เช้าวันต่อมา
“ไอ้นนท์..เอ็งเห็นหลานสาวข้ามั้ยวะ? เช้านี้ไม่เห็นมาเตรียมของใส่บาตร ข้าเลยไปตามที่ห้องกลัวว่าจะไม่สบาย แต่ที่ห้องก็ไม่มี ข้าเดินตามหาจนทั่วบ้านแล้วก็ไม่เจอ” ชายชราเอ่ยถามเพื่อนรักที่เติบโตมาด้วยกัน กินนอนด้วยกัน เรียนด้วยกัน แถมบ้านยังอยู่ติดกัน “ข้าไม่เห็นว่ะ แต่เดี๋ยวข้าจะไปถามตาน่านดู เอ็งไปกับข้าสิ ไม่รู้ป่านนี้ตื่นรึยัง เมื่อคืนคงจะเมาหนัก” ว่าแล้วก็เดินนำเพื่อนรักไปยังห้องนอนของหลานชาย เมื่อชายชราทั้งสองเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องของหลานชาย ผู้เป็นตาจึงเคาะเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบรับเช่นกัน คงจะเมาหนัก เขาจึงตัดสินใจผลักประตูเข้าไป ทันใดนั้นเอง เสียงเอะอะก็ดังขึ้นด้วยความโมโห “น่าน…นี่แกทำอะไรน้อง?” เสียงตวาดของชายชราทำให้ร่างสองร่างที่นอนอยู่ข้างๆ กันตื่นขึ้นมาทันที น่านฟ้าทำหน้าฉงนและตกใจกับคำพูดของคุณตา เขาหันไปมองคนข้างกายด้วยสายตาที่ตกใจ เขารู้ได้ทันทีว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาพอจะจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ แล้วความเกลียดชังในตัวหญิงสาวก็เพิ่มขึ้นจนแทบอยากจะบีบคอหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าให้ตายคามือ หล่อนจงใจเข้าหาเขา เพราะเห็นว่าเขาเมา “เมื่อคืนผมเมามากครับตา ผมไม่รู้ว่าหนาวมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ชายหนุ่มตอบออกไปพร้อมกับหันไปมองหญิงสาวด้วยสายตาชิงชัง “ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยทั้งคู่ แล้วลงไปคุยกันข้างล่าง” สิ้นเสียงประมุขของบ้าน ชายชราทั้งสองก็เดินลงไปรอที่ห้องรับแขก คุณตาของหญิงสาวสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก “นี่เธออยากมีผัวขนาดนี้เลยเหรอ เห็นว่าฉันเมาใช่มั้ยเลยถือโอกาส เธอนี่มันร้ายกาจมากเลยนะ” เสียงของชายหนุ่มเอ่ยออกมาทันทีที่คุณตาของทั้งคู่เดินจากไป “หนาวป่าวนะพี่น่าน..หนาวแค่เห็นว่าพี่เมามากหนาวก็เลยพามาส่งที่ห้อง” หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น “อย่ามาตอแหล..ฉันรู้ว่าเธอคิดยังไงกับฉัน แต่ฉันเกลียดเธอ จำใส่สมองไว้ด้วย ยิ่งตอนนี้ยิ่งโคตรเกลียด” พูดจบชายหนุ่มก็ลงจากเตียงเดินไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นโดยไม่สนใจสักนิด หลังจากผ่านการร้องไห้อย่างหนักหน่วง หญิงสาวพยุงร่างบอบบางขึ้นจากเตียงก่อนจะข่มความเจ็บปวดจากจุดอ่อนไหวก้าวไปหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่กับพื้นขึ้นมาสวมใส่อย่างรวดเร็ว มือเรียวสวยปาดน้ำตาทิ้งก่อนจะก้าวเดินออกไปด้วยความเจ็บปวด ยังไม่ทันจะออกจากห้อง เสียงทุ้มก็ดังมาจากประตูหน้าห้องน้ำ “เดี๋ยว.. อย่าพึ่งไป” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับเดินไปที่โต๊ะข้างเตียงก่อนจะดึงลิ้นชักและหยิบบางสิ่งออกมา เขาสาวเท้าเดินไปหาหญิงสาวก่อนจะยื่นของในมือให้ “กินซะ!! ตอนนี้เลย..ฉันไม่ต้องการมีลูกกับเธอ” เขาสั่งเสียงแข็ง “หรือต่อให้เธอจะท้องฉันก็ไม่มีวันยอมรับมารหัวขนนั่นหรอก จำใส่หัวเธอไว้ด้วย” ต่อด้วยประโยคที่ฟังแล้วเจ็บจนจุก “.....” เขากลัวเธอจะท้องลูกของเขาสินะ..เกลียดกันขนาดนั้นเลยเหรอ..มือบางสั่นสะท้านยื่นออกไปรับยาคุมฉุกเฉินจากมือของชายหนุ่ม เธอรีบแกะแล้วเอาเข้าปากทันทีก่อนจะกลืนลงไปด้วยความยากลำบากเพราะไม่มีน้ำเปล่า ชายหนุ่มเมื่อเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้ากลืนยาลงคอแล้วก็ผลักหญิงสาวออกไปจากห้องแล้วปิดประตูทันที ใจร้าย… ทำไมเธอต้องมาหลงรักผู้ชายคนนี้ หญิงสาวปาดน้ำตาก่อนจะเดินไปห้องน้ำชั้นล่างเพื่อล้างหน้าล้างตาและไปหาคุณตาทั้งสองที่รออยู่ที่ห้องรับแขก ลมหนาวเดินมาถึงห้องรับแขกเธอเห็นน่านฟ้านั่งอยู่ก่อนแล้ว เขานั่งตรงข้ามกับคุณตาอานนท์ที่นั่งติดกับคุณตาของเธอ “หนาวนั่งก่อนสิลูก” คุณตาอานนท์บอกหญิงสาว ลมหนาวย่อตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ติดกันกับน่านฟ้า เธอหันไปมองเขาด้วยสายตาเศร้าๆ ในขณะที่น่านฟ้ามีเพียงแววตาที่ว่างเปล่าส่งมาให้เธอ “ตาจะไม่ถามว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง? เพราะถึงยังไงมันก็เกิดขึ้นแล้ว น่านต้องรับผิดชอบน้อง น่านต้องแต่งงานกับน้อง” คุณตาอานนท์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ซึ่งเรื่องนี้เขาได้โทรปรึกษาลูกสาวนั่นก็คือน้ำฟ้า แม่ของน่านฟ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว น้ำฟ้ากับอาทิตย์ ลูกเขยของเขาไม่มีปัญหาอะไร “ทำไมผมต้องแต่ง? ในเมื่อหนาวเป็นฝ่ายเข้ามาหาผมเอง ผมกินเหล้าของผมอยู่ดีๆ ผมรู้ว่าหนาวชอบผม อยากได้ผมเป็นผัว พอเห็นว่าผมเมา เลยถือโอกาส” น่านฟ้ายังพูดไม่ทันจบ เสียงของคุณตาอานนท์ก็แทรกขึ้นมา “หยุดพูดแบบนี้นะตาน่าน แกพูดแบบนี้ได้ยังไง แกเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า โทษผู้หญิงอยู่ฝ่ายเดียว แล้วเรื่องแบบนั้นมันมีแต่ผู้ชายหรือเปล่าที่เป็นคนเริ่ม” คุณตาอานนท์พูดด้วยความโมโห ในขณะที่ลมหนาวนั่งก้มหน้าน้ำตาคลอเบ้า ส่วนคุณตาวีระชัยนั้นนั่งฟังเงียบๆ โดยไม่แสดงความคิดเห็นเพราะรู้ว่าหลานสาวรักชายหนุ่มมากเพียงใด เขากลัวว่าที่น่านฟ้าพูดจะเป็นเรื่องจริง “ก็เพราะว่าผมเมาไง ถ้าไม่เมา ผมไม่มีวันเอาเด็กนี่มาทำเมียหรอก” น่านฟ้าพูดออกมาโดยไม่เกรงใจผู้ใหญ่ทั้งสองเลยสักนิด “ถึงยังไงแกก็ต้องรับผิดชอบน้อง พ่อแม่แกก็รู้เรื่องนี้แล้ว แกเตรียมตัวแต่งงานกับน้องได้เลย” “ไม่!! ผมไม่แต่ง” “ถ้าแกไม่แต่ง แกก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าตา ฉันกับแกขาดกัน แล้วทรัพย์สมบัติทั้งหมดแกก็จะไม่ได้เลยสักแดงเดียว” สิ้นเสียงยื่นคำขาดประมุขของบ้าน ทำให้น่านฟ้าเริ่มมีท่าทีอ่อนลง “งั้นผมขอหมั้นไว้ก่อนได้มั้ยครับตา ถ้าผมเรียนจบกลับมาค่อยแต่ง” ชายหนุ่มต่อรอง “หนาวว่าไงลูก” คุณตาอานนท์หันไปถามหญิงสาวที่ตอนนี้กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอหันไปสบตากับคุณตาวีระชัย “แล้วแต่หนาวจะตัดสินใจเลยลูก ตาอยู่ข้างหนาวเสมอ” คุณตาวีระชัยเอ่ยกับหลานสาว “ฮึก..ถ้าพี่น่านยังไม่อยากแต่ง หมั้นไว้ก่อนก็ได้ค่ะ” หญิงสาวกลั้นใจพูดออกไปในที่สุด “โอเค..งั้นก็ตกลงตามนี้ เดี๋ยวที่เหลือฝ่ายตาจะเป็นคนจัดการเอง” คุณตาอานนท์สรุปการสนทนา จากนั้น คุณตาวีระชัยก็พาลมหนาวกลับบ้านไปพักผ่อน ส่วนน่านฟ้าที่ตอนนี้กำลังรู้สึกโกรธและเกลียดหญิงสาวเป็นที่สุดที่ทำให้เขาต้องโดนบังคับให้แต่งงาน เขาหันไปมองหญิงสาวด้วยสายตาเคียดแค้น ชิงชัง ก่อนจะลุกเดินกลับห้องไป ทิ้งให้คุณตาอานนท์นั่งอยู่ในห้องรับแขกเพียงลำพังหนึ่งปีผ่านไป“แมะ แมะ” เสียงเรียกแม่ของเด็กหญิงดาวนิลที่ตอนนี้อายุได้หนึ่งขวบห้าเดือน เด็กหญิงกับผู้เป็นแม่เดินเล่นอยู่ที่สวนข้างบ้าน“จ๋า..คนสวยของแม่” หญิงสาวย่อตัวลงก่อนจะค่อยๆ อุ้มลูกสาวตัวน้อยขึ้นมาด้วยสรีระที่เปลี่ยนไปจนเห็นได้ชัดเจน ใช่แล้ว! เธอกำลังตั้งท้องได้ยี่สิบแปดสัปดาห์หรือเจ็ดเดือน ชายหนุ่มอ้อนวอนเธอว่าอยากมีลูกเพิ่มอีกหนึ่งคน เขาไม่ยอมให้เธอคุมกำเนิด และเขาก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอทุกค่ำคืน จนในที่สุด เธอก็ท้องอีกครั้ง “ป้อ ป้อ” เด็กหญิงชี้ไปที่ชายหนุ่มที่เดินตรงมาที่ทั้งสองยืนอยู่ “ดาวนิล มาหาพ่อเร็ว” ชายหนุ่มยื่นมือทั้งสองข้างออกไปอุ้มลูกสาวตัวน้อย เขาไม่อยากให้ภรรยาที่ตอนนี้ท้องแก่ต้องอุ้มลูกสาวเยอะ เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับลูกน้อยในท้อง เด็กหญิงดาวนิลโน้มตัวไปหาผู้เป็นพ่ออย่างรวดเร็ว“ตอนนี้ดาวนิลกำลังซน เหนื่อยหน่อยนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของภรรยาดูเหนื่อยๆ เขารู้สึกสงสารภรรยาที่ต้องอุ้มท้องอีกครั้ง ครั้งนี้เขาได้อยู่ในทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ ในคราแรกเธอไม่ยอมมีลูกอีก บอกว่าสองคนก็เพียงพอแล้ว แต่เป็นเพราะเขาที่ขอร้องอ้อนว
โรงแรมสุดหรูใจกลางกรุงเทพมหานครงานแต่งระหว่าง น่านฟ้า และ ลมหนาว จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ สมหน้าตาของทายาทเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังและเจ้าของห้องเสื้อแบรนด์ดัง ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในสังคม แขกที่มาในงานล้วนแล้วแต่เป็นญาติผู้ใหญ่และคนรู้จักของทั้งสองตระกูล ไฮโซของเมืองไทย ดาราเซเล็บ สื่อ ช่างภาพ นักข่าวทุกสำนัก ต่างมารวมตัวที่งานแต่งงานในวันนี้ กลายเป็นข่าว ท้อลออฟเดอะทาวน์กันเลยทีเดียวงานในตอนเช้า เมื่อเจ้าบ่าวเข้ามาในพิธีเรียบร้อยแล้ว เรนท์กับทิชาก็พาเพื่อนรักเดินมา ลมหนาวสวมใส่ชุดไทยประยุกต์สีทอง พาสสไบลูกไม้สีทอง ผมถูกเกล้าขึ้นไปอย่างสวยงาม เปิดใบหน้านวลอันหวานหยาดเยิ้มที่ถูกเครื่องสำอางราคาแพงตกแต่งด้วยฝีมือของช่างแต่งหน้าเบอร์หนึ่งของเมืองไทย เมื่อเจ้าสาวเดินเข้ามาในพิธี แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปก็รัวระยิบระยับ น่านฟ้าจ้องมองเจ้าสาวด้วยความตกตะลึง ปกติเธอไม่แต่งหน้าทำผมก็สวยมากอยู่แล้ว พอแต่งหน้าทำผมแบบวันนี้ยิ่งสวยเข้าไปอีกเป็นเท่าตัว เจ้าสาวเดินลงมานั่งพับเพียบข้างๆ เจ้าบ่าวที่แต่งชุดราชปะแตนหล่อเนี๊ยบเหมือนคุณชายในราชวัง“วันนี้หนาวสวยมากเลยรู้มั้ย?” ชายหนุ่มกระซิบ
หลังคลอดลมหนาวต้องรอดูอาการอยู่ในห้องพักฟื้นสองชั่วโมง จากนั้นสองแม่ลูกจึงถูกส่งตัวไปห้องพักพิเศษ น่านฟ้าดูแลลมหนาวและลูกน้อยไม่ห่าง ยิ่งในยามที่ลูกสาวตัวน้อยดื่มนมจากอกของมารดา ปากน้อยๆ งับยอดดอกบัวสีชมพู ชายหนุ่มมองด้วยสายตาหื่นกระหาย เขาลอบกลืนน้ำลายลงคอจนหญิงสาวได้ยิน ลมหนาวเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาเชิงตำหนิแบบไม่จริงจังนัก จากนั้นไม่นานลูกสาวตัวน้อยกินนมจนอิ่ม ปากน้อยผละออกจากยอดถันสีสวย หญิงสาวรีบติดกระดุมเสื้อทันที จนชายหนุ่มรู้สึกเสียดาย“เอ่อ..หนาวจะตั้งชื่อลูกว่าอะไรครับ?” ตั้งสติได้ชายหนุ่มจึงเอ่ยถามออกไป“คนโตหนาวเป็นคนตั้ง..คนเล็กให้พี่น่านตั้งก็แล้วกันค่ะ” หญิงสาวตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้เขา“จริงเหรอ! หนาวให้พี่ตั้งชื่อลูกจริงๆ ใช่มั้ย?” ชายหนุ่มถามออกไปด้วยความดีใจ“ค่ะ..” หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ“อืม..ลูกชายคนโตชื่อดาวเหนือ ลูกสาวคนเล็กชื่อ…ดาวนิล ดีมั้ย?” ชายหนุ่มทำท่าคิดก่อนจะกล่าวออกไป“เพราะดีนะคะ..หนาวชอบ” ดาวเหนือกับดาวนิล เข้ากันดีนะ..เข้าใจคิดนะคุณพ่อลูกสอง หญิงสาวอมยิ้มอยู่คนเดียว“หนาวหายโกรธพี่แล้วใช่มั้ยครับ? ยกโทษให้พี่แล้วใช่มั้ย?” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ห
สองสัปดาห์ผ่านไปน่านฟ้าเดินทางไปฝรั่งเศสทันทีหลังจากที่เขาเคลียร์งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มลาพักร้อนหนึ่งสัปดาห์เพื่อมาง้อลูกง้อเมีย ทุกคนต่างเอาใจช่วยน่านฟ้าขอให้เขาง้อลมหนาวได้สำเร็จเสียงกริ่งดังขึ้นที่หน้าบ้านในขณะที่ลมหนาวกำลังนั่งออกแบบเสื้อผ้าอยู่ และน้าวีนากำลังเตรียมอาหารว่าง“หนาวไปดูให้น้าหน่อยว่าใครมา” ความจริงแล้ววีนารู้ดีที่สุดว่าใครที่มาเวลานี้“ได้ค่ะ” ลมหนาวตอบออกไปพร้อมกับเดินไปเปิดประตูหน้าบ้าน “มาทำไมไม่ทราบ?” ลมหนาวถามเสียงแข็งเมื่อเห็นว่าใครที่ยืนอยู่หน้าประตู“มาง้อลูกกับเมียครับ” ชายหนุ่มตอบด้วยสายตากรุ้มกริ่ม เขาลอบมองลงไปที่ท้องนูนของหญิงสาว รู้สึกวาบหวิวในหัวใจ อยากยื่นมือไปสัมผัสลูกน้อยเหลือเกิน“มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น” หญิงสาวตะโกนไล่ชายหนุ่มเสียงดังพอที่น้าวีนาจะได้ยิน “ใครมาเหรอหนาว? อ้าวตาน่าน มาได้ยังไง เข้ามาก่อนมา” วีนาแสร้งทำเป็นตกใจที่เห็นน่านฟ้าและเอ่ยชวนแขกเข้าบ้าน“น้านาจะชวนเค้าเข้ามาทำไมคะ?” หญิงสาวหันไปถามน้าสาวด้วยน้ำเสียงคล้ายกับไม่พอใจ“อ้าว..ก็แขกมาบ้าน เราก็ต้องต้อนรับขับสู้สิลูก จะไปไล่แขกได้ยังไงกัน”“แต่..” “ไม่ต้องแต่แล้ว..ไ
ณ สนามบินxxx“เดินทางปลอดภัยนะแก..ถึงแล้วบอกด้วย” เรนท์ดึงหญิงสาวเข้ามากอด“อืม..ขอบใจแกมากนะ สำหรับทุกอย่าง” ลมหนาวน้ำตารื้นขึ้นมา เธอทนอยู่ที่นี่ไม่ไหวจริงๆ ครั้งนี้อาจจะเป็นการไปแบบถาวร เธออธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้คุณตาวีระชัยกับน้าวีนาฟังหมดทุกอย่าง ทั้งสองคนต่างเข้าใจและยอมรับในการตัดสินใจของเธอในขณะที่น่านฟ้านั้นกำลังขับรถไปที่สนามบินด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้ แต่สภาพการจราจรในกรุงเทพฯ นั้น ทำให้เขาไม่สามารถขับได้อย่างใจต้องการ ชายหนุ่มดูนาฬิกาข้อมือเหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีจะบ่ายโมง เขาเห็นวินมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ข้างๆ รถ ชายหนุ่มไม่รอช้า เขาคว้ากระเป๋าสตางค์รีบลงจากรถและกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปทันที โดยไม่สนใจเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่เขาทิ้งรถไว้กลางถนนเลยแต่สุดท้าย..น่านฟ้าก็ไปไม่ทัน ลมหนาวกับดาวเหนือไปแล้ว เขาทรุดลงกับพื้นร้องไห้ออกมา พร่ำด่าตัวเองจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ต่างก็มองมาที่ชายหนุ่ม ในขณะที่เขากำลังก้มหน้าอยู่กับพื้นนั้น เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา “อย่าพึ่งหมดหวังสิคุณน่าน..ฝรั่งเศสอยู่แค่นี้เอง ตื๊อเท่านั้นที่ครองโ
ทางด้านลมหนาว หลังจากที่เธอพาดาวเหนือขึ้นมาบนห้อง เธอรีบโทรหาเรนท์และบอกให้เรนท์มารับเธอที่บ้านของน่านฟ้าตอนนี้ เธอทนอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ไหวแล้ว หญิงสาวรีบเก็บเสื้อผ้าของตัวเองและของดาวเหนือใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เรนท์ที่ยังงงๆ เพราะไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่ก็รีบขับรถมาหาเพื่อนทันที“หนาวลานะคะ..คุณลุงคุณป้า หนาวคงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว น้องเหนือกราบลาคุณปู่กับคุณย่าสิครับ” เด็กชายยกมือไหว้คุณปู่คุณย่าตามที่มารดาบอก“ใจเย็นๆ นะหนูหนาว..รอพี่เค้าก่อนนะลูก นี่ก็ค่ำมืดแล้วจะพาลูกพาเต้าไปไหน” “ไม่รอค่ะ..หนาวให้เพื่อนมารับ คุณป้าไม่ต้องห่วงนะคะ” “โถ่เอ้ย! เวรกรรมอะไรหนักหนา น้องเหนือก็พึ่งจะยอมรับในตัวพ่อ ดันมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” คุณหญิงน้ำฟ้าบ่นพึมพำออกมา“หนาวไปแล้วนะคะ..เพื่อนมารอแล้ว” พูดจบหญิงสาวก็ลากกระเป๋าเดินออกไปจากคฤหาสน์แห่งนี้พร้อมกับลูกชายของเธอหลังจากนั้นไม่นาน เรนท์ก็พาสองแม่ลูกไปพักที่คอนโดของเขา ซึ่งนานๆ เขาจะมานอนเพราะปกติเขานอนที่บ้าน หญิงสาวเล่าเรื่องทุกอย่างให้เรนท์ฟัง ในขณะที่ดาวเหนือนอนหลับไปแล้วด้วยความเพลีย“ทำไมคุณน่านถึงได้เลวขนาดนี้วะ..แล้วนี่แกจะเอายัง