เช้านี้ภัทรพิชายังคงรีบตื่นแต่เช้าออกจากบ้านมาเรียนตามเคย ตั้งแต่ที่แม่ของเธอแต่งงานกับพ่อของชีวินไป หน้าที่ในการทำงานบ้านของเธอก็ถือเป็นอันว่าถูกงด เนื่องจากว่าชวลิตได้จ้างแม่บ้านจากบริษัทรับทำความสะอาดมาคอยทำความสะอาดจากข้างนอกสัปดาห์ละสองถึงสามครั้ง และที่ไม่ได้จ้างแบบประจำก็เป็นเพราะว่าแม่ของเธอบอกว่ายังอยากจะมีอะไรเหลือไว้ให้ทำเหมือนแต่ก่อนบ้าง แน่นอนว่าชวลิตนั้นก็ย่อมจะตามใจ
ภัทรพิชาใช้บริการของรถไฟฟ้าตามแบบปกติทุกวัน เรียกได้ว่าตอนนี้เธอเปลี่ยนจากเด็กบ้านนอกมาเป็นเด็กกรุงเทพเต็มตัวก็น่าจะได้ ชวลิตเคยเสนอเรื่องให้เธอลองทำใบขับขี่และหัดขับรถดู เผื่อว่าอยากจะมีรถยนต์ไว้ขับเองหรืออยากจะพาแม่ไปไหน แต่ภัทรพิชาบอกว่าตอนนี้เธอยังสะดวกแบบนี้มากกว่า ชวลิตก็เลยปล่อยเลยตามเลย
สองสัปดาห์เต็มแล้วที่ชีวินหายหน้าไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากคืนนั้นเขาก็ขับรถกลับออกไปทันทีในตอนดึก แถมมิวายยังหันมาสั่งให้เธอจัดการเก็บเศษซากความน่าอับอายที่ตัวเขาเองเป็นคนก่อไว้ออกไปเสียให้หมดสิ้น
'เก็บพวกปลอกหมอนผ้าห่มพวกนี้เอาออกไปจากห้องฉันทั้งหมด ถ้าฉันกลับมาคราวหน้าอย่าเอามาใส่ให้ฉันได้เห็นอีก '
'ถ้าเกิดว่าจะรังเกียจไพน์ขนาดนั้น แล้วคุณมาทำแบบนี้กับไพน์ทำไม'
'ฉันทำเพื่อความสะใจ การที่ฉันได้ทำแบบนี้กับเธอลับหลับแม่เธอ มันก็คงจะเหมือนตอนที่แม่ของเธอแอบอ่อยพ่อฉันตั้งแต่ตอนที่แม่ฉันยังไม่ตาย'
'ไม่จริง แม่ไพน์ไม่เคยทำอะไรแบบนั้น ที่พ่อของคุณแต่งงานกับแม่ของไพน์ ท่านก็อาจจะแค่อยากที่จะมีคนคอยดูแลท่านอยู่ข้างๆในวันที่แม่ของคุณไม่อยู่แล้วเท่านั้น คุณมันเป็นคนอคติมากไป'
'หุบปาก! อย่ามาทำเป็นรู้ดีออกตัวปกป้องแม่เธอหน่อยเลย เธอไม่ได้อยู่ตัวติดกับแม่ของเธอยี่สิบสี่ชั่วโมง จะมารู้ได้ยังไงว่าแม่ของเธอแอบอ่อยพ่อของฉันไปตอนไหนบ้าง'
'มันก็แค่คุณเชาว์ท่านอยากจะแต่งงานใหม่ แล้วคุณนาถนรีเองท่านก็เสียไปแล้ว ไพน์อยากจะรู้ว่ามันจะอะไรกันนักกันหนา ถึงขนาดที่ว่าคุณต้องทำกับไพน์แบบนี้'
'ก็นั่นน่ะสิ มันก็แค่ฉันแอบเอาเธอเล่นๆลับหลังแม่เธอเพื่อระบายความแค้นใจเฉยๆ แล้วเธอจะอะไรกันนักกันหนา ต่อไปนี้ก็แค่อ้าขารอฉันเวลาที่ฉันเบื่อๆ แค่นั้น ทำได้หรือเปล่า เพื่อที่ว่าแม่เธอจะได้นั่งห้อยขาเป็นคุณนายอยู่ในบ้านหลังนี้แบบสบายๆไร้การก่อกวนจากฉัน'
ภัทรพิชาสะบัดศรีษะเพื่อไล่คำพูดของชีวินที่ยังคงดังก้องอยู่ในหูหวังจะให้มันจางหายไป เธอนึกถึงเรื่องถ้อยคำหยามเหยียดพวกนี้เวียนวนไปมาซ้ำๆ จนสุดท้ายแล้วก็ได้แต่บอกตัวเองว่าทุกสิ่งอย่างมันได้ผ่านพ้นไปแล้วให้ลืมมันไป จะได้ไม่ต้องมานั่งทุกข์ใจกับสิ่งที่ยังไม่เกิดดีกว่า
ที่ใต้ต้นไม้ของโต๊ะประจำกลุ่มภายในรั้วมหาวิทยาลัย กลุ่มเพื่อนของเธอสามคนได้มานั่งรอกันแล้วตามอย่างปกติ วันนี้มีเรียนสองวิชาในตอนภาคเช้าแล้วจากนั้นตลอดทั้งบ่ายก็คือว่างยาว ไม่รู้ว่าวันนี้พวกสาวๆจะมีนัดพากันออกไปที่ไหนอีกหรือเปล่า
ภัทรพิชาเดินตรงเข้าไปยังโต๊ะหินอ่อนโต๊ะประจำที่อยู่เลยไปข้างต้นไม้ใหญ่เพื่อหมายจะไปทักทายเพื่อนๆ แต่พอเดินเข้าไปถึงก็พบว่าในวันนี้จากกลุ่มเพื่ออนสาวสามคน ดันมีผู้ชายเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนนั่งรวมอยู่ในโต๊ะนั้นด้วย
"อ้าวไพน์ มาพอดี"
เสียงมิรินร้องทักขึ้นทันทีที่เห็นว่าเธอเดินมา พอคนหนึ่งทัก เพื่อนคนอื่นๆก็พากันหันมาตาม รวมถึงผู้ชายคนนั้นที่นั่งอยู่ข้างอินทุอรเพื่อนของเธอด้วย เท้าเล็กหยุดชะงักเล็กน้อยตอนที่สบตาเข้ากับผู้ชายคนนั้น เขาหันมามองหน้าเธอด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ออกไปในทางเหมือนกับว่าจะไม่พอใจเสียมากกว่าด้วยซ้ำ ทำเอาภัทรพิชารู้สึกแปลกๆจนแทบไม่อยากจะก้าวเท้าไปข้างหน้าต่อเลยแม้แต่น้อย
"ยายไพน์ มาดูนี่สิว่าคุณหนูอินทุอรเธอควงใครมา"
แพรี่หนึ่งในสมาชิกแก๊งเพื่อน (ไม่) สาวของเธอแอบหันไปแซวอินทุอร ก่อนจะจีบปากจีบคอราวกับกำลังแสดงท่าทีหมั่นไส้ตอนที่หันมาพูดกับเธอ ยิ่งพอเห็นชัดว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร ขาของเธอก็ออกอาการสั่นๆขึ้นมาหน่อยๆ ภัทรพิชาไม่อยากจะพาตัวเองไปนั่งรวมในโต๊ะนั้นในตอนนี้ ไม่เด็ดขาด เธอไม่รู้ว่าควรที่จะทำหน้ายังไงเวลาที่ต้องสบตากับเขา เธอควรจะบอกเพื่อนๆไหมว่าเธอกับผู้ชายคนนี้นั้นรู้จักกันมาก่อน หรือว่าควรแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขาดี ภัทรพิชาไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง
"นี่น้องอินเป็นเพื่อนกับไพน์เองหรอกหรือครับ บังเอิญจัง"
ชีวินหันไปพูดกับอินทุอรยิ้มๆโดยที่ไม่ได้มองมาที่เธอแต่อย่างใด แปลกที่เขาแสดงตัวออกมาแบบนี้ โดยที่เลือกที่จะบอกเพื่อนๆของเธอว่าเขารู้จักกับเธอมาก่อน ตอนแรกภัทรพิชาก็นึกว่าเขาจะอย่กปิดบังเอาไว้เสียอีก
"นี่พี่ชินรู้จักกับยายไพน์ด้วยเหรอคะ"
อินทุอรเองก็หันมามองหน้าเธอสลับกับใบหน้าชีวินรราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อในความบังเอิญ
"รู้สิ ก็เมื่อก่อนแม่ไพน์เป็นแม่บ้านให้ที่บ้านพี่ แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้เป็นแล้วล่ะ เพราะว่าแม่ไพน์เขาพึ่งจะแต่งงานกับพ่อพี่ไปเมื่อปลายเดือนที่แล้วนี่เอง"
ชีวินยังคงพูดบอกเล่าความเป็นมาระหว่างเธอกับเขาให้อินทุอรฟังเฉยโดยที่ไม่ได้ถามความคิดเห็นเธอเลยสักนิดว่าเธออยากที่จะเปิดเผยความสัมพันธ์ว่ารู้จักกับเขาหรือเปล่า ส่วนเรื่องที่ชีวินบอกกับเพื่อนๆในกลุ่มว่าแม่ของเธอเคยทำงานเป็นแม่บ้านให้บ้านของเขานั้น เรื่องนี้ภัทรพิชาไม่เคยปิดบัง เพื่อนของเธอทั้งสามคนก็รู้มาตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าแม่ของเธอนั้นทำอาชีพอะไร หรือว่าจุดประสงค์ของชีวินที่พูดออกมาแบบนี้นั้นคือต้องการอยากจะให้เธออับอายที่มีแม่เป็นเพียงแค่แม่บ้าน
"ว้าว จริงเหรอคะเนี่ย งั้นก็แสดงว่าไพน์กับพี่ชินอยู่บ้านเดียวกันสินะคะ หมายความว่าสถานะไพน์กับพี่ชินก็คือพี่ชายกับน้องสาวดีๆนี่เองใช่ไหมไพน์"
แพรี่สรุปทุกอย่างออกมาได้อย่างเสร็จสรรพ แถมรายนั้นยังทำตาโตอ้าปากค้างแล้วก็ตบมือชอบใจราวกับว่าเป็นเด็กๆ จนภัทรพิชาเห็นแล้วก็แอบเหนื่อยใจ ไม่รู้ว่าสิ่งที่แพรี่พึ่งจะพูดออกมานั้นมันดีตรงไหน สถานะพี่ชายกับน้องสาวต่างสายเลือดที่พ่อกับแม่พึ่งแต่งงานกันนั้นดูก็รู้ว่าเขาไม่ได้อยากเป็นกับเธอเลย
ภัทรพิชาไม่ได้ตอบและก็ทำเป็นเฉยราวกับว่าไม่ได้ยินคำถาม มีเพียงใบหน้าที่ยิ้มออกมาอย่างไม่เต็มริมฝีปากให้เพื่อนที่หันมองมา ส่วนกับชีวินเธอไม่เห็นว่าเขาอยากที่จะหันมองหน้าเธอเลย สายตาอันอ่อนโยนและรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นนั้นถูกส่งมอบให้แต่เพียงอินทุอรเท่านั้น ก่อนที่สมองจะสั่งการขึ้นมาว่าให้เธอพาตัวเองออกไปจากตรงนี้เสีย ดีกว่าต้องประจันหน้ากับเขาในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเช่นนี้
"พวกแก คือว่างั้นฉันขอตัวเข้าไปในอาคารเรียนก่อนเลยก็แล้วกันนะ พอดีว่าฉันปวดฉี่น่ะ"
"งั้นฉันไปกับแกด้วยเลยดีกว่า รู้สึกว่าจะปวดเหมือนกัน" มิรินรีบลุกขึ้นยืนแล้วเก็บหนังสือลงในกระเป๋าเพื่อจะไปด้วยกับเธอ
"อ้าว แบบนี้ก็เหลือแค่ฉันที่อยู่เป็นก้างอ่ะดิ ไม่เอาดีกว่า ไปด้วยๆ ส่วนแกยายอิน เดี๋ยวให้พี่ชินเดินไปส่งแกที่หน้าตึกเองก็แล้วกันนะ ฝากยายอินด้วยนะคะพี่ชิน"
แล้วแพรี่ก็รีบลุกขึ้นเดินตามภัทรพิชาและมิรินออกมา ปล่อยให้อินทุอรที่ยังนั่งยิ้มคุยกันอยู่กับชีวินที่ตรงโต๊ะหินอ่อนตัวเดิมต่อ โดยภาพที่เห็นทำเอาพื้นที่บางส่วนในหัวใจของภัทรพิชาออกอาการชาๆ อย่างบอกไม่ถูก สมองก็ตั้งคำถามว่าเหตุใดชีวินกับอินทุอรถึงได้มาอยู่ในสถานะนี้กันได้
พอเดินลงจากรถลงมาชีวินก็ตรงเข้ามาดึงแขนให้เธอเดินตามเขาเข้าไปในที่แห่งหนึ่งซึ่งมีลักษณะคล้ายกับคอนโดมิเนียมทั่วไป มือเขาข้างหนึ่งถือถุงกระดาษ ส่วนอีกข้างก็ดึงข้อมือของเธอเอาไว้ จนกระทั่งพาเธอเข้ามาหยุดยืนอยู่ที่ตรงหน้าลิฟท์ ทันใดนั้นถังขยะที่อยู่ใกล้มือก็ถูกเปิดออก ตามด้วยถุงชุดนักศึกษาสองถุงที่เตวิชญ์เป็นคนซื้อให้นั้นถูกยัดลงไปนอนในถังขยะเป็นที่เรียบร้อย"คุณชินนี่คุณทำบ้าอะไร นั่นมันที่พี่ต้าพึ่งซื้อให้ใหม่นะคะ"ด้วยความโมโหจึงทำให้ภัทรพิชาเสียงดังใส่เขา นาทีนี้เธอไม่กลัวเขาแล้ว ถ้าหากว่าชีวินจะกลายเป็นคนนิสัยเสียขึ้นมา อยู่ๆก็มาบังคับให้เธอไปซื้อชุดใหม่ พอมีคนซื้อให้ก็ปาทิ้งขว้างแบบไม่มีเหตุผล"แล้วไง อยากใส่นักหรือไงชุดที่ไอ้ต้าซื้อให้""ก็คุณเป็นคนที่อยากให้ไพน์ไปซื้อใหม่ชุดเองไม่ใช่หรือไง พี่ต้าก็อุตส่าห์ซื้อให้แล้ว อยู่ดีๆจะมาเอาชุดไปเฉยๆแบบนี้คุณบ้าไปแล้วเหรอคะ""ไม่ได้บ้า แต่แค่ไม่อยากให้เธอใส่ เรื่องชุดฉันเป็นคนบอกว่าให้เธอเปลี่ยน เพราะฉะนั้นฉันก็ต้องเป็นคนซื้อ ถามหน่อยซิว่ามันเกี่ยวอะไรกับไอ้ต้า ใครบอกให้มันเป็นคนเสนอหน้ามาซื้อชุดให้เธอ ไหนจะเรื่องที่เธอนั่งรถมากับไอ้ต้าสอง
ระหว่างทางชีวินไม่ค่อยเป็นอันขับรถนักเมื่อสายตาคอยเอาแต่จ้องมองเข้าไปภายในรถคันข้างหน้าที่มีเตวิชญ์ขับนำอยู่ก่อน ยิ่งพอรถของเตวิชญ์สามารถขับผ่านสัญญาณไฟจราจรไปได้ก่อนที่จะต้องติดไฟแดงเหมือนรถของเขา หัวคิ้วเข้มที่ขมวดยุ่งตั้งแต่ตอนแรกก็ยิ่งผูกเข้ากันเป็นปมยิ่งขึ้นอย่างไม่รู้ตัว "ดูพี่ต้าสิคะรีบขับพาไพน์เฉียดไฟแดงไปก่อนแบบนั้น สงสัยคงกลัวว่าพี่ชินจะตามทันแล้วไม่มีเวลาได้อยู่กับไพน์" "ไอ้ต้ามันขับรถบ้าอะไรของมัน วิ่งเฉียดไฟแดงไปแบบนี้ไม่รู้หรือไงว่าอันตราย"ชีวินยังตีโพยตีพายโวยวายเรื่องการขับรถของเตวิชญ์ต่อ วินาทีนั้นยอมรับว่าเขาใจหายวาบราวกับคนขวัญอ่อน หากว่าเกิดอะไรกับคนในรถคันนั้นขึ้นมา มีหวังเขาคงจะถูกผู้เป็นบิดาและแม่ของผู้หญิงคนนั้นเอาสืบสาวเอาเรื่องเข้าแน่ๆ จนกระทั่งสัญญาณไฟเขียวปรากฏขึ้นมา คันเร่งของรถบีเอ็มดับเบิลยูก็ถูกเหยียบเร่งตามไปติดๆ หากแต่ว่าเขาขับตามไปไม่ทัน จนไปถึงที่จอดรถในห้าง จึงได้เอาโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรหาเตวิชญ์ทันที หากแต่ไม่มีคนรับ"ไอ้ต้ามันไม่ยอมรับโทรศัพท์ อินลองโทรหามันดูให้หน่อยสิครับ"พอบอกอินทุอรเสร็จ ตัวเองก็เปลี่ยนมากดโทรออกหาภัทรพิชา แต่กลายเป็นว
หลังจากเรียนเสร็จอินทุอรก็ขยั้นขยอให้เธอไปดูหนังพร้อมตัวเองและเตวิชญ์ ภัทรพิชาได้แต่อยากปฏิเสธให้มันจบๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไร จะให้บอกเพื่อนไปตรงๆเลยก็ไม่ได้ว่าตัวเธอเองก็กำลังถูกชีวินส่งข้อความมาตามตัวอยู่เหมือนกัน"นะไพน์ ไปดูหนังเป็นเพื่อนฉันกับพี่ต้าหน่อย อุตส่าห์โทรไปชวนพี่ชินเมื่อกี้ แต่พี่ชินดันบอกว่าติดธุระ ไปด้วยไม่ได้สะงั้น เซ็งจัง""เออะ อิน คือว่าฉัน..""แกห้ามปฏิเสธพี่ฉันนะไพน์ บอกไว้ก่อน รู้ไหมว่าพี่ต้าปกติมีแต่สาวๆพากันวิ่งเข้าหา ฉันก็พึ่งเห็นมีวันนี้นี่แหละที่ว่าคุณพี่ชายเทพบุตรสุดหล่อของฉันอยากจะจีบสาว"ภัทรพิชาฟังอินทุอรสาธยายความฮอตของญาติหนุ่มตัวเองแบบคิดว่าน่าจะเชื่อได้ เตวิชญ์ถือว่าเป็นคนที่หน้าตาและบุคลิกดีมากๆคนหนึ่ง การที่อินทุอรบอกว่าเขามีสาวๆวิ่งเข้าหามากมายนั้นมันคงไม่เกินจริงแน่นอน แต่ทำไมเรื่องอะไรแบบนี้มันต้องมาเกิดกับเธอ เตวิชญ์เป็นเพื่อนกับชีวิน ส่วนอินทุอรก็เป็นเพื่อนของเธอ ทุกอย่างมันดูยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมด"นี่ยายอิน เราเล่นมาพูดแบบนี้ต่อหน้าไพน์พี่ก็เขินแย่สิ""เขินทำไมล่ะคะพี่ต้า อยากจีบก็บอกว่าอยากจีบสิคะ เอาให้มันแมนๆหน่อย ยอมรับตรงๆไปเล
ภัทรพิชาถูกสั่งให้ขึ้นรถมากับคนที่ชวลิตบอกว่าไม่ยอมให้เธอติดรถมามหาวิทยาลัยด้วย รถของชีวินจอดรออยู่ห่างออกจากบ้านมาไม่ไกลเท่าไหร่ หากแต่เป็นเธอเองที่ไม่ทันได้สังเกตเพราะว่าเอาแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเองและเขา จนกระทั่งเดินเลยผ่านจึงถูกเขาเรียกและบังคับให้เธอต้องขึ้นรถมาเก๋งบีเอ็มดับเบิลยูสีดำเทาขับพาเธอทะยานสู่ท้องถนนในตอนเช้า ทุกอย่างดูเร่งรีบและยืดยาดในเวลาเดียวกัน จากที่นั่งเงียบมากันตลอดทาง อยู่ๆมือข้างที่ว่างอยู่ก็วางแหมะลงมาบนต้นขาขาวที่โผล่พ้นกระโปรงนักศึกษาของเธอออกมาในตอนที่รถจอดติดอยู่บนทางด่วน"คุณชิน"ชีวินหันมามองหน้าเธอแล้วยิ้มกึ่งเยาะที่ริมฝีปาก ภัทรพิชาจะรีบปัดมือใหญ่ที่กำลังลูบไล้บนต้นขาของตัวเองให้พ้นไปแต่เจ้าของมันกลับไม่ยินยอม"จับไม่ได้หรือไง""จับทำไมคะ"ภัทรพิชาหน้ายุ่งเพราะรู้ว่าชีวินกำลังจงใจแกล้งยั่วเธออยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะแอบชอบเขาอยู่จนยอมให้เกิดเรื่องราวลึกซึ้งเกินเลยขึ้นก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความชีวินจะทำอะไรกับเธอยังไงตอนไหนก็ได้"อยากจับ เห็นเธอใส่กระโปรงเสียสั้น เวลานั่งทีกระโปรงก็ถลกขึ้นมาจนเห็นขาขาวๆ ฉันก็เลยนึกว่าเธออยากจะใส่มายั่วฉัน""ไ
ภัทรพิชาตื่นขึ้นมาในตอนเกือบหกโมงเช้าเพื่อที่จะไปเตรียมตัวอาบน้ำไปเรียนด้วยอาการงัวเงียเพราะว่านอนไม่เต็มตื่น เมื่อคืนหลังจากที่เอาเปรียบเธอจนพอใจชีวินก็กลับออกไปในตอนตีสี่กว่าๆ ด้วยความเหนื่อยอ่อน ภัทรพิชาจึงทำได้แค่เพียงขยับเปลือกตา พยายามลืมตาขึ้นมาดูตอนที่ชีวินลุกขึ้นไปจากเตียงเท่านั้น และตัวเขาเองก็ไม่ได้หันกลับมามองเธอเลยเช่นกันหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็เดินหอบกระเป๋าลงไปข้างล่าง หางตาเหลือบไปเห็นแม่ของเธอกำลังจัดโต๊ะเตรียมอาหารเช้าเดินเข้าออกครัวอยู่ไวๆ ภัทรพิชาจึงเดินลงไปเห็นชวลิตนั่งอ่านหนังสือพิมพ์และยกกาแฟขึ้นจิบ ก่อนที่สายตาจะมองเลื่อนขยับไปเห็นว่าบนโต๊ะอาหารก็มีชีวินนั่งรออยู่ด้วยและเขากำลังมองมาทางเธอ"แต่งตัวเสร็จแล้วเหรอไพน์ มากินข้าวต้มหมูสับก่อนสิ แม่ตั้งโต๊ะเสร็จแล้วพอดี"ภัทรพิชาเดินตามหลังแม่ไปยังโต๊ะอาหารด้วยความรู้สึกหลากหลาย ชวลิตวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วมองเธอลอดผ่านแว่นตามาพร้อมกับยิ้มให้ ในขณะที่ชีวินกลับทำหน้าตึงแล้วตามมาด้วยถ้อยคำถากถางตามแบบฉบับเขา"นี่ลูกสาวคนใหม่ของพ่อเขาชอบตื่นสายแล้วปล่อยให้คนอื่นนั่งรอบนโต๊ะอาหารแบบนี้ประจำเลยเหรอครับ""รอเรออะไรกั
ทันทีที่ถูกฉุดมาให้ลุกขึ้นนั่ง ชุดนอนกระโปรงสายเดี่ยวตัวบางถูกถอดออกจากทางศรีษะ เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่เผลอสบตา ริมฝีปากของชีวินก็ตรงเข้ามาครอบลงบนริมฝีปากหวานทันควัน ลิ้นชื้นสอดมุดเข้าไปในโพรงปากนุ่มทันที เขาไม่มีรอจังหวะ ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของเขาควานบีบคลึงไปบนเต้างามและบนสะโพกกลมกลึง ภัทรพิชายอมปล่อยให้ชีวินสัมผัสทุกอย่างบนร่างกายเธอได้ตามอย่างแต่ใจด้วยการตอบสนองเป็นท่าทางที่แสนจะเงอะงะ ปราศจากความรู้สึกต่อต้าน สองกายกอดรัดฟัดเหวี่ยงเข้าหาในขณะที่คนหนึ่งเปลือยเปล่าแล้ว หากแต่อีกคนยังคงอยู่ในชุดนักศึกษาครบชุด"ถอดเสื้อให้ฉัน"แม้ว่าจะรสจูบของเขาจะมีรสชาติมึนเมาจนเธอสมองเบลอ ลมหายใจคล้ายขาดห้วงจนเกือบจะหายใจหายคอไม่ทัน แต่ภัทรพิชาก็ยังคงพอมีสติหลงเหลืออยู่บ้างไม่มากก็น้อย สองมือสั่นเทารีบยกขึ้นไปแกะกระดุมเสื้อทีละเม็ดอย่างยากลำบาก เหตุผลก็เป็นเพราะว่ารสจูบที่ชักจะร้อนแรงมากขึ้นไปเรื่อยๆเมื่อชีวินตั้งใจจูบเอาแบบไม่มีความปราณียิ่งทำให้เธอสติหลุด"กระดุมแค่ไม่กี่เม็ด เธอจะใช้เวลาแกะจนถึงพรุ่งนี้เลยไหมไพน์ ชักช้า เอามือออก งั้นกระดุมเสื้อไม่ต้องละ เปลี่ยนเป็นมาถอดเข็มขัดกับกางเกงให้ฉ