ให้ตายสิ! การได้นั่งมองสลิลอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหารใต้แสงเทียนสลัว กำลังทำให้หัวใจของวิลเลียมเต้นรัวขึ้นในแบบที่เขาไม่ได้คาดคิด พวกเขาเพิ่งจะเจอกันได้ไม่กี่ชั่วโมง แต่มันกลับเป็นเดทแรกที่ดีที่สุดเท่าที่เขาเคยมีมา เขาอาจจะยังไม่ได้รู้จักสลิลดีนัก แต่กลับรู้สึกเหมือนว่าเธอเข้าใจเขาได้อย่างน่าประหลาด เธอหัวเราะอย่างจริงใจกับมุกตลกทุกมุกของเขา และเธอกับเขาก็ยังเชื่อมโยงกันในระดับที่ลึกซึ้ง มีความสนใจหลายอย่างที่ตรงกันจนน่าทึ่ง ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่มีวันหมดเรื่องที่จะคุยกันเลย
“ของหวานที่นี่อร่อยนะครับ คุณสนใจจะลองไหม” วิลเลียมถามขณะที่พนักงานเสิร์ฟเก็บจานออกไป
“จริง ๆ แล้ว...” เธอเม้มริมฝีปากล่างอย่างหยอกเย้า ดวงแก้มที่ระเรื่อสีชมพูจาง ๆ ทำให้เขาสงสัยว่าเธอกำลังคิดอะไรที่มัน...ร้อนแรงกว่านั้นหรือเปล่า เวลาที่เธอมองเขาแบบนั้น เธอช่างดูเย้ายวนอย่างบริสุทธิ์เหลือเกิน “ระหว่างทางมาที่นี่ ฉันเห็นร้านไอติมร้านหนึ่ง น่าลองมากเลยค่ะ ถ้าคุณไม่ว่าอะไรนะคะ”
วิลเลียมไม่ได้รู้สึกผิดหวังเลยสักนิดที่เธอไม่ได้กำลังคิดถึงเรื่องบนเตียง แน่นอนสิ เขาสัมผัสได้ว่าเธอช่างอ่อนหวานและไร้เดียงสาเกินกว่าจะคิดเรื่องแบบนั้น เธอน่ารัก...น่ารักในแบบที่ดีมาก ๆ เขาชอบแบบนี้มากกว่าการที่เธอจะจ้องแต่จะกระโดดขึ้นเตียงกับเขา เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น เขาก็คงไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไร
“ไอติมก็น่าสนใจครับ ดูเหมือนคุณจะเป็นคนชอบของหวานตัวยงเลยนะ” เขาเรียกพนักงานเสิร์ฟมาเพื่อคิดเงิน
“แน่นอนค่ะ ใครบ้างจะไม่ชอบล่ะคะ ไอติมนี่ของโปรดชนิดที่ว่ายอมตายแทนได้เลยนะคะ” เธอหัวเราะคิกคัก เสียงใสกังวาน
“ถ้าคุณกำลังคิดถึงร้านเดียวกับที่ผมคิดอยู่ล่ะก็ ไอติมร้านนั้นอร่อยที่สุดเลยครับ” เขาจ่ายเงินโดยแทบไม่เหลือบมองตัวเลขในใบเสร็จ วิลเลียมสังเกตเห็นว่าสลิลเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่เขาคิดว่าเป็นเพราะเขาไม่เปิดโอกาสให้เธอเสนอตัวจะจ่ายเงินเลยมากกว่า ไม่ใช่ว่าเธอกังวลเรื่องราคา เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าเธอจะคิดแบบนั้น “คุณจะต้องชอบแน่ ๆ รสสตรอว์เบอร์รีชีสเค้กอร่อยที่สุดเลย ผมกินไปแล้วจินตนาการว่าตัวเองกำลังอยู่ในหน้าหนังสือเล่มนั้นเลยนะ”
“อ้อ...ฉันรู้แล้วค่ะว่าเล่มไหน” แน่นอนสิว่าเธอต้องรู้ เขาเห็นหนังสือเล่มนั้นในกองหนังสือของเธอ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถพูดถึงเรื่องนี้กับใครคนอื่นในชีวิตแล้วพวกเขาจะเข้าใจได้ “ไปกันเลยค่ะ! ไปทำเหมือนเราอยู่ในฉากนั้นกันตอนนี้เลย”
ทุก ๆ รอยยิ้ม ทุก ๆ เสียงหัวเราะที่มาจากสลิลทำให้วิลเลียมรู้สึกสุดยอด เธอเคยดูเคร่งเครียดและเศร้าสร้อยตอนที่เขาเจอเธอบนบันได เขาเดาว่านี่คงเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับเธอ การได้ช่วยทำให้ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านนี้ง่ายขึ้นสำหรับเธอแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขารู้สึกดีมากแล้ว
การเดินไปยังร้านไอศกรีมเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสนุกสนาน เขารู้สึกว่ากำแพงในใจของตัวเองค่อย ๆ ทลายลงทีละน้อยในทุกวินาทีโดยที่เขาไม่ได้อนุญาตด้วยซ้ำ สลิลมีอิทธิพลต่อเขาอย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไปถึงเคาน์เตอร์ เธอก็ล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาเพื่อจ่ายค่าไอศกรีม ไม่เปิดโอกาสให้เขาเสนอตัวจะจ่ายในครั้งนี้เลยสักนิด วิลเลียมถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ตั้งแต่ที่ใคร ๆ ก็มองออกว่าเขามีเงิน เขาก็ไม่คิดว่าเคยมีใครจ่ายเงินให้เขามาก่อน มันอาจจะเป็นแค่ไอศกรีมถ้วยเล็ก ๆ แต่มันมีความหมายกับเขามากเหลือเกิน
“เราต้องนั่งริมหน้าต่างนะคะถ้าจะแสดงฉากในหนังสือกัน” สลิลคว้าแขนเขาแล้วลากให้เดินตามไป “ฉันไม่รู้ว่าคุณจะจำบทพูดได้ทั้งหมดหรือเปล่า แต่เราลองดูกันได้ค่ะ”
แน่นอนว่าพวกเขาจำบทบรรยายในหนังสือไม่ได้แม่นยำนักหรอก แต่มันก็สนุกมากที่ได้พยายาม วิลเลียมไม่คิดว่าตัวเองเคยหัวเราะหนักขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เขาถึงกับเผลอหัวเราะจนเสียงหลุดออกมาดังพรืดเพราะควบคุมตัวเองไม่อยู่
เขาชอบเธอ...หัวใจของเขากระหน่ำรัวเมื่อความคิดนั้นผุดขึ้นมา...เขาชอบเธอมากจริง ๆ
อันที่จริง เขาชอบเธอมากเสียจนไม่อยากให้ค่ำคืนนี้จบลง ขณะที่เดินไปส่งเธอที่ห้องพัก เขาก็ประหลาดใจว่าค่ำคืนนี้มันผ่านไปเร็วเหลือเกิน เขาอยากจะหาข้ออ้างอะไรก็ได้เพื่อที่จะได้อยู่กับเธอนานกว่านี้อีกสักหน่อย แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าการชวนเธอไปที่ห้องของเขาตอนนี้มันจะดูเหมือนว่าเขาต้องการอะไรอย่างอื่น สลิลพิเศษเกินไปสำหรับเรื่องแบบนั้น เขาไม่อยากจะรีบร้อนกับเธอ
“ขอบคุณมากนะคะวันนี้สนุกมากเลยค่ะ” เธอหันมายิ้มให้ขณะที่ยืนอยู่หน้าห้องพักของตัวเอง “อาหารเย็นอร่อยมากเลยค่ะ แล้วไอติมก็สนุกมากจริง ๆ วันแรกที่ย้ายมาอยู่นี่ดีกว่าที่ฉันคาดไว้เยอะเลยค่ะ”
“ผมก็สนุกมากเหมือนกันครับ” วิลเลียมขยับเข้าไปใกล้หญิงสาวมากขึ้นราวกับมีแม่เหล็กดึงดูด โชคดีที่สลิลดูเหมือนจะไม่รังเกียจที่เขาเข้าไปใกล้ เธอยืดคอขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองหน้าเขา
ฝ่ามือใหญ่ประคองดวงหน้าหวาน ก่อนจะจมดิ่งลงไปในห้วงลึกของดวงตาคู่นั้น เพลิดเพลินกับการแหวกว่ายอยู่ในความอบอุ่นที่ปลอบประโลมใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่มันก็ไม่นานนักก่อนที่แรงดึงดูดมหาศาลจะฉุดรั้งให้เขาโน้มใบหน้าลงไป บดเบียดริมฝีปากของตนเข้ากับเรียวปากนุ่มอิ่มอย่างไม่อาจต้านทาน และประทับตราจองเธอด้วยจุมพิตนั้น ริมฝีปากอุ่นร้อนเคล้าคลึงกับเรียวปากของเธออย่างดูดดื่ม ขณะที่แขนของเธอก็โอบรอบเอวของเขาไว้ เธอดึงเขาให้เข้าไปใกล้ชิดยิ่งขึ้น และเขาก็ยอมตกอยู่ในอ้อมกอดนั้นแต่โดยดี
พระเจ้า...มันรู้สึกดีเหลือเกิน และตัดสินจากเสียงครางหวานที่เล็ดลอดออกมาจากลำคอของหญิงสาวอย่างไม่ตั้งใจ เธอก็คงจะกำลังเพลิดเพลินกับมันเช่นกัน
‘นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่?’คำถามดังก้องในใจของสลิล ขณะที่สติสัมปชัญญะเลือนลางไปกับรสจูบอันดื่มด่ำ บุรุษตรงหน้ากำลังทำให้เธอรู้สึกราวกับจะล่องลอยไปในอากาศด้วยความสุขอย่างที่สุด แม้จะไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อนจนกระทั่งวินาทีนี้ แต่เธอก็เคยได้ยินเรื่องราวของจูบที่ดีและจูบที่แย่มาบ้าง และต้องยอมรับเลยว่าสัมผัสที่เขามอบให้มันช่างล้ำลึกและดูดดื่มเกินกว่าที่เคยจินตนาการไว้มากนัก ผู้ชายคนนี้ช่างเหลือเชื่อเหลือเกินเสียงแห่งเหตุผลพยายามจะกรีดร้องเตือนว่าเธอควรจะต้องระมัดระวัง แม้ในขณะที่เธอดึงรั้งร่างสูงใหญ่ของเขาให้เข้ามาแนบชิดยิ่งขึ้น และปล่อยให้ปลายลิ้นของเธอสอดแทรกเข้าไปทักทายในโพรงปากอุ่นร้อนของเขาอย่างถือสิทธิ์ เธอก็รู้ว่าตัวเองต้องมีสติ ไม่ควรจะตกหลุมรักผู้ชายที่เพิ่งเจอกันเร็วขนาดนี้ แม้ว่าเขาจะดูสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่างก็ตามไม่ใช่แค่เพราะเขาเข้าใจเรื่องตลกไร้สาระของเธอเหมือน ๆ กัน และยังเต็มใจที่จะทำตัวเปิ่น ๆ ด้วยการสวมบทบาทในฉากจากหนังสือเล่มโปรดเป็นเพื่อนเธอ แต่เขายังหล่อเหลาราวกับเทพบุตรปั้น ในแบบที่ทำให้หัวใจของเธอสั่นระรัวไปทั้งดวง‘หรือว่าฉันจะโชคดีขนาดนั้นเชียวหรือ?’สลิลรำพึงในใ
ให้ตายสิ! การได้นั่งมองสลิลอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหารใต้แสงเทียนสลัว กำลังทำให้หัวใจของวิลเลียมเต้นรัวขึ้นในแบบที่เขาไม่ได้คาดคิด พวกเขาเพิ่งจะเจอกันได้ไม่กี่ชั่วโมง แต่มันกลับเป็นเดทแรกที่ดีที่สุดเท่าที่เขาเคยมีมา เขาอาจจะยังไม่ได้รู้จักสลิลดีนัก แต่กลับรู้สึกเหมือนว่าเธอเข้าใจเขาได้อย่างน่าประหลาด เธอหัวเราะอย่างจริงใจกับมุกตลกทุกมุกของเขา และเธอกับเขาก็ยังเชื่อมโยงกันในระดับที่ลึกซึ้ง มีความสนใจหลายอย่างที่ตรงกันจนน่าทึ่ง ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่มีวันหมดเรื่องที่จะคุยกันเลย“ของหวานที่นี่อร่อยนะครับ คุณสนใจจะลองไหม” วิลเลียมถามขณะที่พนักงานเสิร์ฟเก็บจานออกไป“จริง ๆ แล้ว...” เธอเม้มริมฝีปากล่างอย่างหยอกเย้า ดวงแก้มที่ระเรื่อสีชมพูจาง ๆ ทำให้เขาสงสัยว่าเธอกำลังคิดอะไรที่มัน...ร้อนแรงกว่านั้นหรือเปล่า เวลาที่เธอมองเขาแบบนั้น เธอช่างดูเย้ายวนอย่างบริสุทธิ์เหลือเกิน “ระหว่างทางมาที่นี่ ฉันเห็นร้านไอติมร้านหนึ่ง น่าลองมากเลยค่ะ ถ้าคุณไม่ว่าอะไรนะคะ”วิลเลียมไม่ได้รู้สึกผิดหวังเลยสักนิดที่เธอไม่ได้กำลังคิดถึงเรื่องบนเตียง แน่นอนสิ เขาสัมผัสได้ว่าเธอช่างอ่อนหวานและไร้เดียงสาเกินกว่าจะคิด
วิลเลียม ภาคิน แอชฟอร์ด ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกัน บุรุษผู้เป็นเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าอมเทาคู่คมกริบที่ฉายประกายแห่งความเฉลียวฉลาดและเสน่ห์อันร้ายกาจ เพียงสบสายตาก็อาจทำให้หัวใจของใครต่อใครต้องสั่นไหวได้อย่างง่ายดาย ดวงตาคู่นั้นประดับด้วยแพขนตายาวงอนรับกับคิ้วเข้มได้รูป ยิ่งขับเน้นความลุ่มลึกน่าค้นหา ใบหน้าของเขาหล่อเหลาราวเทพบุตรกรีกก็มิปาน ด้วยโครงหน้าที่คมคายรับกับสันกรามเด่นชัด จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักสวยได้รูป ทุกองค์ประกอบบนใบหน้าราวกับได้รับการปั้นแต่งมาอย่างประณีตบรรจง เรือนผมสีน้ำตาลเข้มดุจเปลือกไม้ล้ำค่า ขับให้ผิวขาวอมเหลืองผุดผ่องตามแบบฉบับลูกครึ่งดูสว่างใสน่ามองยิ่งขึ้น รับกับรูปร่างสูงโปร่งสมส่วนที่แม้จะอยู่ในชุดทำงานก็ยังมองเห็นเค้าโครงของความแข็งแรงจากการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี รอยยิ้มมุมปากที่มักจะปรากฏขึ้นยามครุ่นคิดหรือเมื่อถูกใจนั้น ยิ่งเสริมให้บุคลิกของเขาดูมีเสน่ห์ลึกลับน่าค้นหา ชวนให้ใครต่อใครต้องเหลียวมองตามวิลเลียมก้าวเข้าสู่ห้องพักในวันทำงานของเขา ที่นี่เปรียบเสมือนโอเอซิสส่วนตัวที่เขาใช้พักพิงจากความวุ่นวาย แม้หนึ่งในสิ่งแรก ๆ ที่เขาครอบครองหลังธุรกิจปร
“คุณเพิ่งย้ายมาที่นี่เหรอครับ” วิลเอ่ยถามขณะที่พวกเขาเดินขึ้นบันได “มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”“ฉันเพิ่งเรียนจบน่ะค่ะ แล้วก็ได้งานที่นี่ ดีใจมาก ๆ เลย” สลิลหยุดยิ้มกว้างไม่ได้เมื่อนึกถึงเรื่องงาน เธอกำลังตั้งตารอการเริ่มต้นชีวิตจริงของตัวเองเสียที “ส่วนที่เลือกคอนโดฯ แห่งนี้...ก็แหม...ค่าเช่ามันพอสู้ไหวใช่ไหมล่ะคะ” เธอหัวเราะเบา ๆ “ก็เลยเลือกที่นี่แหละค่ะ”แต่เมื่อสบตาเขาอีกครั้ง สลิลก็เริ่มไม่แน่ใจว่าพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า เอาตามตรง เขาดูไม่เหมือนคนที่จะต้องเลือกที่อยู่เพราะเรื่องเงินเลยสักนิด สูทสั่งตัดเข้ารูปที่สวมอยู่นั้นบ่งบอกฐานะได้เป็นอย่างดี แต่ก็นั่นแหละ ในเมื่อเขาอยู่ที่นี่ มันก็ต้องมีเหตุผลของเขาสิน่า“ใช่ครับ ที่นี่ก็ดีทีเดียว” เขาพยักหน้ายิ้ม ดูไม่ถือสาอะไร “ผมชอบที่นี่เพราะมันอยู่ใกล้ที่ทำงานของผมน่ะครับ”“เหมือนกันเลยค่ะ!” สลิลโพล่งออกไปอย่างลืมตัว “ใช่ค่ะ เดินไปทำงานได้เลย สะดวกมาก”ในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงหน้าห้องของเธอ สลิลผลักประตูให้เปิดกว้าง พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่รู้สึกอับอายกับสภาพห้องที่รกจนแทบไม่มีทางเดิน เพราะเขาก็คงเข้าใจดีว่าการย้ายเข้าห้องใหม่มันวุ่นวา
“โธ่เว้ย!” หญิงสาวสบถกับตัวเองอย่างหัวเสีย หากมีของหล่นจากกล่องอีกแค่ชิ้นเดียว เส้นความอดทนของเธอคงขาดผึงลงตรงนี้เป็นแน่การต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืองที่ไม่คุ้นเคยมันช่างหนักหนาสาหัส โดยเฉพาะเมื่อห้องพักของเธออยู่บนชั้นสูงลิบที่ต้องแบกของขึ้นบันไดหลายต่อหลายขั้น แถมลิฟต์เจ้ากรรมก็ยังมาเสียอีกต่างหาก แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อชีวิตนี้เธอไม่เหลือใครให้เอ่ยปากขอความช่วยเหลือเลยสักคน จะให้หวนกลับไปอยู่บ้านเดิมก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป ที่นั่นไม่มีอะไรเหลือสำหรับเธอแล้วชีวิตใหม่ต้องเริ่มต้นที่นี่ เดี๋ยวนี้!สลิลโน้มตัวลงเก็บโคมไฟที่เพิ่งกลิ้งหล่นลงไปกองกับพื้น ก่อนจะบรรจงวางมันอย่างเบามือไว้บนสุดของกล่องลังอีกใบ พลางภาวนาให้มันทรงตัวอยู่ได้ตลอดทางที่เหลือ ถ้าไม่...เธอก็คงต้องวางมันทิ้งไว้บนขั้นบันไดนี่แหละ แล้วหวังว่าจะไม่มีใครมือดีหยิบฉวยไปหรือเดินสะดุดมันเข้า โชคยังดีที่ดูเหมือนว่ามันจะตั้งอยู่กับที่ เปิดโอกาสให้เธอค่อย ๆ ขยับกายขึ้นไปได้อีกหน่อยทว่าในแต่ละย่างก้าวที่หนักอึ้ง ความคิดกลับล่องลอยไปถึงทุกสิ่งที่เธอสลัดทิ้งไว้เบื้องหลัง ทุกสิ่งที่เธออยากจะวิ่งหนีให้พ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ดำร