จะเกิดอะไรขึ้น...เมื่อคุณตัดสินใจทิ้งอดีตอันเลวร้ายไว้ข้างหลัง แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ที่ไม่คุ้นเคย สำหรับ สลิล มันคือการเดิมพันเพื่ออิสรภาพจากเงาของความทรงจำอันเจ็บปวด เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่า ‘พรหมลิขิต’ จะมาทักทายในรูปแบบของ วิลเลียม...เพื่อนบ้านหนุ่มหล่อข้างห้องผู้แสนดีราวกับเทพบุตรในฝัน เขาคือแสงสว่างดวงแรกที่สาดส่องเข้ามาในชีวิตอันมืดมน คืออัศวินที่ทำให้หัวใจของเธอรู้จักคำว่า ‘หวั่นไหว’ เป็นครั้งแรก ทว่า...โลกที่เพิ่งจะเริ่มเป็นสีชมพูกลับต้องพังทลาย เมื่อเทพบุตรข้างห้องคนนั้น...กลับกลายเป็นเจ้านายคนใหม่ของเธอ! เมื่อความรักที่เพิ่งเริ่มต้นต้องถูกทดสอบด้วยความลับที่เขาปิดบัง สถานะที่แตกต่างราวฟ้ากับเหว และเงาจากอดีตอันมืดมนของเธอที่หวนกลับมาคุกคาม...ความสัมพันธ์ที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้นี้จะลงเอยเช่นไร? ระหว่างหน้าที่การงานที่เดิมพันด้วยอนาคตทั้งชีวิต กับหัวใจที่ร่ำร้องหาความรักที่อาจไม่มีวันเป็นจริง...สลิลจะเลือกทางเดินไหน? และวิลเลียม...อัศวินผู้พิทักษ์...จะสามารถปกป้องเธอได้ทั้งจากอันตรายภายนอก และจากความกลัวในใจของเธอเองได้หรือไม่?
View More“โธ่เว้ย!” หญิงสาวสบถกับตัวเองอย่างหัวเสีย หากมีของหล่นจากกล่องอีกแค่ชิ้นเดียว เส้นความอดทนของเธอคงขาดผึงลงตรงนี้เป็นแน่
การต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืองที่ไม่คุ้นเคยมันช่างหนักหนาสาหัส โดยเฉพาะเมื่อห้องพักของเธออยู่บนชั้นสูงลิบที่ต้องแบกของขึ้นบันไดหลายต่อหลายขั้น แถมลิฟต์เจ้ากรรมก็ยังมาเสียอีกต่างหาก แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อชีวิตนี้เธอไม่เหลือใครให้เอ่ยปากขอความช่วยเหลือเลยสักคน จะให้หวนกลับไปอยู่บ้านเดิมก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป ที่นั่นไม่มีอะไรเหลือสำหรับเธอแล้ว
ชีวิตใหม่ต้องเริ่มต้นที่นี่ เดี๋ยวนี้!
สลิลโน้มตัวลงเก็บโคมไฟที่เพิ่งกลิ้งหล่นลงไปกองกับพื้น ก่อนจะบรรจงวางมันอย่างเบามือไว้บนสุดของกล่องลังอีกใบ พลางภาวนาให้มันทรงตัวอยู่ได้ตลอดทางที่เหลือ ถ้าไม่...เธอก็คงต้องวางมันทิ้งไว้บนขั้นบันไดนี่แหละ แล้วหวังว่าจะไม่มีใครมือดีหยิบฉวยไปหรือเดินสะดุดมันเข้า โชคยังดีที่ดูเหมือนว่ามันจะตั้งอยู่กับที่ เปิดโอกาสให้เธอค่อย ๆ ขยับกายขึ้นไปได้อีกหน่อย
ทว่าในแต่ละย่างก้าวที่หนักอึ้ง ความคิดกลับล่องลอยไปถึงทุกสิ่งที่เธอสลัดทิ้งไว้เบื้องหลัง ทุกสิ่งที่เธออยากจะวิ่งหนีให้พ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ดำรง พ่อเลี้ยงใจร้ายของเธอ
มารดาอยู่กินกับเขามานานเท่าที่สลิลจำความได้ เธอไม่เคยมีภาพของบิดาผู้ให้กำเนิดอยู่ในความทรงจำ ดำรงจึงเป็นต้นแบบของผู้ชายเพียงคนเดียวในชีวิตที่เธอต้องทนเห็น และบอกได้เต็มปากว่าเขาไม่ใช่แบบอย่างที่ดีเลยแม้แต่น้อย ชีวิตของเธอภายใต้ชายคาเดียวกันกับเขา มีเพียงเสียงตวาดด่าทอและความเกรี้ยวกราด ความรุนแรงที่เกิดขึ้นหลังประตูบานที่ปิดสนิท แต่ก็ไม่เคยมีสิ่งใดเล็ดลอดสายตาของเธอไปได้
เพราะผู้ชายคนนั้น...คนที่ทำลายครอบครัวของเธอจนป่นปี้ สลิลจึงไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับมารดา ทั้งที่หัวใจของเธอโหยหาอ้อมกอดและความรักจากท่านไม่ต่างจากเด็กคนอื่น ๆ
มันยังส่งผลกระทบต่อมิตรภาพทั้งหมดของเธอ สลิลอยากมีใครสักคนไว้เคียงข้างเพื่อปลอบประโลม แต่กำแพงที่ก่อไว้สูงลิ่วในใจก็ทำให้เธอไม่กล้าเปิดรับใครเข้ามา เธอจึงไม่เคยมีเพื่อนสนิทจริง ๆ สักคน ไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ฉันหนุ่มสาวเลย ในขณะที่เพื่อนรุ่นเดียวกันเริ่มออกเดท เธอก็ยังคงจมจ่อมอยู่กับการเรียนอย่างหนัก เพียงเพื่อไขว่คว้าหาหนทางหลุดพ้น
สลิลรู้ดีว่าการศึกษาคือใบเบิกทางเดียวที่จะทำให้เธอก้าวต่อไปได้ เธอจึงทุ่มเททุกอย่างให้กับการเรียน แม้จะต้องพลาดช่วงเวลาดี ๆ ในชีวิตวัยรุ่นไปมากมาย แต่การเสียสละครั้งนี้มันคุ้มค่า เพราะเธอไม่อยากจมปลักอยู่กับเงาของดำรงอีกต่อไป เป้าหมายสูงสุดในชีวิตของเธอคือการหนีไปให้ไกลจากเขาให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แน่นอนว่าเธออยากจะพาแม่ออกมาด้วยใจจะขาด แต่ท่านก็ยังคงหลงผู้ชายคนนั้นหัวปักหัวปำ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
นั่นคือเหตุผลที่สลิลมาอยู่ที่นี่ ในสถานที่แห่งใหม่ เพียงลำพัง และพร้อมจะมุ่งมั่นกับอนาคตที่รออยู่เบื้องหน้า เธอตั้งใจว่าจะต้องกลับไปช่วยแม่ให้ได้เมื่อถึงเวลาที่ท่านพร้อม แต่สำหรับตอนนี้ เธอต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเสียก่อน และความทุ่มเททั้งหมดของเธอก็คุ้มค่า...เมื่อเธอได้งานในฝันที่รอคอยมานาน และแทบจะอดใจรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ไม่ไหว
“โอ๊ย! ให้มันได้อย่างนี้สิ!” สลิลกลอกตามองบน เมื่อของอีกชิ้นกลิ้งหลุดออกจากกล่อง เธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเป็นอะไร เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่เริ่มหดหาย ความเหนื่อยล้าถาโถมเข้าใส่จนแทบจะยืนไม่ไหว “เอาเถอะ...นอนอยู่ตรงนั้นไปก่อนแล้วกันนะ”
“ให้ผมช่วยไหมครับ”
เสียงทุ้มนุ่มชวนฟังทว่าสำเนียงแปร่งหูดังขึ้นจากด้านหลัง ทำเอาสลิลสะดุ้งสุดตัวจนข้าวของอีกสองสามชิ้นร่วงกราวลงมาจากกล่องตามไปด้วย
“คุณโอเคหรือเปล่าครับ?”
“เอ่อ...” สลิลพยายามจะหันไปมองเจ้าของเสียง แต่บันไดที่แคบเกินไปก็ทำให้เธอทำได้เพียงขยับตัวอย่างยากลำบาก “ฉัน...ฉันไม่เป็นไรค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำของหล่นเกะกะ พอดีเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ค่ะ”
“อ้อ ถ้าอย่างนั้นให้ผมช่วยดีกว่า คุณคงขนทั้งหมดคนเดียวไม่ไหวแน่ ๆ” เขาอาสา “ผมพอมีเวลาอยู่บ้างครับ”
สลิลกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ ทั้งที่ใจจริงอยากจะร้องตะโกนขอความช่วยเหลือใจจะขาด แต่ความรู้สึกอับอายมันมีมากกว่า ทว่าเขากลับตรงเข้ามายกกล่องใบนั้นไปจากมือเธอหน้าตาเฉย ราวกับว่ามันเบาเหมือนปุยนุ่น ซึ่งเมื่อเห็นมัดกล้ามแข็งแรงบนต้นแขนของเขา มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก
ชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีเข้มและนัยน์ตาสีฟ้าคมกริบคู่นั้น รูปลักษณ์ของชาวต่างชาติที่เหมือนกับชายในฝันที่เธอเคยวาดไว้ไม่มีผิดเพี้ยน สลิลตกอยู่ในภวังค์จนพูดอะไรไม่ออก แม้แต่คำขอบคุณ เธอก้าวถอยหลังเล็กน้อยเพื่อให้เขาเดินผ่านไปได้ แล้วก้มหน้าลงซ่อนความร้อนผ่าวที่แล่นริ้วขึ้นมาบนพวงแก้ม บางทีการอยู่คนเดียวอาจจะดีกว่านี้ การมีเขาอยู่ตรงนี้อาจทำให้ทุกอย่างยากขึ้นสำหรับเธอก็เป็นได้
“แล้ว...คุณอยู่ห้องไหนครับ” เขาถามพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจเธอแทบหยุดเต้น “อ้อ ผมชื่อ วิล นะครับ”
“ห้องแปดศูนย์สองค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ “อยู่สูงหน่อย...ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
“อ้อ! งั้นคุณก็คือคนที่ย้ายเข้ามาอยู่ห้องข้าง ๆ ผมน่ะสิ!” เขาดูประหลาดใจ แต่ก็ยังไม่เท่าครึ่งของความตกตะลึงที่เธอรู้สึก สลิลไม่เคยคิดถึงเรื่องเพื่อนบ้านมาก่อน แต่การได้รู้ว่าเพื่อนข้างห้องคือเขามันช่างเหนือความคาดหมายจริง ๆ “อย่างนี้ก็ง่ายเลยสิครับ ถ้าไม่ว่าอะไร ให้ผมช่วยขนของที่เหลือขึ้นไปให้ไหม”
“หา? จริงเหรอคะ” สลิลกลืนก้อนความรู้สึกตื้นตันลงคออย่างยากลำบาก “ฉัน...ฉันชื่อสลิลค่ะ ขอบคุณมากจริง ๆ นะคะ”
เขาเหมือนอัศวินม้าขาว...อัศวินม้าขาวที่หล่อเหลาเอาการ ผู้ชายที่ราวกับหลุดออกมาจากหนังสือนิทานที่เธอเคยหลงใหลในวัยเยาว์ สลิลเคยฝันอยากจะเป็นเจ้าหญิงบนหอคอยสูงที่ถูกจองจำ รอคอยให้เจ้าชายรูปงามมาปลดปล่อย...แต่ในชีวิตจริงไม่มีเจ้าชายคนไหนมาช่วยเธอ เธอพาตัวเองออกมาจากนรกขุมนั้นได้ด้วยตัวเอง แต่การปรากฏตัวของเขาตอนนี้ ก็ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นหญิงสาวผู้เปราะบางที่ได้รับการช่วยเหลือจากฮีโร่ข้างห้องอย่างไรอย่างนั้น
หกเดือนต่อมา…“โห...คุณตกแต่งที่นี่จนกลายเป็นบ้านที่อบอุ่นเลยนะครับเนี่ย” วิลเลียมยิ้มให้สวยขณะมองไปรอบ ๆ คอนโดที่ครั้งหนึ่งเคยว่างเปล่า แต่ตอนนี้กลับเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา “ตอนที่ผมอยู่ที่นี่มันดูโล่งอๆ น่าเบื่อตลอดเลยครับ แต่ก็นั่นแหละ เพราะมันเป็นแค่ที่พักชั่วคราว ไม่ใช่บ้านจริง ๆ”วิลเลียมอยากจะให้ท่านได้เริ่มต้นชีวิตที่ดี เขาจึงท่านเช่าคอนโดของเขาในราคาที่ถูกมาก เพราะต้องการให้ท่านมีที่พักพิงที่มั่นคง ปลอดภัย และอยู่ใกล้กับลูกสาว เพราะถึงแม้ว่าตอนนี้ท่านจะทำงานได้ดีและดูเข้มแข็งขึ้นมากนับตั้งแต่ดำรงถูกขังคุกไป แต่สลิลก็ยังคงกังวลว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งอดีตจะย้อนกลับมาหลอกหลอนท่าน และการมีลูกสาวอยู่ใกล้ ๆ คือสิ่งที่ดีที่สุด แม่ลูกกำลังได้เรียกคืนช่วงเวลาอันมีค่าในฐานะแม่ลูกที่ถูกพรากไปนานหลายปีกลับคืนมา“มันก็แปลกดีนะคะที่คิดว่าครั้งหนึ่งสลิลเคยพักอยู่ห้องข้าง ๆ ที่นี่” มาเรียลูบมือไปตามผนังที่ทาสีใหม่อย่างอ่อนโยน “ไม่นานก่อนที่ลูกสาวฉันจะย้ายเข้าไปอยู่กับคุณแบบเต็มต
“วิลไปแล้วเหรอลูก?” แม่เอ่ยถามสลิลทันทีที่ประตูห้องปิดลงตามหลังชายหนุ่ม “เพราะถ้าเขาไปแล้ว แม่มีเรื่องอยากจะคุยกับลูกหน่อยนะ” ท่านคงจะเห็นสีหน้าหวาดหวั่นของเธอเป็นแน่ เพราะท่านรีบหัวเราะแล้วแก้ไขคำพูดตัวเองทันที “ขอโทษทีนะลูก แม่ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันฟังดูน่ากังวลขนาดนั้น แม่ก็แค่ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับลูกเรื่องนี้เลยน่ะ”แม่ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาหรูหราแล้วตบที่ว่างข้าง ๆ สลิลค่อย ๆ นั่งลงอย่างระมัดระวัง แต่ก็ต้องยอมรับว่าเธอรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว มีบางอย่างในสถานการณ์นี้ที่ทำให้เธอรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก“มีอะไรหรือคะแม่ แม่ทำหน้าแปลก ๆ นะคะ”“ความสัมพันธ์ระหว่างลูกกับคุณวิลเป็นยังไงกันแน่ แล้วก็อย่ามาตอบแม่ด้วยเรื่องไร้สาระอย่าง ‘เป็นแค่เพื่อนกัน’ หรือ ‘เขาเป็นเจ้านาย’ ด้วยล่ะ เพราะแม่ไม่เชื่อหรอก แม่รู้จักลูกดี ลูกอาจจะคิดว่าแม่เอาแต่สนใจเรื่องของดำรงมาโดยตลอด ในแง่หนึ่งลูกก็พูดถูกนะ เพราะแม่ต้องคอยระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลาเวลาที่อยู่ใกล้เขา ซึ่งมันก็ทำให้ยากมากที่จะมอ
“คุณแน่ใจนะคะว่ามันโอเคจริง ๆ” สลิลกระซิบถามวิลเลียมเป็นครั้งที่ร้อยเห็นจะได้ “ฉันไม่อยากจะทำให้คุณต้องมาลำบากกับเรื่องทั้งหมดนี้นะคะ คุณทำเพื่อพวกเรามามากเกินพอแล้ว ฉันไม่อยากรบกวนคุณไปมากกว่านี้อีกแล้วค่ะวิล”“สลิล ผมอยากให้คุณอยู่ที่นี่นะ” วิลเลียมก้าวลงจากรถแล้วโอบแขนรอบตัวเธออย่างปลอบโยนเมื่อเธอทำเช่นเดียวกัน เขาไม่รู้แน่ชัดว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาอยู่ในสถานะไหน มันยังไม่มีอะไรที่มั่นคงแน่นอนระหว่างพวกเขาสองคน แต่ช่วงนี้พวกเขาก็เริ่มจะรู้สึกสบายใจกับการสัมผัสทางกายเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อกันและกันมากขึ้นแล้ว “อีกอย่างนะครับ ที่นี่มันก็เป็นแค่บ้านพักผ่อนช่วงสุดสัปดาห์ของผมเท่านั้นเอง” เขาชี้ไปยังคฤหาสน์หลังใหญ่ และดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ “ผมไม่ได้ใช้เวลาอยู่ที่นี่มากนักหรอกเพราะมันใหญ่เกินไปสำหรับคนคนเดียว เพราะฉะนั้นมันคงจะดีไม่น้อยถ้าจะมีเสียงครึกครื้นขึ้นมาบ้างในบ้านหลังนี้”“ที่นี่สวยมากเลยค่ะ” เธอยกมือเท้าสะเอวแล้วจ้องมองอาคารหลังนั้นด้วยความ
ท่ามกลางความเงียบของห้องพักผู้ป่วย มีเพียงเสียงเครื่องวัดสัญญาณชีพที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ สลิลกุมมือที่เย็นชืดของมารดาไว้แน่น พร่ำสวดภาวนาในใจขอให้ท่านตื่นขึ้นเสียที แม้จะได้รับการยืนยันจากแพทย์แล้วว่าตอนนี้อาการของท่านคงที่และจะฟื้นตัวได้อย่างแน่นอน แต่อย่างน้อยก็ทางร่างกาย ทว่าเปลือกตาที่ยังคงปิดสนิทของท่านนั้นกำลังทรมานใจเธอเหลือเกิน“แม่คะ ตอนนี้แม่ต้องเลิกกับไอ้ดำรงจริง ๆ ได้แล้วนะคะ แม่ต้องทำค่ะ เราจะปล่อยให้เรื่องมันเป็นเหมือนเดิมต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ตอนนี้แม่เห็นแล้วใช่ไหมคะ”สลิลโน้มศีรษะลงไปซบเบา ๆ บนหน้าอกของท่าน การได้ยินเสียงหัวใจของท่านเต้นอยู่ช่วยให้ใจชื้นขึ้นบ้าง แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ จนกว่าเธอจะได้รับการยืนยันจากปากท่านเองว่าในที่สุดท่านจะทำให้ชีวิตของตัวเองดีขึ้น เธอก็คงจะยังไม่สามารถผ่อนคลายลงได้ ความกังวลว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจะยังคงตามหลอกหลอนเธอเสมอ“ครั้งนี้มันจะต้องเข้าคุกแน่ค่ะถ้าแม่เอาเรื่องจริง ๆ มีหลักฐานเยอะมากเลยนะคะ แม่อย่ายอม
“ไม่มีทาง!”วิลเลียมอาจถูกไอ้สารเลวนั่นเล่นงานทีเผลอได้เพราะมันจู่โจมเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้เขาตกอยู่ในกำมือของมันชั่วขณะ แต่เขาจะไม่ยอมให้มันไปถึงตัวสลิลได้เด็ดขาด ไม่มีทาง ไม่มีทางเป็นไปได้แม้แต่น้อย แม้จะต้องเสี่ยงอันตราย แต่เขาจะไม่ยอมให้มันทำร้ายสลิลเด็ดขาด มันไม่มีสิทธิมาทำอะไรสลิลได้ทั้งนั้น ดูเหมือนว่ามันจะทำร้ายแม่ของเธอไปอย่างหนักหนาสาหัสแล้วโชคดีที่เขาตามสลิลเข้าไปมาในบ้านและรออยู่ที่ประตูหน้า เขารู้ว่าเธอไม่อยากให้เขาทำเช่นนั้น แต่สัญชาตญาณของเขามันบอกว่านี่คือสิ่งที่ถูกต้องที่ควรจะทำ และสัญชาตญาณของเขาก็ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังสักครั้งวิลเลียมกระโจนเข้าใส่ดำรงตอนที่มันกำลังเผลอและทันจะได้ไปถึงตัวสลิล เขาซัดมันล้มลงกับพื้น ด้วยปริมาณแอลกอฮอล์ที่มันดื่มเข้าไป มันจึงล้มลงอย่างง่ายดาย และครั้งนี้เขาก็สามารถจับกดมันไว้ได้สำเร็จ เมื่อร่างใหญ่โตของมันล้มลงและถูกเขากดทับไว้จนดิ้นไม่หลุดแล้วนั่นแหละ ที่ในที่สุดเขาก็ได้สบตากับเธอ สลิลตัวแข็งทื่อ หวาดกลัว ไม่กล้าขยับเ
“เราถึงแล้วค่ะ”สลิลผงกศีรษะขึ้นจากไหล่แกร่งที่ใช้เป็นที่พักพิงมาตลอดทันทีที่ภาพเบื้องหน้าเริ่มคุ้นตา บ้านหลังเดิมที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันเลวร้าย และคืนนี้ก็คงจะไม่ได้มาสร้างความทรงจำที่ดีใด ๆ เช่นกัน“นั่นแหละค่ะ บ้านฉัน แต่ทำไมมันถึงได้ดูมืดขนาดนี้นะ ฉันไม่ชอบเลย”ความหวาดกลัวระลอกใหม่เข้าครอบงำเธอ บางทีเธออาจจะมาช้าเกินไป ไอ้สารเลวนั่นอาจจะพาแม่ของเธอหนีไปแล้วก็เป็นได้“จอดตรงนี้ค่ะ” เธอปลดเข็มขัดนิรภัยออกอย่างรวดเร็ว “รออยู่ที่นี่นะคะ ฉันจะเข้าไปดูข้างในเองค่ะ”สลิลรีบกระโดดลงจากรถก่อนที่วิลเลียมจะทันได้โต้แย้ง เธอรู้ดีว่าเขาเป็นคนอย่างไร เธอมั่นใจว่าเขาจะต้องอยากจะไปกับเธอ อยากจะมาช่วยชีวิตเธอ เพราะเขาคืออัศวินตัวจริง แต่เธอต้องการให้เขาอยู่ในรถ เธอไม่อยากให้เขามาเห็นความยุ่งเหยิงในชีวิตครอบครัวของเธอ เธอไม่อยากให้เขามาเห็นมันด้วยตาตัวเองจริง ๆ เพราะมันมากเกินไปเธอผลักประตูหน้าบ้า
Comments