แชร์

ตอนที่ 8 ดูตัวกับจิ้งจอก  

ผู้เขียน: MoonDust
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-21 19:00:40

ฉันตื่นก่อนนาฬิกาปลุก หัวสมองแล่นเหมือนคนเพิ่งวางแผนแทรกซึมเข้าองค์กรลับ…ทั้งที่วันนี้ ฉันต้องไปนั่งกินข้าวกับ ‘ว่าที่สามีในนาม’ ของตัวเอง 

เอาเข้าจริง ฉันไม่เคยเตรียมตัวไปเดทเลยในชีวิต 

แต่เรื่อง ‘ภารกิจ’ น่ะ…ฉันเชี่ยวชาญ 

และวันนี้ก็คือหนึ่งในภารกิจนั้น  

การดูตัวกับชายที่ถูกขนานนามว่า ‘จิ้งจอก’ แห่งวงการธุรกิจ 

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันสวมเดรสสีครีมจากตู้เสื้อผ้าของพลอยไพลิน จากนั้นก็หยิบนามบัตรที่พลอยไพลินยื่นมาให้เมื่อวันก่อน 

‘พี่ชิน เมคอัพอาร์ติสต์’ ช่างแต่งหน้าที่เหล่าเซเลบเรียกใช้งานมากที่สุดในรัศมีห้ากิโลเมตร 

แน่นอน ฉันโทรไปนัดตั้งแต่เมื่อวาน และเขาตอบรับเพราะชื่อของ ‘พลอยไพลิน’ คือพาสเวิร์ดผ่านประตูสวรรค์ 

สถานที่คือร้านเสริมสวยหรูระดับพรีเมียม พอฉันเดินเข้าไป เขาก็หรี่ตาเล็กน้อยแล้วถาม 

“คุณวราลีใช่ไหมคะ? โอ้โห หน้าสวยอยู่แล้ว แต่น้องพลอยสั่งมาให้ปังที่สุดเลยค่ะ วันนี้ต้องปังยืนหนึ่ง!” 

ก่อนฉันจะได้อ้าปากตอบ พี่ชินก็ลากฉันไปที่เก้าอี้ แต่งหน้า ทำผม เซ็ตลอน เสริมแสง แต่งคิ้ว ไฮไลต์แก้มจนฉันรู้สึกเหมือนกำลังถูกอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน ‘โปรพลัส’ 

ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง พี่ชินก็หมุนเก้าอี้ให้ฉันเผชิญหน้ากับกระจก 

ฉันตาโตขึ้นเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่ 

โอเค…ไม่คิดว่าเธอจะสวยได้ขนาดนี้นะ วราลี 

แก้มเนียน ดวงตากลมโตรับกับจมูกและริมฝีปากจิ้มลิ้มเข้ารูป เส้นผมสีน้ำตาลม้วนลอนอย่างมีคลาส ผิวผ่องแบบไม่ต้องพึ่งฟิลเตอร์ 

ฉันจ้องตัวเองในกระจกพลางยิ้มจาง ๆ 

ตอนเป็นอลิสา ฉันไม่เคยต้องแต่งหน้าอะไรขนาดนี้ ชีวิตอยู่กับเหงื่อ กลิ่นดินปืน และภารกิจลับมากกว่ากระเป๋าแบรนด์เนมหรู 

แต่ตอนนี้...ในร่างวราลี หญิงสาวที่สวยอยู่แล้วก็เหมือนถูกขัดเงาจนแวววาว  

โอเค...ฉันพร้อมแล้ว  

มาลองกันสักตั้งเถอะ... 

ลุงชมเป็นคนขับรถไปส่งฉันที่โรงแรมหรูในเครือทรัพย์ไพศาลอนันต์ ทันทีที่ฉันก้าวเท้าเข้าสู่โถงล็อบบี้ของโรงแรม ฉันก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นน้ำหอมราคาแพงและการปรับอากาศที่เย็นกำลังดี แชนเดอเลียขนาดมหึมาห้อยลงมาจากเพดานหรูระยับ แสงไฟอบอุ่นไล้ผิวเฟอร์นิเจอร์สีทองนวลอย่างบรรจง พื้นหินอ่อนขัดมันสะท้อนเงารองเท้าของฉันจนฉันเผลอก้มดูว่าเดินเหยียบอะไรผิดไปหรือเปล่า 

นี่สินะ...โลกของพวกเขา 

พนักงานต้อนรับหญิงในชุดยูนิฟอร์มสีกรมท่าดูเรียบแต่แพง รีบก้าวออกจากเคาน์เตอร์มาต้อนรับทันทีที่เห็นฉัน 

“สวัสดีค่ะ คุณพลอยไพลินใช่ไหมคะ?”  

ฉันพยักหน้าเล็กน้อย ไม่พูดอะไร  

“ทางร้านอาหารบนชั้นรูฟท็อปได้เตรียมโต๊ะไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ เชิญทางนี้เลยนะคะ” 

เธอยิ้มสุภาพแบบคนที่ผ่านการเทรนมาอย่างหนัก และเดินนำฉันไปยังลิฟต์แก้วที่ตกแต่งด้วยลวดลายทองประดับเล็ก ๆ พอให้รู้สึกเหมือนขึ้นลิฟต์ในปราสาทของเจ้าหญิง 

ระหว่างทาง พนักงานอีกคนหนึ่งเดินตามมาถือกระเป๋าให้...โดยที่ฉันยังไม่ได้ร้องขอ 

มืออาชีพจริง ๆ... สมกับเป็นที่ของเขา 

ขณะยืนอยู่ในลิฟต์ที่ค่อย ๆ ไต่ขึ้นสู่ชั้นบนสุด ฉันมองภาพกรุงเทพฯ ที่ค่อย ๆ เลื่อนลงต่ำด้านหลังผ่านกระจกใส 

แม่น้ำเจ้าพระยาไหลทอดผ่านกลางเมือง ตึกสูงสลับซับซ้อนดูเหมือนโมเดลเลโก้ขนาดยักษ์ 

ดูตัวในสถานที่แบบนี้มันไม่ธรรมดาเลยนะ... แล้วคนที่ฉันจะเจอ จะธรรมดาได้ไหมล่ะ? 

“ถึงแล้วค่ะ” พนักงานหญิงส่งยิ้ม ก่อนเปิดประตูกระจกบานสูงนำทางฉันเข้าสู่ห้องอาหารบนรูฟท็อป 

เมื่อก้าวพ้นธรณีประตู ฉันก็ต้องหยุดชะงัก 

ห้องอาหารทั้งชั้นถูกจัดไว้อย่างประณีต กระจกบานใหญ่ที่เผยให้เห็นวิวแม่น้ำระยิบระยับสะท้อนแสงอาทิตย์ยามกลางวัน ไม่มีแขกคนอื่น ไม่มีเสียงจอแจ มีเพียงเสียงเปียโนบรรเลงเบา ๆ จากลำโพงมุมห้อง 

ร้านอาหารระดับนี้ ไม่มีแขกเลยสักคนเดียว? 

ฉันมองรอบห้อง บรรยากาศสงบเกินเหตุ โต๊ะทุกตัวว่างเปล่า ยกเว้นโต๊ะริมกระจกที่พนักงานเชิญฉันไปนั่ง ก่อนเธอจะโค้งให้อย่างสุภาพ  

“ขอให้คุณพลอยไพลินมีช่วงเวลาที่ดีนะคะ” 

ฉันนั่งลง สูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามควบคุมสีหน้าให้สงบนิ่งเหมือนมืออาชีพในภารกิจสายลับ ทั้งที่ในใจคือ… 

ทำไมเงียบขนาดนี้เนี่ย! 

ตอนนี้มีแค่ฉันคนเดียวที่นั่งอยู่ในพื้นที่ที่ควรใช้เลี้ยงแขกระดับรัฐมนตรีได้สักโหล 

ฉันเช็คนาฬิกา อีกห้านาที… 

สามนาที… 

หนึ่งนาที… 

แล้วประตูก็เปิดออก 

ฉันหันไปตามเสียงรองเท้าหนังที่ก้าวเข้ามา ก่อนจะ…นิ่งค้าง 

พระเจ้า… 

ผู้ชายที่เดินตรงเข้ามาในชุดสูทเข้ารูปสีเทากราไฟต์เรียบหรูราวกับหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่นชื่อดัง 

ร่างสูงโปร่งนั่น...มองด้วยตาเปล่าน่าจะราว ๆ 185 เซ็นติเมตร

ผิวเนียนขาวราวกับสกินแคร์ของเขาผสมทองคำ 

เส้นผมดำขลับถูกจัดทรงอย่างมีรสนิยม 

และที่สำคัญคือ ดวงตาคมกริบสีดำที่เหมือนมองทะลุทะลวงทุกอย่าง 

นี่มันห่างไกลจากคำว่าน่าเกลียดมากนะ...

พนันได้เลยว่าตอนพระเจ้าปั้นเขา คงตั้งใจน่าดู

หล่อ…ไม่ใช่หล่อธรรมดา 

หล่อแบบ...ใครโกหกว่าน่าเกลียดจะโดนฟ้องได้ 

นั่นน่ะเหรอ...ภูริ? จิ้งจอก? 

เขาเดินมาตรงหน้า หยุดอยู่แค่ไม่กี่ก้าว 

“พลอยไพลิน?”  เสียงเขานุ่ม ลึก และเรียบนิ่ง 

ฉันลุกขึ้นยืน รับมือกับอาการค้างเล็กน้อย 

“...สวัสดีค่ะ” ฉันพยายามตอบกลับด้วยเสียงที่มั่นคงที่สุด 

เขายิ้มเล็กน้อย “สวัสดีครับ...ดีใจที่ได้เจอ” 

เรานั่งลง พนักงานเข้ามารับออเดอร์ ฉันจิ้มสั่งสเต็กที่เป็นชื่อแรกบนเมนู เขาสั่งไวน์และเนื้อริบอายสเต็กด้วยท่าทางเคยชิน 

เรานั่งเงียบกันอยู่พักใหญ่ ฉันไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงดี จึงตัดสินใจ…ยิงตรงก่อน 

“เอ่อ…ก่อนอื่น ฉัน…ไม่ใช่พลอยไพลินค่ะ” 

ภูริเงยหน้าขึ้นจากการรินไวน์พอดี แววตาของเขาไม่แม้แต่จะสะทกสะท้าน 

“ผมรู้” 

ฉันชะงักไปครู่หนึ่ง “รู้…?” 

“อืม” เขาพยักหน้านิ่ง ๆ สีหน้าไม่มีความแปลกใจแม้แต่น้อย 

“คนอย่างพลอยไพลินไม่มีวันยอมมาเจอผมเองหรอกครับ” เขาว่าพลางยิ้มมุมปาก ราวกับรู้อยู่แล้วว่าวันนี้ฉันจะมานั่งตรงนี้ ไม่ใช่พลอยไพลินคนที่ทุกคนคิดว่าเป็นเจ้าสาวในแผน 

“งั้น…ทำไมคุณถึงยังมา?” ฉันถามอย่างไม่อ้อมค้อม 

เขาเงยหน้าขึ้นสบตาฉัน รอยยิ้มบางคลี่ที่มุมปาก พร้อมคำตอบที่เรียบง่าย แต่ทำเอาฉันชะงักอีกครั้ง 

“เพราะอยากเจอ” 

สั้น...ง่าย...แต่น่ากลัวเพราะไม่มีคำขยาย 

อยากเจอเพราะอะไร? เพราะเขารู้ว่าฉันไม่ใช่พลอยไพลิน? หรือเพราะอะไรที่มากกว่านั้น? 

ฉันพยายามควบคุมสีหน้าแล้วเปลี่ยนเรื่อง

“ร้านนี้เงียบจังนะคะ” 

“ผมจองไว้ทั้งชั้นครับ...ทั้งวันด้วย” เขาตอบราวกับพูดว่า ‘วันนี้อากาศดีนะ’ 

“...ทั้งวันเลยเหรอคะ” 

“อืม ก็ไม่รู้ว่าจะคุยนานแค่ไหน” 

ฉันเม้มริมฝีปากเล็กน้อย

ถ้าอย่างนั้น…ฉันจะถามให้ชัดเจนตรงนี้เลย 

“คุณภูริคะ...” ฉันสูดลมหายใจลึก “ทำไมคุณถึงตกลงมาดูตัวครั้งนี้คะ?” 

เขามองฉันนิ่ง ๆ แวบหนึ่ง ก่อนจะ…ยิ้มอีก 

“แล้วคุณล่ะ?” เขาถามกลับแทนคำตอบ “ทำไมถึงยอมมา?” 

ฉันไม่ลังเล “เพราะครอบครัวค่ะ” 

เขาเลิกคิ้วน้อย ๆ 

“โรงสีของบ้านฉันมีปัญหา ถ้าการแต่งงานนี้จะช่วยให้มีเงินทุนหมุนเวียนกลับมา ฉันก็ยอม... และถ้าแต่งงานแล้วมันมีประโยชน์ ฉันก็จะทำค่ะ” 

ภูริพยักหน้าช้า ๆ สายตาเขาดูเหมือนกำลังประเมินอะไรบางอย่างในตัวฉัน แล้วก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ จนฉันไม่ทันตั้งตัว 

“ว่าแต่...ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะครับ ทำไมคุณถึงเรียกผมว่า ‘คุณภูริ’ อยู่ได้?” 

“...คะ?” 

“เมื่อก่อนเรียกผมว่า ‘พี่ภู’ ไม่ใช่เหรอ...น้องวี?” 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 15 คุณไอรีน

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นในตอนที่ฉันกำลังนอนงง ๆ อยู่บนเตียง หัวตึ้บ ร่างปวกเปียก และโลกทั้งใบหมุนวนเบา ๆ แบบไม่จบไม่สิ้น“วี ตื่นหรือยังลูก แม่เอาซุปแก้แฮงค์มาให้”“อื้อ...เข้ามาเลยค่ะ…”ประตูเปิดออก พร้อมกับกลิ่นหอมของซุปขิงลอยมาแตะจมูก แม่วางถาดไว้ข้างเตียง ฉันยันตัวลุกนั่งอย่างยากลำบาก“เมื่อคืน...วีกลับมาที่นี่ได้ยังไงคะ?” ฉันถามพลางขมวดคิ้ว “วี...จำไม่ค่อยได้เลย”“ก็คุณภูริน่ะสิ เป็นคนอุ้มวีมาส่ง” แม่พูดเรียบ ๆ พลางยกถ้วยซุปมาให้“หา?” ฉันแทบสำลักอากาศ“ใช่ อุ้มเข้ามาส่งถึงห้องนอนเลยล่ะ” แม่ส่ายหัวเบา ๆ “ดื่มน่ะแม่ไม่ว่าหรอกนะ แต่ต้องรู้จักพอประมาณเข้าใจไหมลูก”ฉันพึมพำอะไรไม่เป็นภาษาก่อนจะยกซุปขึ้นซด ในหัวเริ่มมีภาพบางอย่างแวบกลับมา…ฉัน...อยู่ในอ้อมแขนของเขาลืมตาขึ้นเบา ๆ เห็นใบหน้าเขาใกล้แค่คืบตอนนั้นฉัน...เอื้อมมือไปแตะหน้าเขา แล้วพูดว่า…“หล่อจัง… เห

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 14 ฉลองดีลร้อยล้าน

    วันถัดมา พี่พรมาบอกฉันแต่เช้าถึงเรื่องงานเลี้ยงบริษัทที่จะจัดเย็นนี้ ไม่ใช่งานสังสรรค์ของพนักงานทั่วไป แต่มันคืองานฉลองปิดดีลโครงการร่วมทุนมูลค่าหลายร้อยล้านบาท ที่บริษัทเพิ่งเซ็นสัญญาได้สำเร็จเมื่อไม่นานดีลใหญ่นี้หมายถึงการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมียมใจกลางกรุงเทพฯ ที่จะกลายเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของบริษัทในปีหน้า และที่สำคัญ เป็นดีลที่ภูริเป็นคนเจรจาด้วยตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบช่วงเย็น ระหว่างที่ฉันกำลังเก็บของลงกระเป๋า ภูริพูดกับฉันก่อนออกจากออฟฟิศว่า“คุณไปงานเลี้ยงกับผมนะ ถือว่าตอนนี้คุณก็เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทแล้ว”ฉันพยักหน้ารับ แต่รีบบอกต่อ“แต่ขอไม่ไปกับคุณดีกว่าค่ะ เดี๋ยวคนจะสงสัย ฉันไปกับพี่พรได้ไหม?”เขานิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเรียบ ๆ “ครับ ตามสบาย”เมื่อมาถึงร้าน ฉันนั่งกับพนักงานฝ่ายการตลาดกับแผนกบุคคล บรรยากาศสนุกและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ต่างจากโต๊ะของภูริที่ดูสุขุมเรียบร้อยแบบชนิดที่ฝ่ายบริหารทุกคนตรงนั้นนั่งตัวตรง พูดกันเบาๆ ราวกับกำลังนั่งอยู่ในห้องสัมภาษณ์ ไม่ใช่

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 13 เด็กฝึกงานเอนกประสงค์

    ผ่านไปหลายชั่วโมง ฉันยื่นแฟ้มงานที่ตรวจสอบเรียบร้อยให้กับชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน“เสร็จแล้วค่ะ”ภูริเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก่อนจะรับแฟ้มจากมือฉันไปเปิดดูทีละหน้า ฉันยืนรออย่างเกร็ง ๆ แม้จะมั่นใจว่าเช็กทุกอย่างอย่างละเอียดแล้ว แต่เมื่อเขาเป็นคนตรวจ…ฉันก็อดประหม่าไม่ได้ เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เขาปิดแฟ้มลงและพยักหน้าเบา ๆ“เรียบร้อยดีครับ ถูกต้องหมด”แค่ประโยคสั้น ๆ ก็ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนได้ถอนหายใจลึก ๆ เป็นครั้งแรกของวัน“ตั้งแต่พรุ่งนี้ คุณไปเรียนรู้ระบบงานกับแต่ละแผนกครับ”ภูริพูดเรียบ ๆ ระหว่างส่งแฟ้มงานให้ฉัน“ให้ครบทุกแผนก ฝ่ายละหนึ่งวัน จะได้เห็นภาพรวมว่าบริษัททำงานยังไง ตั้งแต่ระดับปฏิบัติการจนถึงการตัดสินใจระดับบริหาร”ฉันรับคำโดยไม่ลังเล ไม่ใช่เพราะกลัว...แต่เพราะรู้อยู่เต็มอกว่านี่คือโอกาสทอง ที่จะได้เก็บเกี่ยวให้มากที่สุดหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ฉันวนไปเรียนรู้งานกับทุกแผนกจริง ๆ ทั้งบัญชี การตลาด บุคคล ฝ่ายก่อสร้าง ฝ่ายจัดซื้อ และแม้กระทั่งทีมคอล เซ็นเตอร์ ที่ต้องรับมือกับลูกค้าทุกระดับ จดทุกอย่างลงสม

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 12 เด็กเส้น

    เช้าวันจันทร์ ฉันมายืนรอที่ล็อบบี้ของตึกสำนักงานสูงระฟ้าซึ่งมีโลโก้ของบริษัท TP พรอพเพอร์ตี้ ชื่อดังติดเด่นเป็นสง่าบริษัทหลักที่ภูริดูแลอยู่ นี่มันห่างไกลจาก ‘โรงสี’ ของบ้านฉันเกินไปหรือเปล่านะ? ฉันคิดในใจอย่างเหนื่อยใจนิด ๆอสังหา...มันจะไปเกี่ยวอะไรกับข้าวสารในกระสอบที่เราขายกันได้ล่ะ?แต่ก็นั่นแหละ โอกาสในการได้เรียนรู้จากคนเก่งอย่างภูริ...มันไม่ได้มีมาง่าย ๆ ฉันไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ และเอาเข้าจริง...ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนอย่างเขาบริหารบริษัทระดับนี้ได้ยังไงเสียงประตูลิฟต์ดังขึ้นพร้อมกับชายหนุ่มในสูทเทาเข้มก้าวออกมาด้วยท่วงท่าสงบ เยือกเย็น และดูดีจนสาว ๆ แถวนั้นแทบจะหายใจไม่ทั่วท้อง“มาแต่เช้าเลยนะครับ” ภูริพูดเรียบ ๆ ขณะเดินเข้ามาใกล้ “พร้อมหรือยัง?”“พร้อมค่ะ...แต่ขออย่างหนึ่ง” ฉันรีบเอ่ยก่อนจะเดินตามเขาไป “คุณอย่าบอกใครได้ไหมคะ...เรื่องที่ฉันเป็นคู่หมั้นของคุณ”เขาหยุดเดิน มองฉันนิ่ง ๆ ไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง“ทำไมครับ?”&

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 11 ตั้งใจมาหา

    คืนนั้นฉันนอนไม่หลับ...ความคิดวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา ทั้งภาพเหตุการณ์เมื่อวาน สีหน้าของภูริ คนร้ายที่พุ่งเข้าใส่เขา และความจริงที่ว่าศัตรูของเขา…อาจเป็นใครก็ได้และเมื่อฉันแต่งงานกับเขา…ไม่ว่าอยากหรือไม่ เราก็จะมีศัตรูคนเดียวกันโดยปริยายแค่คิดถึงสิ่งที่อาจรออยู่ข้างหน้า ก็เหมือนจะรู้สึกได้ถึงอายุขัยที่สั้นลงทีละวันแต่ตอนนี้ มีบางอย่างสำคัญกว่าให้ต้องจัดการสัญญาของคุณพิชิต…ฉันตัดสินใจเดินไปหาเขาในเช้าวันนั้น บรรยากาศในห้องทำงานของชายวัยกลางคนยังคงเงียบเชียบเหมือนเดิม เขานั่งอยู่ที่เก้าอี้ทำงานตัวเดิม ผมเริ่มแซมสีดอกเลาเป็นการบ่งบอกว่าอายุของเขาเพิ่มมากขึ้นแล้ว“ดิฉันอยากพูดเรื่องที่คุณรับปากไว้ค่ะ เรื่องการเปิดตัวในฐานะผู้บริหาร และฐานะลูกสาว”เขาเงยหน้าขึ้นจากเอกสารช้าๆ สีหน้าไม่แสดงอารมณ์อะไร“หึ...ดูรีบร้อนเสียจริงนะ”“ดิฉันทำหน้าที่ของดิฉันแล้วค่ะ” ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “หรือคุณชายจะเปลี่ยนใจ?”คุณพิชิตมอ

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 10 ไวเหมือนแมว [2/2]

    เสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้นท่ามกลางความโกลาหลของเหตุการณ์เมื่อครู่ ฉันหันกลับไปทันทีที่เห็นร่างของอาทิตย์เดินตรงมา พร้อมถุงกระดาษอาร์ตทอยในมือ “วี! เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” เขาถาม สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ “มีอุบัติเหตุน่ะ กล่องอะไรสักอย่างตกลงมา” ฉันตอบพลางชี้ไปยังพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่กำลังเก็บกวาด เขาขมวดคิ้วก่อนจะหันไปมองชายข้างกายฉันที่ยังยืนมองอยู่ใกล้ ๆ ด้วยท่าทางนิ่งขรึม “ไม่ทราบว่าคุณคือ...?” ภูริถามฉันด้วยเสียงเรียบ แต่ดวงตาคมจับจ้องอาทิตย์อย่างไม่ละสายตา “อ้อ…คุณภูริ นี่อาทิตย์ค่ะ” ฉันตอบพลางชี้แนะนำกลับไปอีกฝั่ง “อาทิตย์ นี่คุณภูริ” “สวัสดีครับ ผมเป็นเพื่อนของวี” อาทิตย์เอ่ยก่อน ยิ้มสุภาพ ภูริยกคิ้วเล็กน้อย “ครับ…ผมเป็นคู่หมั้นของเธอ” ฉันกะพริบตาช้า ๆ สังเกตบรรยากาศรอบตัวที่ดูอึดอัดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว อากาศเย็นในห้างก็เหมือนจะร้อนขึ้นฉับพลัน ตาสองคู่นั้นสบกันแบบนิ่ง ๆ นานเกินควร และถึงแม้จะไม่มีคำพูดหยาบ ไม่มีท่าทางก้าวร้าว แต่...ฉันสัมผัสได้ถึงแรงต้านบางอย่างที่มองไม่เห็น อาทิตย์เม้มปากแน่นเล็กน้อย ส่วนภูริก็ทำเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ อย่างไม่ใส่ใจ ฉันถอนหายใจในใจเบ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status