ชีวินทำอย่างที่เขาพูดไว้จริงๆ พอจับเธอแยกขาออกได้ แก่นกายที่แข็งขืนของเขาก็ถูกจับถูและยัดเข้ามาทันที สะโพกแกร่งสอดดันตัวตนของตัวเขาเองเข้าหาเธอทีละน้อย แล้วตามด้วยริมฝีปากร้อนที่บดจูบทับตามลงมา
ภัทรพิชาจำใจต้องปล่อยให้คนใจร้ายสอดแทรกลิ้นชื้นเข้ามาในปากเพราะแก้มของเธอนั้นถูกบีบให้อ้าปากรับ ส่วนมืออีกข้างก็ยังคงขย้ำหน้าอกเธออย่างหนักหน่วง ความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวมันแทรกลึกลงไปตั้งแต่กลางกายจนถึงกลางใจ ราวกับว่าร่างกายตรงส่วนนั้นกำลังฉีกขาดจนน้ำตาไหลลงมาอาบสองข้างแก้ม หากแต่ก็ทำได้เพียงแค่กลั้นเสียงร้องเอาไว้แล้วหันหน้าหนีเสีย
จากความรู้สึกส่วนลึกที่เคยมี วินาทีนี้ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเธอเกลียดเขาได้อย่างเต็มปากหรือเปล่า ชีวินไม่ได้เห็นใจเธอสักนิด ถ้อยคำที่เขาบอกว่าเกลียดเธอสองแม่ลูกนั้น วินาทีนี้เธอเข้าใจดีแล้วมันมีความหมายว่าอย่างไร มีเพียงสิ่งเดียวที่พอจะคิดออกเพื่อตอบโต้เรี่ยวแรงที่ถูกเขาถาโถมเข้าใส่ได้ สองกำปั้นเล็กจึงทุบลงไปบนแผ่นหลังกว้างแต่กลับไม่ได้ผล เธอยังคงถูกชีวินจูบไซ้ซอกคอ และมืออีกข้างบีบจับหน้าอกของเธอเอาไว้อย่างเอาแต่ใจ ฟันซี่เล็กๆจึงได้ลองงับลงไปที่บนหัวไหล่แทนในตอนจังหวะที่เขากำลังก้มหน้าลงมาหมายจะไปดูดกินความอวบอิ่มของสองเต้าเธออีกครั้ง
"โอ๊ย! เจ็บนะ"
นั่นไม่ใช่เสียงร้องของชีวิน หากแต่ว่าเป็นของเธอ ภัทรพิชา เธอเจ็บจนต้องร้องออกมาเมื่อจู่ๆหัวนมที่อยู่ภายในปากของเขานั้นถูกกัด ชีวินกัดหัวนมเธอคืนตอนที่เธอกัดไหล่ของเขา เขาไม่ได้ร้องออกมาสักแอะ แต่กลับเป็นเธอเองที่ต้องร้องในตอนที่ตัดสินใจทำอย่างนั้น
"บอกแล้วไงว่าฉันจะตอบแทนเธอสองแม่ลูก ทำอะไรกับฉัน ฉันก็จะทำกับเธอแบบเดียวกัน คิดว่ากัดเป็นคนเดียวหรือไง"
"คุณมันป่าเถื่อน"
"ถ้าไม่อยากให้ฉันป่าเถื่อน ก็ลองนอนอยู่เฉยๆดู จะร้องครางด้วยฉันก็ไม่ว่า แต่อย่าคิดที่จะกัดฉันอีก เพราะฉันไม่ได้ซาดิสม์"
"จะให้ร้องครางได้ยังไงในเมื่อมันเจ็บไม่มีความเสียวเลยสักนิด"ภัทรพิชาเหลืออด เธอตะโกนโต้กลับเขาไปทันที
"ถ้าเธออยากเสียว ก็เลิกขัดขืนสิ ไหนๆฉันก็ใส่เข้ามาจนมิดขนาดนี้แล้ว เธอคงไม่ใช่สาวบริสุทธิ์แล้วล่ะ ไหนลองมาให้ความร่วมมือฉันดู เริ่มจากจูบก่อน แล้วเดี๋ยวความเสียวมันก็จะตามมาเอง"
ภัทรพิชาอยากจะหากระจกมาให้ชีวินส่องดูสีหน้าและสายตาของเขาตอนนี้ที่ใช้มองเธอเสียเหลือเกินว่ามันมีทั้งความกวนตีน หยามเหยียดและดูถูกเธอมากขนาดไหน ใครมันจะไปเต็มใจจูบลง ต่อให้หน้าตาของเขามันจะหล่อเหลาราวกับเหล่าเทวดาเทพบุตรก็เถอะ แต่สิ่งที่เขากำลังทำมันกลับตรงข้ามกับคำว่าเทพบุตรไปไกลนัก
ชีวินไม่ได้รอให้เธอตอบรับคำพูดของเขา หากแต่เป็นเขาที่โน้มใบหน้าลงมาประกบปิดปากของเธอแทน ถึงแม้ว่าภัทรพิชาจะปล่อยให้เขาสอดลิ้นชื้นเข้ามากวาดควานความหวานภายในช่องปาก แต่เธอก็ยังไม่ยอมให้เขาเกี่ยวลิ้นไปดูดดึงได้ง่ายๆ
"พูดไม่ฟัง"
เสียงเข้มนุ่มลึกกระซิบชิดที่ริมฝีปาก ภัทรพิชาคงจะไม่รู้ว่าการขัดขืนน้อยๆไม่ยอมโดนให้เขาจูบดีๆนั้นกำลังสร้างความพึงพอใจให้ชีวิน หนักเข้าเขาเลยเปลี่ยนจากจูบปากแล้วหันลงไปจูบเต้าแทน อีกมือก็ขย้ำความเต่งตึงที่เต็มไม้เต็มมือนั้นไว้ แล้วสะโพกด้านล่างก็เริ่มขยับเข้าออกได้อย่างง่ายขึ้นเมื่อมันมีความชื้นแฉะ
"อื้อ"
อยู่ๆภัทรพิชาก็หลุดเสียงครางออกมา ในขณะที่ทั้งสองเต้าของเธอกำลังถูกเขาดูดกิน ร่างกายของเธอที่มีแต่ความเจ็บปวดในตอนแรก เวลานี้กลับเหมือนเริ่มมีกระแสไฟวิ่งผ่าน หัวใจเต้นแรงสูบฉีดจนเลือดลมอุ่นร้อนวูบวาบไปทั่วสรรพางค์กาย
"เธอแฉะแล้วไพน์"
เสียงของชีวินกระซิบบอกดังเข้าที่ข้างหูตอนที่เขาวนกลับขึ้นมาจูบไซ้ที่ข้างลำคออีกครั้ง ภัทรพิชาไม่อยากจะเชื่อเลยว่า อยู่ดีๆร่างกายของเธอจะเปลี่ยนเป็นยินยอมร่วมมือกับเขาไปได้ง่ายๆ หากแต่มันก็คงจะเป็นอย่างที่ชีวินว่า เพราะเวลานี้สองมือเธอกำลังเอื้อมขึ้นไปโอบรอบคอของเขาเอาไว้เพื่อที่จะหาจุดยึดเหนี่ยว เนื่องจากนึกกลัวไปว่าร่างกายที่เหมือนคล้ายกับเบาหวิวนั้นจะล่องลอยไป
"อื้อ คุณชิน"
"บอกแล้วใช่ไหมว่าถ้าไม่ขัดขืนแล้วจะเสียวเอง"
ชีวินจับขาทั้งสองข้างของเธอยกขึ้นมาเกี่ยวรอบเอวตัวเองเอาไว้ ในขณะที่เขาเร่งเพิ่มจังหวะความเร็วขึ้นมา ภัทรพิชาก็ค่อยๆปรือตาขึ้นมาดูสีหน้าของคนใจร้ายซึ่งก็พอที่จะได้เห็นว่าชีวินกำลังใกล้ถึงฟากฝั่งเต็มที เสียงครางกระหึ่มหลุดรอดออกมาพร้อมเธอหลายหน เสียงเนื้อบริเวณหน้าขาของเขาที่ตีกระทบกับเนื้อต้นขาด้านในของเธอนั้นดังไปทั่วบริเวณห้อง จนกระทั่งต่างฝ่ายต่างพากันหอบเกร็ง เรือนร่างสูงใหญ่จึงได้ฟุบใบหน้าทาบทับลงไปบนลำตัวของภัทรพิชาอีกครั้งในตอนที่ทุกอย่างจบลง
"เป็นยังไงบ้างไพน์ ลุงกับแม่หนูไม่อยู่หลายวัน ทุกอย่างโอเคดีใช่ไหมลูก"
"ก็..โอเคดีค่ะคุณเชาว์ ไม่ได้มีปัญหาอะไร"
ภัทรพิชาตอบชวลิตด้วยน้ำเสียงอึกอักไม่กล้าสบสู้สายตายามที่ได้เผชิญหน้ากับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อเลี้ยงคนใหม่ของเธอ หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ระหว่างเธอกับชีวินไป คนใจร้ายก็หายหน้าหายตาไปจากบ้านหลังนี้ เธอไม่ได้มีโอกาสที่จะได้เห็นหน้าเขาอีก ขนาดว่าเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกันก็ไม่ได้เจอ ทุกอย่างเงียบกริบปราศจากการเคลื่อนไหว ราวกับว่าเรื่องที่ผ่านมานั้นมันไม่เคยได้เกิดขึ้นเลยสักนิด...
"จนป่านนี้แล้วยังจะมาเรียก คุณ อีกเด็กคนนี้ ต่อไปนี้ให้หนูเรียกลุงว่า ลุง ก็พอนะไพน์ ไหนๆเราก็ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ลุงว่าพูดแบบนี้มันดูเหินห่างกันเกินไปเข้าใจไหม"
"ค่ะ คุณลุง"
ชวลิตเป็นนักการเมือง เขาถือว่าเป็นนักการเมืองท้องถิ่นมีชื่อคนหนึ่งที่เล่นการเมืองมาตั้งอายุยังน้อยๆ ถึงแม้ว่าฐานะของบ้านหลังนี้จะถือว่าค่อนไปในทางผู้ดีมีอันจะกิน หากแต่เจ้าของบ้านกลับรักความเป็นส่วนตัวด้วยกันทั้งนั้น สมัยที่แม่ของชีวินยังอยู่ก็เลยมีเพียงแค่แม่ของเธอที่เป็นแม่บ้าน กับเธอ ที่พึ่งเข้ามาช่วยแม่ดูแลงานบ้าน ส่วนคนขับรถก็จะเป็นบอดี้การ์ดที่ชวลิตจ้างเอาไว้เป็นคนขับเวลาที่ชวลิตไปไหนต่อไหนมากกว่า
แม่ของเธออยู่บ้านหลังมีมานาน ส่วนเธออาศัยอยู่กับตาและยายที่ต่างจังหวัด ที่ผ่านมาแม่คอยส่งเสียค่าเล่าเรียนและค่าเลี้ยงดูให้เธออยู่เสมอ ใครจะคิดว่าวันหนึ่งตอนที่ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ด้วยความที่อยากจะอยู่ใกล้แม่ เธอเลยลองสอบเข้ามหาวิทยาลัยในกรุงเทพมหานครดู ผลปรากฏว่า เธอดันสอบติด แม่ก็เลยขออนุญาตพาเธอเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ด้วย
ตลอดช่วงเวลากว่าสองปีที่ผ่านมาเธอและมารดาเฝ้าคอยดูแลคุณนาถนรีที่ป่วยออดๆแอดๆมาโดยตลอด และภัทรพิชาเองก็คิดว่าคุณนาถนรีท่านก็คงจะเอ็นดูเธอเหมือนกัน ถึงขนาดที่ว่ายอมส่งเสียค่าเล่าเรียนและจ่ายค่าขนมให้เธอเป็นประจำทุกเดือน จนเธอทั้งรู้สึกรักและเคารพ ซาบซึ้งใจกับความมีเมตตาที่ท่านมอบให้มาโดยตลอด
แต่กับชีวิน ในตอนแรกเธอกับเขาก็เหมือนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าต่อกัน เธอไม่ได้กล้าที่จะพูดคุยกับเขามากนัก ด้วยบุคลิกที่โคตรจะดูดี แถมยังหน้าตาดีแบบโดดเด่น ภัทรพิชายอมรับว่าเธอนั้นไม่เคยกล้าที่จะมองเขาอย่างเต็มตา เจ้าของดวงตาคมและใบหน้าที่แสนหล่อเหลานั่นทำเอาหัวใจดวงน้อยของเธอสั่นไหวแบบนับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งพอได้รู้ว่าเธอเองก็เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับเขา อาการปลื้มอกปลื้มใจนั้นก็เกิดขึ้นอยู่ตลอดๆ มีบ้างเหมือนกันบางครั้งที่ชีวินบอกให้เธอติดรถไปมหาวิทยาลัยด้วยกัน แต่เธอก็เขินเกินกว่าที่จะนั่งไปกับเขาด้วยได้ หรือมีบางทีที่เขาอาสามาติวข้อสอบให้ แต่นั่นกลับยิ่งทำให้ตัวเธอไม่ได้เป็นอันโฟกัสในสิ่งที่เขาสอน หลังๆมาเธอก็เลยพยายามหลบหน้า ไม่เอาตัวเองไปอยู่ใกล้รัศมีสายตาของเขา แต่ชีวินก็ยังคงตามหาตัวเธอจนเจอ
บางที..เธออาจเริ่มที่จะคิดถึงสายตานั้น สายตาของชีวินที่เวลาถูกเขามองมา เคยทำให้หัวใจของเธอสั่นไหวแบบที่เขาเองคงจะไม่รู้ ชีวินคงจะเอ็นดูเธอ หากแต่เธอกลับแอบปลื้มปริ่มคิดเองไปไกล จนกระทั่งในวันที่พ่อของเขาบอกว่าจะแต่งงานแม่ของเธอ สายตาของความเอ็นดูที่ชีวินเคยมีให้เธอก็จางหายไปแบบไม่มีวันหวนกลับมา
พอเดินลงจากรถลงมาชีวินก็ตรงเข้ามาดึงแขนให้เธอเดินตามเขาเข้าไปในที่แห่งหนึ่งซึ่งมีลักษณะคล้ายกับคอนโดมิเนียมทั่วไป มือเขาข้างหนึ่งถือถุงกระดาษ ส่วนอีกข้างก็ดึงข้อมือของเธอเอาไว้ จนกระทั่งพาเธอเข้ามาหยุดยืนอยู่ที่ตรงหน้าลิฟท์ ทันใดนั้นถังขยะที่อยู่ใกล้มือก็ถูกเปิดออก ตามด้วยถุงชุดนักศึกษาสองถุงที่เตวิชญ์เป็นคนซื้อให้นั้นถูกยัดลงไปนอนในถังขยะเป็นที่เรียบร้อย"คุณชินนี่คุณทำบ้าอะไร นั่นมันที่พี่ต้าพึ่งซื้อให้ใหม่นะคะ"ด้วยความโมโหจึงทำให้ภัทรพิชาเสียงดังใส่เขา นาทีนี้เธอไม่กลัวเขาแล้ว ถ้าหากว่าชีวินจะกลายเป็นคนนิสัยเสียขึ้นมา อยู่ๆก็มาบังคับให้เธอไปซื้อชุดใหม่ พอมีคนซื้อให้ก็ปาทิ้งขว้างแบบไม่มีเหตุผล"แล้วไง อยากใส่นักหรือไงชุดที่ไอ้ต้าซื้อให้""ก็คุณเป็นคนที่อยากให้ไพน์ไปซื้อใหม่ชุดเองไม่ใช่หรือไง พี่ต้าก็อุตส่าห์ซื้อให้แล้ว อยู่ดีๆจะมาเอาชุดไปเฉยๆแบบนี้คุณบ้าไปแล้วเหรอคะ""ไม่ได้บ้า แต่แค่ไม่อยากให้เธอใส่ เรื่องชุดฉันเป็นคนบอกว่าให้เธอเปลี่ยน เพราะฉะนั้นฉันก็ต้องเป็นคนซื้อ ถามหน่อยซิว่ามันเกี่ยวอะไรกับไอ้ต้า ใครบอกให้มันเป็นคนเสนอหน้ามาซื้อชุดให้เธอ ไหนจะเรื่องที่เธอนั่งรถมากับไอ้ต้าสอง
ระหว่างทางชีวินไม่ค่อยเป็นอันขับรถนักเมื่อสายตาคอยเอาแต่จ้องมองเข้าไปภายในรถคันข้างหน้าที่มีเตวิชญ์ขับนำอยู่ก่อน ยิ่งพอรถของเตวิชญ์สามารถขับผ่านสัญญาณไฟจราจรไปได้ก่อนที่จะต้องติดไฟแดงเหมือนรถของเขา หัวคิ้วเข้มที่ขมวดยุ่งตั้งแต่ตอนแรกก็ยิ่งผูกเข้ากันเป็นปมยิ่งขึ้นอย่างไม่รู้ตัว "ดูพี่ต้าสิคะรีบขับพาไพน์เฉียดไฟแดงไปก่อนแบบนั้น สงสัยคงกลัวว่าพี่ชินจะตามทันแล้วไม่มีเวลาได้อยู่กับไพน์" "ไอ้ต้ามันขับรถบ้าอะไรของมัน วิ่งเฉียดไฟแดงไปแบบนี้ไม่รู้หรือไงว่าอันตราย"ชีวินยังตีโพยตีพายโวยวายเรื่องการขับรถของเตวิชญ์ต่อ วินาทีนั้นยอมรับว่าเขาใจหายวาบราวกับคนขวัญอ่อน หากว่าเกิดอะไรกับคนในรถคันนั้นขึ้นมา มีหวังเขาคงจะถูกผู้เป็นบิดาและแม่ของผู้หญิงคนนั้นเอาสืบสาวเอาเรื่องเข้าแน่ๆ จนกระทั่งสัญญาณไฟเขียวปรากฏขึ้นมา คันเร่งของรถบีเอ็มดับเบิลยูก็ถูกเหยียบเร่งตามไปติดๆ หากแต่ว่าเขาขับตามไปไม่ทัน จนไปถึงที่จอดรถในห้าง จึงได้เอาโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรหาเตวิชญ์ทันที หากแต่ไม่มีคนรับ"ไอ้ต้ามันไม่ยอมรับโทรศัพท์ อินลองโทรหามันดูให้หน่อยสิครับ"พอบอกอินทุอรเสร็จ ตัวเองก็เปลี่ยนมากดโทรออกหาภัทรพิชา แต่กลายเป็นว
หลังจากเรียนเสร็จอินทุอรก็ขยั้นขยอให้เธอไปดูหนังพร้อมตัวเองและเตวิชญ์ ภัทรพิชาได้แต่อยากปฏิเสธให้มันจบๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไร จะให้บอกเพื่อนไปตรงๆเลยก็ไม่ได้ว่าตัวเธอเองก็กำลังถูกชีวินส่งข้อความมาตามตัวอยู่เหมือนกัน"นะไพน์ ไปดูหนังเป็นเพื่อนฉันกับพี่ต้าหน่อย อุตส่าห์โทรไปชวนพี่ชินเมื่อกี้ แต่พี่ชินดันบอกว่าติดธุระ ไปด้วยไม่ได้สะงั้น เซ็งจัง""เออะ อิน คือว่าฉัน..""แกห้ามปฏิเสธพี่ฉันนะไพน์ บอกไว้ก่อน รู้ไหมว่าพี่ต้าปกติมีแต่สาวๆพากันวิ่งเข้าหา ฉันก็พึ่งเห็นมีวันนี้นี่แหละที่ว่าคุณพี่ชายเทพบุตรสุดหล่อของฉันอยากจะจีบสาว"ภัทรพิชาฟังอินทุอรสาธยายความฮอตของญาติหนุ่มตัวเองแบบคิดว่าน่าจะเชื่อได้ เตวิชญ์ถือว่าเป็นคนที่หน้าตาและบุคลิกดีมากๆคนหนึ่ง การที่อินทุอรบอกว่าเขามีสาวๆวิ่งเข้าหามากมายนั้นมันคงไม่เกินจริงแน่นอน แต่ทำไมเรื่องอะไรแบบนี้มันต้องมาเกิดกับเธอ เตวิชญ์เป็นเพื่อนกับชีวิน ส่วนอินทุอรก็เป็นเพื่อนของเธอ ทุกอย่างมันดูยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมด"นี่ยายอิน เราเล่นมาพูดแบบนี้ต่อหน้าไพน์พี่ก็เขินแย่สิ""เขินทำไมล่ะคะพี่ต้า อยากจีบก็บอกว่าอยากจีบสิคะ เอาให้มันแมนๆหน่อย ยอมรับตรงๆไปเล
ภัทรพิชาถูกสั่งให้ขึ้นรถมากับคนที่ชวลิตบอกว่าไม่ยอมให้เธอติดรถมามหาวิทยาลัยด้วย รถของชีวินจอดรออยู่ห่างออกจากบ้านมาไม่ไกลเท่าไหร่ หากแต่เป็นเธอเองที่ไม่ทันได้สังเกตเพราะว่าเอาแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเองและเขา จนกระทั่งเดินเลยผ่านจึงถูกเขาเรียกและบังคับให้เธอต้องขึ้นรถมาเก๋งบีเอ็มดับเบิลยูสีดำเทาขับพาเธอทะยานสู่ท้องถนนในตอนเช้า ทุกอย่างดูเร่งรีบและยืดยาดในเวลาเดียวกัน จากที่นั่งเงียบมากันตลอดทาง อยู่ๆมือข้างที่ว่างอยู่ก็วางแหมะลงมาบนต้นขาขาวที่โผล่พ้นกระโปรงนักศึกษาของเธอออกมาในตอนที่รถจอดติดอยู่บนทางด่วน"คุณชิน"ชีวินหันมามองหน้าเธอแล้วยิ้มกึ่งเยาะที่ริมฝีปาก ภัทรพิชาจะรีบปัดมือใหญ่ที่กำลังลูบไล้บนต้นขาของตัวเองให้พ้นไปแต่เจ้าของมันกลับไม่ยินยอม"จับไม่ได้หรือไง""จับทำไมคะ"ภัทรพิชาหน้ายุ่งเพราะรู้ว่าชีวินกำลังจงใจแกล้งยั่วเธออยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะแอบชอบเขาอยู่จนยอมให้เกิดเรื่องราวลึกซึ้งเกินเลยขึ้นก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความชีวินจะทำอะไรกับเธอยังไงตอนไหนก็ได้"อยากจับ เห็นเธอใส่กระโปรงเสียสั้น เวลานั่งทีกระโปรงก็ถลกขึ้นมาจนเห็นขาขาวๆ ฉันก็เลยนึกว่าเธออยากจะใส่มายั่วฉัน""ไ
ภัทรพิชาตื่นขึ้นมาในตอนเกือบหกโมงเช้าเพื่อที่จะไปเตรียมตัวอาบน้ำไปเรียนด้วยอาการงัวเงียเพราะว่านอนไม่เต็มตื่น เมื่อคืนหลังจากที่เอาเปรียบเธอจนพอใจชีวินก็กลับออกไปในตอนตีสี่กว่าๆ ด้วยความเหนื่อยอ่อน ภัทรพิชาจึงทำได้แค่เพียงขยับเปลือกตา พยายามลืมตาขึ้นมาดูตอนที่ชีวินลุกขึ้นไปจากเตียงเท่านั้น และตัวเขาเองก็ไม่ได้หันกลับมามองเธอเลยเช่นกันหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วก็เดินหอบกระเป๋าลงไปข้างล่าง หางตาเหลือบไปเห็นแม่ของเธอกำลังจัดโต๊ะเตรียมอาหารเช้าเดินเข้าออกครัวอยู่ไวๆ ภัทรพิชาจึงเดินลงไปเห็นชวลิตนั่งอ่านหนังสือพิมพ์และยกกาแฟขึ้นจิบ ก่อนที่สายตาจะมองเลื่อนขยับไปเห็นว่าบนโต๊ะอาหารก็มีชีวินนั่งรออยู่ด้วยและเขากำลังมองมาทางเธอ"แต่งตัวเสร็จแล้วเหรอไพน์ มากินข้าวต้มหมูสับก่อนสิ แม่ตั้งโต๊ะเสร็จแล้วพอดี"ภัทรพิชาเดินตามหลังแม่ไปยังโต๊ะอาหารด้วยความรู้สึกหลากหลาย ชวลิตวางหนังสือพิมพ์ลงแล้วมองเธอลอดผ่านแว่นตามาพร้อมกับยิ้มให้ ในขณะที่ชีวินกลับทำหน้าตึงแล้วตามมาด้วยถ้อยคำถากถางตามแบบฉบับเขา"นี่ลูกสาวคนใหม่ของพ่อเขาชอบตื่นสายแล้วปล่อยให้คนอื่นนั่งรอบนโต๊ะอาหารแบบนี้ประจำเลยเหรอครับ""รอเรออะไรกั
ทันทีที่ถูกฉุดมาให้ลุกขึ้นนั่ง ชุดนอนกระโปรงสายเดี่ยวตัวบางถูกถอดออกจากทางศรีษะ เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่เผลอสบตา ริมฝีปากของชีวินก็ตรงเข้ามาครอบลงบนริมฝีปากหวานทันควัน ลิ้นชื้นสอดมุดเข้าไปในโพรงปากนุ่มทันที เขาไม่มีรอจังหวะ ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งของเขาควานบีบคลึงไปบนเต้างามและบนสะโพกกลมกลึง ภัทรพิชายอมปล่อยให้ชีวินสัมผัสทุกอย่างบนร่างกายเธอได้ตามอย่างแต่ใจด้วยการตอบสนองเป็นท่าทางที่แสนจะเงอะงะ ปราศจากความรู้สึกต่อต้าน สองกายกอดรัดฟัดเหวี่ยงเข้าหาในขณะที่คนหนึ่งเปลือยเปล่าแล้ว หากแต่อีกคนยังคงอยู่ในชุดนักศึกษาครบชุด"ถอดเสื้อให้ฉัน"แม้ว่าจะรสจูบของเขาจะมีรสชาติมึนเมาจนเธอสมองเบลอ ลมหายใจคล้ายขาดห้วงจนเกือบจะหายใจหายคอไม่ทัน แต่ภัทรพิชาก็ยังคงพอมีสติหลงเหลืออยู่บ้างไม่มากก็น้อย สองมือสั่นเทารีบยกขึ้นไปแกะกระดุมเสื้อทีละเม็ดอย่างยากลำบาก เหตุผลก็เป็นเพราะว่ารสจูบที่ชักจะร้อนแรงมากขึ้นไปเรื่อยๆเมื่อชีวินตั้งใจจูบเอาแบบไม่มีความปราณียิ่งทำให้เธอสติหลุด"กระดุมแค่ไม่กี่เม็ด เธอจะใช้เวลาแกะจนถึงพรุ่งนี้เลยไหมไพน์ ชักช้า เอามือออก งั้นกระดุมเสื้อไม่ต้องละ เปลี่ยนเป็นมาถอดเข็มขัดกับกางเกงให้ฉ