นรินทร์รีบวิ่งเข้าไปหายายชราคนนั้น ในใจคิดอย่างเดียวว่ายายคนนี้อาจจะเป็นหญิงชราในหมู่บ้านก็ได้และอาจจะกำลังเดินกลับไปยังท้ายเทวาลัยเพื่อเข้าหมู่บ้าน เพียงอีกแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงอย่างที่เธอเดินมาเมื่อครู่นรินทร์คิดอย่างนั้น
“มาหากินประทังชีวิตน่ะจ้ะ...ยายหิวน้ำเหลือเกิน...” เสียงแหบสั่นเครือดูน่าสงสารทำให้นรินทร์ถึงกับมองซ้ายมองขวา อย่างน้อยเถาวัลย์น่าจะมีน้ำด้วยในอยู่บ้าง
“รอเดี๋ยวนะคะยาย เดี๋ยวฉันไปหาน้ำมาให้”
“ไม่ต้องหรอกแม่หนู...ยายต้องการแค่เลือดของหนูเท่านั้นล่ะ ฮี่ฮี่ฮี่...” จากยายที่น่าเวทนานั่งหมดแรงเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นยายแก่ยืนหลังคร่อมก่อนจะก้มลงเอามือเหี่ยวสองข้างทาบติดกับพื้น สะบัดหน้าเงยขึ้นจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าตาเขม็ง ดวงตัวแปรเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน ผิวหนังเหี่ยวย่นขยายตัวใหญ่มีขนลายพาดกลอนขึ้นเต็มตัวไปหมด เขี้ยวยาวงอกออกมาอย่างน่าป
“คุณคงเจอเรื่องอะไรมาเยอะน่ะครับ เลยทำให้ระแวงไปหมด” พอเขาพูดแบบนั้นนรินทร์ก็ทำท่าครุ่นคิดก่อนจะลูบใบหน้าของตัวเอง มันเป็นอย่างที่เขาพูดจริงว่าเธอเจอเรื่องแปลกๆมาเยอะจนไม่รู้เรื่องไหนเป็นเรื่องจริงเรื่องไหนคือความฝันและเธออาจจะคิดไปเองก็ได้“แล้วงูตัวนั้น มันคือตัวอะไรกัน...”“ก็...งูใหญ่ทั่วไปน่ะครับ ที่นี่เป็นป่าเขาที่ห่างไกลผู้คนและอุดมสมบูรณ์ จึงไม่แปลกที่จะมีงูขนาดใหญ่แบบนั้น”“ใหญ่กว่าตัวคนเนี่ยนะ”“ก็เหมือนงูอนาคอนดาในยุโรปนั่นแหละครับ...”“งั้นเหรอคะ” นรินทร์พยักหน้าแม้จะไม่อยากเชื่อเท่าไหร่ เพราะเธอไม่เคยเห็นงูเขียวตัวใหญ่ขนาดนั้นมาก่อนมันจึงเป็นเรื่องแปลก งูที่ยาวหลายเมตรมีก็จริงแต่ลำตัวไม่เกินตัวคน...แต่นี่ทั้งลำตัวทั้งหัวใหญ่กว่าตัวคนหลายเท่าคิดๆแล้วก็ขนลุกจนเธอเผลอกอดตัวเองแล้วลูบแขนไปมา“คุณกลัวเหรอครับ?”“กลัวสิคะ น่ากลัวจนขนลุกไปหมด” นรินทร์พูดพร้อมทำสีหน้าท่าทางที่ดูขยะแขยง พชรเห็นอย่างนั้นก็ถึงกับเจ็บแปล๊บขึ้นมาที่หัวใจ ความเจ็บปวดนี้มันทำให้เขาสุดที่จะเก็บกลั้นน้ำตาเอาไว้จึงลุกพรวดขึ้นแล้วยืนหันหลังให้เธอ...ถ้าเธอรู
พญาเพชรแก้วในร่างพชรอุ้มร่างของนรินทร์กลับที่บ้านของตัวเองพร้อมกับโทรบอกนิลนนท์ว่านรินทร์เป็นลมเขาแลยมาพาพักที่บ้านหลังใหญ่ท้ายหมู่บ้าน บ้านหลังใหญ่ที่ใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านแห่งนี้ พื้นที่บ้านมีสวนดอกไม้มากมายซ้ำยังมีธารน้ำไหลผ่านตรงสวน ตัวบ้านเป็นเหมือนเรือนไทยร่วมสมัยเพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกตามยุคสมัยใหม่ มันตราเองก็เดินทุลักทุเลตามพชรมาติดๆ ก่อนที่แสงศรจะเดินเข้ามาพามันตราไปพักที่ห้องอื่น แม้ว่าจะไม่ค่อยไว้ใจมันตราเท่าไหร่นักก็ตามจากการสัมผัสพลังของมันตรามันคือพลังเดียวกับที่รู้สึกได้ภายในถ้ำตื้นม่านน้ำตกหลังเทวาลัย แต่ถึงอย่างนั้นหากเป็นคำสั่งขององค์เพชรแก้วเขาก็ไม่กล้าที่จะขัด พชรวางร่างของนรินทร์ไว้บนเตียงกว้างราวแปดฟุตอย่างเบามือ พร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ก่อนจะหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ จับจ้องดวงหน้าที่คุ้นเคยมานานเป็นพั
‘มันตรา’ เป็นนาคีสีเขียวตองอ่อนถือกำเนิดจากไข่ของนางงูเขียวในป่าเขาไม่ไกลจากบูรบุรีมากนัก ถิ่นอาศัยก็ถามป่าเขาเหมือนงูเขียวทั่วไป นางเป็นงูที่บังเอิญได้เจองูใหญ่สีแดงมีหงอนเพียงเพราะเลื้อยเล่นในป่าดันไปตัดหน้าทางของนางงูใหญ่ตนนั้น ด้วยความหวาดกลัวจึงผงกหัวนอบน้อมเป็นเชิงขอโทษก่อนที่นางงูใหญ่ลำตัวสีแดงจะแปลงกายเป็นหญิงสาวจับจ้องมองเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมีเมตตา “เจ้าคงจักผลัดถิ่นมาใช่หรือไม่เจ้างูน้อย” ด้วยความที่เป็นงู สมองของงูมีเพียงน้อยนิดสายตาพร่ามัวจับได้แต่เพียงคลื่นความร้อน และจะจดจำแยกแยะกลิ่นได้เพียงเหยื่อและพวกเดียวกัน มีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอดเท่านั้น มันจึงได้แต่ชูคอน้อยๆมองร่างหญิงสาวนั้นตาแป๋ว แต่น่าแปลกที่งูน้อยกลับเข้าใจในสิ่งที่นางพูด งูไม่มีหูไม่ได้ยินเสียงใดนอกจากภาษาจิตที่แรงกล้าของพวกเดียวกันเท่านั้น “เจ้าช่างน่าเอ็น
“คุณพชร...ฉันไม่มีอะไรจะอธิบายหรอกค่ะ ตัวฉันเองยังไม่มั่นใจเลยด้วยซ้ำจะอธิบายกับคุณได้ยังไง”นรินทร์พูดขึ้นพลางทำสีหน้าจริงจัง พชรนิ่งเงียบพร้อมกับจ้องมองดวงหน้าสวยที่ดูเป็นกังวลแตกต่างจากทุกที เขาเองอาจจะหลงลืมไปว่านางในดวงใจในตอนนี้นั้นเป็นเพียงมนุษย์และเชื่อในสิ่งที่เห็นเท่านั้น ไม่ได้มีจิตแก่กล้าหยั่งรู้เรื่องที่เหนือจินตนาการได้“ฉันขอบคุณมากนะคะที่เป็นห่วง ในฐานะเพื่อนคุณคือเพื่อนที่ดีมากค่ะ แต่เรื่องนี้ฉันขอไม่พูดถึงมัน”นรินทร์เลือกที่จะขีดเส้นกั้นความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา มันคือหนทางเดียวที่จะทำให้เธอเจ็บน้อยที่สุด...ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกว่าพชรจะคิดเหมือนกันกับเธอก็ตาม แต่อีกใจหนึ่งกลับไม่แน่ใจเพราะเขาไม่เคยพูดอะไรเลย จะมีแค่การกระทำที่ทำให้เธอดูเป็นคนพิเศษแต่นรินทร์ก็คิดว่าเขาอาจจะเป็นคนใจดีแบบนี้อยู่แล้วก็ได้พชรที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับพูดอะไรไม่ออก ตำแหน่งมิตรสหายที่เธอยกให้เขานั้นมันทำให้ใจรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา เขาปล่อยให้เธอเดินหันหลังจากเขาไปโดยที่เขาทำได้เพียงมองแผ่นนั้นด้วยแววตาเจ็บปวด ภาพนี้แววตานี้สินะที่น
สายตาจับจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มที่ดวงตาแดงไปหมดอีกทั้งยังมีหยดน้ำใสรื้นขึ้นมาครอบดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้น สันกรามถูกขบแน่นพร้อมมือที่กำหมัดแววตาฉายแววเจ็บปวดจนนรินทร์รู้สึกผิดไปหมด เธอหลบสายตาของเขาก่อนจะก้มจัดการตัวเองให้เรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นประจันหน้ากับพชรที่ยังคงทนนิ่งค้าง เธอมองเขาครู่หนึ่งคิดจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างออกไปแต่ก็พูดไม่ออก... ขนาดตัวเธอเองยังไม่รู้เลยว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น แล้วฝันบ้าๆแบบนั้นคือเรื่องจริงหรือแค่ฝัน แต่จากร่างกายที่รู้สึกอ่อนล้าแล้วมันเหมือนจริงจนเธอปฏิเสธไม่ออก พชรดึงสายตามองเธออย่างเงียบๆ ราวกับรอเธอพูดอะไรออกมาสักอย่าง เขาอดทนยืนรอไม่เหมือนเมื่อครั้งอดีตที่เขาไม่ทันได้ฟังมัน แต่ทว่า...นรินทร์กลับเดินผ่านเขาไปเฉยๆเสียอย่างนั้น พชรขมวดคิ้วแน่นเหลียวมองตามแผ่นหลังเธอไปอย่างเงียบๆ ภากรณ์เห็นอย่างนั้นก็ลุกขึ้นจัดการเสื้อผ้าที่หลุดลุ่
แสงตะวันสาดส่องเข้ามากระทบตา นรินทร์ค่อยๆลืมตาขึ้นมองรอบๆด้วยความไม่คุ้นอีกครั้งก่อนจะรีบลุกขึ้นก็พบว่าเสื้อผ้าตัวเองหลุดรุ่ยจึงหันไปมองข้างๆตัวมีแต่หินดินและม่านน้ำตกตรงหน้าคล้ายถ้ำ เธอขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ“อืม...” เสียงครางงัวเงียข้างๆเรียกความสนใจให้เธอหันไปมอง นรินทร์ตกใจสุดขีดถอยร่นออกห่างพร้อมกับมือที่จับเสื้อผ้าที่หลุดรุ่ยของตัวเองไว้แน่นมองภากรณ์ที่กำลังตื่นขึ้นอย่างไม่เข้าใจ เมื่อคืน...ไม่ใช่เขา...“คุณตื่นแล้วเหรอ? หึ...คุณนี่เด็ดใช้ได้เลยนะนรินทร์ คบกันมาตั้งหลายปีไม่ยักรู้”“คุณพูดบ้าอะไร!!” นรินทร์แผดเสียงออกไปอย่างหัวเสีย เธอคิดว่าไม่ใช่แน่ๆมันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ“ก็เห็นๆกันอยู่ยังจะถามอีกเหรอ? หรือว่าจะรื้อฟื้นอีกรอบดี?” ภากรณ์พูดพร้อมกับยิ้มกระลิ่มกระเลี่ยมองนรินทร์อย่างหื่นกระหายอีกครั้ง แต่นรินทร์ดูสับสนไปหมดหรือว่าเธอจะเขินอายที่ปล่อยลีลาเด็ดดวงออกมาง้อให้เขากลับไป...“คุณนรินทร์ครับ! คุณนรินทร์! อยู่ในนี้รึเปล่าครับ?” ไม่ทันที่จะได้คิดต่อก็ได้ยินเสียงเรียกจากด้านนอก
“ตามข้ามาสิ...เจ้าแม่นาง” นางนาคีพูดแค่นั้นก่อนจะเดินนำนรินทร์เข้าไปในถ้ำหลังม่านน้ำตกนั้น นรินทร์เดินตามไปอย่างว่าง่ายก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงข้างร่างของภากรณ์ที่นอนนิ่งอยู่“นอนลงไปสินรินทร์ ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุข” นางนาคีพูดพร้อมกับหัวร่วนมองนรินทร์ที่ค่อยๆนั่งลงแล้วนอนลงไปข้างกายภากรณ์ก่อนจะร่ายมนตรานาคาเข้าสู่ห้วงฝันไฟราคะกับชายหนุ่มที่อยู่ในใจของเธอ...คีภัทราที่เห็นว่าบริวารของตนทำงานสำเร็จก็อดหัวเราะร่วนออกมาอย่างสะใจไม่ได้หลังจากตื่นขึ้นมาจากสมาธิ เธอร่ายมนต์อีกชั้นไม่ให้ใครเข้าไปกวนใจหรือหาคนทั้งคู่เจอได้จนกว่าจะเช้า อย่างไรองค์เพชรแก้วก็ไม่สามารถเข้าไปช่วยนางได้ในยามนี้ เพราะเป็นเวลาที่เขาต้องภาวนาจำศีลเพื่อเพิ่มพลังบารมี เพราะการปรากฏกายต่อหน้าคนหมู่มากเพื่อสร้างตัวตนในกายหยาบนั้นมันต้องใช้พลังเยอะระดับหนึ่งแม้ว่านิลนนท์นั้นจะเคยเป็นบริวารของพญาเพชรแก้วมาก่อนแต่หากถือกำเนิดเป็นมนุษย์นั่นก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง แม้จะฝึกจิตใจมากมายแค่ไหนก็ไม่อาจจะหลีกหนีความจริงข้อนี้ไปได้ มนุษย์มีขีดกำจัดในการใช้จิตต่างๆอย่างหลักเลี่ยงไม่ได้เพรา
“ปกตินรินทร์อาบน้ำนานขนาดนี้เลยเหรอ?” นิลนนท์เอ่ยขึ้นเมื่อยังไม่เห็นนรินทร์กลับขึ้นมาทุกคนมองหน้ากันไปมาเมื่อผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วแต่นรินทร์ก็ยังไม่มีวี่แววจะขึ้นมา“พี่นรินทร์อาบน้ำเร็วจะตาย วันนี้อาบนานผิดปกติ” มินตราตอบเมื่อมองซ้ายมองขวาไม่เห็นนรินทร์ตามที่นิลนนท์พูด“พี่นิลจะไปไหน” มินตราเอ่ยถามเมื่อเห็นนิลนนท์ลุกพรวดขึ้นทันที“จะไปดูนรินทร์หน่อย กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ยังไงก็ผู้หญิงนี่ก็ค่ำแล้วด้วย” นิลนนท์หันไปตอบมินตรา“ฮั่นแน่...เป็นห่วงขนาดนี้ไม่ใช่ว่าแอบหลงรักเพื่อนตัวเองเหรอครับพี่นิลนนท์” เทวินอดเอ่ยแซวไม่ได้ นิลนนท์ได้แต่ถอนหายใจแล้วส่ายหน้าไปมากับความคิดของเทวิน“ว้า ผมมีคู่แข่งเพิ่มอีกคนอย่างชัดเจนแล้วสิ”“เงียบไปเลยไอ้เทวิน มึงจะมาคิดเรื่องนี้ทำไมแทนที่จะไปดูพี่นรินทร์ก่อนว่าเป็นอะไรรึเปล่า” มินตราพูดขึ้นก่อนที่จะเดินนำชายหนุ่มทั้งสองลงมาจากบนบ้านและพบว่าประตูห้องน้ำเปิดอยู่เสื้อผ้าของนรินทร์ที่เตรียมมาอาบน้ำอยู่บนแคร่
“ว่าแต่พี่นรินทร์ เห็นพี่ภากรณ์บ้างไหมหายไปไหนเนี่ย? คงไม่หลงป่าอีกหรอกนะ” มินตราเอ่ยถามขึ้นระหว่างทางที่กำลังพากันเดินกลับไปยังที่พัก เพื่อจัดการเอาอุปกรณ์ต่างๆไปถ่ายภาพหมู่บ้านพร้อมกับเรียบเรียงบทความสำหรับนิตยสารเมื่อมองไปรอบๆไม่เห็นวี่แววของภากรณ์เดินตามมา “ไม่รู้สิ รายนั้นเขาคงไม่ไปไหนที่ทำให้ตัวเองหลงป่าหรือเดือดร้อนหรอก” นรินทร์เอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจ “จริงของพี่นรินทร์ คนเห็นแก่ตัวแบบนั้น” เทวินเอ่ยขึ้นอย่างเห็นด้วยกับที่นรินทร์พูด “แต่จะว่าไปก็น่าสงสารอยู่นะ มึงไม่คิดงั้นเหรอ? ตามมาคนเดียวซ้ำยังแยกจากกลุ่มอีก ภากรณ์ก็ไม่มีเพื่อนคนไหนเลยนะ มึงช่วยใจดีกับมันหน่อยเถอะ” นิลนนท์เอ่ยขึ้นอย่างนึกเห็นใจ นริน