เข้าสู่ระบบโมอา’s Part
จากวันนั้นที่ฉันคุยกับรันเวย์เราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย ตอนนี้ก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว และฉันก็ไม่ได้บังเอิญเจอเขาตามที่ไหนๆ อีก เหมือนกับว่าที่ผ่านมาไม่มีอะไรเกิดขึ้นและฉันเองก็ยังใช้ชีวิตของฉันตามปกติ
เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ
ฉันได้แต่คิดในใจ เพราะฉันก็ไม่อยากพาตัวเองเข้าไปอยู่ในความสัมพันธ์ที่สุดท้ายฉันต้องมานั่งเสียใจ รู้ทั้งรู้อยู่แล้วถ้ายังจะเข้าไปก็คงจะดื้อด้านเกินทน
ติ๊ง~
ติ๊งๆๆๆ ติ๊ง~
เสียงไลน์ดังขึ้นรัวๆ จากมือถือที่วางอยู่ข้างๆ ตัว เมื่อฉันเอื้อมมือไปหยิบมาดูก็พบว่าเป็นไลน์ของกลุ่มนั่นเอง
อาร์ต: วันนี้ออกมั้ย อยากกินเหล้า
กั้ง: เห้ย! อารมณ์ไหนวะ ร้อยวันพันปีไม่เคยเป็นคนออกปากเองแท้ๆ
อาร์ต: แล้วไปมั้ยละ?
กั้ง: ฝั่งสาวๆ ว่าไงล่ะ ฉันไม่มีปัญหาได้เสมอ
ไผ่หลิว: แค่อาร์ตชวนฉันก็เตรียมลุกไปแต่งตัวรอแล้วเนี่ย อิอิ
อาร์ต: หึ… เธอมันเวอร์จริงๆ
เมษา: ไปสิๆ นานๆ อาร์ตจะออกปากชวน คืนนี้ฉันไม่เมาแบบวันนั้นแน่นอน ^^
ไผ่หลิว: โมอาเหลือแกแล้ว ได้เข้ามาอ่านไลน์หรือยังเนี่ย
โมอา: ที่ตอบช้าเพราะเลือกเสื้อผ้าอยู่น่ะ : P
กั้ง: แล้วสรุปว่า?
โมอา: โอ้ยย ก็ต้องไปสิเลือกเสื้อผ้าแล้วขนาดนี้
กั้ง: ฉันก็คิดว่าเธอจะไปเดทกับพี่ณกรอะไรนั่น ฮ่าๆๆ
โมอา: วันนี้ฉันทุ่มเวลาให้อาร์ตเต็มที่ย่ะ ไปแต่งตัวรอแล้วนะ บุยย
หลังจากที่คุยกับเพื่อนจบแล้ว ฉันก็มานั่งเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่ไปคืนนี้ทันที สงสัยวันนี้ต้องจัดเต็มหน่อยแล้ว เพราะอย่างที่กั้งบอกว่าร้อยวันพันปีอาร์ตไม่เคยเป็นคนเอ่ยปากชวนออกไปร้านเหล้า เขาแค่ตามพวกเราไปก็เท่านั้น
วันนี้ฉันเลือกหยิบเสื้อกล้ามที่เป็นแบบครอปมา พร้อมกับกางเกงยีนส์ขายาวทรงหลวมๆ หน่อยที่พอใส่แล้วมันจะเป็นเอวต่ำและทำให้เห็นสัดส่วนหน้าท้องมากกว่าเดิม
ใบหน้าอาจจะไม่ต้องแต่งเข้มมากเป็นลุคดิวอี้แบบสาวเกาหลี โชคดีที่ฉันเป็นคนไม่มีปัญหาที่หน้าทำให้ถึงแต่งหน้าเบาหรือไม่แต่งเลยผิวหน้าก็ยังดูฉ่ำอยู่ ส่วนผมวันนี้ฉันเลือกที่จะปล่อยตรงธรรมชาติไม่ทำอะไรเพิ่มทั้งนั้น รองเท้าก็สนีคเกอร์คู่สวยที่เพิ่งไปถอยมา
พร้อมออกไปซ่าแล้วคืนนี้ : )
@Little Bar
“อร๊ายย แต่งตัวเลิศมากวันนี้” ทันทีที่ฉันเดินเข้ามาในร้าน ไผ่หลิวที่นั่งรออยู่แล้วก็เอ่ยปากชมฉันทันที
“แกก็จัดเต็มอยู่นะ เซ็กซี่จนผู้ในร้านนั่งมองตาเป็นมัน” ฉันไม่ได้พูดชมเพื่อเอาใจเพื่อนหรอกนะ แต่วันนี้ไผ่หลิวเซ็กซี่มากจริงๆ เธอใส่เดรสสายเดี่ยวตัวสั้นที่ขนาดพอดีตัวทำให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของไผ่หลิวชัดเจน แถมด้านหลังยังแหวกลึกลงไปเพื่อโชว์แผ่นหลังสวยๆ ของยัยนี่อีกด้วย
“คิๆๆ ของมันแน่อยู่แล้ว” ไผ่หลิวตอบรับคำชมด้วยรอยยิ้มมั่นใจของเธอ
“ว่าแต่เมษา…ฉันเห็นเสื้อตัวโคร่งๆ ของแกนี่แล้วขัดใจชะมัด อยากจะจับถอด” และเธอก็หันไปพูดกับเมษาที่วันนี้ก็แต่งตัวมาสไตล์เดิม
“ช่างฉันเถอะน่า แต่งแบบไหนก็เมาได้เหมือนกันแหละ” เมษาพูดขึ้น
“จริงก็ของแก ก็ได้ๆ ว่าแต่ผู้ชายสองคนนั้นทำไมยังไม่มา ปล่อยให้เรามานั่งเฝ้าโต๊ะกันได้ไงเนี้ย” ไผ่หลิวบ่นอุบทันที เพราะว่าตอนนี้ที่โต๊ะมีแค่เธอ ฉัน และเมษา
“นั่นไง! เดินมากันแล้ว”
เมษาบอกพลางหันหน้าไปมองยังทางเข้าของร้าน กั้งกับอาร์ตเดินเข้ามาพร้อมกัน พูดก็พูดเถอะทั้งๆ ที่พวกนั้นแต่งตัวธรรมดาแต่ก็ทำให้ผู้หญิงในร้านจ้องมองสองคนนั้นตาเป็นประกายเชียว ก็นะ ไม้แขวนดีแบบนั้นจะแต่งตัวยังไงก็ออกมาดูดีวันยังค่ำแหละนะ
“เป็นคนชวนแท้ๆ ทำไมมาช้านักละ” ไผ่หลิวพูดขึ้นทันทีที่สองคนนั้นมาถึงโต๊ะ
“ฉันมาถึงสักพักแล้ว ยืนสูบบุหรี่อยู่” อาร์ตตอบเสียงนิ่งๆ
“ส่วนฉันไปส่งหวานใจที่หอก่อนออกมาน่ะ แหะๆ” กั้งตอบพร้อมกับยิ้มแห้งๆ ส่งมาให้
“หวานใจไหน? อย่าบอกนะว่าหวานใจที่อยู่นิเทศ?” ไผ่หลิวหันถามคาดคั้นจากกั้ง
“ใช่… หวานใจนั้นแหละ”
“อร๊ายย คนนี้ฉันเชียร์มาก แกจริงจังกับเธอหรือเปล่า?” เมื่อกั้งตอบว่าเป็นหวานใจคนเดียวกันกับที่ไผ่หลิวพูดถึง เธอก็ออกอาการดีใจอย่างออกนอกหน้า
ถ้าเป็นคนที่ชื่อหวานใจอยู่คณะนิเทศฉันก็เคยเห็นเธอนะ สวยมากแถมหน้ายังหวานสมชื่อหวานใจของเธอนั่นแหละ
“คิดว่าจะจริงจังนะ แต่เธอก็ยังดูไม่ค่อยจะอะไรกับฉันเท่าไรนี่สิ” กั้งตอบพร้อมกับทำหน้าเซงๆ
“ก็นายมันเจ้าชู้ จู่ๆ จะให้ผู้หญิงมาเชื่อใจนายเลยได้ยังไงกัน ถ้านายชอบเธอจริงๆ นายก็ต้องพยายามทำให้เธอมั่นใจในตัวนายอะกั้ง” ฉันหันไปบอกเพื่อน
“ว่าแต่ทำไมวันนี้อาร์ตถึงชวนออกมาล่ะ” เมษาที่นั่งเงียบมานานเอ่ยขึ้นถามอาร์ต
“นั่นสิ มีอะไรรึเปล่า” ไผ่หลิวเองก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ฉัน…อกหัก...” อาร์ตตอบกลับมาเสียงนิ่งๆ พร้อมกับยกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด
O [] O
สีหน้าของคนบนโต๊ะต่างตกใจกันหมดเมื่ออาร์ตตอบว่าตัวเองอกหัก แล้วอาร์ตไปมีความรักมาตอนไหน? แล้วอกหักจากใคร
“แกไปรักใครชอบใครมาตั้งแต่เมื่อไรวะ” กั้งเป็นคนทำลายความเงียบบนโต๊ะขึ้น
“ฉันตั้งใจว่าถ้าคบกันก็จะพามาเปิดตัวแหละ แต่เธอดันกลับไปหาแฟนเก่าซะก่อน” คราวนี้น้ำเสียงของอาร์ตดูเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
“อ่า ไม่เป็นไรอกหักก็ยังมีพวกเรา กินให้เต็มที่ไปเลยคืนนี้ มาๆๆ ชนกันให้กับรักห่วยๆ” ไผ่หลิวกู้สถานการณ์กระอักกระอ่วนบนโต๊ะด้วยกันยกแก้วขึ้นมา
“ใช่ๆ เดี๋ยวนายก็เจอคนที่ใช่ในสักวันนะอาร์ต” เมษาที่นั่งติดกับอาร์ตหันไปลูบหลังพร้อมกับพูดปลอบใจ
“ฉันเห็นด้วย หล่อๆ แบบนี้หาใหม่ไม่ยากหรอกเนอะ” ฉันเองก็พูดปลอบเพื่อนบ้าง ถึงจะดูไม่ค่อยเหมือนปลอบก็เถอะ… คือฉันพูดอะไรแบบนั้นไม่ค่อยเก่งน่ะ
“ฉันอกหักมาเป็นสิบรอบ ยังไม่เป็นไรเลยเว้ย พรุ่งนี้ก็แค่เริ่มรักครั้งใหม่ ฮ่าๆๆๆ” กั้งพูดพร้อมกับหัวเราะร่า
“นั่นแกมันเจ้าชู้เองย่ะ” ไผ่หลิวหันไปแซะกั้งทันทีที่หมอนั่นพูดจบ
“อ้าวเหรอ ฮ่าๆๆๆๆ มาชนกันอีกรอบ” คราวนี้กั้งชูแก้วมาที่กลางโต๊ะบ้าง
“ขอบใจทุกคนมาก” อาร์ตบอกขอบคุณพวกเราเสียงนิ่งๆ ตามสไตล์ของเขา แต่ฉันก็สัมผัสได้ว่าอาร์ตพูดมันออกมาจากใจจริง
ถึงแม้ว่าพวกฉันจะดูไม่ค่อยอะไรกันเท่าไร เรียนเสร็จก็มาเที่ยวพอวันไหนไม่เที่ยวก็ต่างคนต่างใช้ชีวิตไป แต่เอาเข้าจริงพวกเราสนิทกันมากนะ ถ้าเพื่อนคนไหนมีปัญหาทุกคนในกลุ่มก็พร้อมจะยื่นมือเข้ามาช่วยทันที หรือถ้าใครทำอะไรไม่ดีก็จะเอ่ยปากเตือนกันตรงๆ
ฉันเคยกังวลเรื่องการคบเพื่อนในมหาวิทยาลัยเหมือนกัน เพราะเคยได้ยินมาว่าบางกลุ่มก็คบกันแบบผิวเผินต่อหน้าดีลับหลังก็นินทากัน หรือถ้าไม่ชอบใครก็จะโดนแบนได้ง่ายๆ เลยแหละ โชคดีที่กลุ่มฉันไม่เป็นแบบนั้น : )
เหมือนอย่างวันนี้ที่อาร์ตอกหักมา พวกเราก็พร้อมที่จะอยู่ข้างๆ ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้ในเรื่องของหัวใจ แต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าอาร์ตไม่ได้ตัวคนเดียวแต่ยังมีพวกเราอีกสี่คนคอยซัปพอร์ตอยู่
พวกเรานั่งกินพูดคุยเล่นกันอยู่สักพัก เสียงเพลงในร้านก็เปลี่ยนจากเพลงอกหักเป็นเพลงที่สนุกขึ้นตามระดับความเมาได้ที่ของคนในร้าน รวมถึงพวกฉันด้วย
“เดี๋ยวฉันไปห้องน้ำก่อน” ฉันพูดขึ้น
“ให้ไปเป็นเพื่อนมั้ย?” เมษาหันมาถามฉัน
“ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้เมามากพวกแกนั่งกันต่อเถอะ เดี๋ยวมา” ฉันพูดเสร็จก็เดินไปยังด้านหลังร้านเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำทันที
“คนแอบเยอะเหมือนกันนะเนี่ย” ฉันพูดพึมพำกับตัวเองเมื่อมาถึงหน้าห้องน้ำและพบว่าคนต่อคิวรอเข้าพอสมควรเลย โชคดีที่ไม่ได้ปวดมากไม่งั้นฉันคงต้องยืนบิดไปบิดมาอยู่ตรงนี้เนี่ยแหละ
หมับ!
“อ๊ะ!!”
ในขณะที่ฉันยินรอคิวเข้าห้องน้ำอยู่ก็ถูกมือของใครบางคนดึงเข้าไปยังซอกตึกที่อยู่ถัดจากห้องน้ำ
ยอมรับว่าตอนแรกตกใจมากแต่เมื่อมองคนที่ดึงฉันเมื่อกี้ดีๆ ก็ต้องตกใจมากกว่าเดิม เพราะเขาคือคนที่หายหน้าหายตาไปเป็นอาทิตย์นั่นไง
“ระ รันเวย์!!!!”
2 เดือนต่อมา“นี่โมอา รู้มั้ยว่าตั้งแต่รันเวย์กลับมาคบกับเธอเนี่ย การทำงานของฉันมันสดใสขึ้นมากกกก” เลิฟหันมาพูดกับโมอาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มตั้งแต่ที่รันเวย์กลับมาคบกับโมอา เหมือนมีแสงสว่างออกมาจากตัวของเขา รันเวย์รีแล็กซ์มากขึ้น ยิ้มมากขึ้น แถมเวลาคุยงานกับลูกน้องก็ดูใจเย็นใจดีขึ้นอีกด้วยแรกๆ ทุกคนก็ไม่ชินที่รันเวย์เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือขนาดนี้ แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว เป็นแบบนี้มันก็ดีกับตัวพวกเขาทั้งนั้น ไม่ต้องคอยกังวลเวลาจะเข้าไปคุยงานกัน“โมอา!! โมอาๆๆๆ”เสียงตะโกนเรียกชื่อหญิงสาวดังลั่นแผนก ก่อนจะตามมาด้วยตัวของพี่ปอนด์ที่วิ่งมาด้วยความตื่นตระหนก“พี่ปอนด์ มีอะไรหรือเปล่าคะ? ทำไมวิ่งหน้าตั้งมาขนาดนี้” โมอาถามด้วยความสงสัย อะไรมันจะด่วนจนถึงขนาดต้องวิ่งลงมา โทรมาก็ได้นี่นา“รันเวย์เป็นลม!!” เมื่อตั้งสติได้พี่ปอนด์ก็บอกสาเหตุที่วิ่งมาหาหน้าตื่นนี่“ห๊าาาาาาาาา!”“ไม่ต้องมัวตกใจ รีบไปดูมันกับพี่ก่อนเถอะ” พูดจบพี่ปอนด์ก็ลากโมอาขึ้นไปที่แผนกของวิศวะทันที“รันเวย์เนี่ยนะคะเป็นลม เป็นไปได้ยังไง” โมอาถามออกไปด้วยความสงสัยตอนที่ทั้งคู่กำลังอยู่ในลิฟต์“พี่ก็สงสัย มันไม่เคยป่วยเลยด้วยซ้ำ แ
ช่วงที่หยุดยาวปีใหม่ที่ผ่านมาฉันกับรันเวย์เราอยู่ด้วยกันตลอด เรียกได้ว่าตั้งแต่ตื่นจนนอนไม่แยกจากกันเลย เหมือนกับว่าเราสองคนอยากจะชดเชยช่วงเวลาที่เสียไปให้แก่กันและกัน เขาบังคับให้ฉันย้ายมาอยู่กับเขาที่คอนโดเลย โดยใช้เหตุผลว่าช่วงที่เลิกกันไปเขานอนหลับไม่สนิทเลยสักคืน ฉันต้องรับผิดชอบโดยการมานอนกับเขาเพราะการที่มีฉันอยู่มันทำให้เขาหลับสนิท แล้วฉันจะเถียงอะไรได้ล่ะ! คนมันยังรู้สึกผิดอยู่ เขาว่ายังไงก็ต้องยอมหมดนั่นแหละ ฉันอัพเดทเรื่องที่กลับมาคบกับรันเวย์ให้เพื่อนๆ ในกลุ่มมหาลัยฟังแล้วนะ ทุกคนยินดีกับฉันมากๆ โดยเฉพาะไผ่หลิวที่มีแซะนิดหน่อยว่าถ้าตัดกันไม่ขาดขนาดนั้นไม่รู้จะเลิกกันทำไมให้เสียเวลาไปหลายปี แหะๆ “คนที่บริษัทจะไม่ตกใจแย่ใช่มั้ย ถ้าฉันลงไปจากรถนาย” ฉันพูดขึ้นมา ใช่ค่ะ! ตอนนี้ฉันอยู่บนรถกับรันเวย์ เราก็กำลังเดินทางเพื่อไปทำงานกัน และวันนี้ก็เป็นวันทำงานวันแรกหลังจากที่หยุดยาวช่วงปีใหม่มาด้วย เรียกได้ว่าเปิดตัวแรงเว่อร์!“ไม่เห็นเป็นไร ยังไงสักวันก็ต้องเห็นและฉันก็ไม่คิดจะปิดใครด้วย ไอ้พวกที่มันม่อๆ เธอไว้จะได้เลิกมายุ
บนรถ “รันเวย์เหรอ?”โมอาถามออกมาเสียงเบาทั้งๆ ที่ดวงตายังปิดสนิท เหมือนเธอจำได้ลางๆ ว่ารันเวย์เป็นคนพาเธอออกมาจากงาน แต่ตัวเธอเองก็เมาและง่วงมากจนไม่ได้สนใจอะไรสักเท่าไรแค่พอรู้สึกว่าอ้อมกอดนั้นมันดูคุ้นเคยแบบแปลกๆ เธอก็พร้อมจะทิ้งตัวและให้เขาพาเธอไปไหนก็ได้ตามแต่เขาจะพาไป“เมาแล้วก็เป็นอย่างนี้ทุกที ทำไมไม่ระวังตัว” รันเวย์หันมามองคนตัวเล็กที่นอนหลับตาอยู่เบาะข้างๆ เขาและพูดด้วยน้ำเสียงดุ“ฮะๆ จำได้ด้วยเหรอ… ฉันก็นึกว่านายลืมไปหมดแล้วซะอีก” ประโยคท้ายของโมอาพูดด้วยเสียงเศร้าๆ“เห็นทำเหมือนว่าไม่เคยรู้จักกัน ก็นึกว่าลืมกันไปแล้ว”“เธอเองต่างหากที่ทำเหมือนไม่รู้จักฉัน” คนตัวโตเถียงขึ้นมา ก็เป็นเธอเองไม่ใช่หรือไงที่พูดกับเขาแทบจะนับคำได้ แถมยังคอยหลบหน้าหลบตาอยู่ตลอดถ้ามีโอกาส“นายนั่นแหละ เริ่มก่อน!” คราวนี้คนตัวเล็กลืมตาขึ้นมาแล้วเถียงเสียงดัง แก้มแดงๆ กับดวงตาเยิ้มๆ นั่นดูก็รู้ว่าคงจะเมามากรันเวย์มองภาพนั้นพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย เพราะมันช่างดูน่ารักเหลือเกินในสายตาเขา ไม่ได้เห็นภาพแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ ไหนจะความรู้สึกเบิกบานในหัวใจนี่อีก“ฉันคิดถึงเธอ” เขาตัดสินใจพูดอ
ฉันทำงานที่บริษัทมาได้หลายอาทิตย์แล้ว และก็ได้ร่วมงานกับรันเวย์หลายครั้งแล้วด้วย เขาก็ยังเหมือนเดิม เย็นชา ทำเหมือนกับว่าเราไม่เคยรู้จักกัน แต่ฉันก็ไม่ได้คิดจะโกรธเขาหรอก ก็ตอนนั้นฉันเป็นคนเลือกที่จะเลิกไปเองนี่นา : ( “โมอา~ เธอเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงปีใหม่หรือยังจ้ะ” เลิฟตรงเข้ามาถามฉันทันทีที่เธอเข้ามาในออฟฟิศ “เตรียมตัวอะไรเหรอ?” ฉันถามด้วยความงุนงง คือก็พอรู้ว่าจะมีงานเลี้ยงปีใหม่ก่อนจะหยุดยาวแหละ แต่ไม่ยักรู้ว่าจะต้องเตรียมตัวอะไรด้วย “ก็การแสดงของแผนกเราไง ปกติแล้วทุกปีแต่ละแผนกจะต้องคิดการแสดงเพื่อไปแสดงในงานน่ะ ถึงบอสจะบอกว่าเอาง่ายๆ ไม่ต้องจริงจังมากแต่ว่าแต่ละแผนกก็เล่นใหญ่กันทุกปีเลย เหมือนเป็นหน้าเป็นตาของแต่ละแผนกนั้น” เลิฟอธิบาย “แล้วปีนี้แผนกเราแสดงอะไรกันเหรอ?” “ยังไม่ได้คิดเลยน่ะสิ แต่ว่าคนที่จะต้องแสดงน่ะมียัยเลม่อน มียู ส้ม และก็พวกเราสองคนนะจ้ะ” “หื้มมม~ ฉันก็ด้วยเหรอ?” ฉันทำหน้าตกใจเล็กน้อย สมัยเรียนก็โดดตอนคัดเลือกดาว พอมาทำงานยังจะต้องมาแสดงอะไรอีกเหรอ T^T “โมอาคือตั
โมอา’s Part 2 ปีผ่านไป หลังจากที่เรียนจบฉันก็ขอที่บ้านไปเวิร์คแอนด์ทราเวลมา เหตุผลก็เพราะอยากไปใช้ชีวิตเจออะไรใหม่ๆ สถานที่ใหม่ๆ ผู้คนใหม่ๆ อีกเหตุผลก็คือหนีไปทำใจด้วย ถ้ายังอยู่ที่เดิมเจออะไรเดิมๆ ฉันคงจะมูฟออนไม่ได้สักทีแน่ๆ T^T ตอนนี้ฉันกลับมาอยู่ที่ไทยแล้วล่ะ และก็กำลังจะเริ่มงานวันแรกวันนี้ ส่วนเพื่อนๆ ในกลุ่มเราก็มีคุยกันในไลน์กรุ๊ปตลอด แต่ว่ายังไม่ได้นัดเจอกันเลย เพราะไผ่หลิวเองไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ส่วนเมษาก็ทำงานไปด้วยพร้อมกับต่อโทไปด้วยทำให้เธอยุ่งจนไม่มีเวลาออกมาเจอใคร กั้งกับอาร์ตตอนนี้ก็เป็นผู้บริหารธุรกิจของที่บ้านไปแล้ว ตอนแรกสองคนนั้นชวนฉันไปทำงานที่บริษัทด้วย แต่ฉันเกรงใจไม่อยากให้ใครมองว่าใช้เส้นสายเพื่อนก็เลยเลือกที่จะหางานเองมากกว่า “สวัสดีค่ะ มัทฑิตา มารายตัวเข้างานวันแรกค่ะ” ฉันพูดขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้อง HR “สวัสดีจ้าโมอามาแต่เช้าเลยน้า งั้นเดี๋ยวเซ็นเอกสารสัญญากันเสร็จพี่จะพาไปที่แผนกของน้องนะจ้ะ”พี่องุ่น HR ประจำบริษัททักทายฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เราสองคนเคยเจอกันวันที่ฉันมาสำภาษณ์งานแล้วเหมือนได้ค
หลังจากวันนั้นที่รันเวย์เลิกกับโมอาเขาก็แทบจะไม่เป็นผู้เป็นคน เรียนก็ไปบ้างไม่ไปบ้าง โปรเจกต์ก็แทบจะไม่คืบหน้า “รันเวย์ถ้ามึงยังเป็นแบบนี้ มันจะเรียนไม่จบเอานะเว้ย” คุนพูดขึ้นตอนที่เขาเอาข้าวมาให้เพื่อนที่คอนโด เพราะถ้าไม่เอาข้าวมาให้และนั่งดูเพื่อนกินจนหมด รันเวย์ก็คงแทบจะไม่กินข้าวเลย ช่วงนี้ที่กินก็มีแต่เหล้า “เรียนไม่เท่าไร ข้าวปลาก็ไม่กินแบบนี้จะตายก่อนมั้ยวะ” เคนพูดเสริมขึ้นมา เขาเห็นเพื่อนหมกตัวอยู่แต่ในห้องมาหลายอาทิตย์แล้ว ถ้าไม่ใช่วิชาสำคัญที่จะต้องเข้าจริงๆ รันเวย์ก็ไม่ออกจากห้องเลย แล้วดูสภาพรันเวย์ตอนนี้สิ ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาเป็นที่หมายปองของสาวๆ ตอนนี้กลับทรุดโทรมและแห้งตอบ หนวดเคราก็รกรุงรัง เคนคิดภาพไม่ออกเลยว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้เรื่อยๆ เพื่อนเขาจะแย่ลงอีกแค่ไหน “โปรเจกต์จบของเราตอนนี้เครื่องมีปัญหาอยู่นะเว้ย พวกกูช่วยกันดูแล้วแต่แก้ไม่ได้ว่ะ ไอ้นักรบบอกว่ายังไงก็ต้องเป็นมึงมาแก้ มึงช่วยพาตัวเองเข้าไปที่คณะหน่อยได้มั้ยวะ”คุนยังคงพูดต่อไป ถึงแม้จะไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดจะเข้าหูเพื่อนบ้างหรือเปล่าก็ตาม ก็รันเว







