เข้าสู่ระบบโมอา’s Part
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ก่อนสมองจะค่อยๆ ประมวลผลเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน!
ทำบ้าอะไรลงไปวะเนี่ยย โมอา!!!!
อยากจะตีตัวเองนัก!
ถึงฉันจะเมาแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจำอะไรไม่ได้นะ ฉันรับรู้ทุกอย่าง ทุกการกระทำที่ฉันกับรันเวย์ทำด้วยกัน แล้วเมื่อคืนก็เหมือนบรรยากาศมันพาไป บวกกับความเมาด้วยแหละที่ทำให้เกิดเรื่องเลยเถิดแบบนั้นขึ้น
ฉันมองไปที่คนข้างๆ ที่ตอนนี้ยังหลับสนิทอยู่
เอาไงดี! หรือควรจะออกไปตอนนี้ก่อนรันเวย์จะตื่น… ฉันนอนตบตีกับความคิดตัวเองอยู่ในใจสักพัก ก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวเพื่อลงจากเตียง
เจ็บเหมือนกันนะเนี่ย T^T
หมับ!!!!
“อ๊ะ”
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ก้าวขาลงจากเตียง คนข้างๆ ก็เอาแขนขึ้นมาโอบฉันไว้ เหมือนรู้ทันว่าฉันจะหนี
“จะไปไหน นอนต่อสิ” เสียงงัวเงียพูดขึ้น เมื่อดึงร่างฉันเข้าไปใกล้ๆ ตัวของเขาแล้ว แถมตอนนี้ยังมาคลอเคลียแถวซอกคออีก
“ปะ ปล่อยได้แล้ว ฉันจะกลับห้อง” ฉันบอกพร้อมกับผลักรันเวย์ออกเบาๆ
“ได้ฉันแล้วก็จะทิ้งกันเลยเหรอ?” คราวนี้คนตัวโตลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับจ้องมาที่ฉันก่อนจะพูดขึ้น
“อะ อะไรของนาย เรื่องแบบนี้มันก็ปกตินี่ นายเองก็ทำ” ประโยคสุดท้ายฉันพูดเสียงแผ่ว
“ฉันได้ยินนะ” เขาทำเสียงดุใส่พร้อมกับหรี่ตามองจ้องฉันอย่างเอาเรื่อง
“แหะแหะ คือฉันมีเรียนน่ะ เลยจะกลับห้องไปอาบน้ำเตรียมไปเรียนแล้ว ส่วนเรื่องเมื่อคืนก็เมานี่เนอะ นายเองก็ไม่ได้คิดมากอะไรอยู่แล้วนี่เรื่องพวกนี้ เราก็แค่… วันไนท์สแตนกัน แค่นั้น” ฉันตัดสินใจพูดออกไปตรงๆ เพราะถ้าอยู่กันแบบนี้ฉันคงไปเรียนไม่ทันจริงๆ นั่นแหละ อีกอย่างตอนนี้ในใจคิดแต่อยากจะกลับห้องไปตั้งหลักก่อน
“หึ! เธอไปเรียนเถอะงั้น ไว้ค่อยคุยกันใหม่”
ฉันได้แต่พยักหน้ารับไม่ได้ตอบอะไรเขาอีก ก่อนจะรีบแต่งตัวแล้วออกจากห้องของรันเวย์มา
ปังง!
ฉันเข้ามาในห้องของตัวเองได้ก็เหมือนจะเข่าอ่อนทันที ยอมรับว่ายังเจ็บตรงนั้นอยู่เหมือนกัน แต่จะให้อยู่ในห้องเขาต่อก็ไม่ไหว ไม่รู้จะสู้หน้ายังไงหรือควรทำตัวยังไงดี
เพราะกลับมาตั้งหลักที่ห้องก่อนนั่นแหละดีแล้ว T^T
รันเวย์จะมองฉันเป็นผู้หญิงแบบไหนนะ เข้าห้องเขาไปครั้งแรกก็มีอะไรกันเลย และที่สำคัญเลยฉันเด็ดหรือเปล่า… ก็แบบมันเป็นครั้งแรกนี่นากลัวว่าจะเงอะงะเกินไปนะสิ แต่ดูจากปฏิกิริยาของรันเวย์เมื่อเช้าแล้วเขาก็น่าจะพอใจอยู่แหละมั้ง
ส่วนเรื่องของฉันกับเขาก็คงอย่างที่ฉันบอกไปนั่นแหละ ว่าเราก็แค่วันไนท์สแตน ฉันคงไม่ไปเรียกร้องให้เขาคบกับฉันเพื่อรับผิดชอบอะไรแบบนั้นหรอก นี่มันยุคไหนแล้ว
แต่ก่อนที่จะคิดอะไรไปมากกว่านี้ ตอนนี้ฉันคงต้องอาบน้ำไปเรียนก่อนแหละ จะสายแล้วด้วย และก็เมื่อคืนเมษาเป็นยังไงบ้างฉันเองก็ลืมไปเลย
ไว้ค่อยถามตอนเจอกันที่มอแล้วกัน…
.
.
@มหาวิทยาลัย W
สุดท้ายฉันก็เข้าคลาสเลทนิดหน่อย แถมมาหน้าสดอีกแล้วเลยต้องใส่แว่นหลอกๆ ไว้ T^T
“ทำไมมาช้า?” ไผ่หลิวถามขึ้นทันทีที่ฉันนั่งลงข้างๆ เธอ
“ฉันตื่นสาย” ฉันตอบไผ่หลิวก่อนจะมองเลยไปยังเมษาที่นั่งอยู่ถัดไป บนหัวของเธอมีผ้าก๊อซแปะไว้อยู่เลย
“เมษาแกเป็นยังไงบ้าง เมื่อคืนฉันหลับไปเลยขอโทษทีนะ TT”
“ไม่เป็นไรแล้ว แผลไม่ใหญ่มาก” เมษาหันมาตอบฉันพร้อมกับร้อยยิ้ม นั่นทำให้ฉันสบายใจขึ้นมาหน่อย
“เมื่อคืนรันเวย์ไปส่งแกปกติดีใช่มั้ย?” ไผ่หลิวหันมาถามอีกครั้ง
“อื้มม.. ก็พอถึงห้องฉันก็หลับไปเลย แล้วก็ตื่นสายด้วย” ฉันตัดสินใจโกหกเพื่อนไป เพราะยังไม่อยากให้ใครรู้เรื่องระหว่างฉันกับรันเวย์ อีกอย่างก็คือไผ่หลิวบ่นฉันแน่ๆ ฉันยังไม่พร้อมฟังเสียงยัยนี่
“โอเค งั้นเรียนเถอะตอนท้ายคาบจะมีควิชนะ” ไผ่หลิวพูดจบก็หันไปตั้งใจฟังอาจารย์สอนโดยที่ไม่ได้สนใจฉันอีก
รอดตัวไปทีนะโมอา ฟู่ว~
หลังจากที่พวกเราทำควิชท้ายคาบเสร็จเรียบร้อยก็มากินข้าวที่โรงอาหารของคณะเพื่อรอเรียนช่วงบ่ายอีกวิชา ส่วนเมษากั้งพากลับไปพักเพราะเธอบ่นปวดหัว และคงไม่ได้เข้าเรียนช่วงบ่ายด้วยกัน
“แกไปซื้อก่อนเลยไผ่หลิว ฉันจะนั่งรอเอง” ฉันบอกก่อนจะวางกระเป๋าลงที่โต๊ะและหย่อนตัวลงนั่ง
ระหว่างที่รอเพื่อนฉันก็นั่งมองนั่นมองนี่ไปเรื่อยเปื่อย สายตาก็ไปสะดุดกับร่างสูงที่เพิ่งแยกกันเมื่อเช้านี้ และเขาก็มากับผู้หญิง… ถ้าฉันจำไม่ผิดคนนี้เหมือนจะเป็นคนที่ออกมาจากห้องพร้อมเขาตอนเช้าวันก่อน
หึ! รันเวย์ก็คือรันเวย์อยู่วันยังค่ำ
“ฉันซื้อเสร็จแล้ว แกไปสิ” ไผ่หลิวพูดพร้อมกับวางจานข้าวลงที่โต๊ะ
“ว่าแต่เมื่อกี้แกมองอะไรอยู่” ก่อนจะหันไปตรงจุดที่ฉันมอง และเธอก็เห็นเหมือนที่ฉันเห็นเมื่อกี้
“อ๋ออ… รันเวย์ เอ๊ะ ผู้หญิงนั่นรู้สึกจะเป็นดาวคณะเราปีหนึ่งนะ รู้สึกจะชื่อไพลิน เพิ่งเข้ามาก็เสร็จรันเวย์แล้วเหรอเนี่ยไวไฟดีนี่”
“ช่างพวกเขาเถอะแก… เดี๋ยวฉันไปซื้อข้าวบ้าง”
ฉันพูดเสร็จก็ลุกไปทันที ไม่ได้อยากฟังอะไรไปมากกว่านี้ ไม่แน่ใจความรู้สึกของตัวเองตอนนี้เหมือนกันว่าฉันรู้สึกยังไง มันหน่วงๆ แอบผิดหวังนิดหน่อยที่ตอนเช้าพอแยกจากฉัน ตอนกลางวันก็มากับอีกคนเลย แต่อีกใจก็เถียงว่ารันเวย์ก็เป็นแบบนี้มาตลอดอีกอย่างฉันก็บอกเขาเองว่าเรื่องเมื่อคืนก็แค่วันไนท์สแตน
ฉันมาซื้อข้าวที่ร้านประจำ ซึ่งป้าคนขายจำฉันได้แม่นเพราะฉันชอบกินอยู่แค่ไม่กี่เมนู พอซื้อเสร็จฉันก็ตั้งใจจะเดินกลับไปที่โต๊ะแต่เหมือนใจมันลอยคิดเรื่องที่คาใจอยู่จนกระทั่ง…
“โมอา!! แกจะเดินไปไหนโต๊ะอยู่ทางนี้” และเสียงของไผ่หลิวเรียกสติฉันกลับมา
“แหะๆ พอดีวันนี้ฉันเบลอนิดหน่อย” ฉันยิ้มแห้งส่งไปให้เธอก่อนจะเดินย้อนกลับมานั่งที่โต๊ะอาหารของเรา
เมื่อกี้เสียงของไผ่หลิวน่าจะดังพอสมควรเลยแหละ เพราะทำให้หลายคนหันมามองที่เราสองคน รวมทั้งรันเวย์กับผู้หญิงที่ชื่อไพลินด้วย แต่ฉันไม่ได้สนใจเขาต่อ และก้มหน้ากินข้าวในจานของตัวเองไป
“เมื่อคืนก็ไม่ได้เมามากนี่ ทำไมวันนี้ดูเอ๋อจังอะแล้วยิ่งวันนี้เราเหลือกันแค่สองคนด้วย” ไผ่หลิวบ่นอุบ เพราะวันนี้อาร์ตก็ยังไม่กลับมาส่วนเมษากลับห้องไปแล้ว และกั้งเองที่ไปส่งเมษาก็คงจะไม่กลับมาเรียนแล้วเหมือนกัน
“แหะๆ กินข้าวเถอะแกเดี๋ยวต้องไปเรียนต่ออีก อยากกลับห้องไวๆ จัง”
“ฉันก็เหมือนกัน วันนี้ว่าจะกลับไปแล้วนอนเลย ฮ่าๆๆ”
ฉันกับไผ่หลิวนั่งกินข้าวไปและคุยเล่นกันไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งถึงเวลาเข้าเรียนพวกเราสองคนก็ไปเรียนตามปกติ ระหว่างเรียนฉันก็แอบมีหาวบ้างนิดหน่อย ส่วนไผ่หลิวนะเหรอ นางฟุบลงไปแล้วเรียบร้อย ฮ่าๆ
หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนมันเป็นเรื่องปกติ แล้วยิ่งมาเจอแอร์เย็นๆ ด้วย โชคดีที่วิชานี้เป็นเรียนรวมเซคกับคณะอื่นๆ ทำให้อาจารย์ไม่ค่อยเคร่งมากเท่าไร
“งั้นแยกเลยนะแก ฉันง่วงมากกก” ไผ่หลิวบอกฉันหลังจากที่เราเรียนเสร็จแล้ว
“แกนอนไปเต็มอิ่มขนาดนั้น ยังจะง่วงอะไรอีก” ฉันแซวเธอยิ้มๆ เพราะตลอดเวลาสองชั่วโมงที่เรียนไผ่หลิวหลับไปแล้วเกือบเต็มคาบ
“ฮ่าๆ เชื่อหรือยังล่ะว่าง่วงจริง ฉันไปก่อนนะแก บายย”
หลังจากที่ไผ่หลิวไปแล้วฉันก็ตั้งใจจะเดินไปตรงหน้าคณะแล้วเรียกแท็กซี่กลับไปที่หอของตัวเองเหมือนกัน
หมับ!
“โมอา เรามาคุยกันหน่อยมั้ย?”
เป็นรันเวย์นั่นเองที่ดึงแขนฉันไว้ แล้วหมอนี่มาทำอะไรแถวนี่ละเนี่ย… คณะตัวเองก็ไม่ใช่ แถมเมื่อกลางวันก็อยู่กับอีกคน พอตอนนี้ก็ยังจะมายุ่งกับฉันอีก : (
“นายมีอะไรหรือเปล่า” ฉันถามออกไปด้วยความสงสัย เพราะระหว่างเราไม่น่าจะมีอะไรต้องคุยกันนี่นา
“เพิ่งรู้ว่าเธอใส่แว่นด้วย” เขาไม่ตอบคำถามฉัน แต่ก้มลงมาจ้องหน้าฉันแทน และสายตาที่เขามองมามันก็… เห้อ อันตรายตัวหัวใจชะมัด
“วะ แว่นหลอกๆ ฉันไม่ได้แต่งหน้ามา” ฉันบอกเขาก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
“น่ารักดีนะ ขนาดไม่แต่งหน้า”
“ว่าแต่ นายมีอะไร ///><///” ฉันถามย้ำคนตรงหน้าอีกครั้ง ตอนนี้รู้สึกได้ว่าหน้าร้อนผ่าวขึ้นจากคำชมเล็กๆ ของเขา
“เรื่องมือคืน…”
รันเวย์ยังพูดไม่ทันจบ ฉันก็เอามือปิดปากเขาไว้ก่อนเพราะรู้ว่าเขาจะหมายถึงเรื่องอะไร
“นายจะมาพูดอะไรที่นี่ ตอนนี้” ฉันพูดพร้อมกับทำหน้าดุใส่เขา
“นี่!! ยิ้มอะไร” แต่คนตรงหน้าก็ดูเหมือนจะไม่สนใจที่ฉันพูดแถมยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับการกระทำของฉัน
“เธอไง… หน้าเธอตอนดุไม่ได้น่ากลัวเลย แถมยังเหมือนแมวอีกต่างหาก” เขาพูดหลังจากที่ฉันเอามือออกจากปากเขาแล้ว
“ก็นายจะพูดเรื่องเมื่อคืนทำไม เราตกลงกันแล้วว่ามันแค่
วันไนท์สแตน อีกอย่างตัวนายเองก็น่าจะชอบความสัมพันธ์แบบนั้นนี่ ไม่ต้องผูกมัดกัน” ฉันบอกเขาเสียงเบาเพราะกลัวว่าคนแถวนี้จะได้ยิน แล้วจะเอาไปพูดกันต่อ“แล้วถ้าฉันไม่อยากแค่วันไนท์สแตนกับเธอล่ะ” รันเวย์พูดประโยคที่คนฟังอย่างฉันแอบใจเต้นแรงขึ้นมา
“ถ้าฉันติดใจเธอจนไม่อยากให้มันจบแค่คืนเดียว เธอจะว่าไง”
ถ้าไม่ใช่วันไนท์สแตนงั้นก็หมายถึงพวกเฟรนด์วิทเบเนฟิตอะไรแบบนั้นเหรอ ไอ้ที่เพื่อนกันมันดีอะไรนั่นน่ะ
ฉันเผลอกัดปากตัวเองอย่างใช้ความคิด และประมวลผลกับคำพูดของคนตรงหน้าว่าที่เขาพูดมาเขาต้องการอะไรจากฉันกันแน่
“ฉันไม่ได้ชอบความสัมพันธ์แบบนั้นหรอกนะ” ฉันบอกเขาไปตามตรง
“เธอคิดว่าฉันหมายถึงความสัมพันธ์แบบไหนกันล่ะ” คราวนี้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“พวกเฟรนด์วิทเบเนฟิตไง” ฉันเอียงหน้าแล้วตอบเขาไป
ป๊อก~
“ยัยบ๊อง อะไรทำให้เธอคิดไปขนาดนั้นหะ” รันเวย์ดีดหน้าผากฉันเบาๆ หนึ่งทีก่อนจะบอกยิ้มๆ
มีอะไรน่าขำนักหนา ก็ถ้าไม่คืนเดียวแล้วจบแต่ยังมีอีกหลายๆ คืน มันจะเป็นความสัมพันธ์แบบไหนได้อีกล่ะ!
ทำเหมือนกับจะมาขอคบ ซึ่งนั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลย
“แล้วฉันต้องคิดยังไงล่ะ” ฉันถามออกไป ก่อนจะมองจ้องคนตรงหน้าเพื่อหาคำตอบผ่านสายตาของเขา แต่เหมือนจะเป็นฉันเองนี่แหละที่ติดกับสายตาคู่นั้นเข้าอย่างจัง
“ฉันสนใจเธอ สนใจที่หมายถึงสนใจจริงๆ ไม่ใช่ความสัมพันธ์ฉาบฉวยพวกนั้น” คราวนี้รันเวย์พูดน้ำเสียงจริงจัง
“มะ หมายความว่ายังไง” O.O
“หึ! วันนี้เธอพกสติมาด้วยมั้ยเนี่ยโมอา” จากเสียงจริงจังเมื่อกี้ เปลี่ยนเป็นเสียงเหมือนเอือมๆ กับท่าทางเงอะงะของฉันในตอนนี้
ก็คนมันทำอะไรไม่ถูกนี่ แถมวันนี้ฉันก็ไม่ค่อยมีสติอย่างที่เขาบอกจริงๆ นั่นแหละ มันเกิดเรื่องราวหลายอย่างเกินไป แต่ว่าในเมื่อตอนกลางวันเขายังอยู่กับไพลินอยู่เลย แล้วตอนนี้มาบอกสนใจฉันมันจะใช่แน่เหรอ
นี่เขากำลังเล่นตลกอะไรกับฉันอยู่หรือเปล่า?
“วันนี้ฉันเบลอๆ น่ะ งั้นไว้ค่อยคุยกันวันหลังนะ ขอกลับไปนอนก่อน” เมื่อฉันยังให้คำตอบอะไรเขาไม่ได้และก็ไม่แน่ใจกับสิ่งที่เขาบอก การชิ่งหนีเลยน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้
“กลับด้วยกันสิ ยังไงก็อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว” ประโยคที่เขาพูดมามันแปลกๆ นะว่ามั้ย เราแค่อยู่หอเดียวกันไม่ได้อยู่ด้วยกันซะหน่อย : (
“ไม่เป็นไร นายก็กลับของนายไปเถอะ” ฉันบอกเขาไป ก็ตั้งใจจะหนีนี่นา ถ้ายังนั่งรถไปกับเขาแล้วจะหนีได้ยังไงเล่า
“ไปเถอะน่า” แต่รันเวย์ไม่ฟังที่ฉันบอก แถมยังจูงมือฉันและพาเดินไปที่รถของเขาทันที
บนรถ
“ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอ” เขาถามขณะที่ตาก็ยังจ้องมองไปที่ถนนข้างหน้า
“ก็ฉันบอกไปแล้วว่าง่วง อยากกลับไปนอน”
“เมื่อคืนเราก็ทำกันแค่รอบเดียวเอง ทำไมเธอดูเพลียนักล่ะ หื้มม” คราวนี้รันเวย์หันมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ฉัน
“ไม่เกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนสักหน่อย” ฉันหันไปตอบเขา ทำไมเขาต้องเอาแต่ย้ำเรื่องเมื่อคืนอยู่ได้เนี่ย
“หึๆ” เขาดูจะยิ้มพอใจกับคำตอบของฉัน ก่อนที่จะพูดประโยคต่อมา
“ตกลงเรื่องที่ฉันถามไปล่ะ เธอจะว่ายังไง?”
“เห้ออ เอาตามตรงเลยนะรันเวย์ฉันไม่รู้ว่านายต้องการอะไรจากฉัน ไอ้ความสัมพันธ์ที่นายกำลังพูดถึงอยู่มันเป็นแบบไหนกันแน่? เมื่อกลางวันฉันยังเห็นนายอยู่กับอีกคนพอตอนเย็นนายก็มาบอกว่าสนใจฉัน นายจะให้ฉันคิดยังไง”
“…..”
“ฉันรับมือกับความเจ้าชู้ของนายไม่ไหวหรอกนะ”
หลังจากที่ฉันพูดจบและเขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมาก็ทำให้ทั้งรถมีแต่ความเงียบ จะมีก็แค่เสียงเพลงที่เขาเปิดคลอเบาๆ มาตั้งแต่ตอนที่เราขึ้นรถก็เท่านั้น
เอี๊ยด~
โชคดีที่ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงหอพักของเราสองคน เพราะถ้านานกว่านี้ฉันคงจะอึดอัดแย่ แค่นี้ก็ทำตัวไม่ถูกแล้ว แถมรันเวย์เงียบไปแบบนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ด้วย
“เอ่อ… ถึงแล้ว งั้นฉันขึ้นห้องก่อนนะ” ฉันรีบบอกเขาทันที
“อ่าหะ” เขาตอบกลับมาเพียงสั้นๆ
รันเวย์’s Part
ผมยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียงของห้องและคิดถึงเรื่องที่โมอาพูดตอนอยู่บนรถไปด้วย ผมไม่ได้โกรธที่เธอพูดออกมาแบบนั้น เพราะมันจริงอย่างที่เธอบอกทุกอย่าง…ผมเจ้าชู้ และผมก็ยังหยุดตัวเองไม่ได้
เมื่อตอนกลางวันผมอยู่กับไพลิน รุ่นน้องที่คณะของเธอนั่นแหละ เรารู้จักกันได้ไม่นานและไพลินเองก็เป็นคนเข้าหาผมก่อนตั้งแต่ช่วงรับน้อง ซึ่งผมก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรอยู่แล้วเรื่องแบบนี้ และไพลินก็รู้ดีว่าระหว่างเราจะไม่มีอะไรไปมากกว่าการที่เป็นคู่นอน ซึ่งเธอก็โอเคที่จะอยู่เพราะเธอเองก็ไม่ได้มีผมแค่คนเดียวเหมือนกัน
แต่สำหรับโมอามันผิดจากที่ผมคาดการณ์ไปนิดหน่อย เพราะผมเองก็พอจะมองออกว่าโมอาเองก็น่าจะสนใจผมเหมือนที่ผมเองก็สนใจเธอ
ผมเห็นว่าภายนอกโมอาจะชอบทำตัวแสบซ่าและทำเป็นเก่งอยู่ตลอด ก็เลยลองไปบอกเธอตรงๆ และคิดว่าเธอคงทำเป็นซ่าตอบตกลงมาก่อน แต่ดูเหมือนว่าพอเป็นเรื่องแบบนี้เธอค่อนข้างที่จะจริงจังพอสมควรเลยแฮะ
ผมเห็นโมอามาตั้งนานแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกัน จนช่วงนี้ที่เรามีโอกาสได้พูดคุยกันบ้างตั้งแต่ที่เธอทำกุญแจห้องหาย
และวันที่เธอมาดื่มที่ห้องผม พอได้รู้จักและได้ใกล้ชิดกับเธอแบบเมื่อคืนมันผมก็สนใจเธอมากขึ้นกว่าเดิมจนอยากจะลองสานความสัมพันธ์กับเธอแบบจริงจังดู
จริงจังที่ว่าหมายถึงจริงจังมากกว่าคนอื่น แต่ถ้าจะให้หยุดที่เธอคนเดียวเลยอันนี้ผมอาจจะยังทำให้ไม่ได้ ผมรู้ตัวดีว่ามันฟังดูเห็นแก่ตัวแต่ผมก็ยังไม่ได้รู้สึกกับโมอามากไปจนถึงขั้นนั้นเหมือนกัน ตอนนี้มันก็แค่มากกว่าทุกคนที่เคยผ่านมา
มีสองทางที่ผมจะต้องตัดสินใจ คือหยุดตัวเองและลองเริ่มสานความสัมพันธ์กับโมอาแค่คนเดียวดูกับปล่อยเธอไป
ในตอนนี้ผมคงจะต้องเลือกอย่างหลัง…
2 เดือนต่อมา“นี่โมอา รู้มั้ยว่าตั้งแต่รันเวย์กลับมาคบกับเธอเนี่ย การทำงานของฉันมันสดใสขึ้นมากกกก” เลิฟหันมาพูดกับโมอาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตั้งแต่ที่รันเวย์กลับมาคบกับโมอา เหมือนมีแสงสว่างออกมาจากตัวของเขา รันเวย์รีแล็กซ์มากขึ้น ยิ้มมากขึ้น แถมเวลาคุยงานกับลูกน้องก็ดูใจเย็นใจดีขึ้นอีกด้วยแรกๆ ทุกคนก็ไม่ชินที่รันเวย์เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือขนาดนี้ แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว เป็นแบบนี้มันก็ดีกับตัวพวกเขาทั้งนั้น ไม่ต้องคอยกังวลเวลาจะเข้าไปคุยงานกัน“โมอา!! โมอาๆๆๆ”เสียงตะโกนเรียกชื่อหญิงสาวดังลั่นแผนก ก่อนจะตามมาด้วยตัวของพี่ปอนด์ที่วิ่งมาด้วยความตื่นตระหนก“พี่ปอนด์ มีอะไรหรือเปล่าคะ? ทำไมวิ่งหน้าตั้งมาขนาดนี้” โมอาถามด้วยความสงสัย อะไรมันจะด่วนจนถึงขนาดต้องวิ่งลงมา โทรมาก็ได้นี่นา“รันเวย์เป็นลม!!” เมื่อตั้งสติได้พี่ปอนด์ก็บอกสาเหตุที่วิ่งมาหาหน้าตื่นนี่“ห๊าาาาาาาาา!”“ไม่ต้องมัวตกใจ รีบไปดูมันกับพี่ก่อนเถอะ” พูดจบพี่ปอนด์ก็ลากโมอาขึ้นไปที่แผนกของวิศวะทันที“รันเวย์เนี่ยนะคะเป็นลม เป็นไปได้ยังไง” โมอาถามออกไปด้วยความสงสัยตอนที่ทั้งคู่กำลังอยู่ในลิฟต์“พี่ก็สงสัย มันไม่เคยป่วยเลยด้วยซ้ำ แ
ช่วงที่หยุดยาวปีใหม่ที่ผ่านมาฉันกับรันเวย์เราอยู่ด้วยกันตลอด เรียกได้ว่าตั้งแต่ตื่นจนนอนไม่แยกจากกันเลย เหมือนกับว่าเราสองคนอยากจะชดเชยช่วงเวลาที่เสียไปให้แก่กันและกัน เขาบังคับให้ฉันย้ายมาอยู่กับเขาที่คอนโดเลย โดยใช้เหตุผลว่าช่วงที่เลิกกันไปเขานอนหลับไม่สนิทเลยสักคืน ฉันต้องรับผิดชอบโดยการมานอนกับเขาเพราะการที่มีฉันอยู่มันทำให้เขาหลับสนิท แล้วฉันจะเถียงอะไรได้ล่ะ! คนมันยังรู้สึกผิดอยู่ เขาว่ายังไงก็ต้องยอมหมดนั่นแหละ ฉันอัพเดทเรื่องที่กลับมาคบกับรันเวย์ให้เพื่อนๆ ในกลุ่มมหาลัยฟังแล้วนะ ทุกคนยินดีกับฉันมากๆ โดยเฉพาะไผ่หลิวที่มีแซะนิดหน่อยว่าถ้าตัดกันไม่ขาดขนาดนั้นไม่รู้จะเลิกกันทำไมให้เสียเวลาไปหลายปี แหะๆ “คนที่บริษัทจะไม่ตกใจแย่ใช่มั้ย ถ้าฉันลงไปจากรถนาย” ฉันพูดขึ้นมา ใช่ค่ะ! ตอนนี้ฉันอยู่บนรถกับรันเวย์ เราก็กำลังเดินทางเพื่อไปทำงานกัน และวันนี้ก็เป็นวันทำงานวันแรกหลังจากที่หยุดยาวช่วงปีใหม่มาด้วย เรียกได้ว่าเปิดตัวแรงเว่อร์!“ไม่เห็นเป็นไร ยังไงสักวันก็ต้องเห็นและฉันก็ไม่คิดจะปิดใครด้วย ไอ้พวกที่มันม่อๆ เธอไว้จะได้เลิกมายุ
บนรถ “รันเวย์เหรอ?”โมอาถามออกมาเสียงเบาทั้งๆ ที่ดวงตายังปิดสนิท เหมือนเธอจำได้ลางๆ ว่ารันเวย์เป็นคนพาเธอออกมาจากงาน แต่ตัวเธอเองก็เมาและง่วงมากจนไม่ได้สนใจอะไรสักเท่าไรแค่พอรู้สึกว่าอ้อมกอดนั้นมันดูคุ้นเคยแบบแปลกๆ เธอก็พร้อมจะทิ้งตัวและให้เขาพาเธอไปไหนก็ได้ตามแต่เขาจะพาไป“เมาแล้วก็เป็นอย่างนี้ทุกที ทำไมไม่ระวังตัว” รันเวย์หันมามองคนตัวเล็กที่นอนหลับตาอยู่เบาะข้างๆ เขาและพูดด้วยน้ำเสียงดุ“ฮะๆ จำได้ด้วยเหรอ… ฉันก็นึกว่านายลืมไปหมดแล้วซะอีก” ประโยคท้ายของโมอาพูดด้วยเสียงเศร้าๆ“เห็นทำเหมือนว่าไม่เคยรู้จักกัน ก็นึกว่าลืมกันไปแล้ว”“เธอเองต่างหากที่ทำเหมือนไม่รู้จักฉัน” คนตัวโตเถียงขึ้นมา ก็เป็นเธอเองไม่ใช่หรือไงที่พูดกับเขาแทบจะนับคำได้ แถมยังคอยหลบหน้าหลบตาอยู่ตลอดถ้ามีโอกาส“นายนั่นแหละ เริ่มก่อน!” คราวนี้คนตัวเล็กลืมตาขึ้นมาแล้วเถียงเสียงดัง แก้มแดงๆ กับดวงตาเยิ้มๆ นั่นดูก็รู้ว่าคงจะเมามากรันเวย์มองภาพนั้นพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย เพราะมันช่างดูน่ารักเหลือเกินในสายตาเขา ไม่ได้เห็นภาพแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ ไหนจะความรู้สึกเบิกบานในหัวใจนี่อีก“ฉันคิดถึงเธอ” เขาตัดสินใจพูดอ
ฉันทำงานที่บริษัทมาได้หลายอาทิตย์แล้ว และก็ได้ร่วมงานกับรันเวย์หลายครั้งแล้วด้วย เขาก็ยังเหมือนเดิม เย็นชา ทำเหมือนกับว่าเราไม่เคยรู้จักกัน แต่ฉันก็ไม่ได้คิดจะโกรธเขาหรอก ก็ตอนนั้นฉันเป็นคนเลือกที่จะเลิกไปเองนี่นา : ( “โมอา~ เธอเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงปีใหม่หรือยังจ้ะ” เลิฟตรงเข้ามาถามฉันทันทีที่เธอเข้ามาในออฟฟิศ “เตรียมตัวอะไรเหรอ?” ฉันถามด้วยความงุนงง คือก็พอรู้ว่าจะมีงานเลี้ยงปีใหม่ก่อนจะหยุดยาวแหละ แต่ไม่ยักรู้ว่าจะต้องเตรียมตัวอะไรด้วย “ก็การแสดงของแผนกเราไง ปกติแล้วทุกปีแต่ละแผนกจะต้องคิดการแสดงเพื่อไปแสดงในงานน่ะ ถึงบอสจะบอกว่าเอาง่ายๆ ไม่ต้องจริงจังมากแต่ว่าแต่ละแผนกก็เล่นใหญ่กันทุกปีเลย เหมือนเป็นหน้าเป็นตาของแต่ละแผนกนั้น” เลิฟอธิบาย “แล้วปีนี้แผนกเราแสดงอะไรกันเหรอ?” “ยังไม่ได้คิดเลยน่ะสิ แต่ว่าคนที่จะต้องแสดงน่ะมียัยเลม่อน มียู ส้ม และก็พวกเราสองคนนะจ้ะ” “หื้มมม~ ฉันก็ด้วยเหรอ?” ฉันทำหน้าตกใจเล็กน้อย สมัยเรียนก็โดดตอนคัดเลือกดาว พอมาทำงานยังจะต้องมาแสดงอะไรอีกเหรอ T^T “โมอาคือตั
โมอา’s Part 2 ปีผ่านไป หลังจากที่เรียนจบฉันก็ขอที่บ้านไปเวิร์คแอนด์ทราเวลมา เหตุผลก็เพราะอยากไปใช้ชีวิตเจออะไรใหม่ๆ สถานที่ใหม่ๆ ผู้คนใหม่ๆ อีกเหตุผลก็คือหนีไปทำใจด้วย ถ้ายังอยู่ที่เดิมเจออะไรเดิมๆ ฉันคงจะมูฟออนไม่ได้สักทีแน่ๆ T^T ตอนนี้ฉันกลับมาอยู่ที่ไทยแล้วล่ะ และก็กำลังจะเริ่มงานวันแรกวันนี้ ส่วนเพื่อนๆ ในกลุ่มเราก็มีคุยกันในไลน์กรุ๊ปตลอด แต่ว่ายังไม่ได้นัดเจอกันเลย เพราะไผ่หลิวเองไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ส่วนเมษาก็ทำงานไปด้วยพร้อมกับต่อโทไปด้วยทำให้เธอยุ่งจนไม่มีเวลาออกมาเจอใคร กั้งกับอาร์ตตอนนี้ก็เป็นผู้บริหารธุรกิจของที่บ้านไปแล้ว ตอนแรกสองคนนั้นชวนฉันไปทำงานที่บริษัทด้วย แต่ฉันเกรงใจไม่อยากให้ใครมองว่าใช้เส้นสายเพื่อนก็เลยเลือกที่จะหางานเองมากกว่า “สวัสดีค่ะ มัทฑิตา มารายตัวเข้างานวันแรกค่ะ” ฉันพูดขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้อง HR “สวัสดีจ้าโมอามาแต่เช้าเลยน้า งั้นเดี๋ยวเซ็นเอกสารสัญญากันเสร็จพี่จะพาไปที่แผนกของน้องนะจ้ะ”พี่องุ่น HR ประจำบริษัททักทายฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เราสองคนเคยเจอกันวันที่ฉันมาสำภาษณ์งานแล้วเหมือนได้ค
หลังจากวันนั้นที่รันเวย์เลิกกับโมอาเขาก็แทบจะไม่เป็นผู้เป็นคน เรียนก็ไปบ้างไม่ไปบ้าง โปรเจกต์ก็แทบจะไม่คืบหน้า “รันเวย์ถ้ามึงยังเป็นแบบนี้ มันจะเรียนไม่จบเอานะเว้ย” คุนพูดขึ้นตอนที่เขาเอาข้าวมาให้เพื่อนที่คอนโด เพราะถ้าไม่เอาข้าวมาให้และนั่งดูเพื่อนกินจนหมด รันเวย์ก็คงแทบจะไม่กินข้าวเลย ช่วงนี้ที่กินก็มีแต่เหล้า “เรียนไม่เท่าไร ข้าวปลาก็ไม่กินแบบนี้จะตายก่อนมั้ยวะ” เคนพูดเสริมขึ้นมา เขาเห็นเพื่อนหมกตัวอยู่แต่ในห้องมาหลายอาทิตย์แล้ว ถ้าไม่ใช่วิชาสำคัญที่จะต้องเข้าจริงๆ รันเวย์ก็ไม่ออกจากห้องเลย แล้วดูสภาพรันเวย์ตอนนี้สิ ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาเป็นที่หมายปองของสาวๆ ตอนนี้กลับทรุดโทรมและแห้งตอบ หนวดเคราก็รกรุงรัง เคนคิดภาพไม่ออกเลยว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้เรื่อยๆ เพื่อนเขาจะแย่ลงอีกแค่ไหน “โปรเจกต์จบของเราตอนนี้เครื่องมีปัญหาอยู่นะเว้ย พวกกูช่วยกันดูแล้วแต่แก้ไม่ได้ว่ะ ไอ้นักรบบอกว่ายังไงก็ต้องเป็นมึงมาแก้ มึงช่วยพาตัวเองเข้าไปที่คณะหน่อยได้มั้ยวะ”คุนยังคงพูดต่อไป ถึงแม้จะไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดจะเข้าหูเพื่อนบ้างหรือเปล่าก็ตาม ก็รันเว







