บทที่ 12
หลังจากที่คลาสเดินออกไปพร้อมกับเสียงหัวเราะถึงแม้ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทและโกรธคนที่ทำกับเพลงพิณ แต่คลาสก็ไม่ใจร้ายพอที่จะให้อันนาต้องตายเพื่อชดใช้ในสิ่งที่เธอทำ เขามองเพื่อนตัวเองที่บอกว่าโกรธเกลียดอยากจะแก้แค้นให้กับน้องสาวดูจาดแววตาก็รู้ว่าเพื่อนของเขานั้นมีใจให้กับหญิงสาวคนนี้ ยิ่งในครั้งนี้พิสูจน์แล้วว่าเพื่อนของเขานั้นเป็นห่วงอันนาจริงๆ
เขาเดินออกไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เมื่อพ้นประตูคลาสจึงเอียงคอหันกลับไปมองเล็กน้อย
"คนที่นายเกลียดนี่แหละจะเป็นคนที่นายรักมากที่สุด! ขอให้ความรักของเธอทำให้ผู้ชายคนนี้ลบล้างความแค้นออกจากใจได้นะ" เมื่อหันหน้ากลับมาเตรียมที่จะก้าวขาออกลูกน้องคนสนิทของเหมราชได้เดินเข้ามาใกล้เพื่อนสนิทของเจ้านายตัวเอง
สายตาของเขาเหมือนกับอยากพูดอะไรบางอย่างกับคลาส แต่ก็กล้าๆ กลัวๆ คลาสจึงเอ่ยถามขึ้นเอง
"มีอะไรจะพูดกับกูหรือเปล่า??”
"ผมสงสารคุณอันนาและผมรู้สึกว่าเธอไม่ใช่!!”
"ความสงสารไม่ได้ทำให้มึงมีข้าวกิน การทำงานเท่านั้นที่จะทำให้มันมีข้าวกินอย่ายุ่งเรื่องของเจ้านาย เวรกรรมต้องระงับด้วยการจองเวร" เขาพูดกับลูกน้องคนสนิทเพื่อนอย่างไม่ไยดีหลังจากพูดจบคลาสเดินออกไปข้างนอก เขามีบางอย่างที่จะทำแล้วมันจะต้องสนุกมากกว่านี้
ร่างบางนั่งร้องไห้เนื้อตัวสั่นเครือไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อสู้หลังจากที่เพื่อนสนิทของเขานั้นเดินออกไปใบหน้าน้อยก้มมุดลงที่เข่าตัวเอง
"อยากตายมากนักหรือไง! แต่ไม่สิเธอควรตายอยู่แล้ว ฉันไม่น่าช่วยคนแบบเธอไว้เลยรู้งี้ปล่อยให้มันใส่ลูกปืนจริงๆ แล้วก็ยื่นปืนให้เธอ" ทั้งๆ ที่ตัวเองนั้นเป็นคนช่วยแต่ปากกลับบอกว่าอยากให้ตาย เขาเดินมานั่งที่โซฟาจับจ้องมองเธอก่อนที่จะลุกออกมาหน้าประตู
"กูมีเรื่องที่จะต้องไปต่างจังหวัดหลายวัน ฝากดูแลด้วยแต่ไม่ต้องดูแลแบบใกล้ชิด กูบอกแล้วว่าผู้หญิงคนนี้เปรอะเปื้อนและสกปรกอย่าไปยุ่งกับตัวของเธอควรเชื่อฟังกูด้วย" ลูกน้องคนสนิทของเขานั้นก้มหน้าให้เมื่อเจ้านายเอ่ยสั่งบอกว่าสกปรกหรือว่าหวงไม่อยากให้ลูกน้องเข้าใกล้กันแน่ ใบหน้าของลูกน้องที่จับจ้องมองเจ้านายปากแข็งเดินออกไปเขาได้เพียงแต่ยิ้มและส่ายหน้าไปมา
ลูกน้องคนสนิทของเขาเปิดประตูเข้ามาในห้องเห็นอันนาก้มหน้าลงอยู่ เขาได้เพียงแต่เดินมาใกล้ๆ และหยิบแก้วน้ำยื่นให้กับเธอ
"ไม่มีใครเขาอยากตายกันหรอกนะครับคุณอันนา ต่อให้คุณจะเจอสถานการณ์เจ็บปวดหรือว่าทุกข์ทรมานแค่ไหน ทุกคนล้วนกระเสือกกระสนเพื่อเอาชีวิตรอด! แล้วผมเชื่อว่าคนดีไม่มีวันต้องเจ็บแบบนี้ไปตลอด"
ใบหน้าน้อยเงยมองหน้าลูกน้องคนสนิทของเขาทั้งน้ำตาร่างบางสะอึกสะอื้น ยกมือเช็ดน้ำตาเบาๆ
"ก็คงจะมีแต่คุณที่คอยให้กำลังใจ แต่ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว ฉันเจ็บ"
“แล้วคุณไปทำน้องสาวของเขาก่อนทำไม"
"ฉันไม่ได้ทำ…”
ดวงตาคู่น้อยเบิกกว้างเธอจะหลุดพูดคำว่าไม่ได้ทำ ก่อนที่จะยกมือปิดปากของตัวเองเอาไว้ร่างบางกำลังจะเอ่ยเถียงลูกน้องคนสนิทของเขาแต่ดันหลุดพูดความจริง
"คุณหมายความว่ายังไง คุณไม่ได้เป็นคนทำอย่างที่ผมสงสัยมันเป็นความจริงใช่ไหมคุณพูดมาสิ เอาคนที่ทำมาคุณจะได้หลุดพ้นสักที คุณอยากเจ็บตัวแบบนี้ไปตลอดเลยหรือไง"
อันนาส่ายหน้าไปมาได้เพียงแต่โทษตัวเองที่หลุดพูด
"มันไม่ใช่อย่างนั้นฉันพูดผิด ขอบใจนะแต่ออกไปได้แล้วฉันอยากอยู่คนเดียว" เธอรับแก้วน้ำจากลูกน้องคนสนิทของเขามาพร้อมกับผายมือให้เขาไปข้างนอก
"นายบอกว่าไม่อยู่หลายวัน ในช่วงเวลานี้คุณอันนาก็ใช้เวลาที่เขาไม่อยู่พักผ่อนนะครับ แล้วก็กินอะไรลองท้องเพื่อที่จะได้มีแรง! ถ้านายตั้งใจที่จะฆ่าคุณจริงๆ นายคงไม่ปล่อยให้คุณอยู่มาถึงทุกวันนี้และคงไม่พาคุณมารักษาตัวที่โรงพยาบาล"
"หยุดพูดถึงเขาสักที ฉันเกลียดเขาเกลียดมาก! แล้วจำเอาไว้เลยว่าชาตินี้ฉันจะไม่มีวันให้อภัยผู้ชายแบบเขา"
คิดเหรอว่าคนเจ้าเล่ห์แบบเหมราชจะเดินออกไปจริงๆ เขาแอบฟังลูกน้องคนสนิทกับอันนาคุยกันอยู่หน้าห้อง
"หึ! เธอต้องเข้าใจไม่ใช่เธอมาเกลียดฉันเพราะฉันไม่ได้เป็นคนเริ่ม" ถ้าไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปธุระต่างจังหวัดเขาคงไม่ปล่อยให้เธออยู่กับลูกน้องคนสนิทอย่างแน่นอน
เหมราชมารับคลาสเพราะว่าทั้งสองคนได้นัดกันเอาไว้แล้วในวันนี้มีประชุมมาเฟียครั้งใหญ่และต้องเข้าคลังกันทุกคน ถ้าใครไม่ไปถือว่าพลาดวันนี้กรณ์พ่อของอันนาจะต้องไปอย่างแน่นอนและพวกเขาทั้งสองคนต้องได้เยาะเย้ยและเหยียบย่ำกรณ์
เมื่อมาถึงสถานที่นี่คือร้านอาหารสุดหรูย่านพัทยา ในวันนี้กลุ่มแก๊งมาเฟียนัดกันดื่มฉลองและเข้าประชุมกันที่นี่
ทุกคนอยู่กันครบในขณะที่คลาสกับเหมราชเดินเข้าไปสายตาของกรณ์ที่นั่งมองอยู่นั้นไม่พอใจเขากำหมัดเข้าหากันพยายามไม่แสดงอาการได้เพียงแต่กัดฟันเพื่อระบายความโกรธ
"สวัสดีครับทุกคนมารอกันนานหรือยัง" มือหนาทั้งสองข้างค้ำลงบนโต๊ะอาหารสุดหรูคลาสใช้สายตาเจ้าเล่ห์กวาดมองทุกคนและหยุดชะงักตรงกรณ์
"เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ควรให้ผู้ใหญ่มารอนาน ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ควรมีอำนาจและบารมี" กรณ์รู้ตัวเองดีว่ากำลังพูดอยู่กับใครผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เพียงมาเฟียวัยรุ่นทั่วไปแต่เป็นถึงลูกคนใหญ่คนโตและมีอำนาจเหนือกว่าแม้กระทั่งท่านรอง
"จุ๊ๆ ไม่เป็นอันธพาลสิหมาแก่ อุ๊ยไม่ใช่คนแก่" เริ่มมีเสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากคนรอบข้างและเสียงหัวเราะที่ดังลั่นนั้นคือคลาส
"ควรให้เกียรติกูด้วยนะ กูแก่รุ่นพ่อมึงแล้ว"
"มึงไม่มีสิทธิ์พูดถึงพ่อกู! หรือว่ามึงไม่อยากมีแม้แต่ชื่ออยู่ในคลัง"
เขาต้องเงียบให้กับเด็กหนุ่มหน้าใหม่ที่เพิ่งถูกแต่งตั้งขึ้นมาเป็นมาเฟีย ถ้ายังขืนต่อปากต่อคำคนที่เสียก็คือเขาเอง
ในขณะที่นั่งประชุมสายตาของเหมราชที่จับจ้องมองกรณ์และแสดงใบหน้าเยาะเย้ยยกยิ้มด้วยมุมปากใช้ปากกาควงไปมาจนกระทั่งเขารู้ตัวและหันกลับมามองหน้าเหมราช
"มึงยังต้องการอะไรกับกูอีกเล่นไม่ซื่อเอาเพื่อนมาเล่นกูเหรอ" คนที่ทำอะไรไม่ได้ได้เพียงแต่เอ่ยถามด้วยความโกรธ กรณ์มองอยู่นานว่าเหมราชจ้องตัวเองจึงเอ่ยพูดขึ้นในขณะที่ประชุม
"จุ๊ๆ เป็นมาเฟียมาจนแก่แล้วยังไม่รู้จักมารยาทในขณะที่เขาประชุมอยู่อีกเหรอ เป็นแบบนี้ไม่สมควรนะ ออกไปเลี้ยงควายดีหรือเปล่า" เหมราชใช้แววตาเยาะเย้ยยกยิ้มด้วยมุมปากหลังจากที่พูดวิจารณ์กรณ์จบเขาดีดตนเองลุกขึ้นทันทีในขณะที่ประชุม
"กรณ์คุณไม่ควรทำแบบนี้ผมกำลังประชุมอยู่" ท่านรองเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเข้มในแววตาและใบหน้าของเขาไม่พอใจที่กรณ์ดันไม่มีมารยาทลุกขึ้นยืนในขณะที่เขากำลังพูดเรื่องประชุม
"หึ! ผมบอกแล้วไงท่านรองว่าหมาแก่ตัวนี้ไม่สมควรอยู่"
"มึงไม่สมควรเรียกกูว่าหมา! พ่อมึงสิเป็นหมา" กรณ์หมดความอดทนกับความกวนประสาทและคำพูดด่าของคลาสไม่ไหวจึงชี้หน้าด่าโชว์ทุกคนแม้กระทั่งท่านรองที่ยืนมองอยู่
ท่านรองตกใจในที่ประชุมนี้ไม่ได้มีแค่เขายังมีพ่อของคลาสที่มองผ่านกล้องออนไลน์ถึงแม้ว่าไม่ปรากฏตัวให้กับทุกคนได้เห็น แต่เขามีอำนาจเพียงสั่งแค่คำเดียวทุกคนต้องทำตาม
( เมื่อกี้กูได้ยินใครบอกกูว่าเป็นหมา ถ้าไม่เคารพแล้วให้เกียรติกูขนาดนี้ต่อไปนี้มึงก็เป็นศัตรูกับกูเชิญออกไปจากคลังของกูและไม่ต้องกลับเข้ามาให้กูเห็นหน้าอีก อำนาจและบารมีที่กูเคยแต่งตั้งให้มึงจะไม่เหลือแม้แต่อย่างเดียว ) กล้องออนไลน์ได้หันมาจ้องกรณ์เขาเงยขึ้นจับจ้องมองกล้องและได้ยินเสียงคำสั่งจากเบื้องบนในตอนนี้กรณ์ไม่เหลืออำนาจและบารมีอะไรเลยแถมทั้งยังถูกไล่ออกจากคลังเป็นไปตามที่คลาสและเหมราชต้องการ
ขาของเขาแทบก้าวไม่ออกอยากจะทรุดตัวลงตั้งแต่หนุ่มจนแก่เขาพยายามที่จะไต่เต้าเลื่อนตนเองขึ้นสูงสุดท้ายต้องมาถูกรุ่นลูกปิดจบโดยการเขี่ยลง
"ท่านไม่มีสิทธิ์ที่จะไล่ผมเพียงเพราะลูกชายของคุณปั่นประสาท" กรณ์เงยหน้าขึ้นมองกล้องพร้อมกับเอ่ยเถียง เขาไม่ยอมที่จะออกไปจากคลังนี้ง่ายๆ และไม่ยอมยกบัลลังก์ตัวเองให้ใคร
"กูไม่รู้จะพูดอะไรเพราะคนหน้าด้านมักจะไม่ยอมเสียของที่ตัวเองรัก มึงด่ากูก่อนแล้วกูไม่ได้เป็นคนเริ่มเชิญออกไปจากคลังของกูก่อนที่มึงจะไม่เหลืออะไรแม้แต่ร่างกายของลูกสาวมึง"
เมื่อพูดถึงลูกสาวกรณ์ต้องยอมก้มหน้ารับความจริง ถ้าไม่อย่างนั้นลูกสาวของเขาคงไม่ปลอดภัยเมื่อเดินออกมาจากคลัง กรณ์ไม่กลับบ้านเขาขึ้นไปดื่มในห้อง VIP เพื่อระบายความเครียดในขณะที่ลูกน้องคนสนิทนั้นยืนเฝ้าดูแลความปลอดภัย ชายหนุ่มทั้งสองคนทั้งคลาสและและเหมราชได้เดินเข้าไป ลูกน้องคนสนิทของเขาจึงเดินออกมาขวางสายตาของกรณ์กวาดมองด้วยความเกลียด
"พวกมึงมาทำไม แค่นี้พวกมึงยังทำให้กูตกต่ำไม่พออีกเหรอ" กรณ์ควักปืนออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้านหลังตัวเองชี้ไปที่เหมราชเป็นคนแรก
"เจอเรื่องแค่นี้ไปถึงกับนั่งดื่มเหล้าคนเดียวเลยเหรอ! กูบอกแล้วไงว่ากูจะทำให้ครอบครัวของมึงฉิบหายจนไม่เหลืออะไร กูจะทำให้ลูกของมึงตายทั้งเป็น! เหมือนกับที่ลูกของมึงฆ่าน้องสาวกู"
"มึงควรหยุดได้แล้วไม่ใช่หรือยังไง มึงได้ทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดแล้วมึงหยุดได้แล้ว”
น้ำเสียงสั่นเครือกับปลายกระบอกปืนที่ควงไปมาชี้หน้าของเหมราชและเอ่ยถาม
"อาจจะยังไม่พอก็ได้ดูเหมือนว่ายังเหลือลูกสาวอีกคนไม่ใช่เหรอ ถึงแม้ว่าจะหมั้นไปแล้วแต่มันก็สนุกดีนะ ถ้าพรากผัวเมียออกจากกัน"
"อย่านะเว้ย….อย่ายุ่งกับนิตา" อาการของกรณ์ยิ่งเหมือนกับคนที่หวงนิตามากกว่าอันนาจึงทำให้เหมราชรู้สึกสนุกกับบางอย่าง
"เอ๊~ดูเหมือนว่าจะหวงลูกสาวคนเล็กมากกว่าคนโตนะ แบบนี้น่าสนุกมากกว่าเดิมอีกนะคลาส"
"พวกมึงจะย่ำยีอะไรกูหนักหนา พวกมึงก็ได้ไปทุกๆ อย่างแล้วเลิกแล้วต่อกูสักที!!!"
"ฮ่าๆ ไปดีกว่าเพื่อนไปหาดื่มฉลองให้กับตำแหน่งใหม่ดีกว่า" คลาสยกมือกอดคอเหมราชและพากันเดินออกมาจากกรณ์ เสียงหัวเราะเยาะเย้ยใส่คนที่กำลังเสียใจที่สูญเสียทุกอย่างแม้กระทั่งอำนาจและบารมี
"โถ่เว้ย!!!!!"
บทที่ 43เด็กชายตัวเล็กนั้นยังไม่หายจากอาการป่วยเพราะว่าบาดแผลยังไม่หายดีแต่หมอให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว เหมราชพาอัคคีและอันนามาที่ห้างเพราะอันนาจะมาซื้อของใช้ส่วนตัวให้กับลูกและจะพาลูกมาทานไอศกรีมด้วย ระหว่างที่อยู่ในร้านไอศกรีมแสดงเหมือนครอบครัวที่อบอุ่นต่อหน้าลูกทั้งคุยกันและหัวเราะหยอกกันอย่างกับว่าสามีภรรยาที่รักกันมากแต่จริงๆ แล้วอันนาเธอแกล้งแสดงต่อหน้าลูกเพียงเท่านั้น"อัคคีดีใจดีใจมากๆ ที่คุณพ่อกับคุณแม่อยู่ด้วยกันไม่เหมือนเมื่อก่อนที่อัคคีอยู่กับคุณแม่ 2 คน ไม่สนุกเลย" "อัคคีครับคุณพ่อซื้อบ้านให้อัคคีหลังอย่างใหญ่เลยนะ วันนี้เราไปดูกันไหมครับ" มือหนาลูบหัวของลูกชายเบาๆ บ้านหลังนั้นเหมราชตั้งใจซื้อให้อันนากับอัคคีตั้งแต่วันคลอดแต่เธอกลับพาลูกหนีไปซะก่อนจึงไม่ได้เข้าไปอยู่ส่วนเหมราชให้คนดูแลแต่ไม่เคยเข้าไปอยู่เลยสักครั้ง"คุณพ่อซื้อบ้านหลังใหม่ให้เลยเหรอครับ""ใช่แล้วครับ จริงๆ คุณพ่อตั้งใจซื้อให้อัคคีตั้งแต่อัคคีคลอดเลยนะ""คุณแม่บอกว่าคุณพ่อไปทำงาน" "คุณแม่บอกว่าคุณพ่อไปทำงานเหรอครับ" เหมราชยิ้มด้วยความดีใจที่แท้แล้วอันนาไม่เคยสอนให้ลูกเกลียดพ่อเลยสักนิด"ขอบคุณนะที่ไม่ทำ
บทที่ 42 อันนานั่งกุมมือของลูกชายที่นอนหลับอยู่บนเตียงเฝ้ารอให้ลูกชายฟื้นตื่นขึ้นมานั้นเป็นเวลาหลายชั่วโมงทุกคนกลับบ้านเหลือเพียงแต่เหมราชที่ยังไม่ยอมกลับ เขานั่งอยู่ที่โซฟากังวลใจและก็รอลูกชายตื่นด้วยเช่นเดียวกัน"ตื่นมาสิครับเดี๋ยวคุณแม่จะพาไปกินไอศกรีมนะ คุณแม่ไม่อยากให้อัคคีนอนหลับนานแบบนี้เลย" น้ำเสียงสั่นเอ่ยบอกกับลูกชายที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงในแววตาคู่น้อยกั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ยิ่งเห็นลูกเจ็บเธอนั้นเจ็บยิ่งกว่า ถ้าเป็นไปได้คนเป็นแม่ขอยอมเจ็บแทนเหมราชลุกขึ้น เขาเดินไปอยู่อีกฝั่งของเตียงตรงข้ามกับอันนามือหนากุมจับมือน้อยของลูกชาย"พ่อขอโทษนะที่ไม่ได้มีโอกาสดูแลลูกเลยตื่นขึ้นมานะครับ" ใบหน้าของลูกชายช่างคล้ายกับเขาในวัยเด็กสายตาของผู้เป็นพ่อจับจ้องมองหัวใจดวงน้อยที่พลัดพรากหายไป 2 ปี"หิวน้ำ" ทั้งคู่สายตาเบิกกว้างเมื่อได้ยินเสียงของคนตัวเล็กเอ่ยขึ้น อันนาเธอยิ้มทั้งน้ำตาลูกชายของเธอตื่นขึ้นมาแล้ว"น้ำเหรอเดี๋ยวคุณแม่เอาน้ำให้นะครับ' ดวงตาคู่น้อยมองหน้าเหมราชในระยะใกล้ชิดซึ่งเขาตกใจและแปลกใจทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้มาอยู่ตรงนี้"คุณลุงคุณลุงมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงครับ" เหมราชยกมือลูบ
บทที่ 41 เหมราชไม่ได้ใช้ความรุนแรงอย่างเช่นเคยเขาจับเธอเข้ามาในบ้านก็จริงแต่เป็นการกระทำที่อ่อนโยน เรือนร่างน้อยถูกโอบกอดด้วยแขนหนาทั้งสองข้างด้วยความคิดถึงและความโหยหาของเหมราชมากเกินกว่าจะยับยั้งใจ"ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ" มือน้อยทั้งสองทั้งผลักหน้าอกและทุบตีแต่เหมราชไม่ปล่อย เขากระชับกอดแน่นมากกว่าเดิมยิ่งเธอดิ้นแขนหนาทั้งสองยิ่งรัดแน่น"ฉันคิดถึงเธอนะ…คิดถึงเธอกับลูกมากตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาฉันตามหาเธอทุกวันอย่าไปไหนนะ" อันนาผลักหน้าอกของเขาออกจนสำเร็จใบหน้าน้อยจ้องมองเพียงไม่นาน ฝ่ามือฟาดตบเข้าที่ใบหน้าของเหมราชสายตาของเขามองกลับมาหาอันนาด้วยแววตาจำนนและยอมทุกอย่าง"ฉันไม่เคยมีความสงสารคุณเลยและฉันก็ไม่ได้สมเพชคุณด้วยแต่ที่ฉันไป ฉันสะใจและรู้สึกดีที่เห็นคุณเป็นแบบนี้เป็นยังไงล่ะลิ้มรสกับความเจ็บปวด" "รู้สึกหมดทุกอย่างแล้วและเจ็บปวดมาเกือบ 2 ปี ฉันไม่รู้หรอกนะว่าผู้ชายข้างนอกเป็นใครหรือว่าเป็นคนใหม่ของเธอจริงๆ ฉันอยากขอโอกาสได้ดูแลลูกได้ใกล้ชิดกับลูกบ้าง" "ผัวใหม่คุณคิดถูกแล้วผู้ชายข้างนอกคือผัวใหม่ของฉันและเขาก็ใจกว้างพอที่ให้ฉันมาคุยกับคนแบบคุณ ที่ฉันมาในวันนี้ฉันต้องการของข
บทที่ 40 เหมราชดีใจมากจนเขาทำอะไรไม่ถูกได้เห็นหน้าลูกชายตัวเล็ก เขาช่างเหมือนกับตัวเองอย่างกับฝาแฝดใบหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มกลับบ้านมาด้วยความดีใจ ตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่ผ่านมาเหมราชไม่เคยหยุดตามหาอันนากับลูกเลย แต่เขานั้นจนปัญญาแล้วจริงๆ ให้ผู้มีอำนาจช่วยตามก็ไร้วี่เเววที่จะตามหาเธอเจอ จนกระทั่งวันนี้เธอปรากฏตัวอยู่ที่บริษัทของเธอเองและเธอตั้งใจที่จะมาขอบริษัทคืน "นายครับแล้วจะทำยังไงต่อไป" ลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาใกล้เหมราชเงยหน้ามองลูกน้องคนสนิท เขายกยิ้มด้วยมุมปากหัวใจที่เหี่ยวเฉามา 2 ปี เต็มเริ่มพองโตขึ้นมีความหวังอีกครั้งจนกลายเป็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าร้าย"มึงคิดเหรอวะ ว่ากูจะยอมปล่อยเมียกับลูกไปได้อีก กูต้องเอาอันนากลับมาเป็นเมียกูเหมือนเดิมให้ได้" "แล้วนายจะทำยังไงเหรอครับ ดูเหมือนว่าการกลับมาของคุณอันนาครั้งนี้ก็ไม่ได้ง่ายเลยนะครับ และอยู่ๆ ทำไมถึงไปหานายที่บริษัท ถ้าตั้งใจไปขอบริษัทคืนจริงๆ เธอต้องมีข้อต่อรองแต่นี่ดูเหมือนว่าจะไปของ่ายๆ มันต้องมีอะไรสักอย่าง" เหมราชลุกขึ้นจากโซฟามือถือแก้วไวน์กระดกดื่มจนหมดแก้ว ลูกน้องคนสนิทพูดก็ถูกทำไมอยู่ๆ อันนาถึงไปที่บริษัทและตั้งใจเอาลู
บทที่ 392 ปีผ่านไป กาลเวลาหมุนเวียนตามเข็มนาฬิกา วันเวลาที่ผ่านไปนั้นล้วนมีทั้งความสุขและความทุกข์ ทว่าชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งกุมมืออยู่บนโซฟาตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีความสุขเลยสักวัน การรอคอยและตามหานั้นช่างทรมานสำหรับเขาเหลือเกิน มีทุกอย่างยกเว้นความสุขเหมราชใช้ชีวิตไปวันๆ ด้วยความหวังที่จะได้เจอลูกชายและอันนาอีกครั้งเสียงถอนหายใจดังขึ้นชายหนุ่มร่างโตลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานเปิดประตูห้องเดินออกมาพรวดพราดไม่ทันจะได้ตั้งตัว ทว่ามือของเขานั้นจึงคว้าเด็กตัวเล็กที่วิ่งมาด้วยความซุกซนชนกับเขาจนจะล้ม"มือหนาทั้งสองข้างประคองเด็กผู้ชายไว้ เด็กวัยสองขวบที่กำลังวิ่งซุกซนสายตาของเขาจ้องมองหน้าเด็กชายคนนั้นเพียงแค่ไม่นานหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นรู้สึกหวั่นไหว"ใครเอาลูกมาทำงาน" เหมราชกวาดสายตามองเลขาหน้าห้องตนเองสายตาของเลขามองไปยังด้านข้าง "คุณแม่" มือน้อยของเด็กชายตัวเล็กชี้ไปทางด้านหลัง เขาจึงเงยมอง เหมราชแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเขาลุกขึ้นยืนจับจ้องมองหญิงสาวเดินเข้ามาอย่างสง่า ลมหายใจแผ่วเบาผายออกเบาๆ อันนาเดินเข้ามาใกล้ๆ และเด็กผู้ชายคนนั้นรีบวิ่งเข้าไปหา"อันนา" ยิ่งกว่าฟ้าผ่าลงกลาง
บทที่ 38เหมราชเดินออกมาจากบ้านของคลาสด้วยความว่างเปล่าเขาไม่ได้คำตอบจากแม่ของคลาส แต่รู้อยู่ในใจว่ายังไงต้องเป็นเขาที่ช่วยอันนาหนีไป"มึงส่งคนไปดูทีว่าคลาสไปจังหวัดไหน" ในขณะที่นั่งรถกลับเหมราชสั่งกับลูกน้องคนสนิทให้จัดการส่งคนไปดูว่าคลาสไปอยู่ที่ไหน เขาพยายามทำทุกทางและตามหาทุกที่จนกว่าจะเจอเมียกับลูก "ได้ครับนาย" ใช้เวลาเพียงไม่นานไมถึง 10 นาที ด้วยซ้ำภาพของคลาสและที่อยู่นั้นปรากฏขึ้นบนหน้าจอช่องแชทในไลน์ของมือถือเหมราช คลาสอยู่จังหวัดกำแพงเพชรซึ่งอยู่บ้านพักตากอากาศแต่ไม่ได้อยู่กับอันนาคนที่อยู่ด้วยนั้นคือนิตาเหมราชคิ้วขมวดเข้าหากันทำไมเพื่อนสนิทของตัวเองถึงอยู่กับผู้หญิงฆาตกรที่ฆ่าน้องสาวของเขา"หมายความว่ายังไงวะ…ทำไมคลาสถึงอยู่กับนิตา?"เหมราชเงยหน้าขึ้นมองลูกน้องคนสนิทที่ไร้คำตอบเช่นเคยเขาได้เพียงแต่ส่ายหน้าไปมา"แล้วอันนากับลูกอยู่ไหน" เหมราชไม่ยอมหยุดที่จะตามหาภรรยาและลูกอย่างแน่นอน เขาส่งข้อความไปบอกกับท่านรองให้ช่วยตามหาอันนากับลูกให้เขา ไม่ว่าจะเสียเงินสักเท่าไรเขายอมเสียเพื่อที่จะได้เจอเมียกับลูก มือหนาทั้งสองข้างกุมเข้าหากัน เขานั่งอยู่โซฟากลางบ้านใบหน้าที่เหม่อลอยห