Home / โรแมนติก / วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม / ตอนที่ 8 ดูตัวกับจิ้งจอก  

Share

ตอนที่ 8 ดูตัวกับจิ้งจอก  

Author: MoonDust
last update Huling Na-update: 2025-05-21 19:00:40

ฉันตื่นก่อนนาฬิกาปลุก หัวสมองแล่นเหมือนคนเพิ่งวางแผนแทรกซึมเข้าองค์กรลับ…ทั้งที่วันนี้ ฉันต้องไปนั่งกินข้าวกับ ‘ว่าที่สามีในนาม’ ของตัวเอง

เอาเข้าจริง ฉันไม่เคยเตรียมตัวไปเดทเลยในชีวิต 

แต่เรื่อง ‘ภารกิจ’ น่ะ…ฉันเชี่ยวชาญ

และวันนี้ก็คือหนึ่งในภารกิจนั้น 

การดูตัวกับชายที่ถูกขนานนามว่า ‘จิ้งจอก’ แห่งวงการธุรกิจ

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ฉันสวมเดรสสีครีมจากตู้เสื้อผ้าของพลอยไพลิน จากนั้นก็หยิบนามบัตรที่พลอยไพลินยื่นมาให้เมื่อวันก่อน 

‘พี่ชิน เมคอัพอาร์ติสต์’ ช่างแต่งหน้าที่เหล่าเซเลบเรียกใช้งานมากที่สุดในรัศมีห้ากิโลเมตร

แน่นอน ฉันโทรไปนัดตั้งแต่เมื่อวาน และเขาตอบรับเพราะชื่อของ ‘พลอยไพลิน’ คือพาสเวิร์ดผ่านประตูสวรรค์

สถานที่คือร้านเสริมสวยหรูระดับพรีเมียม พอฉันเดินเข้าไป เขาก็หรี่ตาเล็กน้อยแล้วถาม

“คุณวราลีใช่ไหมคะ? โอ้โห หน้าสวยอยู่แล้ว แต่น้องพลอยสั่งมาให้ปังที่สุดเลยค่ะ วันนี้ต้องปังยืนหนึ่ง!”

ก่อนฉันจะได้อ้าปากตอบ พี่ชินก็ลากฉันไปที่เก้าอี้ แต่งหน้า ทำผม เซตลอน เสริมแสง แต่งคิ้ว ไฮไลต์แก้มจนฉันรู้สึกเหมือนกำลังถูกอัปเกรดเป็นเวอร์ชัน ‘โปรพลัส’

ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง พี่ชินก็หมุนเก้าอี้ให้ฉันเผชิญหน้ากับกระจก

ฉันตาโตขึ้นเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่

โอเค…ไม่คิดว่าเธอจะสวยได้ขนาดนี้นะ วราลี 

แก้มเนียน ดวงตากลมโตรับกับจมูกและริมฝีปากจิ้มลิ้มเข้ารูป เส้นผมสีน้ำตาลม้วนลอนอย่างมีคลาส ผิวผ่องแบบไม่ต้องพึ่งฟิลเตอร์

ฉันจ้องตัวเองในกระจกพลางยิ้มจาง ๆ

ตอนเป็นอลิสา ฉันไม่เคยต้องแต่งหน้าอะไรขนาดนี้ ชีวิตอยู่กับเหงื่อ กลิ่นดินปืน และภารกิจลับมากกว่ากระเป๋าแบรนด์เนมหรู

แต่ตอนนี้...ในร่างวราลี หญิงสาวที่สวยอยู่แล้วก็เหมือนถูกขัดเงาจนแวววาว

โอเค...ฉันพร้อมแล้ว

มาลองกันสักตั้งเถอะ...

ลุงชมเป็นคนขับรถไปส่งฉันที่โรงแรมหรูในเครือทรัพย์ไพศาลอนันต์ ทันทีที่ฉันก้าวเท้าเข้าสู่โถงล็อบบี้ของโรงแรม ฉันก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นน้ำหอมราคาแพงและการปรับอากาศที่เย็นกำลังดี แชนเดอเลียร์ขนาดมหึมาห้อยลงมาจากเพดานหรูระยับ แสงไฟอบอุ่นไล้ผิวเฟอร์นิเจอร์สีทองนวลอย่างบรรจง พื้นหินอ่อนขัดมันสะท้อนเงารองเท้าของฉันจนฉันเผลอก้มดูว่าเดินเหยียบอะไรผิดไปหรือเปล่า

นี่สินะ...โลกของพวกเขา

พนักงานต้อนรับหญิงในชุดยูนิฟอร์มสีกรมท่าดูเรียบแต่แพง รีบก้าวออกจากเคาน์เตอร์มาต้อนรับทันทีที่เห็นฉัน

“สวัสดีค่ะ คุณพลอยไพลินใช่ไหมคะ?”

ฉันพยักหน้าเล็กน้อย ไม่พูดอะไร

“ทางร้านอาหารบนชั้นรูฟท็อปได้เตรียมโต๊ะไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ เชิญทางนี้เลยนะคะ”

เธอยิ้มสุภาพแบบคนที่ผ่านการเทรนมาอย่างหนัก และเดินนำฉันไปยังลิฟต์แก้วที่ตกแต่งด้วยลวดลายทองประดับเล็ก ๆ พอให้รู้สึกเหมือนขึ้นลิฟต์ในปราสาทของเจ้าหญิง

ระหว่างทาง พนักงานอีกคนหนึ่งเดินตามมาถือกระเป๋าให้...โดยที่ฉันยังไม่ได้ร้องขอ

มืออาชีพจริง ๆ ... สมกับเป็นที่ของเขา

ขณะยืนอยู่ในลิฟต์ที่ค่อย ๆ ไต่ขึ้นสู่ชั้นบนสุด ฉันมองภาพกรุงเทพฯ ที่ค่อย ๆ เลื่อนลงต่ำด้านหลังผ่านกระจกใส

แม่น้ำเจ้าพระยาไหลทอดผ่านกลางเมือง ตึกสูงสลับซับซ้อนดูเหมือนโมเดลเลโก้ขนาดยักษ์

ดูตัวในสถานที่แบบนี้มันไม่ธรรมดาเลยนะ... แล้วคนที่ฉันจะเจอ จะธรรมดาได้ไหมล่ะ?

“ถึงแล้วค่ะ” พนักงานหญิงส่งยิ้ม ก่อนเปิดประตูกระจกบานสูงนำทางฉันเข้าสู่ห้องอาหารบนรูฟท็อป

เมื่อก้าวพ้นธรณีประตู ฉันก็ต้องหยุดชะงัก

ห้องอาหารทั้งชั้นถูกจัดไว้อย่างประณีต กระจกบานใหญ่ที่เผยให้เห็นวิวแม่น้ำระยิบระยับสะท้อนแสงอาทิตย์ยามกลางวัน ไม่มีแขกคนอื่น ไม่มีเสียงจอแจ มีเพียงเสียงเปียโนบรรเลงเบา ๆ จากลำโพงมุมห้อง

ร้านอาหารระดับนี้ ไม่มีแขกเลยสักคนเดียว?

ฉันมองรอบห้อง บรรยากาศสงบเกินเหตุ โต๊ะทุกตัวว่างเปล่า ยกเว้นโต๊ะริมกระจกที่พนักงานเชิญฉันไปนั่ง ก่อนเธอจะโค้งให้อย่างสุภาพ

“ขอให้คุณพลอยไพลินมีช่วงเวลาที่ดีนะคะ”

ฉันนั่งลง สูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามควบคุมสีหน้าให้สงบนิ่งเหมือนมืออาชีพในภารกิจสายลับ ทั้งที่ในใจคือ… 

ทำไมเงียบขนาดนี้เนี่ย!

ตอนนี้มีแค่ฉันคนเดียวที่นั่งอยู่ในพื้นที่ที่ควรใช้เลี้ยงแขกระดับรัฐมนตรีได้สักโหล

ฉันเช็กนาฬิกา อีกห้านาที… 

สามนาที… 

หนึ่งนาที…

แล้วประตูก็เปิดออก

ฉันหันไปตามเสียงรองเท้าหนังที่ก้าวเข้ามา ก่อนจะ…นิ่งค้าง

พระเจ้า…

ผู้ชายที่เดินตรงเข้ามาในชุดสูทเข้ารูปสีเทากราไฟต์เรียบหรูราวกับหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่นชื่อดัง

ร่างสูงโปร่งนั่น...มองด้วยตาเปล่าน่าจะราว ๆ 185 เซนติเมตร

ผิวเนียนขาวราวกับสกินแคร์ของเขาผสมทองคำ 

เส้นผมดำขลับถูกเสยขึ้นไปแบบเรียบเนี้ยบ

และที่สำคัญคือ ดวงตาคมกริบสีดำที่เหมือนมองทะลุทะลวงทุกอย่าง

นี่มันห่างไกลจากคำว่าน่าเกลียดมากนะ...

พนันได้เลยว่าตอนพระเจ้าปั้นเขา คงตั้งใจน่าดู

หล่อ…ไม่ใช่หล่อธรรมดา 

หล่อแบบ...ใครโกหกว่าน่าเกลียดจะโดนฟ้องได้

นั่นน่ะเหรอ...ภูริ? จิ้งจอก?

เขาเดินมาตรงหน้า หยุดอยู่แค่ไม่กี่ก้าว

“พลอยไพลิน?” เสียงเขานุ่ม ลึก และเรียบนิ่ง

ฉันลุกขึ้นยืน รับมือกับอาการค้างเล็กน้อย

“...สวัสดีค่ะ” ฉันพยายามตอบกลับด้วยเสียงที่มั่นคงที่สุด

เขายิ้มเล็กน้อย “สวัสดีครับ...ดีใจที่ได้เจอ”

เรานั่งลง พนักงานเข้ามารับออเดอร์ ฉันจิ้มสั่งสเต๊กที่เป็นชื่อแรกบนเมนู เขาสั่งไวน์และเนื้อริบอายสเต๊กด้วยท่าทางเคยชิน

เรานั่งเงียบกันอยู่พักใหญ่ ฉันไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงดี จึงตัดสินใจ…ยิงตรงก่อน

“เอ่อ…ก่อนอื่น ฉัน…ไม่ใช่พลอยไพลินค่ะ”

ภูริเงยหน้าขึ้นจากการรินไวน์พอดี แววตาของเขาไม่แม้แต่จะสะทกสะท้าน

“ผมรู้”

ฉันชะงักไปครู่หนึ่ง “รู้…?”

“อืม” เขาพยักหน้านิ่ง ๆ สีหน้าไม่มีความแปลกใจแม้แต่น้อย

“คนอย่างพลอยไพลินไม่มีวันยอมมาเจอผมเองหรอกครับ” เขาว่าพลางยิ้มมุมปาก ราวกับรู้อยู่แล้วว่าวันนี้ฉันจะมานั่งตรงนี้ ไม่ใช่พลอยไพลินคนที่ทุกคนคิดว่าเป็นเจ้าสาวในแผน

“งั้น…ทำไมคุณถึงยังมา?” ฉันถามอย่างไม่อ้อมค้อม

เขาเงยหน้าขึ้นสบตาฉัน รอยยิ้มบางคลี่ที่มุมปาก พร้อมคำตอบที่เรียบง่าย แต่ทำเอาฉันชะงักอีกครั้ง

“เพราะอยากเจอ”

สั้น...ง่าย...แต่น่ากลัวเพราะไม่มีคำขยาย

อยากเจอเพราะอะไร? เพราะเขารู้ว่าฉันไม่ใช่พลอยไพลิน? หรือเพราะอะไรที่มากกว่านั้น?

ฉันพยายามควบคุมสีหน้าแล้วเปลี่ยนเรื่อง

“ร้านนี้เงียบจังนะคะ”

“ผมจองไว้ทั้งชั้นครับ...ทั้งวันด้วย” เขาตอบราวกับพูดว่า ‘วันนี้อากาศดีนะ’

“...ทั้งวันเลยเหรอคะ”

“อืม ก็ไม่รู้ว่าจะคุยนานแค่ไหน”

ฉันเม้มริมฝีปากเล็กน้อย

ถ้าอย่างนั้น…ฉันจะถามให้ชัดเจนตรงนี้เลย

“คุณภูริคะ...” ฉันสูดลมหายใจลึก “ทำไมคุณถึงตกลงมาดูตัวครั้งนี้คะ?”

เขามองฉันนิ่ง ๆ แวบหนึ่ง ก่อนจะ…ยิ้มอีก

“แล้วคุณล่ะ?” เขาถามกลับแทนคำตอบ “ทำไมถึงยอมมา?”

ฉันไม่ลังเล “เพราะครอบครัวค่ะ”

เขาเลิกคิ้วน้อย ๆ

“โรงสีของบ้านฉันมีปัญหา ถ้าการแต่งงานนี้จะช่วยให้มีเงินทุนหมุนเวียนกลับมา ฉันก็ยอม... และถ้าแต่งงานแล้วมันมีประโยชน์ ฉันก็จะทำค่ะ”

ภูริพยักหน้าช้า ๆ สายตาเขาดูเหมือนกำลังประเมินอะไรบางอย่างในตัวฉัน แล้วก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ จนฉันไม่ทันตั้งตัว

“ว่าแต่...ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะครับ ทำไมคุณถึงเรียกผมว่า ‘คุณภูริ’ อยู่ได้?”

“...คะ?”

“เมื่อก่อนเรียกผมว่า ‘พี่ภู’ ไม่ใช่เหรอ...น้องวี?”

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนพิเศษ 2 ครั้งหนึ่งเคยเจอกัน

    เลือดอุ่น ๆ ไหลผ่านแผลที่หน้าท้อง เปื้อนเสื้อพรางจนไม่รู้ว่าสีจริงของมันเป็นสีอะไรกันแน่อลิสากัดฟันแน่น พิงตัวกับโขดหินในป่ารก หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ“บ้าเอ๊ย…ล่อพวกเราเข้าไปตายชัด ๆ”เสียงปืนที่เคยดังสนั่นเมื่อชั่วโมงก่อนยังดังก้องอยู่ในหัวเธอจำภาพตอนที่ลูกทีมคนหนึ่งล้มทั้งยืนได้ชัด คำสั่งล่าถอยถูกขัดจังหวะด้วยระเบิดแรงสูง และหลังจากนั้น...ก็ไม่มีเสียงของใครอีกเลย นอกจากลมหายใจตัวเอง ตอนนี้เธอหนีมาไกลหลายกิโลเมตรจากจุดที่ปะทะครั้งสุดท้ายอลิสาขยับตัวอีกนิด ร่างกายประท้วงทันทีด้วยความเจ็บและเหนื่อยล้าเธอแตะวิทยุสื่อสารที่อยู่ด้านในเสื้อ...ไร้สัญญาณไม่มีเสียงตอบ ไม่มีอะไรนอกจากเสียงของลมกับนก“ฉันต้องไม่ตายที่นี่…ฉันจะไม่ตายในป่าเงียบ ๆ แบบนี้แน่”เธอเริ่มคลานต่อ มือจับปืนไว้แน่นข้างตัว ทุกย่างก้าวคือการต่อรองกับความอดทน ภาพรอบตัวเริ่มเบลอจากเลือดที่เสียไป แต่สัญชาตญาณยังผลักให้เธอไปข้างหน้าจนกระทั่ง...เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นกร๊อบ...กร๊อบ...เสียงกิ่งไม้หัก เสียงเท้าเดินบนพื้นใบไม้ชื้น เสียงนั้นเบา แต่ไม่เบาพอจะรอดหูของเธอไปได้ อลิสากระชับปืน ปรับทิศสายตาดึงพลังเฮือกสุดท้ายให้

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนพิเศษ 1 ความอดทนของสามี

    ช่วงนี้ภูริรู้ตัวว่า…เขากำลังเข้าสู่โหมด ‘กลั้นใจ’ เต็มรูปแบบเพราะตั้งแต่แต่งงานกันมา พูดกันตรง ๆ เลยว่าเขาก็หื่น แต่หื่นแบบ รักมาก หลงมาก มองเมียทีไรก็อยากกระโจนใส่ทุกครั้งแต่ใช่ว่าวราลีจะไม่รู้ เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอหันมามองเขาตอนเช้าแล้วพูดเสียงอ่อนว่า“พี่ภูคนดีคนเดิมหายไปไหน…”พร้อมทำตาแป๋ว ๆ นอนกอดผ้าห่มอยู่บนเตียง ในขณะที่เขายืนใส่กางเกงนอนอยู่ข้างหน้า…“ทำไมเหลือแต่คนหื่น…”แค่คำนั้นคำเดียว ทำเอาเขารู้สึกเหมือนหมาตัวโต ๆ ที่โดนตีหัวเบา ๆ ด้วยไม้เรียวเมียตั้งแต่นั้นมา เขาก็พยายาม ‘เป็นคนดีคนเดิม’ ไม่รุก ไม่ปล้ำ ไม่ซุกซนยามดึกแม้จะนอนเตียงเดียวกันทุกคืน…แม้จะได้เห็นเธอใส่ชุดนอนสายเดี่ยวตัวหลวมที่ชอบหล่นจากไหล่ แม้จะมีบางคืนที่เธอเอาขามากอดเขาทั้งตัว…แต่เขาก็อดทนคืนแรก…เขาหันหลังให้คืนที่สอง…เขาเปิดพอดแคสต์วิธีฝึกสมาธิก่อนนอนคืนที่สาม…เขาสวดบทภาวนาขอพรจากจักรวาลให้เขาผ่านคืนนี้ไปได้แต่แล้วก็…คืนนี้...เขาเห็นวราลีก้มลงหยิบของจากพื้น โดยที่เสื้อยืดคอกว้างเผยให้เห็นเนินอกอิ่มเต็มตา เสี้ยววินาทีนั้นเขาเหมือนโดนตบหน้าโดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งขอพรไป“อดทนไว้ภูริ…อดทนเพื

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   บทส่งท้าย

    เสียงเพลงบรรเลงแผ่วเบาดังคลอภายในโบสถ์หินอ่อนที่ประดับด้วยดอกไม้โทนขาวครีมและเขียวอ่อน สะอาดตาและอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก แสงแดดจากหน้าต่างกระจกสีที่สูงจรดเพดานสาดลงมาอย่างอ่อนโยนราวกับพระเจ้ากำลังอวยพรฉันยืนอยู่หลังประตูไม้ของโบสถ์ ลมหายใจตื่นเต้นจนต้องกลั้นเอาไว้ มือแน่นิ่งอยู่ในอ้อมแขนของคุณพิชิตผู้เป็นบิดา ที่วันนี้มารับหน้าที่จูงฉันเข้าไปในโบสถ์“พร้อมไหม” เขาถามเสียงเบาฉันพยักหน้า กลั้นยิ้มอย่างเกร็งนิด ๆ“พร้อมค่ะ”ประตูโบสถ์เปิดออก เสียงเปียโนท่อนแรกของ Canon in D ดังขึ้นทุกสายตาหันมามองฉันในชุดเจ้าสาวสีงาช้างที่ตัดเข้ารูปอย่างสง่างาม ผ้าคลุมยาวลากพื้นพลิ้วไหวตามจังหวะก้าวเดินคุณหญิงสมศรียิ้มกว้างสุดหัวใจ น้ำตาคลอจนต้องยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดบ่อยครั้ง แต่ไม่วายหันไปกระซิบกับนาลันว่า“สวยเหมือนย่าตอนสาว ๆ เลยใช่ไหมล่ะ”นาลันหัวเราะเบา ๆ ยกนิ้วโป้งให้ฉันแทนคำชม ข้าง ๆ เธอ ภาวินท์และชนกันต์ยกกล้องขึ้นถ่ายช็อตสำคัญไม่หยุด ส่วนพลอยไพลินที่นั่งเงียบ ๆ อยู่ข้างแม่ฉัน ก็ยิ้มบา

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 46 ฤกษ์ดี

    แสงเจิดจ้าระยิบระยับจากแชนเดอเลียร์หรูหราขนาดใหญ่ภายห้องโถงใหญ่ในโรงแรมระดับห้าดาวกลางใจเมืองดูจะแพ้แสงแฟลชจากเหล่ากล้องสื่อมวลชนที่เข้าประจำการตั้งแต่เช้า ด้านหน้าตึกแน่นขนัดไปด้วยผู้คน ทั้งสื่อ นักข่าว แขกผู้มีเกียรติ และหุ้นส่วนธุรกิจจากทั่วเอเชียที่ต่างเดินทางมาเพื่อร่วมเป็นพยานในวันสำคัญของ ‘ภูริ ทรัพย์ไพศาลอนันต์’ข่าวการขึ้นรับตำแหน่งผู้นำสูงสุดของ TP กรุ๊ป ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนผ่านภายในตระกูล แต่คือ ‘เหตุการณ์ระดับชาติ’ สำหรับวงการธุรกิจสื่อทุกแขนงถ่ายทอดสด บรรยายตื่นเต้นราวกับกำลังดูฟุตบอลนัดชิง พาดหัวข่าวเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วทั้งคำว่า‘ทายาทหมื่นล้านเปิดตัวอย่างสง่างาม’‘ภูริ ผู้นำอาณาจักรทรัพย์ไพศาลอนันต์สู่อนาคตใหม่’หรือแม้แต่ ‘จับตา! ยุคใหม่ของ TP กรุ๊ปจะไปทางไหนเมื่ออยู่ภายใต้ผู้นำคนใหม่’แต่ในห้องรับรองชั้นบนสุดของตึก…โลกทั้งใบของภูริกลับเงียบงัน มีเพียงเสียงสูดหายใจลึก ๆ ของเขา กับมือเล็ก ๆ ที่กำลังช่วยจัดปกสูทให้เข้าที่“แน่ใจเหรอครับว่าพี่ไม่ดูต

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 45 ยิ้มกว้าง

    เสียงเครื่องวัดชีพจรเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอในห้องสีขาวสะอาดตาฉันรู้สึกถึงความเย็นของผ้าปูเตียง และกลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ ลอยเข้าจมูกเมื่อค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ภาพแรกที่เห็นคือเพดานโรงพยาบาล และแสงแดดอ่อนยามเช้าส่องลอดผ้าม่าน“ฟื้นแล้วเหรอครับ ลูกพี่”เสียงคุ้นเคยดังขึ้นข้างเตียง ก่อนที่ใบหน้าของชนกันต์จะโผล่เข้ามาในสายตาฉันพยายามยันตัวขึ้น เขารีบช่วยประคองทันที“ใจเย็นครับ เพิ่งได้สติไม่ถึงชั่วโมงเอง”ฉันยิ้มบาง พลางหลุบตาลง“…เรา…ชนะแล้วเหรอ?”ชนกันต์พยักหน้า“ครับ พวกผมเข้าเคลียร์พื้นที่ทั้งหมดหลังเสียงปืนนัดสุดท้าย ฝ่ายเราเข้าควบคุมโกดังได้หมดแล้ว พวกของจงเหวินที่เหลือถูกจับเรียบ พร้อมของกลางเป็นอาวุธเถื่อนล็อตใหญ่…ตอนนี้เป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศเลยล่ะครับ”ฉันถอนหายใจยาว ความโล่งอกแล่นวาบไปทั่วร่างแม้จะยังอ่อนแรง“แล้ว…ภูริล่ะ?”ชนกันต์ยิ้ม“ห้องตรงข้ามนี้เองครับ พักฟื้นอยู่เหมือนกัน ผมว่าจะไปเยี่ย

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 44 ปิดฉาก

    สายตาฉันเหลือบไปเห็นมอเตอร์ไซค์อีกคันนอนตะแคงอยู่ข้างถนน ห่างออกไปไม่ถึงสิบเมตร...คันนั้นยังดูใช้งานได้ฉันกัดฟันแน่น ฝืนพาร่างตัวเองที่เต็มไปด้วยรอยถลอกลุกขึ้นยืน มือขวากำปืนไว้แน่น ส่วนมือซ้ายลากขาเปื้อนเลือดค่อย ๆ พาตัวเองไปยังมอเตอร์ไซค์“ฟื้นตัวให้ไวนะ…ฉันยังต้องลุยต่อ” ฉันบ่นกับตัวเอง ขณะยกรถขึ้นและลองบิดเครื่อง เสียงเครื่องยนต์คำรามเบา ๆ ขึ้นมาทันทีราวกับตอบรับฉันคว้าหมวกกันน็อกเก่า ๆ ใบหนึ่งที่แขวนอยู่ข้างเบาะ สวมมันอย่างรวดเร็ว แล้วบิดคันเร่งออกตัว บนถนนที่เริ่มว่างเปล่า เป้าหมายของฉันคือ...ลินามือข้างหนึ่งของฉันล้วงเครื่องมือสื่อสาร พยายามติดต่อหาชนกันต์ด้วยเสียงหอบแฮก[ลูกพี่!?] ในที่สุดชนกันต์ก็ตอบกลับมาเสียที ฉันถอนหายใจโล่ง“กันต์…พวกมันได้ตัวพี่ภูไปแล้ว!” ฉันเร่งเสียง “ฉันติดเครื่องติดตามไว้ในเสื้อเขา ส่งพิกัดที่ได้มาให้ฉันด่วน!”[เวรเอ๊ย! พวกมันรู้ได้ยังไง!?] เขาสบถ [เดี๋ยวส่งพิกัดให้ภายในสิบวินาที]ฉันตัดสายไป แล้วเร่งเครื่องอย่างเต็มแรงฝ่าเส้นทางสลับซ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status