รั่วกงกง... ในตำแหน่งกงกงประจำจวนของท่านอ๋องเหวยฉีหยาง เขาได้เดินทางอย่างเร่งรีบไปเข้าเฝ้าฮองเฮาที่ตำหนักใหญ่ท่าทีของเขาภายนอกดูสงบนิ่ง แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความกังวล และความหวาดกลัว เพราะแผนการลับหลายประการที่เขาได้ทำเพื่อฮองเฮา กำลังจะสั่นคลอนเมื่อเขาก้าวเข้าสู่ตำหนัก ฮองเฮาประทับบนบัลลังก์สูง ในชุดสีแดงผสานสีทองวิจิตรบรรจงสีหน้าของนางแฝงไว้ด้วยความเย็นชาและครุ่นคิด"เจ้ามีข่าวหรือไม่ รั่วกงกง?" เสียงนางแหลมคมถามขึ้นรั่วกงกงก้มลงกราบคำรบด้วยความนอบน้อม พร้อมกับตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น"ทูลฮองเฮา แผนการที่เราวางไว้เริ่มเป็นผลแล้ว ท่านอ๋องฉีหยางมีอาการป่วยหนักด้วยพิษที่ข้าใส่ไว้ในสุรา ทุกอย่างดำเนินไปตามแผน..." รั่วกงกงหยุดไปครู่หนึ่ง เสียงเขาเริ่มสั่น“แต่มันมีบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ข้าเกรงว่าจดหมายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับแผนนี้... ยังไม่ได้ถูกทำลาย”ฮองเฮาเบิกตากว้าง "อะไรนะ? จดหมายนั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรหลงเหลืออยู่ เจ้าหมายความว่าอย่างไร?" เสียงนางสูงขึ้นด้วยความเดือดดาล"กระหม่อมได้สั่งคนให้ทำลายมัน แต่ตอนนี้... กระหม่อมไม่แน่ใจว่ามันถูกเผาจริงหรือไม่ คนที่
ในขณะเดียวกัน มู่หลี่ผิงได้สั่งให้ฮุ้ยเจิงหลงนำจดหมายพร้อมกับผลการสืบจาก มู่หลี่หาน ซึ่งได้สืบหาที่มาของกระดาษและหมึกที่ใช้ในการส่งสารลับ ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลสำคัญที่ท่านอ๋องควรรู้หลังจากที่ได้ยาของมู่หลี่ผิงดื่มเข้าไป พอได้ประทัง ฮุ้ยเจิงหลงได้เข้ารับใช้ในห้องเหมือนทุกครั้ง แต่ไม่ให้คนติดตาม เขารีบคำนับท่านอ๋อง ก่อนจะนำจดหมายฉบับนี้ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการคลี่คลายความจริงที่ซ่อนอยู่"ท่านอ๋องต้องได้รับรู้เรื่องนี้" ฮุ้ยเจิงหลงพูดเสียงเบา ขยับเข้าใกล้“อะไรของเจ้า” เสียงท่านอ๋องแหบแห้งมาก ๆฮุ้ยเจิงหลงให้จดหมาย และอธิบายทุกอย่าง รวมถึงอาการป่วยของอ๋องเหวยฉีหยางด้วย“หา!” ท่านอ๋องตาโตมาก ความจริงทำให้ท่านอ๋องตาสว่างขึ้น“ที่ข้าเป็นแบบนี้เพราะว่า ข้าถูกวางยา”“พ่ะย่ะค่ะ”“เรียกไชซือยีมาพบข้า”“พ่ะย่ะค่ะ”ในจดหมายนั้นไม่เพียงแค่เป็นการเปิดเผยที่มาของสารลับ แต่ยังเป็นการบอกถึงแผนการลับ ๆ ที่มีคนใกล้ตัวคิดร้ายกับท่านอ๋อง“ตอนนี้ข้าจะตลบหลังพวกมัน กล้ามาก บังอาจมาก” ท่านอ๋องถึงกับกระอักเลือด“ข้าจะนำเรื่องนี้ปรึกษากับองครักษ์ไช”“ฝากให้เจ้าด้วย แคก ๆ” เสียงไอแคก ๆ ทำให้หยวนเหมยหลันรีบเข้าม
แม่ของอ๋องเหวยฉีหยางเสียไป เขาก็อยู่ใต้การเลี้ยงดู แต่อย่างที่รู้ ไม่ใช่สายเลือดที่แท้จริง อย่างไรในใจก็ต้องลำเอียงอยู่แล้ว...ท่านอ๋องเหวยฉีหยางล้มป่วยอย่างกะทันหันในยามดึก ร่างกายของท่านอ๋องเต็มไปด้วยตุ่มแดงเล็ก ๆ และมีอาการคันปวดแสบปวดร้อนอย่างมากหยวนเหมยหลันนั่งอยู่ข้างเตียง กุมมือท่านอ๋องด้วยความเป็นห่วงใจของนางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ตุ่มที่ขึ้นตามร่างของท่านอ๋องไม่ใช่อาการของโรคทั่วไป นางเคยเห็นลักษณะของตุ่มแบบนี้มาก่อน ในอดีตนางเคยได้ยินเรื่องพิษร้ายที่ทำให้เกิดตุ่มแดงเช่นนี้"ท่านอ๋อง..." นางพึมพำเรียกเสียงเบา"นี่มัน... ไม่ใช่อาการป่วยธรรมดา ข้ากลัวว่าอาจเป็นพิษ!"ท่ามกลางความสับสน หยวนเหมยหลันไม่รู้จะไว้ใจใครในจวนนี้ได้ นางจึงตัดสินใจให้คนรีบไปตามแม่ของนางทันที ซึ่งก็คือ... มู่หลี่ผิง ผู้ที่เป็นแม่ปลอม ๆ แต่มีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรและพิษอย่างลึกซึ้งไม่นานนัก... มู่หลี่ผิงมาถึงจวน และเพียงแค่ได้เห็นตุ่มบนร่างกายของท่านอ๋อง นางก็รู้ทันทีว่า... เป็นพิษชนิดใด"นี่คือพิษ เฟยหง" มู่หลี่ผิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมหยวนเหมยหลันตัวสั่นทั้งตัว เหมือนที่เขาบอกจะมีคนฆ่าเขา"พิษ
มู่หลี่หานได้รับจดหมายฉบับจริงจากที่ฮุ้ยเจิงหลงหาได้ เขาทำหน้าท้าทาย มู่หลี่หานกำลังจะมีภารกิจที่แฝงไปด้วยความลึกลับและความท้าทายจดหมายฉบับนี้เป็นหลักฐานสำคัญที่อาจช่วยไขความจริงเกี่ยวกับการลักพาตัวพระชายาหยวน แต่ความพิเศษของจดหมายนี้อยู่ที่ กระดาษเนื้อดี และ หมึกสีดำสนิท ซึ่งไม่เหมือนของใช้ทั่วไปในจวนอ๋องหรือหมู่บ้านใกล้เคียง"กระดาษนี้… มันไม่ใช่กระดาษธรรมดา" มู่หลี่หานพึมพำกับตัวเอง ขณะที่เขาพิจารณาพื้นผิวและความเนียนของกระดาษ เขาเคยเห็นกระดาษชนิดนี้มาก่อน มันเป็นกระดาษที่ใช้เฉพาะในวังหลวงเท่านั้น"แต่เป็นของตำหนักไหน?" นี่คือคำถามสำคัญที่เขาต้องค้นหาคำตอบหมึกที่ใช้ในจดหมายก็เช่นกัน หมึกสีดำนี้เป็นหมึกคุณภาพสูง กลิ่นของหมึกและลายเส้นที่คมชัด แสดงให้เห็นว่าเป็นหมึกที่ปรุงขึ้นโดยช่างฝีมือชั้นสูงในวังมู่หลี่หานรู้ดีว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตามหาที่มาได้ เพราะในวังหลวงนั้นมีหลายตำหนัก และแต่ละตำหนักก็มีแหล่งจัดหาของตนเองเขาเริ่มต้นสืบจากผู้ค้าม้วนกระดาษและหมึก ที่มีชื่อเสียงใกล้กับวัง ซึ่งรู้จักจัดส่งของเข้าไปในตำหนักต่าง ๆ เขาปลอมตัวเป็นขุนนางจากแดนไกล เพื่อไม่ให้มีผู้ใดสงสัยเมื่อ
หลายวันต่อมาท้องฟ้ายามเช้าปกคลุมไปด้วยหมอกบางเบา แต่บรรยากาศในจวนอ๋องเหวยฉีหยางกลับตึงเครียดมากขึ้นรั่วกงกง ผู้ที่ตอนนี้ดำรงตำแหน่ง กงกง ผู้ดูแลทุกสิ่งทุกอย่างภายในจวน ยืนอยู่ในลานกว้างพร้อมเรียกประชุมเหล่าข้ารับใช้และพ่อบ้านทั้งหมด สายตาคมเข้มของเขากวาดมองไปทั่วก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงหนักแน่น "วันนี้ ข้ามีงานสำคัญที่จะแจกจ่ายให้พวกเจ้าทุกคน ในช่วงนี้ความปลอดภัยของจวนอ๋องต้องถูกจัดการอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ ห้ามมีข้อผิดพลาด!"รั่วกงกงเอ่ยพลางยืนมือไว้ด้านหลังอย่างสง่างามผู้คนทั้งหมดที่ยืนรอคำสั่งก้มหัวรับฟัง ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยแย้ง ท่ามกลางคนที่มารวมตัวมีเพียงหนึ่งสายตาที่แฝงไปด้วยความระแวง นั่นคือ... ฮุ้ยเจิงหลง ต้ากวนเจียผู้ทรงอำนาจในจวน ตอนนี้เขาได้รับหน้าที่ให้สืบลับ เขายืนอยู่ด้านหลังรั่วกงกง สังเกตท่าทีและคำพูดของเขาอย่างละเอียดคำพูดของพระสนมทำให้ฮุ้ยเจิงหลงนึกสงสัยกงกงผู้นี้ การกระทำของรั่วกงกงในช่วงนี้เริ่มไม่เข้าตา และฮุ้ยเจิงหลงรับรู้ได้ว่ามีบางสิ่งไม่ชอบมาพากลถัดออกไปไม่ไกล มู่หลี่ผิง คนรับใช้หน้าใหม่ของจวนก็ยืนฟังอยู่ด้วยเช่นกัน นางทำหน้าที่เล็ก ๆ ภายในจวน แต่ฮุ้ยเจิงหลงกล
แต่ในขณะนี้ เขาได้มาอยู่ต่อหน้า และทันทีที่ได้ พู่ที่มู่หลี่ผิงให้ดูพู่ที่ไม่เหมือนไข่ เป็นพู่ไข่มุกน้ำงาม ทำจากเรือเงิน แล้วประดับไข่มุกสีขาวนวลสุกปลั่ง เปล่งประกายราวกับหยดน้ำค้างยามรุ่งสาง ทุกครั้งที่แสงอาทิตย์กระทบไข่มุกเหล่านี้ มันสะท้อนความงามอันบริสุทธิ์ที่ไม่อาจลืมเลือน “พระสนม” ปากของฮุ้ยเจิงหลงลั่นออกมาแผ่ว ๆ ฮุ้ยเจิงหลงทรุดเข่าลงทันทีเมื่อเห็น พระสนมซิงเยี่ยน ที่อยู่ตรงหน้า หลังจากที่ไม่เห็นกันมานาน น้ำตาของเขาไหลบ่าลงมา ขยับหัวเข่าเข้าใกล้ และซบหน้าลงไปกับแทบเท้าของพระนางพระสนมซิงเยี่ยนเคยเป็นเจ้านายของเขาในสมัยที่เขายังเป็นเพียงขันทีน้อย ผู้ที่เคยทำงานรับใช้อย่างใกล้ชิดกับพระสนมในตอนนั้นเขาไม่มีอำนาจหรืออิทธิพลใด ๆ แต่ในวันนี้ สถานะของเขาเปลี่ยนไป เขาคือผู้ดูแลหลักของจวนอ๋อง และได้รับความไว้วางใจจากท่านอ๋องเหวยฉีหยางพระสนมซิงเยี่ยนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแต่แฝงด้วยความเข้มงวดเมื่อออกคำสั่ง“เจิงหลง ข้าอยากให้เจ้าช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ข้า”“พระสนมมีสิ่งใดให้บ่าวรับใช้หรือพ่ะย่ะค่ะ?” ฮุ้ยเจิงหลงเอ่ยถามพร้อมก้มหน้าลงต่ำ ด้วยรู้สึกถึงแรงกดดันในคำสั่งที่ใกล้จะได้ยินพระ
แผนการเริ่มต้นขึ้นเมื่อรั่วกงกงได้แอบจัดการทำอุกอาจในวันแต่งงาน โดยลักพาและทำร้ายพระชายาหยวนเหมยหลัน จากนั้นก็ฆ่านาง ต่อมารั่วกงกงก็จัดการรมยากำหนัดในห้องนอนของท่านอ๋อง และจัดฉากให้ท่านอ๋องอยู่กับหญิงรับใช้ในห้องนอน เรื่องนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำลายชื่อเสียงของท่านอ๋องหากผู้คนเชื่อว่าท่านอ๋องมั่วสุมกับหญิงรับใช้ ชื่อเสียงของเขาก็จะถูกทำลายจนย่อยยับ“เจ้าจัดการให้คนพูดกันไปปากต่อปาก ในเรื่องทั้งสองเรื่อง ชื่อเสียงของฉีหยางต้องย่อยยับ ก่อนที่จะมีการคัดเลือกองค์รัชทายาทในอีกสามเดือนขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน เสียงของพวกเขาถูกกลืนหายไปในเสียงฝน แต่สายลมชื้นพัดพาคำลับอันตรายไปกับบรรยากาศอันชุ่มฉ่ำในห้องนอนของมู่หลี่ผิง บรรยากาศเงียบสงบ อากาศภายในห้องคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของธูปที่จุดเอาไว้เพียงบางเบาแสงจากตะเกียงในห้องส่องประกายราง ๆ บนใบหน้าของมู่หลี่ผิง หญิงผู้เคยเป็นเลิศในความงามและอำนาจ แต่ในวันนี้นางมีเพียงใบหน้าที่แสดงถึงความเย็นชาและความกลัวที่ซ่อนเร้นมู่หลี่หานก้าวเข้ามาในห้องอย่างไม่ยากเย็น ไม่มีทหารหรือคนรับใช้ใด ๆ ที่จะกล้าขัดขวางเขา เพราะเขาคือบุตรของมู่หลี่ผิง แ
แกนบุรุษของอ๋องหนุ่มทำหน้าที่ได้อย่างแข็งขัน สร้างความรัญจวนป่วนซ่านจนหยวนเหมยหลันกลายเป็นหญิงหน้าไม่อาย แอ่นเด้งตัวรับการบดขยี้และมอบความสุขแสนมหัศจรรย์ให้กับนาง ทุกแรงกระทบที่ดังปึก ๆ พร้อมกับความหนึบหนับที่เกิดขึ้นท่านอ๋องก็สุข นางก็สุข และพากันเกาะเกี่ยวก้าวขึ้นบันไดสวรรค์ไปด้วยกันอย่างเต็มอกเต็มใจ เสียงร้องผสานที่เปี่ยมไปด้วยความหวามไหวกระเจิดกระเจิง ไม่มีอะไรจะหยุดเขาและนางเอาไว้ได้ ช่างเป็นไปตามครรลองของเรื่องเพศและกามารมณ์ความสุขครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขามอบให้กับนาง และท้ายสุดท่านอ๋องก็ได้ฉีดความอุ่นกรุ่นเปรมปรีดิ์ เข้าไปในช่องทางรักของนาง อย่างไม่เกรงกลัวว่า การกระทำของตนจะทำให้นางผลิตทายาทให้กับเขา...อีกด้านหนึ่งของวังหลัง ในสวนดอกเหมยของตำหนักฮองเฮาซิ่วเหมย เป็นดั่งอัญมณีล้ำค่าในวังหลัง สถานที่แห่งนี้มักเป็นที่โปรดของนางในเวลาที่ฝนตกเมื่อสายฝนโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้ามืดครึ้ม เสียงฝนที่กระทบใบไม้และดอกเหมยกลายเป็นเสียงดนตรีอันแผ่วเบา ที่ช่วยให้จิตใจสงบ ดอกเหมยที่บานสะพรั่งท่ามกลางละอองฝน ยิ่งดูงดงามในสีชมพูซีด ขาวและแดงอ่อน ดอกที่ตกลงบนพื้นหินชุ่มน้ำทำให้สวนนี้ ดูราวกับฉา
“ข้าขอโทษ” เสียงแหบพร่าของเขาดังแผ่วข้างหูนาง ขณะที่มือของเขาค่อย ๆ โอบรอบกายหยวนเหมยหลัน นางรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดข้างแก้ม และกลิ่นสุราที่ลอยมาเบา ๆ สัมผัสนั้นทำให้หัวใจของนางสั่นไหว แม้นางจะอยากปฏิเสธ แต่นางไม่อาจสู้กับความอ่อนล้าทั้งกายและใจของตนเองได้หยวนเหมยหลันหันหน้าหนี สายตาของนางจับจ้องไปที่หน้าต่างที่มองเห็นแสงจันทร์จาง ๆ แต่หัวใจของนางกลับไม่อาจหันหนีไปได้ นางรู้สึกถึงความอบอุ่นจากท่านอ๋องที่ค่อย ๆ แผ่ซ่านเข้ามาในจิตใจนางหลับตาแน่น พยายามกดความรู้สึกที่สับสนนี้ไว้ แต่ความใกล้ชิดที่เขามอบให้นั้นกลับทำให้นางอ่อนแอลงทุกขณะ“ข้าไม่ต้องการให้เจ้าเป็นอะไรไป” เสียงของเขาชัดเจน ท่านอ๋องเหวยฉีหยางค่อย ๆ ยื่นมือขึ้นมาประคองใบหน้านางให้หันกลับมามองที่เขา สายตาที่เขามองนางในยามนี้เต็มไปด้วยความโหยหา ความอ่อนโยนที่เขามอบให้นางทำให้นางเริ่มสับสนในจิตใจ"ท่านอ๋อง..." นางเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่ว สั่นสะท้านด้วยอารมณ์ที่กดเก็บมานานความเจ็บปวดที่ท่วมท้นอยู่ในใจนางนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ ความเกลียด แต่ในเวลาเดียวกัน นางก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่ทำให้นางไม่อาจตัดใจได้อ๋องเหวยฉีหยางไม่พูดอะไ