Masukหลังจากที่เรียนเสร็จฉันก็ตรงกลับมาที่ห้องทันที วันนี้มีเรียนสองวิชาตอนบ่ายและตอนเย็น กว่าอาจารย์จะปล่อยก็ค่ำแล้ว เมื่อคืนก็นอนน้อย วันนี้เลยตั้งใจว่าจะไม่ออกไปไหนขอนอนพักอยู่ที่ห้องดีกว่า
ฉันที่ตอนนี้กำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงและไถไอจีไปด้วย ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะกดไปตรงช่องค้นหา ละพิมพ์ชื่อไอจีของบางคนลงไป
RUNWAY.Y
ใช่แล้ว ฉันกำลังส่องไอจีของรันเวย์อยู่ ._.
แต่ไม่ได้อะไรหรอกนะ ก็แค่เข้ามาดูเฉยๆ แค่นั้น (ร้อนตัว) พอเลื่อนดูเขาเองก็เป็นคนที่อัพโซเชียลบ่อยพอตัวเลยนะ ถ้าเทียบกับฉันที่ไอจีมีไม่เกิน 20 รูป แต่รันเวย์มีตั้งหลายร้อย แถมคอมเมนต์ก็เป็นผู้หญิงซะส่วนใหญ่
ฉันเลิกสนใจรูปในไอจีของรันเวย์ แต่สายตาก็ดันไปเห็นว่าเขามีสตอรี่ที่เพิ่งอัพพอดี ขอส่องอีกนิดแล้วกันนะ อิอิ
สตอรี่รันเวย์ที่เพิ่งลงเหมือนจะเป็นบาร์ที่ไหนสักที่ ที่ดูแล้วไม่น่าจะใช่แถวมอเรา เอาเถอะมันเรื่องของเขานะโมอา เลิกสนใจได้แล้ว ฉันบอกกับตัวเองก่อนจะกดออกจากไอจี
ติ๊ง~
เสียงไลน์ดังขึ้น พอหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นพี่ณกร รุ่นพี่ปี 4 คณะเดียวกับฉันนั่นเอง
ฉันรู้จักกับพี่ณกรตั้งแต่ช่วงที่เข้าเรียนมาใหม่ๆ พอดีพี่เขาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับสายรหัสของฉันก็เลยได้เจอกันอยู่บ้าง
ณกร: กินข้าวหรือยังคะ?
โมอา: ยังค่า
โมอา: เพิ่งเรียนเสร็จก็ตรงกลับมาห้องเลย เหนื่อยมากวันนี้ : (
ณกร: งั้นไปกินข้าวกัน เดี๋ยวพี่ไปรับ
โมอา: เย่! ลาภปากแล้ววันนี้ ฮิๆ
สงสัยใช่มั้ยคะว่าทำไมพี่ณกรถึงทักมาชวนฉันไปกินข้าว เราไปไหนมาไหนด้วยกันค่อนข้างบ่อยค่ะ
ฉันมองพี่ณกรเป็นพี่ชายที่แสนดีคนหนึ่ง ส่วนพี่ณกรน่ะ ใครๆ ก็บอกว่าเขาตามจีบฉันอยู่ แต่ฉันไม่เห็นจะรู้สึกแบบนั้นอีกทั้งพี่ณกรเองก็ไม่เคยพูดออกมาตรงๆ ด้วย ฉันก็เลยไม่ได้ไปคาดคั้นอะไร ปล่อยให้เป็นแบบนี้แหละดีแล้ว
เพราะถ้าพี่ณกรออกตัวว่าจีบฉันขึ้นมาจริงๆ อาจจะเป็นฉันเองที่ถอยห่างออกมาจากพี่เขาก็ได้ จะว่ายังไงดี ฉันยังไม่พร้อมละมั้ง
ฉันจัดการเปลี่ยนชุดเพื่อออกไปกินข้าวกับพี่ณกร วันนี้ฉันเลือกใส่เสื้อกล้ามขนาดพอดีตัวกับกางเกงยีนขายาว รวบผมขึ้นเป็นหางม้าเพราะขี้เกียจมาจัดทรงใหม่ แล้วก็เติมหน้าเล็กน้อยเป็นอันเสร็จเรียบร้อย พร้อมออกแล้ว
ฉันมายืนรอพี่ณกรที่หน้าทางเข้าหอ เพื่อที่พอเขามาถึงจะได้ไปได้เลยไม่ต้องเสียเวลามารอกันอีก
กึก!
ในขณะที่กำลังยืนรอพี่ณกรอยู่ ฉันก็เจอกัน รันเวย์..
เขามากับผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่ง และตอนที่เขาเห็นฉันก็เหมือนจะตกใจเล็กน้อยซึ่งฉันเองก็ได้แต่ยิ้มบางๆ ให้ก่อนที่เขากับผู้หญิงคนนั้นจะเดินเข้าไปข้างในหอพัก
ปี๊น~
“รอนานมั้ยคะ?” พี่ณกรที่ขับรถมาจอดพอดีเปิดกระจกถามฉันที่ยืนรออยู่
“ไม่นานค่ะ ไปกันเลยนะ” ฉันตอบก่อนจะเดินอ้อมไปเปิดประตูขึ้นรถอีกฝั่ง
ใช้เวลาไม่นานพี่ณกรก็ขับรถพาฉันมายังร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ติดริมแม่น้ำ ถ้าทุกคนจะคิดว่ามันเป็นร้านอาหารหรูๆ ก็ผิดแล้วล่ะ เพราะมันคือร้านจิ้มจุ่มร้านโปรดของฉันเอง
ที่จริงพี่ณกรกับฉันไลฟ์สไตล์ต่างกันมากนะ พี่ณกรจะเหมือนเป็นลูกคุณหนูที่กินแต่ของตามห้าง ตามภัตตาคาร แต่พอเขาเริ่มมาชวนฉันไปกินข้าวด้วย วันหนึ่งฉันก็ยอมรับกับพี่ณกรไปตรงๆ ว่าฉันไม่ชอบอาหารอิตาเลี่ยน มันกินเยอะแล้วเลี่ยน ด้วยความใส่ใจช่วงหลังๆ พี่ณกรก็จะตามใจฉันพามาร้านโปรดประจำ
ร้านนี้ถึงจะเป็นร้านจิ้มจุ่มที่ดูธรรมดา แต่ว่าบรรยากาศดีมากเลยนะ ร้านตั้งแบบเอาท์ดอร์ใต้สะพานและอยู่ริมน้ำ ทำให้มีทั้งวิวแม่น้ำและแสงไฟจากบนสะพานให้ได้มองเพลินๆ บวกกับมีสายลมเย็นๆ ที่คอยพัดมาตลอดอีกด้วย
“โมอาเอาเหมือนเดิมมั้ยคะ?” พี่ณกรที่นั่งดูเมนูอยู่ถามฉันขึ้น
“เหมือนเดิมเลยค่ะ ^^” หลังจากที่ฉันตอบพี่ณกรไป เขาก็จัดการสั่งอาหารให้
“มากี่ทีๆ โมอาก็กินแต่แบบเดิมๆ” พี่ณกรพูดขึ้น
“โมอาชอบแบบนี้นี่คะ ชอบอะไรก็ชอบอยู่แบบนั้นแหละ ว่าแต่.. พี่ณกรพามากินแต่ของที่โมอาชอบ พี่ณกรโอเคใช่มั้ยคะ?” ฉันถามออกไป เพราะดูแล้วเขาไม่น่าจะมากินอะไรแบบนี้อยู่แล้ว
“สารภาพตรงๆ เลยก็ได้ ตอนครั้งแรกที่โมอาพาพี่มากินที่นี่กลับไปพี่ท้องเสียเลย ฮ่าๆๆ แต่ตอนนี้พี่ชินแล้ว และก็ว่ามันอร่อยดี แถมบรรยากาศก็ยังดีด้วย”
“แล้วทำไมพี่ไม่บอกโมอาล่ะคะ งั้นรอบหน้าเดี๋ยวตามใจพี่ณกรบ้างไปกินอาหารอิตาเลี่ยนกันก็ได้ค่ะ” ฉันบอกไป จะให้เขาพามากินแต่ของโปรดฉันตลอดก็แอบเกรงใจ
“ดีเลยค่ะ ฮ่าๆ งั้นรอบหน้านี่เป็นวันไหนดี พรุ่งนี้เลยมั้ย” พี่ณกรพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“พี่ณกร ดีใจออกนอกหน้าไปมั้ยคะ โมอารู้สึกผิดแล้วเนี่ย T^T” เมื่อเห็นพี่ณกรดูดีใจเกินเหตุ ฉันก็แอบรู้สึกผิดเล็กน้อยนะที่ให้เขาพามากินแต่อะไรแบบนี้
“ฮ่าๆๆ พี่ล้อเล่น เลิกหน้างอได้แล้ว” พี่ณกรหัวเราะร่วนพร้อมกับเอามือมาจับหัวของฉันเล่น
“พอเลยๆ”
ไม่นานอาหารที่สั่งไปก็ทยอยยกมาเสิร์ฟ เลยทำให้บทสนธนาก่อนหน้านี้ต้องหยุดลงเพราะสิ่งที่ล่อตาล่อใจมากกว่าก็คืออาหารตรงหน้านั่นเอง ฮิๆ
เราสองคนนั่งกินกันไปคุยเล่นกันไป หลังจากที่กินเสร็จแล้วพี่ณกรก็มาส่งฉันที่หอทันทีเพราะว่าพรุ่งนี้ฉันมีเรียนแต่เช้า
พอเข้าในห้องฉันจัดการอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน แต่ก่อนจะหลับตาก็หยิบมือถือขึ้นมาเช็กข้อความ และก็พบว่า…
RUNWAY.Y started following you.
RUNWAY.Y liked your photo.
ตอนเช้า
ฉันจัดการเช็กหน้าผมและการแต่งตัวอีกครั้งก่อนที่จะเตรียมออกจากห้อง วันนี้ช่วงเช้าฉันมีเรียนวิชาพีอาร์ [1]ซึ่งอาจารย์จะชอบให้นักศึกษาแต่งตัวจัดเต็มเพื่อเสริมความมั่นใจเวลาพรีเซนต์งานในแต่ละครั้ง
ฉันเปิดประตูห้องออกมา เตรียมพร้อมที่จะไปเรียนแต่สายตาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังห้องฝั่งตรงข้าม
แกร๊ก~
จังหวะดีเกินไปมั้ย!! รันเวย์เปิดประตูออกมาพอดี!!!!
และที่ตามรันเวย์ออกจากห้องมาติดๆ ก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นคนละคนกับที่ฉันเห็นเขาพาเข้าหอไปเมื่อคืน
เจ้าชู้เกินไปแล้วนะ...
ฉันได้แต่คิดในใจ : (
รันเวย์เองที่เห็นฉันมองอยู่เขาเพียงแค่ยักคิ้วให้เหมือนทักทาย ก่อนจะเดินลงลิฟต์ไปกับผู้หญิงคนนั้น
@มหาวิทยาลัย W
“ไงอาร์ต คนอื่นๆ นั่งอยู่ตรงไหน” ฉันที่มาถึงใต้ตึกคณะทักอาร์ตที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่
“แถวๆ ที่ประจำแหละ” อาร์ตพ่นควันออกก่อนจะหันมาตอบ ฉันพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินไปเพื่อไปหาเพื่อนๆ
“เดี๋ยว! รอก่อนเสร็จพอดี” อาร์ตเรียกฉันไว้ก่อนจะดับบุหรี่และเดินมาพร้อมกัน
“ไง.. วันนี้มาช้าเชียว ตื่นสายเหรอหรือว่าเดทจนดึกจ๊ะ” ทันทีที่ฉันเดินมาถึงโต๊ะ ไผ่หลิวก็แซวฉันทันที
“ไม่ได้เดทสักหน่อยก็แค่ไปกินข้าวมั้ย” ฉันตอบไป ก็เรื่องที่ไปกินข้าวกับพี่ณกรนั่นแหละ ฉันเห็นอยู่ว่าเขาลงสตอรี่และแท็กฉันมา
“พี่ณกรหล่อครบเครื่องแถมแสนดีขนาดนั้น แกยังใจแข็งอยู่ได้ยังไงกัน” ไผ่หลิวยังคงบ่นฉันต่อ
“พี่ณกรไม่ได้บอกนี่ว่าจีบฉัน แต่อย่าเพิ่งบอกเลยฉันยังไม่พร้อม” ฉันตอบไปตามความจริง
“ไม่พร้อม? ฮ่าๆๆ หรือว่าแกแอบไปมีใจให้คนเจ้าชู้ที่ไหนหรือเปล่าโมอา!”
“ฉันไม่ได้มีใจให้ใครทั้งนั้นแหละ ขึ้นเรียนกันเถอะวันนี้มีพรีเซนต์งาน”
ฉันพูดตัดบทก่อนจะเก็บของเตรียมตัวขึ้นเรียน ขืนอยู่แบบนี้ต่อไผ่หลิวก็จะซักไซ้ไม่เลิกนั่นแหละ
ฉันรู้ว่าคนเจ้าชู้ที่ไผ่หลิวพูดถึงคือใคร แต่ฉันจะไปมีใจให้คนแบบนั้นทำไมกันล่ะ ยิ่งวันนี้เห็นกับตาตัวเองด้วยแล้ว กลางคืนเข้าไปกับอีกคนตอนเช้าออกมากับอีกคน ฉันล่ะยอมใจหมอนั่นจริงๆ
ฉันอยู่ในที่ของฉัน พยายามอย่าพาตัวเองไปอยู่ในวงโคจรแบบนั้นเป็นดีที่สุดแล้วล่ะโมอา ถึงจะแอบเสียดายอยู่หน่อยๆ ก็เถอะ แต่ก็อย่างที่ไผ่หลิวบอกไว้ว่าถ้าเอาใจลงไปเล่นคนที่เสียใจก็คงไม่พ้นตัวฉันเอง
2 เดือนต่อมา“นี่โมอา รู้มั้ยว่าตั้งแต่รันเวย์กลับมาคบกับเธอเนี่ย การทำงานของฉันมันสดใสขึ้นมากกกก” เลิฟหันมาพูดกับโมอาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตั้งแต่ที่รันเวย์กลับมาคบกับโมอา เหมือนมีแสงสว่างออกมาจากตัวของเขา รันเวย์รีแล็กซ์มากขึ้น ยิ้มมากขึ้น แถมเวลาคุยงานกับลูกน้องก็ดูใจเย็นใจดีขึ้นอีกด้วยแรกๆ ทุกคนก็ไม่ชินที่รันเวย์เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือขนาดนี้ แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว เป็นแบบนี้มันก็ดีกับตัวพวกเขาทั้งนั้น ไม่ต้องคอยกังวลเวลาจะเข้าไปคุยงานกัน“โมอา!! โมอาๆๆๆ”เสียงตะโกนเรียกชื่อหญิงสาวดังลั่นแผนก ก่อนจะตามมาด้วยตัวของพี่ปอนด์ที่วิ่งมาด้วยความตื่นตระหนก“พี่ปอนด์ มีอะไรหรือเปล่าคะ? ทำไมวิ่งหน้าตั้งมาขนาดนี้” โมอาถามด้วยความสงสัย อะไรมันจะด่วนจนถึงขนาดต้องวิ่งลงมา โทรมาก็ได้นี่นา“รันเวย์เป็นลม!!” เมื่อตั้งสติได้พี่ปอนด์ก็บอกสาเหตุที่วิ่งมาหาหน้าตื่นนี่“ห๊าาาาาาาาา!”“ไม่ต้องมัวตกใจ รีบไปดูมันกับพี่ก่อนเถอะ” พูดจบพี่ปอนด์ก็ลากโมอาขึ้นไปที่แผนกของวิศวะทันที“รันเวย์เนี่ยนะคะเป็นลม เป็นไปได้ยังไง” โมอาถามออกไปด้วยความสงสัยตอนที่ทั้งคู่กำลังอยู่ในลิฟต์“พี่ก็สงสัย มันไม่เคยป่วยเลยด้วยซ้ำ แ
ช่วงที่หยุดยาวปีใหม่ที่ผ่านมาฉันกับรันเวย์เราอยู่ด้วยกันตลอด เรียกได้ว่าตั้งแต่ตื่นจนนอนไม่แยกจากกันเลย เหมือนกับว่าเราสองคนอยากจะชดเชยช่วงเวลาที่เสียไปให้แก่กันและกัน เขาบังคับให้ฉันย้ายมาอยู่กับเขาที่คอนโดเลย โดยใช้เหตุผลว่าช่วงที่เลิกกันไปเขานอนหลับไม่สนิทเลยสักคืน ฉันต้องรับผิดชอบโดยการมานอนกับเขาเพราะการที่มีฉันอยู่มันทำให้เขาหลับสนิท แล้วฉันจะเถียงอะไรได้ล่ะ! คนมันยังรู้สึกผิดอยู่ เขาว่ายังไงก็ต้องยอมหมดนั่นแหละ ฉันอัพเดทเรื่องที่กลับมาคบกับรันเวย์ให้เพื่อนๆ ในกลุ่มมหาลัยฟังแล้วนะ ทุกคนยินดีกับฉันมากๆ โดยเฉพาะไผ่หลิวที่มีแซะนิดหน่อยว่าถ้าตัดกันไม่ขาดขนาดนั้นไม่รู้จะเลิกกันทำไมให้เสียเวลาไปหลายปี แหะๆ “คนที่บริษัทจะไม่ตกใจแย่ใช่มั้ย ถ้าฉันลงไปจากรถนาย” ฉันพูดขึ้นมา ใช่ค่ะ! ตอนนี้ฉันอยู่บนรถกับรันเวย์ เราก็กำลังเดินทางเพื่อไปทำงานกัน และวันนี้ก็เป็นวันทำงานวันแรกหลังจากที่หยุดยาวช่วงปีใหม่มาด้วย เรียกได้ว่าเปิดตัวแรงเว่อร์!“ไม่เห็นเป็นไร ยังไงสักวันก็ต้องเห็นและฉันก็ไม่คิดจะปิดใครด้วย ไอ้พวกที่มันม่อๆ เธอไว้จะได้เลิกมายุ
บนรถ “รันเวย์เหรอ?”โมอาถามออกมาเสียงเบาทั้งๆ ที่ดวงตายังปิดสนิท เหมือนเธอจำได้ลางๆ ว่ารันเวย์เป็นคนพาเธอออกมาจากงาน แต่ตัวเธอเองก็เมาและง่วงมากจนไม่ได้สนใจอะไรสักเท่าไรแค่พอรู้สึกว่าอ้อมกอดนั้นมันดูคุ้นเคยแบบแปลกๆ เธอก็พร้อมจะทิ้งตัวและให้เขาพาเธอไปไหนก็ได้ตามแต่เขาจะพาไป“เมาแล้วก็เป็นอย่างนี้ทุกที ทำไมไม่ระวังตัว” รันเวย์หันมามองคนตัวเล็กที่นอนหลับตาอยู่เบาะข้างๆ เขาและพูดด้วยน้ำเสียงดุ“ฮะๆ จำได้ด้วยเหรอ… ฉันก็นึกว่านายลืมไปหมดแล้วซะอีก” ประโยคท้ายของโมอาพูดด้วยเสียงเศร้าๆ“เห็นทำเหมือนว่าไม่เคยรู้จักกัน ก็นึกว่าลืมกันไปแล้ว”“เธอเองต่างหากที่ทำเหมือนไม่รู้จักฉัน” คนตัวโตเถียงขึ้นมา ก็เป็นเธอเองไม่ใช่หรือไงที่พูดกับเขาแทบจะนับคำได้ แถมยังคอยหลบหน้าหลบตาอยู่ตลอดถ้ามีโอกาส“นายนั่นแหละ เริ่มก่อน!” คราวนี้คนตัวเล็กลืมตาขึ้นมาแล้วเถียงเสียงดัง แก้มแดงๆ กับดวงตาเยิ้มๆ นั่นดูก็รู้ว่าคงจะเมามากรันเวย์มองภาพนั้นพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย เพราะมันช่างดูน่ารักเหลือเกินในสายตาเขา ไม่ได้เห็นภาพแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ ไหนจะความรู้สึกเบิกบานในหัวใจนี่อีก“ฉันคิดถึงเธอ” เขาตัดสินใจพูดอ
ฉันทำงานที่บริษัทมาได้หลายอาทิตย์แล้ว และก็ได้ร่วมงานกับรันเวย์หลายครั้งแล้วด้วย เขาก็ยังเหมือนเดิม เย็นชา ทำเหมือนกับว่าเราไม่เคยรู้จักกัน แต่ฉันก็ไม่ได้คิดจะโกรธเขาหรอก ก็ตอนนั้นฉันเป็นคนเลือกที่จะเลิกไปเองนี่นา : ( “โมอา~ เธอเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงปีใหม่หรือยังจ้ะ” เลิฟตรงเข้ามาถามฉันทันทีที่เธอเข้ามาในออฟฟิศ “เตรียมตัวอะไรเหรอ?” ฉันถามด้วยความงุนงง คือก็พอรู้ว่าจะมีงานเลี้ยงปีใหม่ก่อนจะหยุดยาวแหละ แต่ไม่ยักรู้ว่าจะต้องเตรียมตัวอะไรด้วย “ก็การแสดงของแผนกเราไง ปกติแล้วทุกปีแต่ละแผนกจะต้องคิดการแสดงเพื่อไปแสดงในงานน่ะ ถึงบอสจะบอกว่าเอาง่ายๆ ไม่ต้องจริงจังมากแต่ว่าแต่ละแผนกก็เล่นใหญ่กันทุกปีเลย เหมือนเป็นหน้าเป็นตาของแต่ละแผนกนั้น” เลิฟอธิบาย “แล้วปีนี้แผนกเราแสดงอะไรกันเหรอ?” “ยังไม่ได้คิดเลยน่ะสิ แต่ว่าคนที่จะต้องแสดงน่ะมียัยเลม่อน มียู ส้ม และก็พวกเราสองคนนะจ้ะ” “หื้มมม~ ฉันก็ด้วยเหรอ?” ฉันทำหน้าตกใจเล็กน้อย สมัยเรียนก็โดดตอนคัดเลือกดาว พอมาทำงานยังจะต้องมาแสดงอะไรอีกเหรอ T^T “โมอาคือตั
โมอา’s Part 2 ปีผ่านไป หลังจากที่เรียนจบฉันก็ขอที่บ้านไปเวิร์คแอนด์ทราเวลมา เหตุผลก็เพราะอยากไปใช้ชีวิตเจออะไรใหม่ๆ สถานที่ใหม่ๆ ผู้คนใหม่ๆ อีกเหตุผลก็คือหนีไปทำใจด้วย ถ้ายังอยู่ที่เดิมเจออะไรเดิมๆ ฉันคงจะมูฟออนไม่ได้สักทีแน่ๆ T^T ตอนนี้ฉันกลับมาอยู่ที่ไทยแล้วล่ะ และก็กำลังจะเริ่มงานวันแรกวันนี้ ส่วนเพื่อนๆ ในกลุ่มเราก็มีคุยกันในไลน์กรุ๊ปตลอด แต่ว่ายังไม่ได้นัดเจอกันเลย เพราะไผ่หลิวเองไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ส่วนเมษาก็ทำงานไปด้วยพร้อมกับต่อโทไปด้วยทำให้เธอยุ่งจนไม่มีเวลาออกมาเจอใคร กั้งกับอาร์ตตอนนี้ก็เป็นผู้บริหารธุรกิจของที่บ้านไปแล้ว ตอนแรกสองคนนั้นชวนฉันไปทำงานที่บริษัทด้วย แต่ฉันเกรงใจไม่อยากให้ใครมองว่าใช้เส้นสายเพื่อนก็เลยเลือกที่จะหางานเองมากกว่า “สวัสดีค่ะ มัทฑิตา มารายตัวเข้างานวันแรกค่ะ” ฉันพูดขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้อง HR “สวัสดีจ้าโมอามาแต่เช้าเลยน้า งั้นเดี๋ยวเซ็นเอกสารสัญญากันเสร็จพี่จะพาไปที่แผนกของน้องนะจ้ะ”พี่องุ่น HR ประจำบริษัททักทายฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เราสองคนเคยเจอกันวันที่ฉันมาสำภาษณ์งานแล้วเหมือนได้ค
หลังจากวันนั้นที่รันเวย์เลิกกับโมอาเขาก็แทบจะไม่เป็นผู้เป็นคน เรียนก็ไปบ้างไม่ไปบ้าง โปรเจกต์ก็แทบจะไม่คืบหน้า “รันเวย์ถ้ามึงยังเป็นแบบนี้ มันจะเรียนไม่จบเอานะเว้ย” คุนพูดขึ้นตอนที่เขาเอาข้าวมาให้เพื่อนที่คอนโด เพราะถ้าไม่เอาข้าวมาให้และนั่งดูเพื่อนกินจนหมด รันเวย์ก็คงแทบจะไม่กินข้าวเลย ช่วงนี้ที่กินก็มีแต่เหล้า “เรียนไม่เท่าไร ข้าวปลาก็ไม่กินแบบนี้จะตายก่อนมั้ยวะ” เคนพูดเสริมขึ้นมา เขาเห็นเพื่อนหมกตัวอยู่แต่ในห้องมาหลายอาทิตย์แล้ว ถ้าไม่ใช่วิชาสำคัญที่จะต้องเข้าจริงๆ รันเวย์ก็ไม่ออกจากห้องเลย แล้วดูสภาพรันเวย์ตอนนี้สิ ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาเป็นที่หมายปองของสาวๆ ตอนนี้กลับทรุดโทรมและแห้งตอบ หนวดเคราก็รกรุงรัง เคนคิดภาพไม่ออกเลยว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้เรื่อยๆ เพื่อนเขาจะแย่ลงอีกแค่ไหน “โปรเจกต์จบของเราตอนนี้เครื่องมีปัญหาอยู่นะเว้ย พวกกูช่วยกันดูแล้วแต่แก้ไม่ได้ว่ะ ไอ้นักรบบอกว่ายังไงก็ต้องเป็นมึงมาแก้ มึงช่วยพาตัวเองเข้าไปที่คณะหน่อยได้มั้ยวะ”คุนยังคงพูดต่อไป ถึงแม้จะไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดจะเข้าหูเพื่อนบ้างหรือเปล่าก็ตาม ก็รันเว







