‘นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่?’
คำถามดังก้องในใจของสลิล ขณะที่สติสัมปชัญญะเลือนลางไปกับรสจูบอันดื่มด่ำ บุรุษตรงหน้ากำลังทำให้เธอรู้สึกราวกับจะล่องลอยไปในอากาศด้วยความสุขอย่างที่สุด แม้จะไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อนจนกระทั่งวินาทีนี้ แต่เธอก็เคยได้ยินเรื่องราวของจูบที่ดีและจูบที่แย่มาบ้าง และต้องยอมรับเลยว่าสัมผัสที่เขามอบให้มันช่างล้ำลึกและดูดดื่มเกินกว่าที่เคยจินตนาการไว้มากนัก ผู้ชายคนนี้ช่างเหลือเชื่อเหลือเกิน
เสียงแห่งเหตุผลพยายามจะกรีดร้องเตือนว่าเธอควรจะต้องระมัดระวัง แม้ในขณะที่เธอดึงรั้งร่างสูงใหญ่ของเขาให้เข้ามาแนบชิดยิ่งขึ้น และปล่อยให้ปลายลิ้นของเธอสอดแทรกเข้าไปทักทายในโพรงปากอุ่นร้อนของเขาอย่างถือสิทธิ์ เธอก็รู้ว่าตัวเองต้องมีสติ ไม่ควรจะตกหลุมรักผู้ชายที่เพิ่งเจอกันเร็วขนาดนี้ แม้ว่าเขาจะดูสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่างก็ตาม
ไม่ใช่แค่เพราะเขาเข้าใจเรื่องตลกไร้สาระของเธอเหมือน ๆ กัน และยังเต็มใจที่จะทำตัวเปิ่น ๆ ด้วยการสวมบทบาทในฉากจากหนังสือเล่มโปรดเป็นเพื่อนเธอ แต่เขายังหล่อเหลาราวกับเทพบุตรปั้น ในแบบที่ทำให้หัวใจของเธอสั่นระรัวไปทั้งดวง
‘หรือว่าฉันจะโชคดีขนาดนั้นเชียวหรือ?’
สลิลรำพึงในใจขณะที่ริมฝีปากของเขากำลังก่อพายุอารมณ์ขึ้นในช่องท้องของเธอ หรือว่าเธอได้เจอคนที่ใช่แล้วจริง ๆ
แน่นอนว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีชีวิตอย่างเธอที่เจอแต่เรื่องโชคร้ายมาโดยตลอด แต่บางที นั่นอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมเรื่องนี้ถึงเกิดขึ้นกับเธอในตอนนี้ บางทีมันอาจจะถึงเวลาของเธอบ้างแล้ว สวรรค์...ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงมันคงจะวิเศษมาก
ในที่สุด แม้จะไม่อยากให้มันจบลงเลยสักนิด ทั้งคู่ก็จำต้องถอนริมฝีปากออกจากกัน วิลเลียมซบหน้าผากลงกับหน้าผากของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา สลิลจมดิ่งลงไปในแววตาสีฟ้าอมเทาคมกริบที่ฉายแววปรารถนาอย่างเปิดเผย เธอชอบช่วงเวลานี้เหลือเกินที่กำลังรู้สึกถึงความอบอุ่นที่เขากำลังรังสรรค์ขึ้นภายในใจดวงนี้
“ฉันยังไม่อยากให้คืนนี้จบเลยค่ะ...” เธอพึมพำออกมา แทบไม่อยากจะเชื่อว่าคำพูดที่แสนจะใจกล้าเช่นนั้นจะหลุดออกมาจากปากของตัวเอง เธอไม่เคยทำตัวแบบนี้มาก่อน แต่นั่นก็เพราะเธอไม่เคยมีโอกาส บางทีนี่อาจจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอก็เป็นได้ “คุณอยากจะ...เข้ามาข้างในไหมคะ”
วิลเลียมพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น ซ่อนความประหลาดใจกับคำเชิญชวนของหญิงสาวไว้ภายใต้รอยยิ้ม สลิลไม่รู้ว่าเขาจะมองออกมากน้อยแค่ไหนเกี่ยวกับตัวเธอ แต่ความจริงที่ว่าเธอไม่เคยต้องมือชายใดคงฉายชัดออกมาจนเขาสัมผัสได้ เธอแน่ใจว่าเขาต้องรู้ว่าจูบเมื่อครู่คือจูบแรกของเธอ กระนั้นก็ตาม เขาก็ยังอยากจะใช้เวลากับเธอ เขาไม่ได้หวาดกลัวจนวิ่งหนีหายไปไหน เพียงแค่นี้ก็ดีมากแล้ว
“รอสักครู่นะคะ” สลิลควานหากุญแจในกระเป๋าถือ “แต่ต้องเตือนก่อนว่าห้องฉันรกมาก อย่าลืมนะคะว่าคุณพาฉันไปทานข้าวก่อนที่ฉันจะได้จัดของอะไรเลย มีแต่กล่องเต็มไปหมดเลยค่ะ”
เขาหัวเราะเสียงทุ้มในลำคอแล้วพยักหน้า “ไม่เป็นไรครับ ผมรับผิดเอง ความรกนั่นเป็นความผิดของผม”
ทันทีที่บานประตูปิดลง บรรยากาศภายในห้องก็อวลอับไปด้วยไอพิศวาสอันร้อนแรงที่เข้าปกคลุมจนแทบหายใจไม่ออก สลิลรู้สึกเหมือนถูกกลืนกินด้วยแรงปรารถนาที่เธอไม่เคยรู้จัก แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันท่วมท้นจนเกินรับไหว มีอะไรบางอย่างในตัวของชายหนุ่มที่ช่วยปลอบประโลม ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยและเชื่อว่าทุกอย่างจะต้องโอเค
“คุณอยากดื่มอะไรไหมคะ จริง ๆ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีอะไรบ้าง...”
“ผมไม่ได้ต้องการเครื่องดื่ม”
เสียงของเขาแหบพร่า ขณะที่อ้อมแขนแข็งแรงรวบร่างบางเข้าไปกอดในชั่วพริบตา สัมผัสที่แผ่ซ่านราวกับกระแสไฟฟ้ากำลังทำให้สลิลตกเป็นทาสของความรู้สึก ความคิดที่มีเหตุผลทั้งหมดเลือนหายไปจนหมดสิ้น
“ผมต้องการคุณ...สลิล”
“ฉันก็ต้องการคุณเหมือนกันค่ะ”
เสียงของเธอแผ่วพร่าขณะที่ริมฝีปากร้อนผ่าวของเขาเคลื่อนจากเรียวปากของเธอลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอ ทุกอณูบนผิวเนื้ออ่อนไหวสั่นสะท้านด้วยความปรารถนาเมื่อริมฝีปากของเขาทักทายมัน เขาไม่ได้ละเมียดละไม แต่กลับปลดปล่อยความปรารถนาดิบเถื่อนออกมาอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอโหยหาอย่างแท้จริง
‘อืม...รู้สึกดีเหลือเกิน เขาจะทำอะไรกับเธออีกนะ?’
“ไปที่ห้องนอนกันเถอะค่ะ”
วิลเลียมถอยห่างจากหญิงสาวเล็กน้อย สอดประสานนิ้วมือเข้ากับนิ้วของเธอแล้วจูงเธอเข้าไปในห้องนอน เขารู้ผังห้องดีเพราะมันเหมือนกับห้องของเขา และเขาก็ยินดีที่จะเป็นผู้นำ เตียงของเธอเรียบง่าย มีเพียงหมอนสองสามใบกับผ้าปูเตียงผืนบาง แต่นั่นไม่ได้อยู่ในความสนใจของเขาเลยแม้แต่น้อย สายตาของเขาจดจ่ออยู่เพียงแค่เธอ ราวกับต้องการจะประทับภาพทุกสัดส่วนบนเรือนร่างของเธอไว้ในความทรงจำ สายตาคู่นั้นช่างเย้ายวนและร้อนแรงจนน่าหลงใหล สลิลคิดว่าเธอคงจะมีความสุขมากถ้าเขาจะมองเธอแบบนั้นไปตลอดกาล
วิลเลียมดึงร่างบางเข้าไปในอ้อมแขนแล้วจูบเธออย่างหนักหน่วงอีกครั้ง ก่อนจะประคองเธอให้นอนลงบนเตียงโดยทาบทับร่างสูงใหญ่ของเขาลงมา น้ำหนักตัวของเขาไม่ได้สร้างปัญหาใด ๆ เลย และขณะที่ทั้งคู่แลกจุมพิตกันอย่างดูดดื่ม สลิลก็ลูบไล้มือไปทั่วแผ่นหลังกว้าง มัดกล้ามเนื้อแกร่งใต้ฝ่ามือนั้นให้ความรู้สึกดีเยี่ยม ทว่าเนื้อผ้าของเสื้อเชิ้ตกลับเป็นสิ่งที่ขวางกั้น
เธอผลักเขาออกเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มหยอกเย้าบนริมฝีปาก แล้วพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะปลดเปลื้องอาภรณ์ของเขาออก แต่น่าเสียดายที่เธอกำลังสั่นเทามากเกินไปจนทำไม่ได้ ความประหม่าบวกกับแววตาที่ลุ่มลึกและร้อนแรงของเขามันมากเกินไปสำหรับเธอ
แต่เรื่องนี้ไม่ได้สร้างปัญหาให้วิลเลียมเลยสักนิด เขาผละตัวกลับมานั่ง ก่อนจะค่อย ๆ ปลดเปลื้องอาภรณ์ชิ้นบนออกอย่างเชื่องช้า ทว่าทุกท่วงท่ากลับเต็มไปด้วยแรงดึงดูดอันน่าประหลาด ทำให้สลิลต้องกลั้นหายใจมองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง เธอรู้ว่าเขาจะต้องดูดี เขาดูดีมากในชุดเสื้อผ้าเต็มยศ แต่เมื่อปราศจากมัน เขากลับหล่อเหลาจนน่าเกรงขาม
“ตาคุณบ้างแล้วล่ะ” วิลเลียมพยักหน้ามาทางหญิงสาวขณะปลดกางเกงลง เหลือเพียงบ็อกเซอร์รัดรูปที่แทบจะไม่ได้ปิดบังอะไรเลย “ถ้าคุณต้องการน่ะนะ ผมเปลือยอยู่คนเดียวก็ได้ถ้าคุณชอบ”
‘นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่?’คำถามดังก้องในใจของสลิล ขณะที่สติสัมปชัญญะเลือนลางไปกับรสจูบอันดื่มด่ำ บุรุษตรงหน้ากำลังทำให้เธอรู้สึกราวกับจะล่องลอยไปในอากาศด้วยความสุขอย่างที่สุด แม้จะไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อนจนกระทั่งวินาทีนี้ แต่เธอก็เคยได้ยินเรื่องราวของจูบที่ดีและจูบที่แย่มาบ้าง และต้องยอมรับเลยว่าสัมผัสที่เขามอบให้มันช่างล้ำลึกและดูดดื่มเกินกว่าที่เคยจินตนาการไว้มากนัก ผู้ชายคนนี้ช่างเหลือเชื่อเหลือเกินเสียงแห่งเหตุผลพยายามจะกรีดร้องเตือนว่าเธอควรจะต้องระมัดระวัง แม้ในขณะที่เธอดึงรั้งร่างสูงใหญ่ของเขาให้เข้ามาแนบชิดยิ่งขึ้น และปล่อยให้ปลายลิ้นของเธอสอดแทรกเข้าไปทักทายในโพรงปากอุ่นร้อนของเขาอย่างถือสิทธิ์ เธอก็รู้ว่าตัวเองต้องมีสติ ไม่ควรจะตกหลุมรักผู้ชายที่เพิ่งเจอกันเร็วขนาดนี้ แม้ว่าเขาจะดูสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่างก็ตามไม่ใช่แค่เพราะเขาเข้าใจเรื่องตลกไร้สาระของเธอเหมือน ๆ กัน และยังเต็มใจที่จะทำตัวเปิ่น ๆ ด้วยการสวมบทบาทในฉากจากหนังสือเล่มโปรดเป็นเพื่อนเธอ แต่เขายังหล่อเหลาราวกับเทพบุตรปั้น ในแบบที่ทำให้หัวใจของเธอสั่นระรัวไปทั้งดวง‘หรือว่าฉันจะโชคดีขนาดนั้นเชียวหรือ?’สลิลรำพึงในใ
ให้ตายสิ! การได้นั่งมองสลิลอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหารใต้แสงเทียนสลัว กำลังทำให้หัวใจของวิลเลียมเต้นรัวขึ้นในแบบที่เขาไม่ได้คาดคิด พวกเขาเพิ่งจะเจอกันได้ไม่กี่ชั่วโมง แต่มันกลับเป็นเดทแรกที่ดีที่สุดเท่าที่เขาเคยมีมา เขาอาจจะยังไม่ได้รู้จักสลิลดีนัก แต่กลับรู้สึกเหมือนว่าเธอเข้าใจเขาได้อย่างน่าประหลาด เธอหัวเราะอย่างจริงใจกับมุกตลกทุกมุกของเขา และเธอกับเขาก็ยังเชื่อมโยงกันในระดับที่ลึกซึ้ง มีความสนใจหลายอย่างที่ตรงกันจนน่าทึ่ง ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่มีวันหมดเรื่องที่จะคุยกันเลย“ของหวานที่นี่อร่อยนะครับ คุณสนใจจะลองไหม” วิลเลียมถามขณะที่พนักงานเสิร์ฟเก็บจานออกไป“จริง ๆ แล้ว...” เธอเม้มริมฝีปากล่างอย่างหยอกเย้า ดวงแก้มที่ระเรื่อสีชมพูจาง ๆ ทำให้เขาสงสัยว่าเธอกำลังคิดอะไรที่มัน...ร้อนแรงกว่านั้นหรือเปล่า เวลาที่เธอมองเขาแบบนั้น เธอช่างดูเย้ายวนอย่างบริสุทธิ์เหลือเกิน “ระหว่างทางมาที่นี่ ฉันเห็นร้านไอติมร้านหนึ่ง น่าลองมากเลยค่ะ ถ้าคุณไม่ว่าอะไรนะคะ”วิลเลียมไม่ได้รู้สึกผิดหวังเลยสักนิดที่เธอไม่ได้กำลังคิดถึงเรื่องบนเตียง แน่นอนสิ เขาสัมผัสได้ว่าเธอช่างอ่อนหวานและไร้เดียงสาเกินกว่าจะคิด
วิลเลียม ภาคิน แอชฟอร์ด ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกัน บุรุษผู้เป็นเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าอมเทาคู่คมกริบที่ฉายประกายแห่งความเฉลียวฉลาดและเสน่ห์อันร้ายกาจ เพียงสบสายตาก็อาจทำให้หัวใจของใครต่อใครต้องสั่นไหวได้อย่างง่ายดาย ดวงตาคู่นั้นประดับด้วยแพขนตายาวงอนรับกับคิ้วเข้มได้รูป ยิ่งขับเน้นความลุ่มลึกน่าค้นหา ใบหน้าของเขาหล่อเหลาราวเทพบุตรกรีกก็มิปาน ด้วยโครงหน้าที่คมคายรับกับสันกรามเด่นชัด จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักสวยได้รูป ทุกองค์ประกอบบนใบหน้าราวกับได้รับการปั้นแต่งมาอย่างประณีตบรรจง เรือนผมสีน้ำตาลเข้มดุจเปลือกไม้ล้ำค่า ขับให้ผิวขาวอมเหลืองผุดผ่องตามแบบฉบับลูกครึ่งดูสว่างใสน่ามองยิ่งขึ้น รับกับรูปร่างสูงโปร่งสมส่วนที่แม้จะอยู่ในชุดทำงานก็ยังมองเห็นเค้าโครงของความแข็งแรงจากการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี รอยยิ้มมุมปากที่มักจะปรากฏขึ้นยามครุ่นคิดหรือเมื่อถูกใจนั้น ยิ่งเสริมให้บุคลิกของเขาดูมีเสน่ห์ลึกลับน่าค้นหา ชวนให้ใครต่อใครต้องเหลียวมองตามวิลเลียมก้าวเข้าสู่ห้องพักในวันทำงานของเขา ที่นี่เปรียบเสมือนโอเอซิสส่วนตัวที่เขาใช้พักพิงจากความวุ่นวาย แม้หนึ่งในสิ่งแรก ๆ ที่เขาครอบครองหลังธุรกิจปร
“คุณเพิ่งย้ายมาที่นี่เหรอครับ” วิลเอ่ยถามขณะที่พวกเขาเดินขึ้นบันได “มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”“ฉันเพิ่งเรียนจบน่ะค่ะ แล้วก็ได้งานที่นี่ ดีใจมาก ๆ เลย” สลิลหยุดยิ้มกว้างไม่ได้เมื่อนึกถึงเรื่องงาน เธอกำลังตั้งตารอการเริ่มต้นชีวิตจริงของตัวเองเสียที “ส่วนที่เลือกคอนโดฯ แห่งนี้...ก็แหม...ค่าเช่ามันพอสู้ไหวใช่ไหมล่ะคะ” เธอหัวเราะเบา ๆ “ก็เลยเลือกที่นี่แหละค่ะ”แต่เมื่อสบตาเขาอีกครั้ง สลิลก็เริ่มไม่แน่ใจว่าพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า เอาตามตรง เขาดูไม่เหมือนคนที่จะต้องเลือกที่อยู่เพราะเรื่องเงินเลยสักนิด สูทสั่งตัดเข้ารูปที่สวมอยู่นั้นบ่งบอกฐานะได้เป็นอย่างดี แต่ก็นั่นแหละ ในเมื่อเขาอยู่ที่นี่ มันก็ต้องมีเหตุผลของเขาสิน่า“ใช่ครับ ที่นี่ก็ดีทีเดียว” เขาพยักหน้ายิ้ม ดูไม่ถือสาอะไร “ผมชอบที่นี่เพราะมันอยู่ใกล้ที่ทำงานของผมน่ะครับ”“เหมือนกันเลยค่ะ!” สลิลโพล่งออกไปอย่างลืมตัว “ใช่ค่ะ เดินไปทำงานได้เลย สะดวกมาก”ในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงหน้าห้องของเธอ สลิลผลักประตูให้เปิดกว้าง พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่รู้สึกอับอายกับสภาพห้องที่รกจนแทบไม่มีทางเดิน เพราะเขาก็คงเข้าใจดีว่าการย้ายเข้าห้องใหม่มันวุ่นวา
“โธ่เว้ย!” หญิงสาวสบถกับตัวเองอย่างหัวเสีย หากมีของหล่นจากกล่องอีกแค่ชิ้นเดียว เส้นความอดทนของเธอคงขาดผึงลงตรงนี้เป็นแน่การต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืองที่ไม่คุ้นเคยมันช่างหนักหนาสาหัส โดยเฉพาะเมื่อห้องพักของเธออยู่บนชั้นสูงลิบที่ต้องแบกของขึ้นบันไดหลายต่อหลายขั้น แถมลิฟต์เจ้ากรรมก็ยังมาเสียอีกต่างหาก แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อชีวิตนี้เธอไม่เหลือใครให้เอ่ยปากขอความช่วยเหลือเลยสักคน จะให้หวนกลับไปอยู่บ้านเดิมก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป ที่นั่นไม่มีอะไรเหลือสำหรับเธอแล้วชีวิตใหม่ต้องเริ่มต้นที่นี่ เดี๋ยวนี้!สลิลโน้มตัวลงเก็บโคมไฟที่เพิ่งกลิ้งหล่นลงไปกองกับพื้น ก่อนจะบรรจงวางมันอย่างเบามือไว้บนสุดของกล่องลังอีกใบ พลางภาวนาให้มันทรงตัวอยู่ได้ตลอดทางที่เหลือ ถ้าไม่...เธอก็คงต้องวางมันทิ้งไว้บนขั้นบันไดนี่แหละ แล้วหวังว่าจะไม่มีใครมือดีหยิบฉวยไปหรือเดินสะดุดมันเข้า โชคยังดีที่ดูเหมือนว่ามันจะตั้งอยู่กับที่ เปิดโอกาสให้เธอค่อย ๆ ขยับกายขึ้นไปได้อีกหน่อยทว่าในแต่ละย่างก้าวที่หนักอึ้ง ความคิดกลับล่องลอยไปถึงทุกสิ่งที่เธอสลัดทิ้งไว้เบื้องหลัง ทุกสิ่งที่เธออยากจะวิ่งหนีให้พ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ดำร