บทที่ 13
กรณ์กลับบ้านมาด้วยความหัวเสียเอะอะโวยวายตะเบ็งเสียงลั่นให้กับการสูญเสียที่เกิดขึ้นเพราะลูกสาวเพียงคนเดียวจึงทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้แต่ความเป็นพ่อไม่สามารถยกความผิดให้กับลูกสาวและทำร้ายหัวใจดวงน้อยๆ ของตนเองได้ ในขณะที่เขากำลังโวยวายปัดข้าวของมากมายร่วงหล่นลงพื้น เหล่าแม่บ้านพากันตกใจรีบเข้าหลบมุมจนกระทั่งผู้เป็นลูกสาวเดินลงมาจากบนห้อง
"คุณพ่อเป็นอะไรเหรอคะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ปกติคุณพ่อไม่เคยโมโหอะไรขนาดนี้เลย" สายตาของเขากวาดมองด้วยความโกรธใบหน้าของลูกสาวที่อยู่ตรงหน้าสลดพร้อมกับก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัว
กรณ์สูดลมหายใจเข้าและปล่อยออกจนเสียงดัง เขาหันใบหน้าหนีลูกสาวไม่อยากจะใช้อารมณ์กลัวว่าจะพลาดพลั้งและทำร้ายลูกสาวตัวเอง
"เรื่องที่ให้จัดการไปถึงไหนแล้วว่าที่คู่หมั้นได้เป็นผัวหรือยัง" ผู้เป็นพ่อนั่งลงที่โซฟาถามถึงเรื่องที่ให้ลูกจัดการรวบรัดคู่หมั้นตนเองเป็นสามี เพื่อที่จะได้แต่งงานกันโดยเร็ว นิตาส่ายหน้าไปมาเธอไม่สามารถโกหกพ่อตัวเองได้เพราะเธอกับเขายังไม่เคยมีอะไรกันเลย
"ทำไมอะ มันยากนักเหรอทีเวลากับผู้ชายคนอื่นดันมีอะไรได้และไปตบตีเพราะแย่งผู้ชายกับคนอื่นเพียงแค่คู่หมั้นตัวเองยังไม่มีปัญญาเลยเหรอ"
ดวงตาคู่น้อยเบิกกว้างน้ำตาไหลเอ่อล้น พ่อของเธอไม่เคยเอ่ยว่าให้เจ็บปวดหรือพูดแทงใจดำเลยสักครั้ง แต่ในครั้งนี้ทั้งโกรธและโมโหตะคอกใส่จนเรือนร่างบางสะดุ้ง
"รู้ไหมว่าสิ่งที่นิตาก่อไว้มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง อันนาน้องสาวของนิตาต้องไปชดใช้ในสิ่งที่ไม่ได้ทำในตอนนี้ชีวิตของเธอเหมือนตายทั้งเป็น ทุกข์ทรมานทุกอย่างสภาพในตอนนี้ไม่แตกต่างอะไรจากหมาจรจัดอยู่ในอุ้งมือของคนชั่ว
นิตานั่งคุกเข่าลง สองมือกุมใบหน้าก้มร้องไห้เธอเสียใจที่เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นแบบนี้ไม่ใช่ว่านิตานิ่งนอนใจที่เห็นอันนาผู้เป็นน้องสาวทุกข์ทรมาน แต่เธอไม่สามารถช่วยได้เลยแม้แต่อย่างเดียว
"ไม่ใช่ว่านิตาเห็นน้องสาวตัวเองทุกข์ทรมานแล้วไม่คิดจะทำอะไร เเต่พยายามแล้วทุกอย่างมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่คุณพ่อบอก ถึงแม้ว่าคุณพ่อของฝ่ายนั้นจะมีอำนาจแต่เขาไม่สามารถช่วยเราได้" กรณ์เหลียวมองหน้าลูกสาวตัวเองหมายความว่านิตาไปบอกกับพ่อฝ่ายนู้นแล้วหรืออย่างนั้นเหรอ
"หมายความว่ายังไง"
"นิตาขอความช่วยเหลือจากคุณพ่อฝ่ายนั้นแล้วเขาบอกว่าสามารถช่วยนิตาได้เพียงแค่คนเดียว"
กรณ์รู้สึกโล่งใจอย่างน้อยลูกสาวที่ตนเองรักก็อยู่ก็จะปลอดภัยต่อให้ต้องสูญเสียอำนาจบารมีที่เคยสร้างมาแต่ยังไงชีวิตของลูกสาวก็สำคัญกว่า
"นิตาขอโทษที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ นิตาไม่ได้ตั้งใจ" มือน้อยทั้งสองข้างพนมมือไหว้ผู้เป็นพ่อเอ่ยคำขอโทษทั้งน้ำตา ถ้าเธอย้อนเวลากลับไปได้เธอจะไม่ทำเพลงพิณให้ถึงแก่ความตายเลย
ผู้เป็นพ่อเดินขยับเข้ามาใกล้ๆ ลูกสาว เขานั่งยองๆ ลงพร้อมกับดึงเรือนร่างบางเข้าไปโอบกอดเธอผู้นี้ดั่งหัวใจดวงน้อยของเขายอมสูญเสียทุกอย่างได้แต่ไม่ใช่ลูกสาว
"พ่อสูญเสียทุกอย่างแล้วต่อจากนี้ไปลูกก็ดูแลตัวเองอย่าให้ใครทำร้ายหรือว่ายอมใครนะนิตา" เธอรู้สึกจุกอกเมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นพ่อที่เอ่ยบอกราวกับว่าเอ่ยลาเธออย่างนั้น เรือนร่างบางใจคอไม่ดีจึงจับเข้าที่ต้นแขนของคุณพ่อตัวเองจับจ้องมองหน้าในแววตานั้นเคว้งคว้างดั่งคนที่สูญเสียสิ่งที่เคยเป็นของตัวเอง
"คุณพ่อพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ไม่ใช่อย่างที่นิตาคิดใช่ไหม ของทุกอย่างที่เสียไปเดี๋ยวเราก็ได้คืนมา คุณพ่ออย่าทิ้งนิตาไปไหนนะ" เขาไม่พยักหน้าหรือรับปากลูกสาวได้เพียงแต่ยิ้มและยกมือหนาลูบหัวของเธอเบาๆ
ในดวงตาคู่ร้ายเคยโหดร้ายกับทุกๆ อย่างยกเว้นลูกสาวที่แสนดี เขายิ้มทั้งน้ำตาที่เห็นใบหน้าของลูกสาวผู้เป็นดวงใจตัวเอง
"พ่ออยากให้นิตามีชีวิตที่ดีนะลูก อยากให้ลูกเจอคนที่ดีและดูแลลูกได้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต่อจากนี้จะเป็นยังไง แต่ถ้ามีโอกาสอยากให้นิตาพาน้องออกมาจากขุมนรกนั้น"
ทั้งสองพ่อลูกกอดกันร้องไห้หมดปัญญาและหนทางที่จะพาอันนาออกมาจากคนชั่วนั้นเป็นเพราะว่าพวกเขาขี้ขลาดโดยเฉพาะนิตาที่กลัวตัวเองจะต้องรับโทษ
ตัดมาด้านของอันนา
เช้าวันใหม่ที่ไม่สดใสสำหรับร่างบางที่ลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อนึกคิดถึงเรือนร่างของตนเองที่เต็มไปด้วยบาดแผลและรอยฟกช้ำที่เกิดจากการกระทำของเขาทำให้ใบหน้าที่ซีดเซียวได้เพียงแต่เหลียวมองออกไปข้างนอกหน้าต่างพร้อมกับความหม่นหมองที่อยู่ภายในจิตใจ
เมื่อเธอลุกขึ้นนั่งที่เตียงประตูห้องก็ถูกเปิดทันทีอันนาตกใจคิดว่าเป็นเขานั่นกลับมา แต่กลับเป็นลูกน้องคนสนิทของเขาเข้ามาพร้อมกับของกินมากมาย
"ผมเอาของกินเข้ามาให้…วันพรุ่งนี้นายก็กลับแล้ว"
อันนาถอนหายใจเสียงทุ้มเมื่อพูดถึงคนใจร้ายจะกลับมาในวันพรุ่งนี้
"ขอยืมโทรศัพท์คุยกับน้องสาวหน่อยได้ไหม" คำพูดติดขัดที่เอ่ยเรียกนิตาว่าน้องสาวเพราะความเป็นจริงแล้วเธอคนนั้นคือพี่สาวต่างหาก ใบหน้าน้อยจับจ้องมองลูกน้องคนสนิทของเขาเอ่ยขอยืมเพื่อคุยกับคนที่บ้านและเขาไม่ใช่คนใจร้ายรีบพยักหน้าให้กับอันนาทันที
"ได้สิครับอย่างนั้นผมไปนั่งรอหน้าห้อง ถ้าผมเคาะประตูรีบเก็บโทรศัพท์นะนายอาจจะมาก่อนเวลาอันนี้ผมแค่เดา" เธอที่ยิ้มพร้อมกับมือทั้งสองข้างพนมไหว้เพื่อขอบคุณลูกน้องคนสนิทของเขา
เมื่ออันนาได้โทรศัพท์เธอกดโทรหาเบอร์พี่สาวตัวเองที่จำได้ขึ้นใจ
"โทรมาทำไมเบอร์แปลกไม่จำเป็นต้องโทรมาเบอร์ฉันรู้ไหมว่าฉันเครียดขนาดไหนยังต้องมาวุ่นวายกับโทรศัพท์มือถืออีก" เมื่อนิตากดรับสายเธอพูดใส่โทรศัพท์โดยที่ไม่ฟังว่าใครเป็นคนโทรมา
"นิตา" ดูเหมือนว่าไปสายจะตกใจจนเงียบเมื่อได้ยินเสียงอันนาที่เอ่ยเรียกชื่อตัวเอง
"อันนาจริงๆ เหรอ"
"อื้อ ตอนนี้อยู่กับใครอยู่กับคุณลุงหรือเปล่า"
"ฮื่อๆ ไม่ได้อยู่คุณพ่ออยู่บนห้องยังไม่ยอมลงมา ฮื่อๆ อันนานิตาขอโทษขอโทษจริงๆ ขอโทษที่อันนาต้อง…”
"ไม่เป็นไรหรอกนิตาเรื่องมันผ่านมาแล้วอีกอย่างอันนาเต็มใจยอมรับผิดเองไม่ต้องโทษตัวเองนะ" มือน้อยยกขึ้นปาดน้ำตาตนเองในขณะที่คุยกับพี่สาวเธอเต็มใจยอมรับผิดเพราะอยากตอบแทนบุญคุณของลุงและพี่
"คุณพ่อตอนนี้อาการแย่ เขาโดนปลดออกจากคลังไม่มีอำนาจและบารมีเหมือนเมื่อก่อน คุณพ่อไม่ทานอะไรเลยอันนา ฮื่อๆ เป็นเพราะว่าฉันที่ทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้เป็นเพราะว่าฉันทำให้ครอบครัวต้องพังทำให้คุณพ่อต้องสูญเสีย ฮื่อๆ ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วอันนา"
นิตาร้องไห้สะอึกสะอื้นบอกความจริงกับอันนาและเธอเองก็ตกใจทำไมครอบครัวถึงพังจนไม่เหลือชิ้นดี
"มันเกิดอะไรขึ้นอันนาทำไมคุณลุงถึงโดนปลดทุกอย่าง"
"เป็นเพราะว่าพี่ชายของเพลงพิณ ฮื่อๆ คุณพ่อไม่เหลืออะไรแล้วในตอนนี้ท่านไม่ยอมกินอะไรเมื่อวานท่านเอ่ยสั่งเสีย ฮื่อๆ นิตากลัว กลัวว่าจะเสียคุณพ่อไป" อันนาเงยหน้าขึ้นปาดน้ำตาตัวเองเขายังไม่ยอมหยุดที่จะทำร้ายครอบครัวของเธอแม้กระทั่งเขาเอาตัวเธอมาทรมาน แต่มันก็ยังไม่สาแก่ใจจนทำครอบครัวของเธอไม่เหลือชิ้นดี ลุงผู้มีบุญคุณต้องสูญเสียบัลลังก์จนตรอมใจไม่ยอมกินข้าว
"ใจเย็นๆ นะ นิตาทางออกไม่ใช่การฆ่าตัวตายมันต้องมีหนทางสักทางสิ ทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วงอันนานะดูแลคุณลุงให้ดีอันนาเชื่อว่าสักวันเราทั้ง 3 คน จะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน"
หลังจากวางสายเธอคืนโทรศัพท์ให้กับลูกน้องของเขา ได้เพียงแต่นั่งจับช้อนข้าวเขี่ยไปมาพยายามกินแล้วแต่กลืนอะไรไม่ลงนอกจากน้ำ
ในขณะที่สายตาของเธอนั้นดูเคว้งคว้างมองไปยังหน้าจอทีวีข่าวบันเทิงออกเกี่ยวกับลุงของเธอ ว่ากรณ์ผู้มีอิทธิพลโดนปลดแถมทั้งยังล้มละลายไม่เหลือแม้แต่บ้าน
"ฮื่อๆ เจ้านายของคุณใจร้ายมากเลยนะ" มีเพียงแค่คำว่าให้กับเขาผ่านลูกน้องดวงตาคู่น้อยน้ำตาไหลริน เธอทำอะไรไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว
"ผมขอให้คุณสู้สักวัน คุณจะเจอทางออกที่ดี"
ลูกน้องคนสนิทของเขานั้นได้เพียงแต่ให้กำลังใจเธอพูดได้เพียงแค่คำปลอบใจเท่านั้น
หลังจากอันนาได้ออกจากโรงพยาบาล เขาพาเธอกลับมาที่บ้านส่วนเหมราชถึงกำหนดกลับวันนี้แต่น่าจะกลับมาในช่วงเย็น
"คุณผู้หญิงคะ ทานข้าวหน่อยเถอะ คุณไม่ทานข้าวตั้งแต่กลับมาจากโรงพยาบาลแล้วเดี๋ยวจะแย่ลงไปอีกนะ" ป้าแม่บ้านผู้หวังดีได้ยกข้าวต้มมาให้กับอันนาและบอกให้ทานข้าวบ้างแต่อันนาส่ายหน้าไปมา
"ขอบคุณนะคะป้า เขาไม่ได้อยากให้อันนาอยู่เขาแค่อันนาตายทุกอย่างมันก็จบ" ใบหน้าเหม่อลอยหลั่งไหลน้ำตาไม่มองแม้กระทั่งป้าแม่บ้านที่เอ่ยคุยด้วย
"ป้าขอตัวก่อนนะคะ" เธอไม่เห็นว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไร เหมราชยืนมองอันนาอยู่หน้าประตูและเผอิญป้าแม่บ้านหันไปเจอพอดีจึงคลานถอยหลังรีบออกไป
"ป้ายังไม่ไปอีกเหรอคะ อันนาขอถามป้าหน่อยได้ไหมว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะยอมรับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับตัวเองมากมายขนาดนี้ได้ยังไง ฮึ๊ก!”
เมื่อเหมราชเห็นจึงยืนนิ่งฟังสิ่งที่อันนาพูดหมอที่รักษาเธอได้บอกก่อนหน้านี้แล้วว่าอันนาจะเข้าสู่อาการโรคซึมเศร้าหรือว่าอาการเริ่มแรกเกิดขึ้นแล้วกันแน่
"ในวันที่สูญเสียพ่อแม่ก็เป็นวันที่เจ็บปวดแล้ว แต่ทำไมในวันนี้มันเจ็บปวดมากกว่า" เรือนร่างบางร้องไห้สะอึกสะอื้นพูดถึงตัวเองจนคนตัวโตคิ้วขมวดเข้าหากันสูญเสียผู้เป็นพ่อและแม่อย่างนั้นเหรอ???”
เลิกยัง? เลิกโง่ยังพ่อใหญ่5555ไปค่ะไปตำอีบุ๊คให้มันจบๆ
บทที่ 43เด็กชายตัวเล็กนั้นยังไม่หายจากอาการป่วยเพราะว่าบาดแผลยังไม่หายดีแต่หมอให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว เหมราชพาอัคคีและอันนามาที่ห้างเพราะอันนาจะมาซื้อของใช้ส่วนตัวให้กับลูกและจะพาลูกมาทานไอศกรีมด้วย ระหว่างที่อยู่ในร้านไอศกรีมแสดงเหมือนครอบครัวที่อบอุ่นต่อหน้าลูกทั้งคุยกันและหัวเราะหยอกกันอย่างกับว่าสามีภรรยาที่รักกันมากแต่จริงๆ แล้วอันนาเธอแกล้งแสดงต่อหน้าลูกเพียงเท่านั้น"อัคคีดีใจดีใจมากๆ ที่คุณพ่อกับคุณแม่อยู่ด้วยกันไม่เหมือนเมื่อก่อนที่อัคคีอยู่กับคุณแม่ 2 คน ไม่สนุกเลย" "อัคคีครับคุณพ่อซื้อบ้านให้อัคคีหลังอย่างใหญ่เลยนะ วันนี้เราไปดูกันไหมครับ" มือหนาลูบหัวของลูกชายเบาๆ บ้านหลังนั้นเหมราชตั้งใจซื้อให้อันนากับอัคคีตั้งแต่วันคลอดแต่เธอกลับพาลูกหนีไปซะก่อนจึงไม่ได้เข้าไปอยู่ส่วนเหมราชให้คนดูแลแต่ไม่เคยเข้าไปอยู่เลยสักครั้ง"คุณพ่อซื้อบ้านหลังใหม่ให้เลยเหรอครับ""ใช่แล้วครับ จริงๆ คุณพ่อตั้งใจซื้อให้อัคคีตั้งแต่อัคคีคลอดเลยนะ""คุณแม่บอกว่าคุณพ่อไปทำงาน" "คุณแม่บอกว่าคุณพ่อไปทำงานเหรอครับ" เหมราชยิ้มด้วยความดีใจที่แท้แล้วอันนาไม่เคยสอนให้ลูกเกลียดพ่อเลยสักนิด"ขอบคุณนะที่ไม่ทำ
บทที่ 42 อันนานั่งกุมมือของลูกชายที่นอนหลับอยู่บนเตียงเฝ้ารอให้ลูกชายฟื้นตื่นขึ้นมานั้นเป็นเวลาหลายชั่วโมงทุกคนกลับบ้านเหลือเพียงแต่เหมราชที่ยังไม่ยอมกลับ เขานั่งอยู่ที่โซฟากังวลใจและก็รอลูกชายตื่นด้วยเช่นเดียวกัน"ตื่นมาสิครับเดี๋ยวคุณแม่จะพาไปกินไอศกรีมนะ คุณแม่ไม่อยากให้อัคคีนอนหลับนานแบบนี้เลย" น้ำเสียงสั่นเอ่ยบอกกับลูกชายที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงในแววตาคู่น้อยกั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ยิ่งเห็นลูกเจ็บเธอนั้นเจ็บยิ่งกว่า ถ้าเป็นไปได้คนเป็นแม่ขอยอมเจ็บแทนเหมราชลุกขึ้น เขาเดินไปอยู่อีกฝั่งของเตียงตรงข้ามกับอันนามือหนากุมจับมือน้อยของลูกชาย"พ่อขอโทษนะที่ไม่ได้มีโอกาสดูแลลูกเลยตื่นขึ้นมานะครับ" ใบหน้าของลูกชายช่างคล้ายกับเขาในวัยเด็กสายตาของผู้เป็นพ่อจับจ้องมองหัวใจดวงน้อยที่พลัดพรากหายไป 2 ปี"หิวน้ำ" ทั้งคู่สายตาเบิกกว้างเมื่อได้ยินเสียงของคนตัวเล็กเอ่ยขึ้น อันนาเธอยิ้มทั้งน้ำตาลูกชายของเธอตื่นขึ้นมาแล้ว"น้ำเหรอเดี๋ยวคุณแม่เอาน้ำให้นะครับ' ดวงตาคู่น้อยมองหน้าเหมราชในระยะใกล้ชิดซึ่งเขาตกใจและแปลกใจทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้มาอยู่ตรงนี้"คุณลุงคุณลุงมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงครับ" เหมราชยกมือลูบ
บทที่ 41 เหมราชไม่ได้ใช้ความรุนแรงอย่างเช่นเคยเขาจับเธอเข้ามาในบ้านก็จริงแต่เป็นการกระทำที่อ่อนโยน เรือนร่างน้อยถูกโอบกอดด้วยแขนหนาทั้งสองข้างด้วยความคิดถึงและความโหยหาของเหมราชมากเกินกว่าจะยับยั้งใจ"ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ" มือน้อยทั้งสองทั้งผลักหน้าอกและทุบตีแต่เหมราชไม่ปล่อย เขากระชับกอดแน่นมากกว่าเดิมยิ่งเธอดิ้นแขนหนาทั้งสองยิ่งรัดแน่น"ฉันคิดถึงเธอนะ…คิดถึงเธอกับลูกมากตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาฉันตามหาเธอทุกวันอย่าไปไหนนะ" อันนาผลักหน้าอกของเขาออกจนสำเร็จใบหน้าน้อยจ้องมองเพียงไม่นาน ฝ่ามือฟาดตบเข้าที่ใบหน้าของเหมราชสายตาของเขามองกลับมาหาอันนาด้วยแววตาจำนนและยอมทุกอย่าง"ฉันไม่เคยมีความสงสารคุณเลยและฉันก็ไม่ได้สมเพชคุณด้วยแต่ที่ฉันไป ฉันสะใจและรู้สึกดีที่เห็นคุณเป็นแบบนี้เป็นยังไงล่ะลิ้มรสกับความเจ็บปวด" "รู้สึกหมดทุกอย่างแล้วและเจ็บปวดมาเกือบ 2 ปี ฉันไม่รู้หรอกนะว่าผู้ชายข้างนอกเป็นใครหรือว่าเป็นคนใหม่ของเธอจริงๆ ฉันอยากขอโอกาสได้ดูแลลูกได้ใกล้ชิดกับลูกบ้าง" "ผัวใหม่คุณคิดถูกแล้วผู้ชายข้างนอกคือผัวใหม่ของฉันและเขาก็ใจกว้างพอที่ให้ฉันมาคุยกับคนแบบคุณ ที่ฉันมาในวันนี้ฉันต้องการของข
บทที่ 40 เหมราชดีใจมากจนเขาทำอะไรไม่ถูกได้เห็นหน้าลูกชายตัวเล็ก เขาช่างเหมือนกับตัวเองอย่างกับฝาแฝดใบหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มกลับบ้านมาด้วยความดีใจ ตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่ผ่านมาเหมราชไม่เคยหยุดตามหาอันนากับลูกเลย แต่เขานั้นจนปัญญาแล้วจริงๆ ให้ผู้มีอำนาจช่วยตามก็ไร้วี่เเววที่จะตามหาเธอเจอ จนกระทั่งวันนี้เธอปรากฏตัวอยู่ที่บริษัทของเธอเองและเธอตั้งใจที่จะมาขอบริษัทคืน "นายครับแล้วจะทำยังไงต่อไป" ลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาใกล้เหมราชเงยหน้ามองลูกน้องคนสนิท เขายกยิ้มด้วยมุมปากหัวใจที่เหี่ยวเฉามา 2 ปี เต็มเริ่มพองโตขึ้นมีความหวังอีกครั้งจนกลายเป็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าร้าย"มึงคิดเหรอวะ ว่ากูจะยอมปล่อยเมียกับลูกไปได้อีก กูต้องเอาอันนากลับมาเป็นเมียกูเหมือนเดิมให้ได้" "แล้วนายจะทำยังไงเหรอครับ ดูเหมือนว่าการกลับมาของคุณอันนาครั้งนี้ก็ไม่ได้ง่ายเลยนะครับ และอยู่ๆ ทำไมถึงไปหานายที่บริษัท ถ้าตั้งใจไปขอบริษัทคืนจริงๆ เธอต้องมีข้อต่อรองแต่นี่ดูเหมือนว่าจะไปของ่ายๆ มันต้องมีอะไรสักอย่าง" เหมราชลุกขึ้นจากโซฟามือถือแก้วไวน์กระดกดื่มจนหมดแก้ว ลูกน้องคนสนิทพูดก็ถูกทำไมอยู่ๆ อันนาถึงไปที่บริษัทและตั้งใจเอาลู
บทที่ 392 ปีผ่านไป กาลเวลาหมุนเวียนตามเข็มนาฬิกา วันเวลาที่ผ่านไปนั้นล้วนมีทั้งความสุขและความทุกข์ ทว่าชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งกุมมืออยู่บนโซฟาตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีความสุขเลยสักวัน การรอคอยและตามหานั้นช่างทรมานสำหรับเขาเหลือเกิน มีทุกอย่างยกเว้นความสุขเหมราชใช้ชีวิตไปวันๆ ด้วยความหวังที่จะได้เจอลูกชายและอันนาอีกครั้งเสียงถอนหายใจดังขึ้นชายหนุ่มร่างโตลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานเปิดประตูห้องเดินออกมาพรวดพราดไม่ทันจะได้ตั้งตัว ทว่ามือของเขานั้นจึงคว้าเด็กตัวเล็กที่วิ่งมาด้วยความซุกซนชนกับเขาจนจะล้ม"มือหนาทั้งสองข้างประคองเด็กผู้ชายไว้ เด็กวัยสองขวบที่กำลังวิ่งซุกซนสายตาของเขาจ้องมองหน้าเด็กชายคนนั้นเพียงแค่ไม่นานหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นรู้สึกหวั่นไหว"ใครเอาลูกมาทำงาน" เหมราชกวาดสายตามองเลขาหน้าห้องตนเองสายตาของเลขามองไปยังด้านข้าง "คุณแม่" มือน้อยของเด็กชายตัวเล็กชี้ไปทางด้านหลัง เขาจึงเงยมอง เหมราชแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเขาลุกขึ้นยืนจับจ้องมองหญิงสาวเดินเข้ามาอย่างสง่า ลมหายใจแผ่วเบาผายออกเบาๆ อันนาเดินเข้ามาใกล้ๆ และเด็กผู้ชายคนนั้นรีบวิ่งเข้าไปหา"อันนา" ยิ่งกว่าฟ้าผ่าลงกลาง
บทที่ 38เหมราชเดินออกมาจากบ้านของคลาสด้วยความว่างเปล่าเขาไม่ได้คำตอบจากแม่ของคลาส แต่รู้อยู่ในใจว่ายังไงต้องเป็นเขาที่ช่วยอันนาหนีไป"มึงส่งคนไปดูทีว่าคลาสไปจังหวัดไหน" ในขณะที่นั่งรถกลับเหมราชสั่งกับลูกน้องคนสนิทให้จัดการส่งคนไปดูว่าคลาสไปอยู่ที่ไหน เขาพยายามทำทุกทางและตามหาทุกที่จนกว่าจะเจอเมียกับลูก "ได้ครับนาย" ใช้เวลาเพียงไม่นานไมถึง 10 นาที ด้วยซ้ำภาพของคลาสและที่อยู่นั้นปรากฏขึ้นบนหน้าจอช่องแชทในไลน์ของมือถือเหมราช คลาสอยู่จังหวัดกำแพงเพชรซึ่งอยู่บ้านพักตากอากาศแต่ไม่ได้อยู่กับอันนาคนที่อยู่ด้วยนั้นคือนิตาเหมราชคิ้วขมวดเข้าหากันทำไมเพื่อนสนิทของตัวเองถึงอยู่กับผู้หญิงฆาตกรที่ฆ่าน้องสาวของเขา"หมายความว่ายังไงวะ…ทำไมคลาสถึงอยู่กับนิตา?"เหมราชเงยหน้าขึ้นมองลูกน้องคนสนิทที่ไร้คำตอบเช่นเคยเขาได้เพียงแต่ส่ายหน้าไปมา"แล้วอันนากับลูกอยู่ไหน" เหมราชไม่ยอมหยุดที่จะตามหาภรรยาและลูกอย่างแน่นอน เขาส่งข้อความไปบอกกับท่านรองให้ช่วยตามหาอันนากับลูกให้เขา ไม่ว่าจะเสียเงินสักเท่าไรเขายอมเสียเพื่อที่จะได้เจอเมียกับลูก มือหนาทั้งสองข้างกุมเข้าหากัน เขานั่งอยู่โซฟากลางบ้านใบหน้าที่เหม่อลอยห