LOGINฝูลี่เหม่ยดีไซเนอร์ชื่อดัง จับได้ว่าแฟนหนุ่มนายแบบดันแอบแซบกับเลขาของนาง ด้วยความโมโหกะจะจัดการอีกฝ่ายแต่ดันหัวฟาดโต๊ะตุยเย่ ฟื้นอีกทีดันมีสามีเป็นถึงแม่ทัพแคว้นฉูที่ดันเกลียดนางเข้าไส้
View Moreกลางฤดูร้อนในเมืองปักกิ่งฝูลี่เหม่ยนั่งมองแหวนคู่บนรถบีเอ็มดับบลิว ซีรี่ส์ 5 หญิงสาวยากจนพ่อตายแม่แต่งงานใหม่กับชายเกียจคร้านที่เป็นภาระมากกว่าผู้นำครอบครัว จนเจ้าหล่อนทนอยู่ร่วมชายคาไม่ไหวต้องหนีออกมาดิ้นรนเอาชีวิตรอดเองตั้งแต่อายุ 18 ปี ชีวิตพลิกผันเจอเจ้านายใจดีให้งานให้เงินให้อนาคต จนตอนนี้กลายเป็นดีไซเนอร์เสื้อผ้าชื่อดัง 10 อันดับแรกของปักกิ่ง วันนี้ครบรอบ 9 ปีที่คบกับแฟนหนุ่มนายแบบดาวรุ่งที่กำลังโด่งดังในวงการ ด้วยความเป็นผู้หญิงที่กล้าได้กล้าเสียมาแต่ไหนแต่ไรชีวิตหล่อนไม่มีอะไรได้มาโดยง่าย ดังนั้นเมื่ออยากแต่งงานจึงไม่คิดรอฝ่ายชายมาสู่ขอ หล่อนทำเองทันใจกว่าเยอะ
มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดถูกเปิดขึ้น ปลายสายคือผู้ชายคนเดียวที่เธอรักและเธอรู้จักกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ชายหนุ่มที่ฝันเป็นนายแบบแต่ขาดการสนับสนุน จนต้องขอยืมเสื้อผ้าออกแบบของสาขาออกแบบแฟชั่นอยู่เสมอ หล่อนเห็นแล้วสงสารจึงแอบช่วยเหลือด้วยการตัดเย็บเสื้อผ้าให้หลายครั้ง จนกลายเป็นความผูกพันและลงเอยด้วยความรักในที่สุด
“ฮัลโหลหวงตี้นายว่างคุยไหม” ลี่เหม่ยอดอมยิ้มไม่ได้เมื่อคิดถึงแผนการขอผู้ชายแต่งงานของตนเอง
“เหม่ยเหม่ยตอนนี้ฉันยุ่งอยู่ กำลังจะเข้าฉากถ่ายแบบแล้วไว้คืนนี้ฉันไปหา” หวังหวงตี้ดูหอบเหนื่อยไม่น้อย
“งั้นสองทุ่มเจอกันที่ภัตตาคารเฟยเหิง” เมื่อเห็นว่าเขายุ่งเธอจึงรีบนัดแนะภายในเวลาไม่กี่วินาที ก่อนที่สายจะถูกตัดลง
“ยังพอมีเวลารีบเคลียร์งานให้เสร็จดีกว่า พรุ่งนี้จะได้เข้าสายหน่อย” ลี่เหม่ยมองนาฬิกาก่อนจะขับรถกลับออฟฟิศหวังเคลียร์สัญญากับลูกค้ารายใหม่ให้เสร็จก่อนสองทุ่ม
อาคารทรงแปดเหลี่ยม 5 ชั้นย่านชานเมืองเป็นน้ำพักน้ำแรงที่หล่อนสร้างมากับมือ แม้ไม่ร่ำรวยเทียบเท่าพวกมหาเศรษฐีแต่เธอก็มาไกลเกินเด็กกำพร้าคนหนึ่งจะทำได้
วันหยุดทั้งตึกเงียบสงัด มีเพียงเสียงรองเท้าส้นสูงของหล่อนที่ดังกระทบพื้น ลิฟต์ถูกกดไปชั้นบนสุดของตึก ก่อนจะเปิดออกอีกครั้งในเวลาไม่กี่วินาที
ลี่เหม่ยเดินผ่านห้องทำงานของเลขาสาวดีกรีเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของประเทศ สาวน้อยผู้เรียบร้อยที่สุดในออฟฟิศอย่างเสี่ยวฮวาวันนี้คงออกเดตกับแฟนหนุ่มที่พึ่งคบกันได้ไม่นาน
อ๊ะ~ เบาหน่อย เจ็บนะ
เสียงหวิวลอยออกมาจากห้องเลขาของลี่เหม่ย ทำเจ้าหล่อนต้องหยุดฝีเท้าแม้จะอายุย่างสามสิบแล้ว แต่เมื่อได้ยินเสียงแบบนี้หล่อนก็ยังหน้าแดงทุกครั้ง
“นี่เสี่ยวฮวาก็มีมุมนี้ด้วยหรอ” ลี่เหม่ยอมยิ้มพึมพำกับตนเอง ก่อนจะสลัดความคิดนั้นรีบตรงดิ่งไปยังห้องทำงานของตน
เอกสารของลูกค้ายังวางอยู่บนโต๊ะ เจ้าหล่อนตัดสินใจกลับไปเคลียร์งานที่บ้านดูจะเหมาะกว่า เกรงว่าหากเลขาสาวรู้ว่าเธออยู่ตรงนี้จะวางตัวไม่ถูก ลี่เหม่ยย่องเบาไม่ให้ขัดความสุขของคนในห้องทำงาน
“หวงตี้อะ~ เบาหน่อยสิคะฉันเจ็บนะ”
เสียงออดอ้อนของหญิงสาวภายในห้องทำทั้งร่างของลี่เหม่ยถูกแช่แข็ง ความรู้สึกชาไปทั้งตัวเธอพึ่งเคยรู้สึกก็วันนี้
“ขอโทษ มันอดใจไม่ไหว” เสียงหอบเหนื่อยนี้เธอจำได้ดี เป็นเสียงของแฟนหนุ่มตนเองที่คบกันมายาวนานถึง 9 ปีไม่ผิดแน่ ชายหนุ่มที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข ไม่สิ! ต้องบอกว่าร่วมสุขกับเธอมาถึง 9 ปี เพราะตอนเธอมีปัญหาเขาไม่เคยอยู่คอยรับฟังหรือช่วยเหลือเลย
ปัง!!
ประตูห้องทำงานถูกถีบให้แยกออกจากกัน จากแรงบาทาของคนด้านนอกที่ใช้กำลังสุดแรงเกิดระบายความแค้นกับประตูห้อง หนึ่งหญิงหนึ่งชายที่ยังแก้ผ้าล่อนจ้อนมือสาวเจ้ายังค้ำยันโต๊ะทำงาน โดยมีนายแบบหนุ่มยืนประกบหลังอะไรต่อมิอะไรยังไม่ถูกถอดเก็บ ยืนตาค้างมองเธอที่หน้าแดงจัดด้วยความโมโห
“มะเหม่ย! เหม่ย! อย่าพึ่งเข้าใจผิดนะ มะ มันไม่ได้เป็น ยะอย่างที่ ธะ เธอคิด” หวงตี้ความรู้สึกเร็วรีบผละออกจากเสี่ยวฮวาใส่เสื้อผ้าตัวเองให้รีบร้อย
“เข้าใจผิด! นี่จะเข้าใจผิดอะไรอีกจะให้ฉันเชื่อว่านายกำลังคุยงานกับหล่อนอยู่หรือไง ในเมื่อเสียงครางลั่นออกขนาดนี้ แล้วร่างกายอุบาดของพวกนายที่ไม่มีเสื้อผ้านี่อีก จะให้ฉันคิดว่าทำอะไรกัน”
“คุณลี่เหม่ยอย่าพึ่งโกรธนะคะ ฉันไม่ดีเองที่แอบรักคุณหวงตี้มานานอย่าโทษเขาเลยนะคะ” เสี่ยวฮวาแม้จะพูดเช่นนั้นแต่หน้าตายังยิ้มระรื่น รีบเกาะแขนชายหนุ่มแน่นทั้งที่เสื้อผ้าไม่คิดจะหยิบใส่ หวงตี้เห็นอย่างนั้นรีบสะบัดอีกฝ่ายออกอย่างร้อนรน จนหญิงสาวร่างเปลือยเปล่าต้องทำหน้างง
“นี่จะพูดอะไรก็ใส่เสื้อผ้าก่อนนะ เห็นแล้วจะอ้วก แก้ผ้าให้คนอื่นมองกลางวันแสก ๆ ไม่คิดอายบ้างหรือไง”
รักมากเกลียดมากท่าจะจริง ลี่เหม่ยตอนนี้ไม่มีความเอ็นดูให้เสี่ยวฮวาแม้แต่น้อย ในเมื่อนางกล้าดูเอ็นแฟนเจ้านายอย่างเธอ แล้วมีเหตุผลอะไรที่คนอย่างลี่เหม่ยจะพูดจาดีด้วย
“นี่! จะไม่มากเกินไปหรอคะ เราก็ทำกันในห้องจะรู้ได้อย่างไรว่าใครจะมา” เสี่ยวฮวายังกล้าตำหนิคนเป็นแฟนอย่างเธอพลางก้มลงแต่งตัว ทำเอาลี่เหม่ยพูดอะไรไม่ออก
“เฮอะ! ฉันพึ่งรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบนี้ ตอนนั้นไม่น่าช่วยเธอจากแม่เลี้ยงเลย น่าจะปล่อยให้ถูกจับแต่งงานกับตาแก่โรงงานผ้าไปซะ”
ครั้งหนึ่งเสี่ยวฮวามาทำงานกับเธอได้ไม่ถึงสามเดือน ถูกแม่เลี้ยงมาลากตัวถึงออฟฟิศให้ไปแต่งงานใช้หนี้ที่พอของหล่อนกู้มาเพื่อส่งเจ้าตัวเรียน แต่พ่อดันมาตายทิ้งหนี้ก้อนโตไว้ให้แม่เลี้ยง ลี่เหม่ยสงสารเพราะเอ็นดูเด็กเรียบร้อยดั่งน้องสาว จึงยอมจ่ายสามล้านหยวนช่วยชีวิตหล่อนไว้ ใครจะรู้ว่าวันนี้จะกลายเป็นมารร้ายมาแย่งแฟนตนเองได้
“ฉันก็ซาบซึ้งที่คุณช่วยเหลือ แต่เราสองคนรักกันฉันก็จนใจที่จะขัดความต้องการของหวงตี้” เมียน้อยยังทำหน้าระรื่นไม่สะทกสะท้าน ต่างจากฝ่ายชายส่ายหน้าจนหัวจะหลุดออกจากบ่า
“ไม่นะ! ฉันไม่ได้รักยัยคนนี้ ฉันรักเธอคนเดียวนะเหม่ยเหม่ย!”
“ทำไมคุณพูดแบบนี้ ได้ฉันแล้วคิดจะทิ้งหรอ” เสี่ยวฮวาโวยวายเมื่อดูเหมือนตัวเองจะถูกทอดทิ้ง
“ได้อะไรกัน เธอร่านไปทั่วได้กับใครบ้างก็ไม่รู้ จะให้ฉันรับผิดชอบได้ยังไง” สองคู่ขาจากได้กันจนหวานซึ้งกลับโต้เถียงกันต่อหน้าลี่เหม่ย
“ได้! ผู้ชายสารเลวเอากับผู้หญิงไปทั่วแบบคุณฉันก็ไม่ต้องการ คุณลี่เหม่ยคงไม่รู้ว่าแฟนคุณมันเลวแค่ไหน”
“หุบปาก!” หวงตี้ตวาดคู่ขาเสียงลั่น จนลี่เหม่ยมีลางสังหรณ์ผุดขึ้นในหัว
“พูด!” สองมือลี่เหม่ยกำแน่น สั่งเลขาสาวเสียงเย็น
“ก็แฟนคุณออกเที่ยวคลับ king ทุกคืนหนีบสาวกลับบ้านไม่ซ้ำหน้า คุณต้องขอบใจฉันนะที่พอได้กับฉันเขาก็ไม่ได้ไปสำส่อนที่ไหนอีก” เสี่ยวฮวาเล่าหมดเปลือก
ลี่เหม่ยไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี 9 ปีมานี้ คิดแต่ว่าอีกฝ่ายยุ่งทำตามความฝันจนไม่มีเวลาให้เธอ ใครจะคิดว่าคนสารเลวนี่จะเที่ยวหาความสุขทุกคืนแล้วยังมีหน้ามาแอบแซบกับเลขาเธออีก นังเลขาที่เธอช่วยไว้ก็ดันตรรกะป่วยอีก
“ดีนี่! งั้นพวกเธอก็เหมาะสมกันแล้วหญิงโฉดชายชั่ว”
“แล้วแต่คุณจะคิด ถ้าหากวันนี้ไม่จ่ายมา 30 ล้าน ฉันจะเอาคลิปที่แฟนคุณมีอะไรกับฉันเปิดเผยให้หมด คอยดูใครยังจะกล้าจ้างเขาอีก”
“แล้วแต่เลย เขาไม่เกี่ยวอะไรกับฉันแล้ว” ลี่เหม่ยไม่คิดจะเก็บของเน่าเสียอย่างหวงตี้มาไว้ในชีวิตอีก
“เหม่ยเหม่ยอย่าพูดแบบนี้สิ ฉันสำนึกผิดแล้ว ช่วยฉันหน่อยนะ” หวงตี้กลัวสุดขีดรีบคุกเข่าเกาะขาเธอไว้แน่น
“ปล่อยนะ นายจะกลัวอะไรเรือนหอที่นายสร้างไว้ก็ร้อยล้านแล้ว ก็ขายให้เธอไปสิ” ลี่เหม่ยใจอ่อนยอมบอกทางแก้ปัญหาให้อดีตคนรัก
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ! ร้อยล้านอะไร ผู้ชายบ้าตัณหาแบบนี้จะมีเงินไหนสร้างเรือนหอ บ้านที่พาคุณไปดูก็เป็นฉันช่วยหามาตบตาให้” เสี่ยวฮวาสมเพชลี่เหม่ยที่ถูกหลอกครั้งแล้วครั้งเล่า
“นี่! อะไรนะ บ้านนั้นนายก็หลอกฉันหรอ” ลี่เหม่ยจุกอกจนหายใจไม่ออกทั้งเจ็บทั้งแค้น
“ไอ้คนเลว 9 ปีที่ผ่านมานายเคยทำอะไรดี ๆ บ้าง ดีแต่ใช้เงินฉันไปวันวัน ไหนบอกสิ้นปีนี้จะแต่งงานกันไง” น้ำตาที่ร่วงหล่นมาพร้อมกับสองมือที่ทุบตีลงบนตัวของหวงตี้
“อะไรนะ! ไหนคุณบอกจะบอกเลิกหล่อนแล้วเอาสมบัติของหล่อนมารับผิดชอบฉันไง” เสี่ยวฮวาที่โดนหลอกไม่ต่างกันช่วยทุบตีชายชั่วอีกแรง จนหวงตี้ทนเจ็บต่อไปไม่ไหว
“โอ๊ย! พอแล้ว!”
การระเบิดอารมณ์ของเขามาพร้อมกับแรงมหาศาลผลักสตรีรอบกายให้ออกห่าง ทว่าลี่เหม่ยดันดวงซวยที่เซถลาหัวฟาดเข้ากับขอบโต๊ะอย่างแรง นั่นคือฉากสุดท้ายที่เธอจำได้ ก่อนความมืดจะครอบงำสติ
ฮูหยินเฒ่ามองใบหน้ามีชีวิตชีวาของหลานชาย นางเองก็พอเบาใจได้บ้าง บุตรสาวนางเฉิงอี๋นั่วจากไปเร็วทิ้งบาดแผลในใจให้เหยาหมิงมากมาย นับจากวันนั้นหญิงชราอย่างนางก็ไม่เคยเห็นใบหน้ามีชีวิตชีวาเช่นนี้อีก “เหยาหมิง ยายเหนื่อยแล้วพายายกลับจวนที” เสียงหญิงชราเรียกหลานชายที่กำลังนั่งสนทนากับลุงใหญ่ “ลี่เหม่ยอยู่พูดคุยกับเหล่าป้าใหญ่รอไปก่อนแล้วกัน” นางหันมายิ้มให้หลานสะใภ้ ก่อนปล่อยให้หลานชายพากลับเรือนนอน เรือนฮูหยินเฒ่าอยู่ถัดจากเรือนรับรองไม่ไกล เหยาหมิงพาท่านยายของตนนั่งพักในโถงเรือน ก่อนจะหันกายเรียกสาวใช้มาปรนนิบัติฮูหยินเฉิง “เหยาเอ๋อร์ ไปจวนบิดามาเป็นอย่างไรบ้าง” “เช่นเดิมขอรับ หลานกับเขาไม่เคยพูดคุยกันได้ตั้งแต่ท่านแม่จากไป ครั้งนี้ก็เช่นเดิม” “อย่างไรเสียเขาก็เป็นบิดา หากไม่อาจอยู่ร่วมชายคาอย่างไรเสียความกตัญญูก็ควรมี หลานรู้ใช่หรือไม่” ฮูหยินเฒ่ากับชับหลานชาย “รู้ขอรับ ท่านย่าไม่ต้องกังวลหลานไม่ทำให้ใครต่อว่าตระกูลเฉิงได้แน่” เหยาหมิงตบมือท่านยายเบา ๆ “เช่นนั้นย
“อนุของข้ากล้าเอ่ยชมบุรุษอื่นต่อหน้าสามีเลยหรือ” เหยาหมิงรั้งเอวบางแนบชิดหน้าท้องแกร่ง ใบหน้ายียวนก้มมองสตรีตรงหน้าที่อ้าปากค้างร่างกายแข็งทื่อ ไม่ต่างจากเข่อซิงที่หยุดชะงักเมื่อเห็นท่าทีของพี่ชายกำลังเย้าหยอกพี่สะใภ้ “ท่านทำอะไรของท่าน” ลี่เหม่ยที่ได้สติ ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันจ้องมองบุรุษฉวยโอกาสตาเขม็ง มือบางบิดเนื้อท่อนแขนอีกฝ่ายจนแดงช้ำ “โอ๊ย!! เจ็บนะ” เหยาหมิงกัดฟันตอบ ใบหน้ายียวนหายไปในทันที “ก็ทำให้เจ็บนี่ ปล่อยข้านะ” ลี่เหม่ยกระทืบเท้าอีกฝ่ายจนเจ็บแปลบ ยอมปล่อยนางแต่โดยดี เข่อซิงเห็นท่าทางสองสามีภรรยาที่บัดนี้คล้ายทะเลาะมากกว่าเย้าหยอกจึงรีบเข้าช่วยสงบศึก “คารวะท่านพี่ พี่สะใภ้” เสียงนุ่มลึกของชายหนุ่มดึงความสนใจของคนทั้งสองได้ทันที “รบกวนน้องสามีแล้ว ท่านแม่ทัพเพียงอยากแนะนำให้เรารู้จักกันน่ะ” ลี่เหม่ยยิ้มกว้างกล่าวเป็นกันเองกับอีกฝ่าย โดยไม่ต้องให้เหยาหมิงตแนะนำ “หึ! เจ้าเข้ากับคนอื่นได้ง่ายจริงนะ” เหยาหมิงประชดประชัน “ข้าเข้าง่ายกับคนที่ข้าอยากเ
ลี่เหม่ยจ้องมองใบหน้าเป็นห่วงเป็นใยผู้อื่นของแม่ทัพหนุ่ม นางเผลอยิ้มให้กับความหล่อเหลาของอีกบุรุษตรงหน้าโดยมิรู้ตัว คิ้วหน้าตาคมเข้มผิวขาวราวไข่มุก ริมฝีปากอิ่มยามปิดสนิทที่ไม่เอาแต่กล่าวคำตำหนินางช่างน่ามอง “จ้องนานเช่นนี้ มีใจให้ข้าหรือ?” คำพูดไม่น่าฟังหลุดออกจากปากบุรุษตรงหน้า ทำรอยยิ้มหวานเมื่อครู่ของหญิงสาวหุบหายไปในพริบตา “โรคหลงตัวเองนี้ท่านยังไม่หาหมอมาดูอาการอีกหรือ” ลี่เหม่ยสวนกลับอีกฝ่ายในทันที เหยาหมิงที่ยังคงทาแผลให้กับนางหยุดมือทันทีเมื่ออีกฝ่ายชอบประชดประชันตนไม่หยุด “เสร็จแล้ว แผลเท่านี้ไม่ทำให้เจ้าอัปลักษณ์ไปมากกว่านี้ได้หรอก” บุรุษตรงหน้าปล่อยมือนางก่อนหันกายขึ้นรถม้าไป “เจ้าเด็กนี่หนิ ทำคนอื่นเจ็บยังมีหน้ามาว่าอีก” ลี่เหม่ยมือเสะเอวอย่างเหลืออด ก่อนจะจ้องมองแผ่นหลังชายผู้ขึ้นรถม้าไปพลางบ่นพึมพำกับตัวเอง “หากไม่อยากเดินไปจวนตระกูลเฉิงก็ขึ้นรถม้ามา” เสียงเย็นชาจากบุรุษในรถม้าดังตามหลัง ลี่เหม่ยทำได้เพียงกระทืบเท้าทำตามคำสั่งแม่ทัพหนุ่ม นางไม่มีอำนาจใดต่อรองได้ จำต้อ
รถม้าหยุดลงหน้าจวนตระกูลหวัง ใบหน้าหล่อเหลาของเหยาหมิงเย็นชาจนไม่น่ามอง สีหน้าไร้อารมณ์จนผู้คนคาดเดาความคิดของแม่ทัพปราบเหนือได้ยาก “ข้าต้องทำอย่างไรบ้าง” ลี่เหม่ยถามสิ่งที่นางต้องทำเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อสามี “อยู่นิ่ง ๆ ไม่ต้องทำอะไร ข้าจะจัดการเอง” น้ำเสียงเรียบเฉยดังขึ้นก่อนก้าวลงจากรถม้า โถงใหญ่ของบ้าน บุรุษวัยห้าสิบหน้าละม้ายคล้ายเหยาหมิงนั่งอยู่เก้าอี้เจ้าบ้าน มีหญิงวัยราวสี่สิบสวมอาภรณ์ผ้าไหมราคาแพงทั้งตัวเครื่องผมแสนวิจิตรประดับจนเต็มหัว ใบหน้างามแต่งแต้มจนเกินพอดีนั่งอยู่ด้านข้าง “คารวะนายท่านหวัง ฮูหยินหวง” เหยาหมิงค่อมกายเคารพผู้อาวุโสทว่าคำเรียกช่างห่างเหิน บ่งบอกถึงความไม่เกี่ยวข้อง ใบหน้าของหวังเทียนเล่ยบิดเบี้ยวด้วยไฟโทสะ ไม่ต่างหวงหลงเหรินที่บัดนี้หายใจถี่แรงด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจห้าปีที่แต่งเข้ามาลูกเลี้ยงอย่างเหยาหมิงกลับไม่เคยเคารพนางเลย ลี่เหม่ยมองดูสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเบื้องหน้า แม่ทัพไม่เคารพพ่อแม่ของตนก็ไม่กล้ามีใครตำหนิ แต่หากนางเอาเขาเป็นเยี่ยงอย่างต้องถูกตีเนื้อแตกอีกแน่ “คา





