เมื่อดื่มด่ำกับรสชาติกาแฟดำในยามเช้า และทำสมาธิให้ตัวเองด้วยเล่นสนุกเกอร์แบบพอหอมปากหอมคอ เหมราชก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวในห้องนอนหรูของตัวเอง ก่อนจะเดินลงมาที่โต๊ะอาหารตัวยาวที่มีเก้าอี้นั่งเรียงรายมากกว่าสิบตัว แต่ทว่าเขากลับนั่งเพียงลำพังเป็นประจำเกือบทุกครั้งที่กินข้าวในคฤหาสน์หลังนี้
เหมราชอยู่ในชุดสบายๆ เพราะวันนี้ไม่ได้มีธุระออกไปไหน สวมเพียงเสื้อยืดสีขาวไม่มีลายแต่ราคาก็แพงเฉียดหลักหมื่น ส่วนกางเกงเป็นขายาวผ้านิ่มคล้ายกางเกงนอนแต่มันไม่ใช่ สามารถใส่ออกไปด้านนอกได้โดยไม่ต้องกลัวใครมองว่าสวมชุดนอนออกมาด้านนอกและผมเผ้าที่ไม่ได้เซตจัดแต่งทรง แต่ก็ดูดีไม่น้อย ยังฉีดเพียงน้ำหอมกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นั่งทานอาหารมื้อเช้าในช่วงเก้านาฬิกาสิบห้านาที ในห้องครัวที่ถัดจากโซนกินข้าวไม่มาก เสียงดังก๊อกแก๊กจากการล้างภาชนะในครัว พี่อ้อยควั่นที่มือขาวเต็มไปด้วยฟองน้ำยาล้างจานก็หันมาคุยและวานคนอายุน้อยที่กำลังเรียงพวกเครื่องปรุงใช้แล้วให้เข้าที่เดิม “มะลิ เอาของหวานไปเสิร์ฟคุณเหม” “จ้ะ” มะลิทำตามอย่างว่าง่าย ของหวานมื้อเช้าของเหมราชเป็นเพียงลูกชิปในน้ำเชื่อมหวานน้อยเท่านั้น เดินถือถาดออกมาก็เห็นว่ามาเฟียหนุ่มกำลังตั้งหน้าตั้งตากินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย โดยมีลูกน้องคนสนิทอย่างลมเหนือยืนเอามือขัดกันไว้ด้านหน้าอยู่ข้างๆ “เฝ้ากันแบบนี้ เป็นมะลิคงกินไม่ลง” มะลิชะงักฝีเท้าเดินเสียก่อน แอบคุยกับตัวเองชั่วครู่ ความรู้สึกทำให้เธอยืนนิ่งที่หน้าประตูเพราะรับรู้ถึงรังสีความน่ากลัว ก่อนสายตาคมของเหมราชจะตวัดมองคนตัวอวบขาวด้วยความบังเอิญ “ยืนทำอะไรตรงนั้น” “!!” พอได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยถาม มะลิก็สะดุ้งตัวจนน้ำเชื่อมในชามกระเบื้องใบพอเหมาะกระเซ็นแล้วหลุดจากภวังค์การนึกคิดนั้นในทันที พยักหน้าน้อยๆ แล้วเดินค่อมตัวเอาของหวานวางเสิร์ฟบนโต๊ะกินข้าวอันสุดหรู ขณะที่ลมเหนือก็มองหญิงสาวที่โตจนอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ แต่บุคลิกและรูปร่างของคนตรงหน้าเหมือนเด็กเพิ่งอายุสิบแปดไม่มีผิด ก็คงเพราะมะลิตัวเล็กเกินไป เล็กในความคิดของลมเหนือ คือตัวไม่สูงเลยมองเหมือนเด็กที่กำลังโต “ของหวานจ้ะ...คุณเหมจะรับอะไรเพิ่มไหม” “ไม่...” เหมราชตอบสั้นๆ น้ำเสียงก็ห้วนเสียเหลือเกิน มะลิย่นคอเล็กน้อยแล้วถอยออกมายืนเสมอกับลมเหนือ เพราะได้รับคำสั่งจากพี่อ้อยควั่นให้ยืนรออยู่ตรงนั้นจนกว่าคุณเหมราชจะกินเสร็จและลุกหนี เหมราชหยิบช้อนขึ้นมา ตักลูกชิปเข้าปากก็เหล่หางตาเห็นปลายเท้าที่สวมถุงเท้าคู่เดิมไว้อยู่ ก่อนจะเพิกเฉยและหันมาสนใจกินของหวานอันโอชะ ก็เหมือนมีบางอย่างดึงดูดดวงตาเข้าให้เหล่มองอีกรอบ “แม่ง !!” เหมราชหงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ ลมเหนือที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ขมวดคิ้วมองเจ้านายของตนที่สบถคำหยาบกลางโต๊ะอาหาร ส่วนมะลิก็กลัวจนคอหดยืนกอดถาดที่ใส่ถ้วยของหวานแน่น มะลิกำลังนึกว่าตัวเองเผลอไปทำอะไรไม่ถูกใจมาเฟียเหมหรือเปล่า... “ตกลงคุณเหมจะให้มะลิทำงานอะไรครับ” ลมเหนือถามต่อหน้าเจ้าตัว มะลิเองก็อยากรู้เช่นกันว่าหลังจากนี้ต้องทำงานอะไรแลกกับหนี้หลักล้านที่ไม่ได้ก่อ แต่กระนั้นเหมราชก็นึกและมองไม่ออกว่าสาวเหนือเชียงรายตัวแคระขนาดนี้จะไปทำงานอะไรได้ เขาตักลูกชิปคำสุดท้ายเข้าปากอย่างใจเย็น ทิ้งคำถามของลูกน้องคนสนิทค้างเติ่งในอากาศไปชั่วขณะ แล้วยกน้ำเปล่าเย็นๆ ขึ้นมาดื่มก่อนจะถามกลับคืน “มึงคิดว่าผู้หญิงตัวแคระแบบนี้ต้องทำงานอะไร” “...” มะลิยู่หน้าขึ้น แอบพูดในใจว่าเหมราชนี้ขยันวิจารณ์รูปร่างของเธอเสียจริง ไม่เตี้ยถึงขั้นนั้น แต่เพราะคุณเหมดันสูงราวเสาไฟฟ้ามากกว่า “งานก่อสร้างผมว่าคงทำไมได้” “มะลิถนัดปลูกผักจ้ะ” คนอายุน้อยเสนอความถนัดของตัวเอง แม้จะทนแดดแต่มะลิไม่มีแรงถึงขึ้นแบกเหล็กแบกปูนเดินในพื้นที่ก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์อย่างแน่นอน ดีไม่ดีอาจเจ็บป่วยมาเป็นภาระเพิ่มให้เจ้าหนี้ของตัวเองก็ได้ “ไปทำงานที่บ่อน เป็นเด็กแลกชิปโป๊กเกอร์” มะลิได้ยินเช่นนั้นก็หน้าตาตื่นขึ้นมาทันที ไม่ชอบเลยกับการพนัน เพราะพ่อเล่นจนหมดตัวแล้วเอาที่ดินของยายไปจำนองก็ไม่อยากเอาตัวเองไปวนเวียนอยู่กับสถานที่อบายมุขแบบนั้น “ให้มะลิทำอย่างอื่นเถอะจ้ะ มะลิไม่อยากเข้าบ่อน” “...” “นะจ๊ะ ให้ทำอย่างอื่น” พูดทั้งน้ำเสียงอ้อนวอน คุกเข่าลงร้องขอให้เหมราชเปลี่ยนใจ แต่สายตาที่มองกลับมาดูช่างเมินเฉยเหมือนไม่สนใจที่เธอร้องขอออกมาเลยสักนิด “รู้ตัวรู้เปล่า เป็นลูกหนี้ที่เรื่องมากที่สุด” “มะลิยอมทำอย่างอื่น เป็นแม่บ้าน เป็นผู้ติดตาม ทำสวนก็ได้จ้ะ แต่ไม่อยากทำงานที่บ่อน -- มะลิเกลียด” “บ่อนฉันไปทำอะไรให้เธอ” “เพราะการพนันมันทำให้พ่อเป็นแบบนี้” มะลิเหมือนคนจะร้องไห้ เหมราชและลมเหนือมองหน้ากันก็พอเดาออกว่าเพราะอะไร ก่อนจะถอนหายใจแล้วดุนดันลิ้นข้างกระพุ้งแก้มมองลูกหนี้ของตนที่ต่อรองกันราวกับตัวเองเป็นคนสำคัญเช้าวันต่อมา บรรยากาศในเมื่อคืนกลายเป็นเรื่องที่สนุกสนาน เมื่อเพื่อนบ้านเห็นว่ามีรถคันหรูจอดหน้าบ้านยายใหม่ตั้ง 2 คันก็แวะเวียนเข้ามาทักทายตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น เรื่องราวของมะลิดังไปทั่วหมู่บ้านภายในค่ำคืน แต่ก็เป็นเรื่องราวดีๆ ที่คนพูดถึง ทว่าโดนสบประมาทว่ามะลิอาจเป็นเพียงเมียน้อยของเจ้าหนี้มาเฟีย แต่เมื่อเจ้าตัวออกมายืนยันด้วยตัวเอง พร้อมกับหัสดินว่ามะลิคือเมียหนึ่งและเมียเดียวของตระกูลอัครพิสุทธิ์สิน ทุกคนที่เอาแต่จ้องสงสัยและจ้องนินทาก็หายแคลงใจ ส่วนยายหมายก็โล่งอกในทันที หลังจากที่แอบคิดมากมานาน เป็นเดือนๆ ว่าหลานสาวอาจเป็นเพื่อนของเล่นคนรวยเป็นเพียงคนขัดดอก “ฝีมือยายไหม อร่อยเหมือนมะลิเลยนะ ลื้อว่าไหมอาเหม” หัสดินพูดออกมาอย่างชื่นชม ขณะที่ยังนั่งขัดสมาธิบนแคร่ไม้ นั่งล้อมวงกินมื้อเช้าในบรรยากาศที่แตกต่างจากที่เคยเป็น แต่ทว่าชายมีอายุกลับรู้สึกชื่นชอบกับธรรมชาติที่อยู่รอบตัว หรืออาจจะรู้สึกชื่นชอบเพราะเจอคนที่ถูกใจ สายตาหัสดินที่มองยายไหมทำเหมราชหนักใจ แม้จะเคยอนุญาตให้เตี่ยมีเมียอีกสักคนแต่ก็ไม่นึกว่าเตี่ยจะแสดงอาการหนักเมื่อเจอยายของมะลิ เล่นหูเล่นตาแพรวพราวราวกับตัวเอง
สามวันต่อมาเชียงรายสายการบินดับเบิ้ลบี ไฟล์ท TG9397 แลนดิ้งถึงสนามบินในช่วงเวลาบ่ายโมง เป็นครั้งแรกที่มะลินั่งเครื่องบินก็ตื่นเต้นตลอดการเดินทาง เป็นการกลับบ้านในรอบหลายเดือน ตั้งแต่มะลิมาทำงานใช้หนี้เพื่อแลกกับที่ดินของยายการเดินทางมาเพียงสองคน เหมราชยอมเลื่อนงานที่ต้องจัดการภายในสองสามวันนี้ออกไปเป็นอาทิตย์และพาเมียมาหายายที่คิดถึง ลงจากเครื่องก็มีรถเช่ามารอรับ ครั้นลมเหนือติดต่อจองไว้ให้เพราะเหมราชไม่ได้ขับรถส่วนตัวมาเองรถยนต์ยุโรปมีค่าเช่าหลักหมื่นต่อวันเคลื่อนตัวไปถนนทางหลวงและมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านแม่กลองทันที มะลินั่งบีบมือที่ชื้นไปด้วยทั้งกลัวและตื่นเต้นจนหัวใจเต้นตึกตัก แต่ทว่าได้มือหนาของเหมราชกุมกระชับจนกระทั่งมาจอดหน้าบ้านพื้นดินที่ยังชื้นจากฝนที่ตกหนักเมื่อคืนส่งผลให้สวนผักของยายเขียวขจี บรรยากาศโดยรอบเงียบเพราะคนแถวนั้นต่างก็ออกไปทำงานในตอนกลางวันและส่วนมากก็ทำไร่ทำสวนกันทั้งนั้น มะลิเปิดประตูลงมา ยืนท่ามกลางแดดจ้ามองบ้านทรุดโทรม พลันนั้นน้ำตาไหลเองอย่างไม่อาจห้าม เป็นครั้งแรกที่ห่างจากยายนานมากขนาดนี้ หากไม่นับตอนเคยอยู่กับพ่อ มองพื้นที่ทำมาหาอันเล็กน้อยที่เคยกลัวว่
มะลิเหนื่อยจากการอ้วกแบบหมดไส้หมดพุงก็ม่อยหลับราวกับว่าสลบไสล ส่วนเหมราชก็หอบหมอนและผ้าห่มมานอนบนโซฟา เมื่อคนอายุน้อยไม่ยอมให้เข้ามานอนกอดเพราะเหม็นตัว แม้จะเข้าไปอาบน้ำใหม่อีกรอบและพรมน้ำหอมชนิดที่ฉุนจนแสบจมูกก็ยังมีกลิ่นที่มะลิไม่ชอบอยู่ดี อาการช่างแปลกๆ ทำเขาแอบตื่นเต้นนอนไม่หลับ นั่งมองเมียรักและเดินไปเดินมาคนเดียวแทบทั้งคืนรุ่งเช้า...ดวงตาปรือปรอยในเช้าวันใหม่ มะลิตื่นในช่วง 8 โมงเช้า สายกว่าเมื่อวานไปตั้งหนึ่งชั่วโมง ขยับกายที่รู้สึกดีขึ้นเมื่อคืนนั่งบนเตียง ให้อาการงัวเงียดีขึ้นแล้วค่อยๆ ปรับโฟกัสดวงตากลมให้มองชัดขึ้น ในห้องเหลือแค่ตัวเองเพียงคนเดียวก็นึกว่าเหมราชคงออกไปทำงานเหมือนเช่นทุกวัน“ตื่นสายไม่ได้ส่งพี่เหมขึ้นรถไปทำงานเลย”ตำหนิตัวเองที่เดี๋ยวนี้เป็นคนเหลวไหล แม้จะเข้านอนเร็วกว่าปกติก็ยังเป็นยัยแคระขี้เซาอยู่ดี แบบนี้เขาเรียกว่าทำหน้าภรรยาบกพร่องไหมนะกำลังก้าวขาลงจากเตียง เสียงเปิดประตูดังขึ้น มะลิตกใจที่จู่ๆ มีคนถือวิสาสะเปิดเข้ามาเพราะหากตัวเองโป๊เปลือยอยู่คงเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม ทว่ากลับเห็นเป็นร่างสูงของเหมราชเดินเข้ามาด้วยท่าทางรีบๆ และยังสวมชุดนอนตัวเมื่อคืนอยู
ขณะที่คนอยู่ในออฟฟิศก็นั่งยิ้มมองจอมือถือไม่ต่างจากมะลิเสียเลย ลมเหนือที่ยืนรองานก็มองเจ้านายด้วยสายตารอคอย ที่จู่ๆ ก็ลอยแพให้เขายืนอยู่แบบนั้นหลายนาทีได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้โทรตามให้เขาเข้ามารับเอกสารสำคัญ เพื่อที่จะส่งต่อให้กับธนาคาร แต่พอเข้ามาเหมราชก็เอาแต่สนใจหน้าจอมือถือ พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่เงยหน้ามามองกันเลย“ฮึมมมม”ลมเหนือกระแอมเสียงเบาๆ ก็เหมือนว่าเจ้านายจะไม่ได้ยิน ก่อนจะเพิ่มระดับเสียงดังขึ้นมาอีกหนึ่งครั้ง พลันนั้นดวงตาคมก็ตวัดมองคนสนิทด้วยแววตาออกดุทันที ราวกับว่าเขาเข้ามาขัดจังหวะ แต่เปล่าเขาเข้ามาตามคำสั่งของเจ้านาย“งานก็วางอยู่ตรงนั้น มึงไม่แหกตามอง”ลมเหนือเสดวงตามอง เป็นซองสีน้ำตาลด้านในคือเช็คจ่ายค่าจ้างในส่วนต่างๆ ที่นอกเหนือการจ่ายจากบัญชีของบริษัท“ขอโทษครับ ผมเข้ามาก็เห็นคุณเหมยิ้มจนตาหยี ตั้งแต่ได้คุณมะลิมาเป็นเมียยิ้มจนร่องหมากขึ้นเลยนะครับ”โดนลูกน้องแซวเข้าให้ เหมราชเป็นคนยิ้มยาก ตั้งแต่ลมเหนือทำงานเป็นลูกน้องที่จงรักภักดีเขาก็แทบนับครั้งได้ที่เห็นเจ้านายฉีกยิ้มออกมา และมุมปากที่แขวนขึ้นส่วนมากมาจากเรื่องของธุรกิจที่มันประสบความสำเร็จ แต่ทว่าตอนนี้เหมราช
“คุณเหมกลับมาค่ะคุณมะลิ”“ไม่ใช่ พี่เหมเข้าผับต่อ”สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำอ้อยควั่นยกมือมาแต่ปาก เบิกดวงตากลมโตราวกับว่าไม่เชื่อ ไม่เคยได้ยินใครเรียกเหมราชแบบนี้ แม้แต่ผู้หญิงที่เป็นคู่นอนของเหมราชอายุน้อยกว่าเป็นสิบปี มาเฟียหนุ่มก็ไม่อนุญาตให้เรียกสิทธิ์นั้นได้แค่มะลิคนเดียว...เมื่อสงสัยว่าเป็นใครก็เดินออกไปดูพร้อมกัน รถยนต์คันคุ้นตาไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าสัวหัสดินมาพร้อมกับของที่ติดมือมาอย่างมากมาย“เจ้าสัว...สวัสดีจ้ะ”มะลิยกมือไหว้พร้อมกับพี่อ้อยควั่น หัสดินที่กำลังเดินขึ้นบันไดไม่กี่ขั้นเพื่อเข้ามาด้านในแต่มีลูกน้องประคองกันล้ม ก็ยกมือปัดครั้นได้ยินคนอายุน้อยเรียกไม่เข้าหู“อามะลิ! ผัวลื้อไม่สั่งสอนหรือไง ว่าต้องเรียกอั๊วว่าเตี่ย”“...” มะลิทำหน้านิ่งแล้วกลอกตามองอ้อยควั่น“พวกลื้อ ขนของมาให้ลูกสะใภ้ ขนมาหมดทุกอย่าง เข้าใจไหม” เขาหันไปตะโกนบอกลูกน้อง“เข้าใจครับ”หัสดินเดินนำไปห้องรับแขก เมื่อเป็นบ้านของลูกชายไม่จำเป็นต้องรอใครเชิญ เขาสามารถเดินเข้าออกประหนึ่งเป็นเจ้าของ ชายมีอายุหย่อนกายนั่งบนโซฟาตัวนิ่ม พร้อมกับครางเสียงกับอาการปวดเนื้อปวดตัวตามประสาคนแก่ส่วนมะลิที่เดินก้มหน้าตาม
...ร่างอวบอัดขยับกายขึ้นแล้วนั่งบนเตียง ผมเผ้าที่ยาวสลวยแต่มันก็ยุ่งเหยิงมากทีเดียวในตอนตื่น แม้ไม่ใช่คืนแรกที่มะลิเข้ามาใช้ห้องนอนของเหมราช แต่ก็นับว่าเป็นคืนแรกในฐานะคุณนายของบ้านอย่างเต็มตัว ดวงตากลมกะพริบถี่ๆ เพื่อปรับโฟกัสมองหาชายที่นอนอยู่ข้างกัน แต่กลับไม่เห็นเพราะว่าตอนนี้เขาลุกออกจากเตียงไปก่อนเธอเสียแล้วมะลิที่อยู่ในชุดนอนลายน่ารักก้าวเท้าลงจากเตียง เป็นจังหวะที่เหมราชเปิดประตูห้องน้ำออกมาพอดี ร่างสูงแต่งกายสุภาพ สวมเสื้อเชิ้ตสีกรม กางเกงสแลกสีดำและกำลังผูกเนคไทเข้าที่คอ“ตื่นแล้ว”“จ้ะ มะลิตื่นแล้ว”“...”เหมราชทำเพียงยิ้มตอบและวุ่นวายกับเนคไทที่พาดบนคอ“วันนี้คุณเหมจะเข้าบริษัทเหรอจ๊ะ”“ใช่ ขอเคลียร์งานอีกนิดหน่อย”เพิ่งกลับมาจากดูโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่นครราชสีมา วันต่อมาเหมราชก็เตรียมตัวเข้าบริษัทอย่างเช่นเคย เดินทางไม่ไกลแต่ก็ทำให้เหนื่อยมากพอตัว เขากลับไม่ยอมหยุดพักผ่อน ไม่แปลกใจเลยทำไมทุกอย่างที่เขาสร้างขึ้นถึงได้เติบโตแบบก้าวกระโดดมากขนาดนี้“ส่วนตอนหัวค่ำจะเลยเข้าผับ”ธุรกิจกลางคืนที่เขาทำมานานหลายปี ถึงรอบที่ต้องเข้าไปตรวจตรา เพราะโดยปกติเหมราชจะเข้าผับก็ต่อเมื