เช้านี้ภัทรพิชายังคงรีบตื่นแต่เช้าออกจากบ้านมาเรียนตามเคย ตั้งแต่ที่แม่ของเธอแต่งงานกับพ่อของชีวินไป หน้าที่ในการทำงานบ้านของเธอก็ถือเป็นอันว่าถูกงด เนื่องจากว่าชวลิตได้จ้างแม่บ้านจากบริษัทรับทำความสะอาดมาคอยทำความสะอาดจากข้างนอกสัปดาห์ละสองถึงสามครั้ง และที่ไม่ได้จ้างแบบประจำก็เป็นเพราะว่าแม่ของเธอบอกว่ายังอยากจะมีอะไรเหลือไว้ให้ทำเหมือนแต่ก่อนบ้าง แน่นอนว่าชวลิตนั้นก็ย่อมจะตามใจ
ภัทรพิชาใช้บริการของรถไฟฟ้าตามแบบปกติทุกวัน เรียกได้ว่าตอนนี้เธอเปลี่ยนจากเด็กบ้านนอกมาเป็นเด็กกรุงเทพเต็มตัวก็น่าจะได้ ชวลิตเคยเสนอเรื่องให้เธอลองทำใบขับขี่และหัดขับรถดู เผื่อว่าอยากจะมีรถยนต์ไว้ขับเองหรืออยากจะพาแม่ไปไหน แต่ภัทรพิชาบอกว่าตอนนี้เธอยังสะดวกแบบนี้มากกว่า ชวลิตก็เลยปล่อยเลยตามเลย
สองสัปดาห์เต็มแล้วที่ชีวินหายหน้าไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากคืนนั้นเขาก็ขับรถกลับออกไปทันทีในตอนดึก แถมมิวายยังหันมาสั่งให้เธอจัดการเก็บเศษซากความน่าอับอายที่ตัวเขาเองเป็นคนก่อไว้ออกไปเสียให้หมดสิ้น
'เก็บพวกปลอกหมอนผ้าห่มพวกนี้เอาออกไปจากห้องฉันทั้งหมด ถ้าฉันกลับมาคราวหน้าอย่าเอามาใส่ให้ฉันได้เห็นอีก '
'ถ้าเกิดว่าจะรังเกียจไพน์ขนาดนั้น แล้วคุณมาทำแบบนี้กับไพน์ทำไม'
'ฉันทำเพื่อความสะใจ การที่ฉันได้ทำแบบนี้กับเธอลับหลับแม่เธอ มันก็คงจะเหมือนตอนที่แม่ของเธอแอบอ่อยพ่อฉันตั้งแต่ตอนที่แม่ฉันยังไม่ตาย'
'ไม่จริง แม่ไพน์ไม่เคยทำอะไรแบบนั้น ที่พ่อของคุณแต่งงานกับแม่ของไพน์ ท่านก็อาจจะแค่อยากที่จะมีคนคอยดูแลท่านอยู่ข้างๆในวันที่แม่ของคุณไม่อยู่แล้วเท่านั้น คุณมันเป็นคนอคติมากไป'
'หุบปาก! อย่ามาทำเป็นรู้ดีออกตัวปกป้องแม่เธอหน่อยเลย เธอไม่ได้อยู่ตัวติดกับแม่ของเธอยี่สิบสี่ชั่วโมง จะมารู้ได้ยังไงว่าแม่ของเธอแอบอ่อยพ่อของฉันไปตอนไหนบ้าง'
'มันก็แค่คุณเชาว์ท่านอยากจะแต่งงานใหม่ แล้วคุณนาถนรีเองท่านก็เสียไปแล้ว ไพน์อยากจะรู้ว่ามันจะอะไรกันนักกันหนา ถึงขนาดที่ว่าคุณต้องทำกับไพน์แบบนี้'
'ก็นั่นน่ะสิ มันก็แค่ฉันแอบเอาเธอเล่นๆลับหลังแม่เธอเพื่อระบายความแค้นใจเฉยๆ แล้วเธอจะอะไรกันนักกันหนา ต่อไปนี้ก็แค่อ้าขารอฉันเวลาที่ฉันเบื่อๆ แค่นั้น ทำได้หรือเปล่า เพื่อที่ว่าแม่เธอจะได้นั่งห้อยขาเป็นคุณนายอยู่ในบ้านหลังนี้แบบสบายๆไร้การก่อกวนจากฉัน'
ภัทรพิชาสะบัดศรีษะเพื่อไล่คำพูดของชีวินที่ยังคงดังก้องอยู่ในหูหวังจะให้มันจางหายไป เธอนึกถึงเรื่องถ้อยคำหยามเหยียดพวกนี้เวียนวนไปมาซ้ำๆ จนสุดท้ายแล้วก็ได้แต่บอกตัวเองว่าทุกสิ่งอย่างมันได้ผ่านพ้นไปแล้วให้ลืมมันไป จะได้ไม่ต้องมานั่งทุกข์ใจกับสิ่งที่ยังไม่เกิดดีกว่า
ที่ใต้ต้นไม้ของโต๊ะประจำกลุ่มภายในรั้วมหาวิทยาลัย กลุ่มเพื่อนของเธอสามคนได้มานั่งรอกันแล้วตามอย่างปกติ วันนี้มีเรียนสองวิชาในตอนภาคเช้าแล้วจากนั้นตลอดทั้งบ่ายก็คือว่างยาว ไม่รู้ว่าวันนี้พวกสาวๆจะมีนัดพากันออกไปที่ไหนอีกหรือเปล่า
ภัทรพิชาเดินตรงเข้าไปยังโต๊ะหินอ่อนโต๊ะประจำที่อยู่เลยไปข้างต้นไม้ใหญ่เพื่อหมายจะไปทักทายเพื่อนๆ แต่พอเดินเข้าไปถึงก็พบว่าในวันนี้จากกลุ่มเพื่ออนสาวสามคน ดันมีผู้ชายเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนนั่งรวมอยู่ในโต๊ะนั้นด้วย
"อ้าวไพน์ มาพอดี"
เสียงมิรินร้องทักขึ้นทันทีที่เห็นว่าเธอเดินมา พอคนหนึ่งทัก เพื่อนคนอื่นๆก็พากันหันมาตาม รวมถึงผู้ชายคนนั้นที่นั่งอยู่ข้างอินทุอรเพื่อนของเธอด้วย เท้าเล็กหยุดชะงักเล็กน้อยตอนที่สบตาเข้ากับผู้ชายคนนั้น เขาหันมามองหน้าเธอด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ออกไปในทางเหมือนกับว่าจะไม่พอใจเสียมากกว่าด้วยซ้ำ ทำเอาภัทรพิชารู้สึกแปลกๆจนแทบไม่อยากจะก้าวเท้าไปข้างหน้าต่อเลยแม้แต่น้อย
"ยายไพน์ มาดูนี่สิว่าคุณหนูอินทุอรเธอควงใครมา"
แพรี่หนึ่งในสมาชิกแก๊งเพื่อน (ไม่) สาวของเธอแอบหันไปแซวอินทุอร ก่อนจะจีบปากจีบคอราวกับกำลังแสดงท่าทีหมั่นไส้ตอนที่หันมาพูดกับเธอ ยิ่งพอเห็นชัดว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร ขาของเธอก็ออกอาการสั่นๆขึ้นมาหน่อยๆ ภัทรพิชาไม่อยากจะพาตัวเองไปนั่งรวมในโต๊ะนั้นในตอนนี้ ไม่เด็ดขาด เธอไม่รู้ว่าควรที่จะทำหน้ายังไงเวลาที่ต้องสบตากับเขา เธอควรจะบอกเพื่อนๆไหมว่าเธอกับผู้ชายคนนี้นั้นรู้จักกันมาก่อน หรือว่าควรแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขาดี ภัทรพิชาไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง
"นี่น้องอินเป็นเพื่อนกับไพน์เองหรอกหรือครับ บังเอิญจัง"
ชีวินหันไปพูดกับอินทุอรยิ้มๆโดยที่ไม่ได้มองมาที่เธอแต่อย่างใด แปลกที่เขาแสดงตัวออกมาแบบนี้ โดยที่เลือกที่จะบอกเพื่อนๆของเธอว่าเขารู้จักกับเธอมาก่อน ตอนแรกภัทรพิชาก็นึกว่าเขาจะอย่กปิดบังเอาไว้เสียอีก
"นี่พี่ชินรู้จักกับยายไพน์ด้วยเหรอคะ"
อินทุอรเองก็หันมามองหน้าเธอสลับกับใบหน้าชีวินรราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อในความบังเอิญ
"รู้สิ ก็เมื่อก่อนแม่ไพน์เป็นแม่บ้านให้ที่บ้านพี่ แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้เป็นแล้วล่ะ เพราะว่าแม่ไพน์เขาพึ่งจะแต่งงานกับพ่อพี่ไปเมื่อปลายเดือนที่แล้วนี่เอง"
ชีวินยังคงพูดบอกเล่าความเป็นมาระหว่างเธอกับเขาให้อินทุอรฟังเฉยโดยที่ไม่ได้ถามความคิดเห็นเธอเลยสักนิดว่าเธออยากที่จะเปิดเผยความสัมพันธ์ว่ารู้จักกับเขาหรือเปล่า ส่วนเรื่องที่ชีวินบอกกับเพื่อนๆในกลุ่มว่าแม่ของเธอเคยทำงานเป็นแม่บ้านให้บ้านของเขานั้น เรื่องนี้ภัทรพิชาไม่เคยปิดบัง เพื่อนของเธอทั้งสามคนก็รู้มาตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าแม่ของเธอนั้นทำอาชีพอะไร หรือว่าจุดประสงค์ของชีวินที่พูดออกมาแบบนี้นั้นคือต้องการอยากจะให้เธออับอายที่มีแม่เป็นเพียงแค่แม่บ้าน
"ว้าว จริงเหรอคะเนี่ย งั้นก็แสดงว่าไพน์กับพี่ชินอยู่บ้านเดียวกันสินะคะ หมายความว่าสถานะไพน์กับพี่ชินก็คือพี่ชายกับน้องสาวดีๆนี่เองใช่ไหมไพน์"
แพรี่สรุปทุกอย่างออกมาได้อย่างเสร็จสรรพ แถมรายนั้นยังทำตาโตอ้าปากค้างแล้วก็ตบมือชอบใจราวกับว่าเป็นเด็กๆ จนภัทรพิชาเห็นแล้วก็แอบเหนื่อยใจ ไม่รู้ว่าสิ่งที่แพรี่พึ่งจะพูดออกมานั้นมันดีตรงไหน สถานะพี่ชายกับน้องสาวต่างสายเลือดที่พ่อกับแม่พึ่งแต่งงานกันนั้นดูก็รู้ว่าเขาไม่ได้อยากเป็นกับเธอเลย
ภัทรพิชาไม่ได้ตอบและก็ทำเป็นเฉยราวกับว่าไม่ได้ยินคำถาม มีเพียงใบหน้าที่ยิ้มออกมาอย่างไม่เต็มริมฝีปากให้เพื่อนที่หันมองมา ส่วนกับชีวินเธอไม่เห็นว่าเขาอยากที่จะหันมองหน้าเธอเลย สายตาอันอ่อนโยนและรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นนั้นถูกส่งมอบให้แต่เพียงอินทุอรเท่านั้น ก่อนที่สมองจะสั่งการขึ้นมาว่าให้เธอพาตัวเองออกไปจากตรงนี้เสีย ดีกว่าต้องประจันหน้ากับเขาในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเช่นนี้
"พวกแก คือว่างั้นฉันขอตัวเข้าไปในอาคารเรียนก่อนเลยก็แล้วกันนะ พอดีว่าฉันปวดฉี่น่ะ"
"งั้นฉันไปกับแกด้วยเลยดีกว่า รู้สึกว่าจะปวดเหมือนกัน" มิรินรีบลุกขึ้นยืนแล้วเก็บหนังสือลงในกระเป๋าเพื่อจะไปด้วยกับเธอ
"อ้าว แบบนี้ก็เหลือแค่ฉันที่อยู่เป็นก้างอ่ะดิ ไม่เอาดีกว่า ไปด้วยๆ ส่วนแกยายอิน เดี๋ยวให้พี่ชินเดินไปส่งแกที่หน้าตึกเองก็แล้วกันนะ ฝากยายอินด้วยนะคะพี่ชิน"
แล้วแพรี่ก็รีบลุกขึ้นเดินตามภัทรพิชาและมิรินออกมา ปล่อยให้อินทุอรที่ยังนั่งยิ้มคุยกันอยู่กับชีวินที่ตรงโต๊ะหินอ่อนตัวเดิมต่อ โดยภาพที่เห็นทำเอาพื้นที่บางส่วนในหัวใจของภัทรพิชาออกอาการชาๆ อย่างบอกไม่ถูก สมองก็ตั้งคำถามว่าเหตุใดชีวินกับอินทุอรถึงได้มาอยู่ในสถานะนี้กันได้
"คุณชิน!""ใช่ ฉันเอง"ภัทรพิชาตกใจจนต้องรีบยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ร่างกายของเธอจะถูกเขาจับกดให้กลับลงไปนอนใหม่ ถึงแม้ว่าความคิดถึงมันเต็มล้นเเน่นอยู่ในอก แต่สิ่งที่ชีวินกำลังทำอยู่นั้นมันก็ทำให้เธอเกิดอาการฟึดฟัดขึ้นมาอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ชีวินก็ยังคงเป็นชีวินคนเดิมไม่มีเปลี่ยน เรื่องอะไรที่ทำให้เธอฮึดฮัดฟึดฟัดได้นั่นแหละเขาจะรีบทำ"คุณเข้ามาในห้องไพน์ทำไม ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะคะ""ไพน์ เธอฟังฉันนะ นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเธอจะไม่มีทางที่จะสามารถไล่ให้ฉันไปไหนจากเธอได้อีก และตัวเธอเองก็ไม่มีสิทธิ์ไปไหนจากฉันได้เช่นกัน ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมว่าเมื่อไหร่ที่เธอเรียนจบกลับมา วันนั้นฉันจะไม่มีทางยอมให้เธอหนีฉันไปที่ไหนได้อีกแล้ว เธอจะต้องเป็นของฉันคนเดียว ทั้งตัวและหัวใจตลอดไป"ภัทรพิชานิ่งงันเมื่อได้ฟังในสิ่งที่ชีวินพูด หน้าตาเขาดูจริงจังเหมือนกับวันนั้นไม่มีผิด ราวกับว่าต้องการตอกย้ำและอยากที่จะย้ำเตือนในสิ่งที่เขาเคยพูดเอาไว้ แต่เรื่องทุกอย่างมันจะเป็นไปได้ได้อย่างไร ในเมื่อชีวินเกลียดแม่ของเธอขนาดนั้น "แต่คุณบอกเองว่าคุณเกลียดไพน์และก็แม่ของไพน์ไม่ใช่เหรอคะ""ตอนนั้นฉันอาจจะเ
2 ปีผ่านไป"อาคิยะ เดี๋ยวใบนี้ไพน์ถือเองค่ะ""ไม่เป็นไร ไพน์ถือแค่ใบเล็กๆนั่นก็พอ ส่วนสี่ใบนี้เดี๋ยวผมช่วยไพน์ถือไปส่งที่บ้านให้""หวังว่าแม่ไพน์คงจะไม่ตกใจนะคะที่เห็นไพน์พาคุณกลับไปที่บ้านด้วยแบบนี้""ถ้าแม่ของไพน์ตกใจ เดี๋ยวผมจะเป็นคนอธิบายให้ฟังเองครับ""แล้วนี่คุณกะว่าจะมาอยู่นานแค่ไหนคะ""น่าจะสักเดือนสองเดือน แต่ว่าผมยังไม่มีกำหนดที่แน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าที่นี่จะมีอะไรดึงดูดใจให้ผมอยู่ต่อนานๆหรือๆเปล่า""ไพน์ว่าคงจะต้องมีอยู่แล้วล่ะค่ะ เป้าหมายของคุณไง"สองคนชายหญิงเดินคุยกันกระหนุงกระหนิงผ่านจากประตูหนึ่งของสนามบินทะลุไปออกยังอีกหนึ่งประตู โดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้มีใครบางคนที่ยืนมองภาพนั้นอย่างตาค้างตัวชาราวกับจะเกิดอาการช็อก พอตั้งสติได้ก็วิ่งตามไปยังทิศทางที่สองชายหญิงพึ่งจะเดินผ่านไปข้างหน้า แต่พอตามออกมาดูไม่ห็นแล้วว่าไปทางไหนชีวินยืนก้มตัวลงหายใจจนหอบ วันนี้เขาต้องมารับลูกค้ารายใหญ่ที่มาจีน เลยได้มายืนอยู่ที่สนามบินตั้งแต่เช้า ขณะที่ยืนรอสายตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่แสนคุ้นตา คนที่เป็นเจ้าของหัวใจเขามาโดยตลอดตั้งแต่เมื่อก่อนตอนที่เธอพึ่งย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเขาใหม่ๆ จนกระท
หลังจากวันนั้นชีวินก็ดูเหมือนว่าจะเปิดตัวกับอินทุอรมากยิ่งขึ้น ทุกๆที่ที่มีเธอกับอินทุอรไปก็มักจะมีชีวินติดสอยห้อยตามไปประกบ โดยเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการให้เธอเห็น ต้องการให้เธอเจ็บปวด และมันก็คงจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ หลายทีที่ทนเห็นสองคนนั้นสวีทหวานกันไม่ไหวจนต้องแอบหลบออกมาร้องไห้ที่ไหนสักแห่ง ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่ที่ความรู้สึกเหล่านี้จะจางหายไป มันช่างเป็นความรู้สึกที่หนักหนาสาหัสราวกับว่าเธอกำลังกลายไปเป็นคนอกหักคนหนึ่งที่ต้องพ่ายแพ้ยามที่เห็นคนที่ตัวเองรักไปแสดงความรักกับคนอื่นหลังจากนั้นเพียงไม่นานชีวินก็เรียนจบ วันรับปริญญาของเขามีพวกเพื่อนๆกับชวลิตและอินทุอรไปร่วมแสดงความยินดีด้วย ทุกอย่างนั้นดูลงตัวเหมาะสมไปหมด ส่วนสิ่งที่เธอทำได้คือเพียงแค่แอบยินดีกับเขาอยู่ในที่ของเธอลำพัง เพียงแค่ได้เห็นเขามีความสำเร็จก็แอบดีใจจากนั้นชีวินก็ออกไปทำงานให้กับบริษัทต่างชาติรายใหญ่ ดูเหมือนว่าชีวิตรักของทั้งสองคนจะดูหวานชื่นมื่นกันมากขึ้น เวลาที่ชีวินต้องบินไปทำงานที่ต่างประเทศ แน่นอนว่าอินทุอรก็มักจะตามเขาไปด้วยเสมอ เรียกว่าหวานชื่นมื่นกันมาตลอด เหลือไว้เพียงสิ่งหนึ่งที่ภัทรพิชาต
'ฉันอยู่หน้าบ้าน ออกมาคุยกันหน่อย'ภัทรพิชามองข้อความจากชีวินเด้งเข้ามาในโทรศัพท์มือถือของตัวเองแล้วก็นิ่งเงียบ คิดไม่ตกว่าควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ดี หลังจากที่จบเหตุการณ์เมื่อเช้าชีวินก็ขับรถออกไปจากบ้านแล้วหายไปเลยทั้งวัน จนกระทั่งถึงตอนนี้ที่เป็นเวลาเกือบห้าทุ่มกว่าที่เขาส่งข้อความมา หากแต่ภัทรพิชาเลือกที่จะไม่ตอบ โคมไฟหัวเตียงถูกปิดมืดลงทันทีที่เขาบอกว่ารออยู่หน้าบ้าน ภัทรพิชาคิดว่าชีวินกับแม่ของเธอคุยกันรู้เรื่องแล้วเสียอีกเรื่องที่ว่าไม่ให้เธอกับเขาเจอกันไม่ว่าจะกรณีไหน แถมตอนที่พูดเคลียร์กันเขาเองก็มีท่าทีหนักแน่นว่าตัวเองไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอะไรที่มันแปลกไปกับเธอ ก็แค่เขาเผลอเข้าห้องผิดไปเท่านั้น ดังนั้นภัทรพิชาคิดว่าเธอเองก็ควรที่จะยึดมั่นในสิ่งที่ผู้เป็นแม่ร้องขอ คือเลิกยุ่งเกี่ยวกับเขาเสีย'แม่ถามแกจริงๆนะไพน์ เรื่องแกกับคุณชินมันมีอะไรเกินเลยหรือเปล่า''มะ ไม่นี่คะ ก็อย่างที่เขาบอกว่าเมื่อคืนเขาคงจะเผลอเดินเข้าห้องผิด ส่วนหนูก็รู้สึกเหมือนว่าจะไม่ค่อยสบายเลยกินยาแล้วหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน ตื่นมาอีกทีก็ตอนที่แม่เข้ามา''จริงนะ แกอย่ามาโกหกแม่นะ
"ว้ายตายแล้ว นี่มันอะไรกันยายไพน์"ภัทรพิชารีบเด้งตัวลุกขึ้นจากที่นอนตอนที่ได้ยินเสียงของมารดาดังขึ้นด้วยความตกใจ ความง่วงที่มีอยู่หายไปแบบสนิท ขนาดว่าแม่เธอร้องเสียงดังขนาดนี้ชีวินก็ยังกอดเธอไม่ยอมปล่อย จนเธอต้องแกะดึงมือเขาออก"แม่คะ คือว่าไพน์""ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าให้อยู่ห่างๆจากคุณชิน แล้วนี่มานอนกอดกันอยู่แบบนี้มันคืออะไร"ชีวินลุกขึ้นนั่งด้วยความงัวเงีย เป็นเพราะเสียงร้องของพาณีที่ดังลงไปถึงข้างล่าง เลยทำให้ชวลิตต้องเดินตามขึ้นมาดู ภาพของชีวินและภัทรพิชานอนกอดกันอยู่บนเตียงทำให้พาณีตกใจเสียขวัญ ไม่ใช่ว่าชีวินเป็นคนไม่ดี แต่ติดที่ว่าลูกเลี้ยงไม่ชอบตัวเอง ก็เลยเป็นห่วงว่าจะมีเจตนาที่ไม่ดีต่อลูกสาว ส่วนชีวินได้ยินประโยคที่พาณีพูดกับภัทรพิชาเต็มสองหูก็หัวเสีย ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าไม่อยากให้ภัทรพิชายุ่งเกี่ยวกับเขา ก็ถ้าเกิดว่าภัทรพิชายุ่งด้วยแล้วจะทำไม เขามันไม่ดีอย่างไร ยิ่งฟังแล้วก็ยิ่งโกรธ ทีตัวเองยังเอาพ่อเขาไปนอนกกกอด แล้วทำไมเขาถึงจะเอาตัวภัทรพิชามานอนกกนอนกอดบ้างไม่ได้ชวลิตเปิดประตูตามเข้ามาดูเหตุการณ์ภายในห้อง พอเห็นว่าชีวินอยู่กับภัทรพิชาจริงก็เกิดอาการตกใจ ไม่คิดว่าจะมีเ
ค่ำแล้วชีวินขับรถไปจอดส่งภัทรพิชาที่หน้าบ้านแต่ว่าไม่ยอมเข้าไปในบ้านด้วย เหตุก็เป็นเพราะว่ายังไม่อยากให้ใครเห็นว่าตัวเองไปมีเรื่องชกต่อยมา ทั้งที่ในใจอยากจะตามภัทรพิชาเข้าไปด้วย อยากกลับมานอนที่บ้าน อยากจะนอนค้างห้องข้างๆติดกันที่มีเพียงแค่ผนังแผ่นหนึ่งกั้นเอาไว้ แต่รอให้แผลที่หน้าหายไปอีกหน่อย เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ภัทรพิชานอนห่างจากกายได้อีก"ขอบคุณนะคะที่มาส่ง คุณขับกลับเองได้แน่ๆใช่ไหมคะ""ถ้าฉันบอกว่าขับไปคนเดียวไม่ไหว เธอจะยอมกลับไปค้างกับฉันด้วยหรือไง"ชีวินแกล้งเย้าคนข้างๆเล่น หากแต่ภัทรพิชากลับมองหน้าเขานิ่งอึ้งจนชีวินขำ"ฉันล้อเล่น เธอเข้าบ้านเถอะ เดี๋ยวฉันจะกลับแล้ว"ภัทรพิชาพยักหน้าปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วจึงหันไปเปิดประตูจะลง แต่มือของเธอกลับถูกชีวินคว้าเอาไว้แถมยังมองมายังเธอตาละห้อยไม่ยอมปล่อยให้เธอลง"คะ""คิดถึง"อะไรกัน นี่เขาคงไม่ได้ถูกเตวิชญ์ต่อยจนสมองได้รับความกระทบกระเทือนไปแล้วหรอกใช่ไหม ทำไมอยู่ๆชีวินคนที่ชอบใจร้ายใส่เธอถึงได้เปลี่ยนเป็นคนคลั่งรักขึ้นมา ตอนอยู่ด้วยกันที่คอนโดของเขาก็มีทั้งกอดทั้งจูบ ไหนจะมีแม้กระทั่งคำว่า คิดถึง ตามมาตอนนี้อีก ทำให้เธอได้สงสัยหวังว่าท