“อือ...อื้อ” เธอผละใบหน้าออก มองเขาด้วยความงง เขาทำเหมือนจะร่วมรักกับเธอในรถอย่างนั้น ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกใจมากโข เพราะเขาเป็นคนเจ้าระเบียบ เคร่งครัดในกฏเกณฑ์ ถือนั่นถือนี่เต็มไปหมด หากไม่ใช่บนเตียงนอนแล้วล่ะก็ เขาแทบไม่แตะต้องเธอเลย อย่าว่าแต่ในรถ แม้แต่บนโซฟาเขาก็ยังหวง กลัวมันจะเปรอะเปื้อนคราบใคร่
“คุณจะทำอะไรคะ?”
นั่นสิ เขาจะทำอะไร อะไรทำให้เขาเคลิ้มหนักขนาดนี้ เขาเคยสัญญากับตัวเองเอาไว้แล้วนี่หว่า ว่าจะไม่ทับรอยของพี่ชายฝาแฝดเด็ดขาด เพราะเขารังเกียจ ขยะแขยง เขาจะไม่มีทางสอดใส่เข้าไปในช่องทางที่พี่ชายฝาแฝดเคยเข้าไป
“โทษที” เขาตอบสั้นห้วน ก่อนหันไปจับพวงมาลัยรถอีกครั้ง เธอเหลือบมองหน้าเขาอย่างนึกสงสัย ด้วยวันนี้สีหน้าท่าทางของเขาดูแปลกแปร่งกว่าทุกวัน
“ว่าแต่...ผมแหย่นิ้วเข้าไปขนาดนั้น คุณไม่เกิดอารมณ์บ้างเหรอ”
เธออ้าปากหวอ “คุณอคิณ!”
“ผมล้อเล่นน่ะ ก็เห็นคุณทำหน้าเหมือนเห็นผีตลอดเวลา เลยอยากให้คุณทำหน้าเหมือนเห็นฆาตกรโรคจิตบ้าง!”
แล้วเขาก็หัวเราะกับมุกตลกฝืดของตัวเอง...ขณะที่เธอทำหน้าเหมือนฆาตกรโรคจิตเสียเอง เพราะเธอไม่เคยเจอเขาในมุมแบบนี้มาก่อน
“ถ้าสาเกิดอารมณ์ แล้วยังไงคะ คุณจะทำเหรอ” เขาจะทำเธอในรถอย่างนั้นเหรอ...เธอเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะตอบว่ายังไง คนรักรถ หวงรถ ไม่ยอมให้มีสิ่งใดมาแปดเปื้อนบนรถคันงามของเขาแน่ ถึงคันนี้จะไม่ใช่รถหรูก็เถอะ
“ถ้าที่รักต้องการ...จะจัดหนักทั้งชุดพยาบาล จะเอาให้ที่รักร้องกรี๊ดเหมือนผีเข้าไปเลย!”
“โอว...มาย...ก็อต!” เธออึ้งไปเลย เพราะเขาไม่เคยเผยมุมนี้ให้เธอเห็นมาก่อน แต่เธอก็ชอบนะ ที่เขาหัดทะลึ่งแบบนี้เสียบ้าง ชีวิตจะได้ไม่ต้องเครียดเกินไปเหมือนที่ผ่านมา “งั้นก่อนที่เราสองคนจะโดนข้อหาอนาจาร คุณรีบขับรถออกไปดีกว่าค่ะ”
“โอเค แต่ก่อนอื่น ขอยืมโทรศัพท์คุณหน่อย”
“ทำไมคะ”
“เหอะน่า”
เมื่อเธอยื่นโทรศัพท์ให้เขา เขาก็จัดการปิดเครื่องทันที แล้วหย่อนมันไว้ในกระเป๋ากางเกงของเขาเอง
“อย่าสร้างความเดือดร้อนให้สาแล้วกัน”“คงเดือดร้อนเฉพาะตอนอยู่บนเตียงมั้ง”อคินชักสีหน้าไม่พอใจ “ช่วยพูดให้เกียรติเธอหน่อย ว่าแต่แกจะย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านรึเปล่า”“ถ้าฉันย้ายเข้ามา ฉันอาจทำให้แกเดือดร้อนได้นะ”“แต่ฉันอยากให้แกย้ายเข้ามา” เพราะเขาไม่อยากให้ศลิษาอยู่ไกลจากสายตาเขา แม้เขาต้องเจ็บปวดที่เธอเป็นของคนอื่นก็ตาม อย่างน้อยได้รู้ว่าเธอปลอดภัย ก็ยังดี “ฉันต้องการให้แกกับสาย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านโดยเร็วที่สุด หากแก...”“งั้นขอเป็นห้องนอนติดแกแล้วกัน แต่ถ้ามีเสียงดังรบกวนทั้งคืน แกต้องทำใจหน่อยนะ”อคินพยายามจะไม่โมโหแล้วนะ “ฉันบอกว่าจะปล่อยสาให้เป็นอิสระ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันยกสาให้แก!!!”“เธอเป็นของฉันตั้งแต่แรกแล้ว แกก็รู้แล้วนี่”“แต่เธอเป็นคู่หมั้นฉัน จบมั้ย?”“เธอเป็นของฉัน!” ซึ่งเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขามี ในขณะที่พี่ชายของเขามีครบทุกอย่าง “เธอเป็นของฉัน จำใส่สมองไว้ด้วย ว่าเธอเป็นสิทธิ์ของฉัน!”“ถ้าแกไม่โผล่กลับมา ป่านนี้เราคงแต่งงานกันแล้ว เป็นเพราะแกคนเดียว ชีวิตของฉันถึงได้พังแบบนี้”“งั้นแกก็หาทางจัดการฉันอีกสิ จะยัดฉันเข้าคุก หรือถีบลงไปในนรกดีล่ะ เอาที่แกถนัดเลย ไอ้คนดี!!
“เราถอนหมั้นกันนะคะ”อคินส่ายหน้าทันที“ไม่”“แต่คุณควรได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ดีกว่าสา”“ไล่ผมให้ไปแต่งงานกับคนอื่น แล้วคุณจะได้อยู่กับไอ้อคิราห์อย่างนั้นสินะ”“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ แต่สาไม่ดีพอ...”“เราจะแต่งงานกัน ได้ยินมั้ย เราจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด ผมไม่ยอมเสียคุณไปแน่!!”สายตาแน่วแน่ของชายหนุ่มทำให้เธอยิ่งหนักใจ“ฉันไม่ยอมโว๊ย!!”อคิราห์ก้าวเข้ามายืนซ้อนหลังของหญิงสาว แล้วสวมกอดเธอเอาไว้แน่น“เพราะเธอเป็นดวงใจของฉัน”“ปล่อยคู่หมั้นฉันเดี๋ยวนี้!!”“แกนั่นแหละปล่อย เพราะเธอเป็นของฉันมาตั้งแต่แรกแล้วโว๊ย!!”“ตั้งแต่แรก แกเอาอะไรมาพูด”“เมื่อยี่สิบปีก่อนไง เธอเป็นคนช่วยชีวิตฉันไว้ นางฟ้าประจำตัวของฉัน เพราะงั้น ชีวิตของฉันจึงเป็นของเธอตั้งแต่บัดนั้น จนถึงตอนนี้ และตลอดไป!!”อคินไม่อยากจะเชื่อ “จริงเหรอสา??”สีหน้าของศลิษาบอกว่าเป็นเรื่องจริง อคินถึงกับอึ้งไปเลย เพราะไม่คิดว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้“คุณรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่สา”“ก่อนที่คุณจะเข้าไปจัดการเขาจนสะบักสะบอมที่โฮมเสตย์นั่นแหละค่ะ”อคินถึงกับยกสองมือขึ้นกุมขมับ “เป็นไปไม่ได้”“แต่มันเป็นไปแล้วโว๊ย ที่สำคัญ เธออยากอยู่กับฉั
“ที่รักเป็นยังไงบ้าง? เจ็บตรงไหนรึเปล่า?” อคินเดินกลับเข้ามาสวมกอดหญิงสาวไว้แน่น พร้อมลูบแผ่นหลังปลอบโยน แสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่ เพื่อให้ใครบางคนหยุดส่งสายตาหาคนรักของเขาเสียที “ผมขอโทษ ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องตกอยู่ในอันตราย ผมเกือบจะเสียคุณไปแล้ว ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณ”“คุณควรจะขอบคุณน้องชายของคุณนะคะ”เธอทวงขึ้น เขาผละตัวออก แล้วหันมองน้องชายฝาแฝดที่ยังนั่งมองเขาด้วยสายตาเย็นชาเหมือนที่เคยเป็นมา“ผมไม่จำเป็นต้องขอบคุณคนที่ลักพาตัวคุณไปหรอก”“คุณอคินคะ”“ไม่จำเป็น ใช่ ถูกต้อง!” อคิราห์ยิ้มหยันใส่พี่ชาย ก่อนหันมามองหวานกับหญิงสาว “เพราะผมไม่ได้ทำเพื่อมัน ผมก็แค่มาช่วยเมียผมเท่านั้น”“ไอ้!”อคินทนไม่ไหวจะเข้ามากระทืบน้องชายฝาแฝดให้หยุดปากเสีย แต่หญิงสาวเข้าขวางกลางไว้ พร้อมร้องห้ามเสียงหลง ก่อนพี่น้องจะตีกันจนตาย “อย่านะคะ พอซะที พวกคุณเป็นพี่น้องกันนะคะ”“ไม่ใช่!” ทั้งคู่พูดพร้อมกัน สายตาจับจ้องกันเหมือนจะฆ่ากันให้ตายไปข้าง“ผมไม่มีทางนับไอ้ฆาตกรเป็นน้องแน่”“ใครกันแน่วะ ฆาตกร ตกใจล่ะสิที่เห็นฉันยังไม่ตาย”อคินกัดกรามแน่น “แกรอดมาได้ยังไง”“ถามพ่อแกดิ”“ไอ้!”“ใช่ พ่อช่วยมันไว้เอง”
“เราจะลืมทุกอย่าง แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน ต่อไปนี้ ผมจะไม่ปล่อยให้คุณอยู่ห่างจากสายตาอีกแล้ว เข้าใจนะ”มันเหมือนเป็นคำสั่ง มากกว่าคำสัญญา...หัวใจของเธอชาชืดไปหมด เมื่อคิดว่าอคิราห์ตายไปแล้ว ตายไปอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายกลางทะเลอันเงียบเหงาและเวิ้งว้าง“ฉันหลับไปกี่ชั่วโมงคะ”“คุณหลับไปสองวัน”สองวัน...จากตอนที่เขาถูกลากออกไปจากโฮมเสตย์ เพื่อนำไปขึ้นเรือแล้วนำไปทิ้งกลางทะเล หากเขาตายไปแล้ว และมีคนพบศพของเขา ก็คงจะมีข่าวออกมาบ้าง แต่ถ้าไม่มีคนพบศพของเขา เรื่องราวของเขาก็คงจะหายไปตลอดกาล“ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันไว้” ปากบอกขอบคุณ แต่ใจนั้นแสนโกรธ โกรธจนไม่อยากเห็นหน้าเขาอีกแล้ว “ไม่เอาสิ ผมต้องช่วยคุณอยู่แล้ว ผมรักคุณนะ”เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขายังทำหน้าสบายใจเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ หนำซ้ำยังคิดจะแต่งงานโดยไม่รู้สึกผิด“ฉันมีเรื่องอยากถามคุณ”“ผมไม่อยากรื้อฟื้น” เขารู้ดีว่าเธออยากรู้เรื่องอะไร “ทุกอย่างมันจบแล้ว...คุณพักผ่อนซะนะ”เขาจุมพิตบนหน้าผากเธออีกครั้งด้วยความรัก เธอหลับตาลงแล้วแสร้งทำเป็นนอนหลับไปเสีย เพราะอยากให้เขาวางใจว่าเธอนั้นเชื่อฟังเขาเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาเธอรอจนอค
“ใจเย็นๆนะคะ ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว มันจบแล้ว ตอนนี้คุณอยู่กับฉัน ต่อไปนี้ ฉันจะปกป้องคุณเอง”เขาเลื่อนมือขึ้นกุมมือเธอไว้ “ทำไม สงสารผมเหรอ”“เปล่านะคะ แต่ฉันรู้สึกว่ามันเป็นโชคชะตาของฉัน”“แต่คุณเป็นของมัน”เขาย้ำให้เธอรู้ถึงสถานะของตัวเอง“มีคนเคยเตือนฉัน...ว่าการเป็นคนรักของเขา อาจทำให้ชีวิตเกิดหายนะได้...คนที่โทรหาฉันเมื่อไม่นานมานี้”“ใช่ ผมเป็นคนโทรเอง”“คุณวางแผนจะจับตัวฉันตั้งแต่อยู่ในคุกเหรอคะ”“คุณรู้เรื่องผมได้ไง”“ฉันจำคุณได้ ฉันเคยฉีดวัคซีนให้คุณมาครั้งหนึ่ง คุณคงจำฉันไม่ได้”“ใครบอกว่าจำไม่ได้ ผมจำคุณได้ จำรายละเอียดบนใบหน้าของคุณได้ จำรอยยิ้มคุณได้ จำกลิ่นของคุณได้ขึ้นใจเลยล่ะ แถมผมยังฝันถึงคุณตั้งหลายครั้ง”“อย่าบอกนะว่าฝันลามก”“ชัวร์”เขาหันกลับมาเผชิญหน้ากับเธอ ก้มจูบปากเธออย่างเต็มรัก ก่อนจะผละออกแล้วมองเธอด้วยความหลงใหล“พอผมรู้ว่าคุณคือคู่หมั้นของมัน...ผมไม่แปลกใจเลยสักนิด รู้มั้ย ถ้าผมเป็นมัน ผมก็จะเอาคุณเหมือนกัน”“พูดอะไรของคุณ”“ผมจะทำยังไงกับคุณดี”ขาดคำนั้น ประตูถูกถีบอย่างแรง แล้วชายฉกรรจ์ประมาณสามคนก็กรูเข้ามาในห้องแล้วตรงมาจับตัวเขาเอาไว้ ก่อนที่อคินจะโผ
“คุณได้มาจากเด็กผู้หญิงที่อุ้มหมาใช่มั้ย”เขาจ้องหน้าเธอนิ่ง แล้วดวงตาของเขาก็ลุกวาวด้วยความตกใจ หัวใจเต้นรัวแทบคลั่ง เมื่อคิดว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง มนุษย์เพียงคนเดียวในโลกใบนี้ที่เขาไม่เคยลืมแม้สักวินาทีอคิราห์น้ำตาไหลพรากทันที หัวใจแทบแตกสลายเมื่อคิดว่าตนเองได้ทำอะไรลงไป“ผม...ผม...ผมสมควรตาย ผมสมควรตาย!!!”เขากำลังจะคุ้มคลั่งในวินาทีนั้น แต่เพราะเธอประกบปากจูบเขาเสียก่อน จึงทำให้เขาอารมณ์ของเขาสงบลงได้ ความหวาดกลัวก็มลายหายสิ้น“อืม...” รสจูบอันดูดดื่ม ดึงทั้งคู่เข้าสู่โลกแสนหวานที่มีเพียงสองเราเท่านั้น“อูวว...อคิราห์”“นางฟ้า...นางฟ้าของผม” “โอว...” ทั้งคู่ร่วมรักกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความหวาน ค่ำคืนที่ฝนยังคงกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย บทสวาทขับเคลื่อนไปอย่างนุ่มนวลอ่อนโยนอย่างไม่รู้จักเบื่อ...“อูวส์...” ทั้งคู่จูบแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม นัวเนียสอดใส่กระแทกกระทั้นกันจนน้ำใคร่นองเกลื่อนเต็มที่นอน แล้วก็กกกอดกันแนบแน่นใต้ผ้าห่มผืนหนา จ้องตากันนิ่งงันอย่างมีความหมายและลึกซึ้ง “คุณคือเด็กผู้ชายคนนั้น”“คุณคือนางฟ้าของผม...ผมเกือบทำ...เรื่องที่บ