Share

บทที่ 4 การเกิดของฉัน

บทที่ 4

การเกิดของฉัน

ฉ ั

นลืมตามาดูโลกก่อนเที่ยงคืนไม่นานในโลกที่เสียงดัง เย็นชา และสว่างไสว พูดตามตรงว่าฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าครรภ์ที่มืดมิดแต่อบอุ่น และเปี่ยมด้วยความรักของแม่นั้นจะถูกแทนที่ด้วยความโกลาหล ความหนาวเย็น ความสับสน และเสียงอึกทึกของโลก โลกที่ฉันอาศัยอยู่เป็นเวลา 85 ปี ไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลยหลังจากที่ฉันเกิดมา พร้อมกับลมหายใจแรกของฉันนั้น อนัตตา ก็ถือกำเนิดมาด้วยเช่นกัน และเธอก็จะอยู่กับฉันไปตลอด การเดินทางผ่านของชีวิต  ต่างจาก โพธิผู้ดำรงอยู่ใน “หัวใจ” แต่อนัตตาจะดำรงอยู่ใน “จิตและกาย” ซึ่งตอนนั้นฉันไม่รู้อะไรเลย รู้เพียงแค่ว่าอนัตตามีอิทธิพลต่อฉันอย่างมากตลอดทั้งชีวิตของฉัน

อันที่จริงแล้ว ตามที่ฉันได้ค้นพบในวันนี้ อนัตตา ไม่เพียงแค่ครอบครองชีวิตฉันเท่านั้น แต่เธอทำมันได้อย่างสมบูรณ์แล้วด้วย ทุกสิ่งที่ฉันทำตลอดชีวิตถูกกำหนดโดยความปรารถนาของเธอ จนวันนี้ วันที่ฉันกำลังจะลาจากโลกนี้ไป  ฉันแทบไม่ได้ยินเสียงของ โพธิ อีกเลย คำแนะนำของเขาที่บริสุทธิ์และเข้าใจง่ายตั้งแต่ก่อนฉันเกิด บัดนี้ได้สงบลงแล้ว มันถูกซ่อนอยู่ภายในใจของฉัน และรอคอยการอนุญาตจากฉันเพื่อทำให้มันปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งฉันและคนอื่นๆอีกมากมายไม่เคยอนุญาติเลย ดังนั้นเขาจึงอยู่อย่างเงียบๆโดยหวังว่าฉันจะรู้ว่าเขาอยู่ตรงนั้นเสมอเพื่อรอช่วยฉัน ทั้งหมดที่ฉันต้องทำเพื่อเรียกเขาออกมาคือนั่งบนเก้าอี้ที่สบาย หลับตา ปล่อยใจให้ว่าง "ฟัง" เสียงเขาอย่างเงียบๆ ถึง แม้ว่าฉันจะไม่เคยนั่งสมาธิ หรือแม้แต่ได้พยายามแล้วก็ตาม ฉันก็ไม่คิดว่าจะได้ยินเสียงเขา ฉันใช้เวลาทั้งชีวิตหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดทางอารมณ์ที่เกิดจากการใช้ชีวิตในโลกที่โหดร้าย ฉันแค่กลัวเกินกว่าจะลอง

ฉันจำอะไรไม่ได้มากที่เกี่ยวกับช่วงสองสามปีแรกของชีวิต เพราะฉันเอาแต่นอน แต่เมื่อตื่นขึ้น ทุกอย่างจะเป็นเรื่องใหม่และน่าตื่นเต้นเสมอ พ่อแม่ของฉันเป็นคนที่งานยุ่งมากและไม่ได้ใช้เวลากับฉันมากนัก ฉันมีพี่เลี้ยงชื่อโรซ่า ซึ่งจะคอยเปลี่ยนผ้าอ้อม ป้อนข้าว และอุ้มฉันไว้ตอนที่ฉันกำลังร้องไห้ ฉันเป็นลูกคนเดียวของพ่อกับแม่แม้ว่าเราจะเลี้ยงแมวและสุนัขด้วยก็ตาม ฉันชอบพวกมันมากเพราะพวกมันจะเล่นกับฉัน และฉันก็คงสกปรกมากเพราะจำได้ว่าพวกมันจะเลียฉันตลอดเวลาเพื่อให้ฉันสะอาด

แม้ว่าฉันจะไม่รู้เรื่องนี้ในตอนนั้น แต่พ่อแม่ของฉันก็ร่ำรวยและ ประสบความสำเร็จ ในชีวิตมาก ที่บ้านจะมีเสียงดังอยู่เสมอเพราะพ่อแม่ของฉันรู้จักคนมากมายและมักจะมีงานเลี้ยงใหญ่ที่บ้านของเรา

ในช่วงห้าปีแรกของชีวิตมีอะไรให้เรียนรู้มากมายเท่าไรนัก แต่ฉันก็เรียนรู้จากการดูพ่อแม่ เพื่อนฝูง พี่เลี้ยง ภาพยนตร์ในทีวี และเกมบนแท็บเล็ตสำหรับเด็กๆ ซึ่งทำให้ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับโลกภายนอกบ้านด้วย ฉันได้เห็นว่าผู้คนดูแลและปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร ฉันยังเห็นหลายคนทุกข์ทรมานและทำร้ายกันในภาพยนตร์และรายการทีวีที่เราจะดูในตอนเย็นก่อนเข้านอนอีกด้วย ฉันได้ เรียนรู้ ว่าชีวิตควรเป็นอย่างไรและเราควรปฏิบัติต่อกันอย่างไร ฉันเห็นคนอื่นไม่มีบ้านอยู่อาศัยหรือมีอาหารกิน พวกเขาไม่มีที่อยู่อาศัย แต่งกายด้วยเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ช่างดูไม่มีความสุขอย่างยิ่ง และมักจะถูกคนอื่นที่เดินผ่านตะโกนใส่ด้วย

ในภาพยนตร์ฉันเห็นว่าความรุนแรงและการทำร้ายผู้อื่นนั้นมันช่างง่ายดายเหลือเกิน หลายคนเสียชีวิตและถึงแม้จะมีบางคนที่รู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับการตายของพวกเขา แต่ก็ดูเหมือนจะไม่สำคัญมากนัก ฉันยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับความหิว ความโกรธ ความกลัว ความเศร้า การเร่ร่อน ความโหดร้าย ความทุกข์ ความเห็นแก่ตัว อคติ และความกังวลเกี่ยวกับตัวเราเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับผู้อื่นแต่อย่างใด ฉันได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้และอื่นๆอีกมากมายว่าเป็นเรื่อง "ปกติ" และเป็นชีวิตที่ควรจะเป็น

ฉันก็เริ่มรู้ด้วยว่าเงินสำคัญแค่ไหน เงินไม่เพียงแต่ทำให้พ่อแม่ของฉันมีความสุขและสนุกกับชีวิตเท่านั้น แต่ยังทำให้พวกเขาดีกว่าคนอื่นด้วย ฉันได้เห็นวิธีปฏิบัติต่อผู้อื่นจากการเห็นพ่อแม่ของฉันปฏิบัติต่อคนที่ทำงานให้ พ่อกับแม่มักจะตะโกนบอกพวกเขาว่าต้องทำอย่างไร

ในช่วงเวลานี้ฉันยังได้เรียนรู้วิธีปฏิบัติเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ ทั้งหมดที่ฉันต้องทำคือร้องไห้ ตะโกน และเรียกร้องในสิ่งที่ฉันต้องการ และฉันก็มักจะได้มันมา บางครั้งเมื่อเราออกจากบ้าน ฉันยังเคยนอนราบกับพื้นและกรีดร้องหากมีอะไรพิเศษที่อยากได้แต่พ่อแม่หรือพี่เลี้ยงไม่ยอมซื้อให้ ซึ่งวิธีนี้ใช้ได้ผลเลยทีเดียว ฉันค้นหาว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต และก็ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรยากเลย

พ่อกับแม่และโรซ่ามักจะบอกฉันว่าต้องทำอย่างไรและต้องแสดงออกอย่างไร พวกเขาบอกว่าฉัน ควรยิ้มเสมอ และบอกคนอื่นว่าทุกอย่างเป็นไปได้ดี แม้ว่าฉันจะเศร้าเพียงใดก็ตาม  แล้วคนอื่นก็จะชอบฉัน ในตอนนั้นฉันไม่รู้เลยว่านี่คือจุดเริ่มต้นของ “ หน้ากาก ” ที่ฉันต้องใส่ไปตลอดชีวิต หน้ากากในจินตนาการนี้จะปกปิดใบหน้าของฉันได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นพ่อกับแม่ โรซ่า และคนอื่นๆจึงชอบ "ฉัน" ในแบบที่ฉันอยากให้เห็น ฉันรู้ว่าถ้าฉันยิ้มและทำเหมือนมีความสุข ทุกคนจะอยากอยู่ใกล้ฉัน มันไม่สำคัญหรอกว่าฉันจะรู้สึกอย่างไร ตราบใดก็ตามที่คนอื่น “ คิด ” ว่าฉันมีความสุขก็เพียงพอแล้ว ฉันเรียนรู้ที่จะสวม หน้ากาก อย่างดีจนไม่มีใคร แม้แต่โรซ่าหรือพ่อกับแม่จะรู้ว่าฉันรู้สึกอย่างไรกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อันที่จริงแม้แต่ตัวฉันเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันรู้สึกอย่างไร

เราอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่มีสระว่ายน้ำ และมีคนงานสามคนที่ทำงานให้พ่อแม่ของฉัน พวกเขาทำทุกอย่างเพราะ พ่อกับแม่ยุ่งเกินกว่าจะทำสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเอง โดยโรซ่าจะเป็นคนดูแลฉันทุกอย่าง ตอนที่ฉันโตขึ้นมาหน่อยโรซ่าเล่าให้ฟังว่า เธอเกิดในชนบทที่ห่างไกล ถึงแม้ว่าสำเนียงของเธอจะฟังดู "ตลก" มาก แต่ฉันก็สามารถเข้าใจได้ไปทีละเล็กทีละน้อย พ่อกับแม่บอกว่าหากฉันต้องการอะไรก็ให้บอกโรซ่าได้เลย เพราะมันเป็นงานของเธอที่จะดูแลและทำตามความต้องการของฉัน พ่อกับแม่ไม่ค่อยดีกับเธอเท่าไรนัก บางครั้งพวกเขาก็จะตะโกนใส่และใจร้ายกับเธอมาก นอกจากโรซ่าแล้ว ยังมีสาวใช้อีกหนึ่งคนที่ทำความสะอาดบ้านและทำอาหารให้พวกเราทาน และก็มีคนสวนที่ไม่เพียงดูแลสนามหญ้าข้างนอกเท่านั้น แต่ยังซ่อมแซมข้าวของเครื่องใช้ที่พังอีกด้วย เนื่องจากพ่อแม่ของฉันเป็นคนร่ำรวยและเป็นคนสำคัญมาก ฉันจึงรู้ว่าพวกเขาประสบความสำเร็จและดีกว่าคนอื่นๆ

ในช่วงหลายปีที่ฉันกำลังเติบโตนั้น ฉันจะไม่ค่อยได้เจอพ่อกับแม่บ่อยนัก โรซ่าจะเป็นคนทำทุกอย่างให้ฉัน ไม่เพียงแค่เปลี่ยนผ้าอ้อมเท่านั้น แต่ยังแต่งตัว ป้อนข้าวป้อนน้ำ และโอบกอดฉันในเวลาที่ฉันรู้สึกไม่สบายใจอีกด้วย เธออาศัยอยู่อีกห้องหนึ่งในบ้านของเรา ดังนั้นเธอสามารถมาหาฉันได้เสมอถ้าฉันต้องการอะไร บางครั้งบางคราวแม่ก็จะมาอุ้มฉัน ฉันจะรู้สึกอบอุ่นมากแต่ ส่วนใหญ่แม่ก็มักจะยุ่งเกินกว่าที่จะมาทำแบบนี้ได้บ่อยๆ แม่ชอบปาร์ตี้มาก และฉันก็ได้รู้ในเวลาต่อมาว่าแม่ต้องดื่มแอลกอฮอร์และเสพยาด้วย ส่วนพ่อแทบไม่เคยกลับบ้านเลย หากกลับมาพ่อก็มักจะอยู่กับแม่ หัวเราะ ดื่มเหล้า และเสพยาด้วยกัน โดยแทบไม่ได้ใช้เวลากับฉันเลย

ตอนที่ฉันอายุได้ 5 ขวบและพร้อมที่จะเริ่มเข้าโรงเรียน ฉันก็พอจะรู้แล้วว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญในชีวิต ฉันยังรู้วิธีที่จะทำให้คนอื่นชอบฉันอีกด้วย ในเวลานั้น ฉันเรียนรู้ที่จะสวม " หน้ากาก " ได้เป็นอย่างดี โดยไม่มีใครรู้ว่าฉันรู้สึกอย่างไรกับสิ่งใด แม้ว่าฉันอาจจะหัวเสียและเสียใจกับบางสิ่งบ้าง แต่ฉันก็มักจะยิ้มเสมอเหมือนที่ฉันได้รับการสอนมา ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ความรู้สึกที่แท้จริงของฉันเลย ถึงแม้ตอนนั้นฉันไม่ค่อยรู้อะไร แต่ หน้ากาก นี้จะอยู่กับฉันไปตลอดชีวิต และไม่ค่อยยอมให้ฉันได้สัมผัสกับอารมณ์ที่แท้จริงเท่าไรนัก แม้ว่ามันจะปกป้องฉัน แต่มันก็ทำให้ความรู้สึกของฉันนั้นจืดชืดไปหมด และต้องใช้พลังงานค่อนข้างมากในการที่จะสวมหน้ากากเอาไว้ แต่ฉันรู้ว่าการไม่ถอดมันสำคัญแค่ไหน อย่างไรก็ตามฉันก็รู้สึกขอบคุณพ่อกับแม่ที่สอนวิธี สวมหน้ากาก ให้กับฉัน เพราะท้ายที่สุดมันช่วยฉันได้มากมายทีเดียวในตลอดทั้งชีวิตของฉัน

ฉันเรียนรู้บทเรียนต่างๆได้ดีและพร้อมที่จะออกไปเผชิญโลกกว้าง เมื่ออายุได้ 5 ขวบฉันก็ได้รู้ทุกคำตอบและรู้จัก “ความหมายของชีวิต” แล้ว ความหมายของชีวิตที่ว่านั้น “คือความสนใจเกี่ยวกับตัวเองและความสุขของฉันเองเท่านั้น”  ฉันรู้วิธีปฏิบัติต่อผู้อื่น แสดงออกเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ ซ่อนความรู้สึกไว้ไม่ให้ใครรู้ และสนุกกับชีวิตด้วยการดื่มแอลกอฮอล์และเสพยาเมื่ออายุมากขึ้น ฉันรู้ว่าฉันดีกว่าคนอื่นเพราะเรารวย การเห็นคนอื่นล้มหายตายจาก หิว ป่วย และดิ้นรนนั้นเป็นเพียง “ส่วนหนึ่งของชีวิตตามธรรมชาติ” เท่านั้น ฉันเรียนรู้ทั้งหมดนี้จากพ่อแม่ของฉัน โรซ่า ภาพยนตร์ และจากทุกสิ่งที่ฉันเห็นและสังเกตในช่วงห้าปีแรกของชีวิต ทุกครั้งที่ฉันเห็นว่าคนอื่นประพฤติและปฏิบัติต่อกันอย่างไร ฉันก็ได้เรียนรู้ว่า "ฉัน" ควรทำตัวอย่างไรเช่นกัน

ฉันต้องยอมรับว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันคาดหวังเมื่อแรกเกิด แต่ฉันก็ต้องยอมรับโดยสิ้นเชิงเช่นกันว่าชีวิตควรจะเป็นแบบนี้ถูกต้องแล้ว ฉันเรียนรู้ว่าควรกังวลเกี่ยวกับตัวเองและ ความสุข ตัวเองเท่านั้นและไม่ต้องสนใจคนอื่นเพราะอย่างไรฉันก็ ดีกว่าพวกเขา อยู่แล้ว ฉันยังตระหนักด้วยว่าชีวิตที่ไม่สำคัญนั้นเป็นอย่างไรเมื่อดูทีวีที่ได้เห็นผู้คนตาย หิวโหย ไม่มีที่อยู่อาศัย และถูกคนอื่นเอาเปรียบ บ่อยครั้งการดูสิ่งเหล่านี้ก็ให้ทำให้รู้สึกเศร้า แต่ในที่สุดแล้วก่อนฉันอายุ 5 ขวบฉันก็ไม่สนใจอีกต่อไป หลังจากนั้นไม่นาน การเข้าใจสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในโลกนี้ ฉันถึงกับชอบดูคนอื่นตายและทนทุกข์ทรมาน โดยรู้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะไม่มีเกิดขึ้นกับฉันแน่นอน

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status