ครั้นกล่าวจบ เขาก็หยิบกุญแจดอกหนึ่งออกมา วางลงบนฝ่ามือของเจียงซุ่ยฮวนอย่างเคร่งขรึมเจียงซุ่ยฮวนเอ่ยถามว่า “กุญแจอะไรหรือ”“กุญแจคลังสมบัติ ตั้งแต่นี้ไป เจ้าเป็นนายหญิงแห่งคลังนี้แล้ว” กู้จิ่นจ้องตานาง เอื้อนเอ่ยอย่างจริงจังนางรีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่ได้! สิ่งนี้ล้ำค่ายิ่งนัก!”สิ่งของในคลังล้วนล้ำค่าเหนือคำประมาณ หากพลาดพลั้งทำเสียหาย นางจะเอาสิ่งใดมาชดใช้ได้เล่า!กู้จิ่นเห็นท่าทางตื่นตระหนกของนาง จึงประคองมือนางไว้ด้วยความอ่อนโยน แล้วโน้มกายจุมพิตอย่างนุ่มนวลรสจูบแผ่วเบายืดยาว กู้จิ่นกล่าวเสียงนุ่ม “เช่นนั้นก็ขอมอบให้เจ้าดูแล”“ในภายภาคหน้า คลังนี้จักเป็นของชายาข้า ดังนั้นเจ้าต้องดูแลรักษาไว้ให้ดี”เจียงซุ่ยฮวนรับกุญแจมาเก็บไว้ “ก็ได้ เช่นนั้นข้ายอมลำบากเก็บรักษาไว้ให้ท่านช่วงหนึ่งแล้วกัน”“ขอบใจเจ้ามาก อาฮวน” กู้จิ่นลูบศีรษะนางเบา ๆ “ข้าจำต้องไปแล้ว”นางเอ่ยถามด้วยใจอาวรณ์ “ต้องไปวันนี้จริงหรือ”“เวลาเร่งรัด ยากจะถ่วงรั้งได้” กู้จิ่นลูบเส้นผมนางเบา ๆ “อาฮวน รอจนเรื่องทุกสิ่งคลี่คลาย ข้าจักอยู่ข้างเจ้าไม่ห่าง”“จริงหรือ” เจียงซุ่ยฮวนเอียงศีรษะถาม “ไม่ว่าเราจะทำสิ่งใด ท่านจะ
“แคว้นเหลียงตูตูนั้นอำนาจแข็งแกร่ง แต่วังหลวงกลับซับซ้อนยิ่งนัก ข้าจำต้องปักหลักมั่นคงในแคว้นเฟิ่งซีเสียก่อน จึงจะสามารถก้าวสู่แผนการถัดไปในแคว้นเหลียงตูได้”“เมื่อใดที่ข้าขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งเหลียงตูโดยสมบูรณ์ ข้าจักนำทัพไปกวาดล้างต้าเหยียนด้วยมือของตนเอง”น้ำเสียงของกู้จิ่นเรียบนิ่ง ทว่าแฝงไว้ด้วยเจตนาสังหารอันเย็นยะเยือกเจียงซุ่ยฮวนเงียบงันไปชั่วครู่ ก่อนโผเข้ากอดคอกู้จิ่น “หรือว่า...ให้ข้าไปกับท่านด้วยดีหรือไม่”กู้จิ่นแค่นหัวเราะขื่น “อาฮวน เส้นทางสายนี้ทั้งยากลำบากและไกลโพ้น เจ้าจะต้องเหนื่อยนัก”“มิเป็นไร ข้ามิหวั่นเหน็ดเหนื่อย” เจียงซุ่ยฮวนจ้องเขาแน่วแน่เขาถอนใจ “แล้วเสี่ยวถังหยวนเล่าจะทำเยี่ยงไร”เจียงซุ่ยฮวนมิอาจตอบคำถามนี้ได้ เสี่ยวถังหยวนยังเยาว์วัย ไม่อาจทนต่อการเดินทางอันเหนื่อยล้า หากให้อยู่ในเมืองหลวงนางก็เป็นห่วงมิใช่น้อย สุดท้ายก็จำต้องตัดใจจากความคิดนี้ครู่หนึ่งแสงสว่างสีขาวก็ส่องมาจากปลายทางอุโมงค์ลับ เจินเป่าเก๋อกำลังจะถึงแล้วเจียงซุ่ยฮวนโอบกู้จิ่นแน่น ยามคิดว่าอีกนานนักกว่าจะได้พบเขาอีก ใจของนางดุจมีสิ่งใดมาจุกแน่น รู้สึกหดหู่ยิ่งนักกู้จิ่นเองก็กอดน
“ไม่คาดคิดเลยว่า หลังจากที่ข้าเปิดดูโดยมิได้ตั้งใจ แต่กลับพบว่าบนม้วนหนังสือนั้นไม่มีแม้แต่ตัวอักษรสักตัวเดียว เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้”กู้จิ่นนิ่งงันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “โยนมันทิ้งเสียเถิด นั่นเป็นเพียงมายาบังตา ม้วนหนังสือตัวจริงได้ถูกย้ายไปแล้ว”เจียงซุ่ยฮวนชะงักงัน ม้วนหนังสือในมือร่วงหล่นลงสู่พื้นนางตั้งสติได้ในไม่ช้า แล้วเอ่ยถามด้วยความไม่อาจเชื่อ “ท่านจงใจวางเพลิงอย่างนั้นหรือ”“อืม” กู้จิ่นพยักหน้า “เป็นข้าลงมือวางเพลิงด้วยตนเอง”“เหตุใดหรือ” เจียงซุ่ยฮวนเอ่ยอย่างเจ็บใจ วังอันงามสง่ากลับถูกเผาวอดไปในเวลาเพียงชั่วครู่ เช่นนี้ต้องสูญเสียเงินทองไปเท่าใดกันทว่าเงินทองเหล่านี้ สำหรับกู้จิ่นแล้วหาใช่สิ่งสำคัญไม่ เขาจ้องลึกลงไปในดวงตาของเจียงซุ่ยฮวน แล้วเอ่ยเสียงแผ่วเบา “อาฮวน ข้าจักต้องออกจากเมืองหลวงอยู่สักระยะหนึ่ง”“ช่วงนี้มีเรื่องที่ต้องทำมากมายนัก แม้ข้าจะวางแผนไว้แล้ว แต่ก็หาได้มีโอกาสบอกเจ้าไม่ อีกทั้งแผนยังถูกเร่งให้เร็วขึ้น ข้าจึงจำต้องลอบทำก่อนแล้วจึงแจ้งให้เจ้าทราบ”เจียงซุ่ยฮวนก้มหน้าลง น้ำเสียงแผ่วเบาไร้ซึ่งอารมณ์ “ท่านจะไปที่ใดหรือ”“แคว้นเฟิ่งซี” กู้จิ่น
จวนองค์ชายเป่ยโม่ที่ครั้งหนึ่งเคยงดงามยิ่งใหญ่ บัดนี้กลายเป็นหม้อนึ่งขนาดมหึมา ห่อหุ้มเจียงซุ่ยฮวนไว้ภายในอากาศแสนร้อนระอุแม้เจียงซุ่ยฮวนจะเทน้ำทั้งถังรดใส่ตัว แต่ในอุณหภูมิเช่นนี้ น้ำก็ระเหยหมดสิ้นอย่างรวดเร็วนางวิ่งไปยังประตูห้องหนังสืออย่างไม่เกรงกลัว ห้องหนังสือมีเปลวไฟโหมโรงสูงเสียดฟ้า เหลือเพียงบานประตูเดียวที่ไม่ถูกไฟโหมกลืนกินประตูไม้สีดำมืดมิด เหมือนปากอ้ากว้างของสัตว์ป่า ขวางอยู่ตรงหน้านางดูเหมือนหากเพียงบุกเข้าไป ก็จะถูกสัตว์ป่ากลืนกินจนหมดสิ้นเจียงซุ่ยฮวนหยุดชั่วพริบตา หลังจากสะสมแรงในเวลาสั้น ๆ นางก็เตะประตูห้องหนังสือเปิดออกเมื่อไฟลุกโหมถึงเพียงนี้ แม้ประตูไม้จะหนาแน่นแข็งแรงเพียงใด ก็กลายเป็นสิ่งที่อ่อนแอไม่อาจต้านทานได้นางก้าวเท้าเข้าสู่ห้องหนังสือ ชายกระโปรงปลิวผ่านเปลวไฟที่กรอบประตู ในพริบตาก็ม้วนงออ่อนขึ้นในห้องหนังสือเต็มไปด้วยควันหนาทึบ เจียงซุ่ยฮวนถูกควันรมจนแทบลืมตาไม่ได้ นางใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากจมูก ค้นหากู้จิ่นในห้องหนังสือห้องหนังสือใหญ่มาก นางก้มตัวค้นหาไปทั่ว แต่กลับหากู้จิ่นไม่พบได้ยินทหารรักษาการณ์บอกว่ากู้จิ่นกำลังพักผ่อนในห้องหนังสือ
ฉู่เฉินตกใจจนถึงกับลืมกระสอบที่อุ้มอยู่ในอ้อมแขน รีบเร่งเอาไปยัดในมุมอย่างร้อนรน แล้วจึงติดตามเจียงซุ่ยฮวนไปพร้อมกับองครักษ์สี่คน วิ่งตรงไปยังจวนอ๋องจางรั่วรั่วก็อยากจะไปด้วย แต่ถูกองครักษ์ลับที่เหลืออยู่ขัดขวางไว้ "คุณหนูจาง ที่นั่นอันตราย ข้าต้องส่งคุณหนูกลับไปก่อน""แต่ซุ่ยฮวนไปแล้วนะ!" จางรั่วรั่วร้อนใจจนเอาเท้ากระแทกพื้น "วันนี้นางช่วยข้าไว้ ข้าจะนั่งมองดูนางไปตายเฉยๆ ไม่ได้!"แม้นางจะไม่เต็มใจเพียงใด ก็ยังถูกองครักษ์ลับส่งกลับไปยังจวนไท่ซือจวนองค์ชายเป่ยโม่เกิดไฟไหม้ ฝูงชนที่มาดูมากมายนับไม่ถ้วนเจียงซุ่ยฮวนฝ่าฝูงชนชั้นแล้วชั้นเล่า ในที่สุดก็ออกมาจากฝูงชนได้ที่ระยะห่างจากจวนอ๋องประมาณยี่สิบกว่าเมตรจวนองค์ชายเป่ยโม่ไม่ไกลนัก กำลังลุกโชนด้วยเปลวเพลิงลูกใหญ่ แม้องครักษ์หลายร้อยนายจะช่วยกันดับไฟ แต่ก็ยังดับไม่ได้ยิ่งเข้าใกล้ ควันหนาก็ยิ่งแสบจมูกฉู่เฉินปิดปากและจมูกไว้ แล้วจับองครักษ์ที่ถือถังน้ำอยู่คนหนึ่งถามว่า "เกิดอะไรขึ้น จวนองค์ชายเป่ยโม่มีคนใช้มากมาย ทำไมถึงเกิดไฟไหม้ใหญ่พึงเพียงนี้"องครักษ์เหนื่อยจนเหงื่อไหลเต็มหัว กล่าวว่า "ฤดูหนาวอากาศแห้ง ไม้ในเรือนฟืนลุกไหม้
เจียงซุ่ยฮวนโบกมืออย่างเหนื่อยหน่าย "เอาไปเถอะ ไม่เอาก็เสียดาย"การเดินทางครั้งนี้ลำบากยากเข็นพึงเพียงนี้ ก็ควรจะได้อะไรติดมือไปบ้างฉู่เฉินดึงกระสอบใบใหญ่ออกมาจากแขนเสื้อ ขณะเก็บของบนพื้นใส่กระสอบ ก็พูดอย่างมีความสุขว่า "กลับไปหลอมทองพวกนี้ แล้วซื้อของขวัญวันเกิดให้เจ้าเก้า"เมื่อได้ยินคำพูดนี้ แม้เจียงซุ่ยฮวนจะโกรธแค่ไหน ก็หายไปหมดสิ้นฉู่เฉินเก็บของบนพื้นใส่กระสอบจนหมด แล้วแบกกระสอบขึ้นกล่าวว่า "ไปกันเถอะ!""วันนี้ทุกคนลำบากกันนัก กลับไปข้าจะให้อั่งเปาทุกคน!"ทุกคนออกจากป่าช้าร้าง แล้วนั่งรถม้ากลับไปตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำ เจียงซุ่ยฮวนไม่ได้นอนเกือบสองวันสามคืน เมื่อนั่งในรถม้าก็ง่วงจนแทบลืมตาไม่ขึ้นฉู่เฉินกับจางรั่วรั่วหมดสติไปสักพัก เลยมีแรงมาก นั่งกระซิบกระซาบกันอยู่ ปรึกษากันว่าจะซื้อของขวัญวันเกิดอะไรหลังจากรถม้าเข้าสู่เมืองหลวง บรรยากาศรอบข้างก็เริ่มพลุกพล่านเจียงซุ่ยฮวนกำลังหลับตาพักผ่อน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนข้างรถม้าว่า "เกิดเพลิงไหม้!"นางง่วงจนมึนงง แม้เสียงจะอยู่ใกล้ๆ แต่ก็เหมือนลอยมาจากขอบฟ้าแรกๆ นางคิดว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ จึงไม่ได้ลืมตาขึ้น