“ท่านหญิง” ไป๋อู๋จี๋เรียกหญิงสาวที่กำลังจะเดินจากไป “ท่านไม่รับน้ำใจท่านโจนสักนิดหรือขอรับ”
“รับสิเจ้าคะท่านไป๋ แต่ต้องทำตามที่ฉันบอกให้ได้ก่อน” คิดว่าเธอโง่นักหรือไง ครั้งแรกที่เจอกันเมื่อวันก่อน เธอยังจำสายตาและคำพูดแทะโลมของเขาได้ดี
แล้วจดหมายวันนี้อีกเล่า มีสิทธิ์อะไรมาเรียกเธอว่าที่รัก แล้วคำพรรณนาโดยรวมที่แปลได้ว่าปรารถนาเรือนร่างของเธอตั้งแต่แรกเจอ จึงขอนัดกินข้าวเพื่อสานความสัมพันธ์
ฝันไปเถอะว่าเธอจะไป!
…………………..
กุ้ยหย่งหมิงเดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ในห้องนอน ถ้าไม่ติดที่นางขอร้องไว้ เขาคงออกไปพบไป๋อู๋จี๋ด้วยแล้ว
“ท่านอ๋อง!”
“เจ้าตอบมันไปว่ายังไง” คำถามแรกหลุดออกจากปากของเขาทันทีที่เจอหน้านาง
“ไม่ไปค่ะ”
กุ้ยหย่งหมิงยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำตอบดึงร่างระหงมากอดไว้แน่น แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว
แต่ก่อนเดินทางเขาคงต้องกำชับพ่อบ้านและคนรับใช้ทุกคนให้ดี แล้วให้องครักษ์คู่ใจอยู่โยงดูแลนางทางนี้
<ร่างสูงใหญ่ของอวี่หย่วนเจี่ยลอยหวือ..แล้วแผ่หลาลงไปบนพื้นถนนหน้าร้านน้ำเต้าหู้ในสภาพเกือบไร้สติ เขาผงกศีรษะอย่างยากลำบาก ชี้นิ้วอันสั่นเทาไปยังหญิงสาวที่มายืนเท้าเอวปนหอบตรงหน้า“ขะ..ข้า..จะ..ขะ..ฆ่า..เจ้า” เขาเจ็บและจุกจนแทบไม่มีแรงเปล่งเสียง“ถ้าเจ้าเป็นสุภาพบุรุษพอ ก็ช่วยแจ้งให้ข้ารู้ล่วงหน้าด้วยนะ แต่ถ้าหน้าตัวเมียก็เชิญลงมือได้ทุกเมื่อ” แล้วย่อกายลงไปคุกเข่าใกล้กับชายหนุ่ม พูดเบา ๆ พอได้ยินกันสองคน “ข้าไม่ได้ขี้คุยขี้อวดนะ แต่คนที่ข้ารู้จัก เขาสามารถสั่งตัดหัวพวกเจ้าได้ทั้งตระกูลโดยไร้ความผิด” แล้วลงแรงสับสันมือไปที่หลอดลมของอีกฝ่ายเต็มแรงจนเขาสลบเหมือด...หญิงสาวเดินจากไปแล้ว ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์จึงเขยิบเข้าไปใกล้คนที่นอนแผ่หราไร้สติอยู่ที่เดิม ต่างซุบซิบกันคนละประโยคสองประโยค แต่ก็ไม่มีใครกล้าแตะต้องคนเจ็บแม้แต่น้อยผ่านไปเกือบ ๆ สองเค่อ กลุ่มชาวบ้านที่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ก็แหวกเปิดทางตามเสียงตะโกนที่ดังขึ้น“ขอทางหน่อย ขอทางให้คุณชายหน่อย” เสียงของเด็กรับใช้ตะโกนลั่น“พี่ใหญ่!
ผู้ติดตามทั้งสี่ที่นั่งคุยกันอยู่อีกโต๊ะใกล้ ๆ กัน ลุกขึ้นยืนพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เมื่อเห็นอวี่หย่วนเจี่ยเข้ามาแทะโลมท่านหญิงถึงที่โต๊ะ“พวกเจ้านั่งลงเถิด” เธอหันไปพูดกับผู้ติดตาม ส่งสายตาบอกพวกเขาว่าไม่เป็นไร“ความงามของแม่นางทำให้ใคร ๆ ก็อยากยื่นมือทำความรู้จัก” หย่วนเจี่ยมองหนุ่มสาวที่โต๊ะข้างเคียง ไม่ได้คิดสักนิดว่าพวกนั้นมากับหญิงสาว แต่คิดว่าสามีของพวกนางทนความงามของหญิงสาวไม่ได้ ต้องการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือมากกว่า“คราวที่แล้วเจ้าคงเจ็บจนเลอะเลือนสินะ” หญิงสาวอมยิ้ม ที่เธอพูดแบบนี้ก็เพราะคราวที่แล้วเขาก็เจอกับพวกนั้น ถ้าจำไม่ผิดเขาน่าจะเจอพวกนั้นก่อนโดนเธอทุ่มนะเฮ้อ! วันนี้มันวันอะไรนะ ทำไมเจอแต่ผู้ชายชีกอ คิดแล้วจึงยกถ้วยน้ำเต้าหู้ขึ้นซดทีละนิด ๆ เพราะความร้อนของมันชายหนุ่มเห็นหญิงสาวใช้เพียงสองนิ้วหนีบถ้วยขึ้นมาและเป่าก่อนดื่ม ก็มั่นใจว่านางไม่ใช่คนแคว้นนี้แน่ ทำให้ยิ่งลำพองใจ เพราะอะไรที่อยากทำก็คงง่ายดายขึ้นมาก เขาอมยิ้มพึงพอใจกับความคิดของตัวเอง“เจ้าไม่ได้ยินที่ข
“ท่าเรือแห่งนี้ยาวสุดลูกหูลูกตามาก เดินทั้งวันก็คงไม่สุดท่า” เธอหันไปคุยกับเสี่ยวหลัน “ถ้าท่านหญิงเดินแบบนี้สองวันก็คงไม่ทั่วเจ้าค่ะ” “แต่ถ้านั่งรถม้าแล้วเลือกชมเฉพาะจุดที่น่าสนใจก็ได้นะเจ้าคะ หรือไม่ก็ไปดูท่าเรือที่ท่านอ๋องเทียบท่าขนส่งเกลือก็ได้ ตรงนั้นจะมีแต่เรือเกลือและมีโรงงานเกลือของท่านอ๋องอยู่ด้วยเจ้าค่ะ” เสี่ยวซิงเสนอ “ข้าก็อยากไปดูอยู่หรอก แต่ท่านอ๋องของพวกเจ้ากำชับเราตั้งแต่นั่งอยู่ในรถม้าว่าห้ามไปเด็ดขาด เพราะอะไรพวกเจ้ารู้มั้ย” เธอถามกับทุกคนด้วยความอยากรู้ องครักษ์ฉียิ้มอยู่ในใจเพราะรู้คำตอบอยู่เต็มอก ก็ท่าเรือทิศนั้นมีหอคณิกาอยู่มากมาย รวมถึงหอร้อยบุปผาของคุณชายอวี่หย่วนเจี่ยด้วยน่ะสิท่านอ๋องคงกลัวความงามของนางถูกตาต้องใจบ
คิดแล้วก็รีบลงมือทันที ริมฝีปากของเขาพรมจูบไปทั่วร่างของนาง สัมผัสหยอกเย้าเนิ่นนานกับบางจุดที่ไวต่อความรู้สึกอย่างรู้ดี ไม่นานร่างบางก็เริ่มตอบรับด้วยความเต็มใจพุทธิญาแอ่นกายรับสัมผัสของเขา ครางด้วยความซ่านเสียวที่แผ่ไปทั่วร่าง โมโหตัวเองที่เผลอใจไปกับเขา สาวมั่นอย่างเธอทำไมต้องมาตกหลุมคนเจ้าเล่ห์แบบเขาด้วยนะแล้วความคิดก็เลื่อนลอย แปรเป็นความหฤหรรษ์เกินห้ามใจในทันที นั่นก็เพราะปลายชิวหาพลิกพลิ้วของเขาใบหน้าคมคายของชายหนุ่มผงกขึ้นจากลำตัวของหญิงสาว มองใบหน้าเคลิบเคลิ้มแดงระเรื่อแล้วยิ่งฮึกเหิม จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวเอง แล้วยัดเยียดความสุขกระสันที่ตัวเองต้องการให้นางได้รับเช่นกัน“อา!” เธอสะดุ้งและอุทานด้วยความเจ็บแปลบ เมื่อเขาประสานกายเข้ามาสุดแรงอย่างรวดเร็ว แต่มันก็แปรเปลี่ยนเป็นความหอมหวานปานน้ำผึ้งเมื่อเริ่มเคลื่อนไหวนานแสนนานที่เขาใช้เวลาพลอดรักกับเธอ นานจนแทบขาดใจตายกับการทรมานของเขา เขาไม่ยอมพาเธอไปพบกับแก่นแท้ของความสุขสักที ทั้ง ๆ ที่เธอใกล้จะพบกับมันหลายครั้งแล้ว“ท่านอ๋อง ยิปซีไม่ไหวแล้ว” เธออ้อนวอนเสียงสั่นพร่า“เจ้าหายโกรธข้าแล้วใช่มั้ย” ถึงจะสุขสมและเสียวซ่านกับ
พุทธิญามองแกงเลียงกับไข่ลูกเขยที่เธอตั้งใจทำให้คนรักกินแล้วก็อมยิ้ม ‘ป่านนี้เขาคงได้ลองชิมแล้ว’ เธอคิดแล้วตักแกงเลียงมาทานเล่น ตามด้วยไข่ลูกเขยอีกครึ่งลูก“อิ่มแล้วหรือท่านหญิง” เสี่ยวหลันถามเมื่อเห็นนางวางช้อนแล้วดื่มน้ำ“อือ เอาไปเก็บเถอะ”“แต่ท่านหญิงแทบไม่ได้แตะอาหาร” เสี่ยวซิงแย้ง“ข้าไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ เอาไปเก็บเถิด เสร็จแล้วเจ้าสองคนก็ไปพักผ่อนได้เลย ที่เหลือข้าจัดการเอง” จะให้เธอบอกหรือว่าที่กินไม่ลงเพราะไม่มีเขาอยู่ด้วย พวกนางได้แอบหัวเราะเยาะเอานะสิสาวใช้ทั้งสองทำตามคำสั่ง แต่เพิ่งเดินพ้นออกมาจากประตูไม่ถึงสิบก้าวก็ต้องหยุดเท้า“ท่านอ๋อง” ทั้งสองรีบวางโต๊ะอาหารแล้วทำความเคารพเห็นอาหารบนโต๊ะแทบไม่พร่องหัวคิ้วจึงกระตุกเข้าหากัน“ท่านหญิงกินข้าวแล้วหรือ”“เรียนท่านอ๋อง ท่านหญิงแทบไม่ได้แตะอาหาร นางเพียงชิมน้ำแกงกับไข่เล็กน้อยเท่านั้นค่ะ” เสี่ยวหลันรายงาน นางรู้ดีว่าทำไมท่านหญิงถึงกินน้อย ก็เพราะไม่ได้กินพร้อมกับท่านอ๋องนั่นแหละ“ไปจัดอาหารชุดใหม่เข้ามา ข้าจะกินกับนาง”“เจ้าค่ะ” เสี่ยวหลันรับคำด้วยความดีใจ......................“คิดไว้ไม่ผิดจริง ๆ ท่านอ๋องต้องกลับมากินข้าวกับ
กุ้ยหย่งหมิงนั่งพูดคุยกับแขกที่มาเยือนถึงคฤหาสน์ ตอนที่เขากลับมาถึงพ่อบ้านก็รายงานว่าคุณชายอวี่กับคุณหนูหมิ่งฟู่มารอพบตั้งนานแล้ว แรกทีเดียวที่ได้ยินชื่อของชายหนุ่มเขานึกอยากจะตัดคอมันให้หลุดจากบ่า แต่ก็ทนทำเฉยไว้ เพราะมันได้รับบทเรียนจากนางไปแล้ว“บ่าวบอกกับทั้งสองแล้วว่าอีกนานกว่าท่านอ๋องจะกลับ แต่พวกเขายืนยันว่าจะรอ บ่าวก็จนปัญญา”“ไม่ต้องพูดแล้ว” เขานึกถึงตอนที่พ่อบ้านรายงาน ถ้ารู้อย่างนี้เขาคงใช้วิชาตัวเบาทะยานขึ้นหลังคาแล้วกลับไปที่เรือนใหญ่ ปล่อยให้พี่น้องคู่นี้รอเก้อต่อไป“ท่านอ๋อง ไม่ลองชิมอาหารกับขนมฝีมือฟู่ฟู่สักหน่อยหรือเจ้าคะ” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ใช้คำพูดแบบสนิทชิดเชื้อ หลบสายตาที่มองมาด้วยความเอียงอาย“ข้าเป็นคนกินยาก อาหารผิดรสมือก็ทำให้ข้าบันดาลโทสะแล้ว”คำปฏิเสธแบบไม่รักษาน้ำใจของเขา ทำให้หญิงสาวถึงกับวางสีหน้าไม่ถูก ทั้งอับอายทั้งเสียใจอวี่หย่วนเจี่ยเห็นน้องสาวหน้าแดงปากสั่นก็สงสารยิ่งนัก นึกโมโหชายหนุ่มที่ไม่รักษาน้ำใจของนาง“ถ้าท่านอ๋องได้กินของที่นางทำมา ข้ามั่นใจว่าต้องถูกปากท่านสักเก้าส่วน” เขาไม่ได้ป้อยอแต่น้องสาวเขามีฝีมือเรื่องการทำอาหารจริง ๆ