยาก

  • ลวงเงารัก   5...“ก็ยัยคนนี้ไงคะที่ไปเคาะกระจก (2)

    ‘วันนี้ฉันไม่กลับบ้านนะ นายไปรับน้องนาที่โรงพยาบาลที่ไปส่งเมื่อเช้าด้วยแล้วกัน ฉันไม่อยากให้น้องกลับเอง แล้วนายก็จะได้ไม่หลง’คนที่นั่งจมกองเอกสารอยู่ในห้องรองประธานกรรมการ ถือโทรศัพท์นิ่งค้างอยู่เช่นนั้นตั้งแต่ตติยะวางสายไปอีกราวหนึ่งนาที จากนั้นจึงค่อยๆ ประมวลระบบการรับรู้ทางหูของตนว่าได้ยินคำสั่งที่ผิดไปหรือเปล่าบอกให้เขาไปรับน้องนอกไส้นั่นน่ะเหรอ หมอนั่นคิดได้ยังไงข้อแรกเขายังจำทางไม่ค่อยได้เลย ไม่รู้จะไปถูกหรือเปล่าด้วยซ้ำ ก็ถนนในกรุงเทพฯ ไม่ได้มีแค่สองเส้นนี่ แถมยังตรอกซอกซอยอีกล่ะ ยิ่งคนอ่อนการอ่านภาษาไทยอย่างเขาแล้วด้วยยิ่งไม่ต้องพูดถึงการดูป้าย มีดีอย่างเดียวตรงที่โรงพยาบาลนั้นอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก เพราะเมื่อเช้าเขากับตติยะใช้เวลาจากที่นั่นมาถึงที่นี่แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นข้อสอง...ข้อนี้เป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นเลยก็คือเขาไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากอยู่ใกล้ หรือแม้แต่พูดคุยกับผู้หญิงคนนั้น คนที่แม่เขารักและทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูมากับมือ ลูกของคนที่มาแทนที่พ่อของเขา แม้ไม่ได้รังเกียจ แต่เขาก็คน จะให้ทำใจยอมรับกันง่ายๆ คงเป็นไปไม่ได้ชายหนุ่มคิดแล้วก็ถอนหายใจด้วยความเซ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status