“อร่อยมาก” คุณหมอซดจนเกลี้ยงชาม ซุปที่มีแต่ผักแบบนี้เหมาะกับคนที่เพิ่งฟื้นอย่างเขามากจริง ๆ และยังต้องกินแบบนี้ไปอีกเกือบสัปดาห์กว่ากระเพาะจะกลับมากินอาหารแบบปกติได้“ว่าแต่ผมหลับไปนานแค่ไหน” เขารู้สึกว่าตัวเองหลับไปนานมาก“คุณหลับไป 1 เดือน” เฉินเฟิงยกจานชามที่กินเรียบร้อยแล้วไปวางไว้ที่อ่างล้างจานในครัว“!!!” เขาคิดว่าตนเองคงจะนอนไป 1-2 สัปดาห์ ใครจะไปคิดว่านานขนาดนั้น...ถึงว่าทำไมรู้สึกกล้ามเนื้ออ่อนแรงนัก“พวกเราสามารถเอาชนะซอมบี้ที่บุกมาได้ แต่ก็ต้องสูญเสียเพื่อนในทีมของวิทย์ไป 3 คน และมีผู้ได้รับพลังพิเศษเพิ่มอีก 3 คนเช่นกัน” อัปเดตสถานการณ์มาถึงตรงนี้ ใบหูสีขาวที่เคยตั้งตรงเพราะตื่นเต้นดีใจที่คุณหมอหมีตื่นจากนิทราก็พลันลู่ลงเมื่อนึกถึงคนที่จากไปเขายังคงจำได้ว่าเด็ก ๆ ในบ้านครูเมตตาหลังได้รับข่าวว่าพี่เลี้ยงสาวของตนกลายเป็นซอมบี้ก็ร้องไห้ออกมาไม่หยุด บางคนก็เริ่มมีแววตาเคียดแค้นชิงชัง ถึงกับมีเด็กโตหน่อยออกปากว่าในอนาคตตนจะต้องแก้แค้นให้พี่สาวให้ได้ จะทำให้ซอมบี้หายไปจากโลกนี้ให้หมดเฉินเฟิงได้ฟังก็รู้สึกสะเทือนใจ พวกเขาที่เป็นผู้ใหญ่ควรเร่งหาวิธีจบเหตุการณ์บ้า ๆ นี้ไปให้หมดโด
ในช่วงสายวันนี้นิโคลัสกับเฉินเฟิงมาขอให้วิทย์เปิดประตูกำแพงเพื่อออกไปข้างนอก คุณหมออยากจะลองพลังที่อัปเกรดใหม่แล้วนี้กับพวกซอมบี้ดู เขาจึงขอติดตามมาด้วย เผื่อว่าจะได้เห็นทักษะการใช้พลังแล้วนำไปบอกต่อกับเพื่อนร่วมทีมที่มีพลังไฟเช่นเดียวกันไปลองฝึกดูแน่นอนว่าเขาได้บอกเจตนาของตนเองให้คุณหมอได้ฟัง อีกฝ่ายก็พยักหน้าบอกว่าถ้าต้องการคำแนะนำก็ให้มาถามเขาได้คนดีอะไรขนาดนี้~ในสายตาของวิทย์ คนทั้งคู่ไม่ต่างจากเทพที่สวรรค์ส่งมากอบกู้โลก…แต่แม้ปากจะบอกว่าขอดูอย่างเดียว วิทย์ก็คิดว่าตนคงไม่สามารถนำความรู้อะไรไปบอกให้เพื่อนได้หากเขาไม่ถาม เพราะในตอนนี้แค่มองตามการเคลื่อนไหวของคุณหมอให้ทันก็เต็มกลืนแล้ว!“สุดยอด” ชายหนวดโค้งเหม่อมองท่วงท่าการสังหารของคนนอนติดเตียงเมื่อ 1 เดือนก่อน ทั้งการวาดเตะทีเดียวคอของซอมบี้ก็หลุดออกจากบ่า หรือแม้กระทั่งการใช้พลังไฟที่มีขนาดเท่าลูกปิงปอง แต่พลังทำลายล้างกลับทำให้ซอมบี้ถูกเผากลายเป็นเถ้าภายในเวลาไม่กี่นาที“ยังรู้สึกขัด ๆ อยู่นิดหน่อย” นิโคลัสเดินกลับมาที่รถ ขยับยกไหล่ขึ้นลงไม่หยุดคล้ายกับร่างกายไม่เป็นดั่งใจนึก“...” ขนาดนี้พี่ยังบอกว่าร่างกายไม่เต็มร้อยอีกหร
หากเห็นว่าการให้ความช่วยเหลือไม่ได้สร้างผลเสียให้กับเขาหรือเพื่อนร่วมทีมคนอื่นก็จะลงมือช่วยอย่างเต็มที่ ไม่ใช่ช่วยอย่างขอไปทีถึงจะพูดน้อยแต่ก็เป็นคนดีมากนะเจ้ากระต่ายมองคนรักหมาด ๆ ของตนด้วยดวงตาเป็นประกายหากเพื่อนร่วมทีมคนอื่นอย่างเช่นทีโอหรือหงส์ได้รับรู้ความคิดนี้ของเฉินเฟิง คงตะโกนเป็นเสียงเดียวกันว่า‘ใครก็ได้ดึงความรักออกจากตาคุณเชฟที! อย่าปล่อยให้เขาเห็นกงจักรเป็นดอกบัว!! อิหมีนี่มันร้าย!! พาเจ้ากระต่ายหนีไปปปป…’แต่คิดหรือว่านิโคลัสจะยอมให้เพื่อนร่วมทีมได้มีโอกาสปลุกเรียกสติเจ้ากระต่ายที่เขาพยายามใช้ทั้งสมองและเสน่ห์ล่อลวงมาให้หนีไปได้ง่าย ๆไม่มีทางเสียหรอก... หึหลังมื้อเย็นทีมผู้ใช้พลังพิเศษทีมใหม่จึงได้มาเยือนถึงหน้าบ้านของท่านเทพ พวกเขาอยากตอบแทนสำหรับคำแนะนำเรื่องการฝึกใช้พลัง ได้ยินว่าคุณเชฟกำลังกลุ้มใจเรื่องที่ไม่มีเนยในการทำอาหารก็รีบไปรื้อค้นห้างสรรพสินค้าจนได้เครื่องตีเนยแบบใช้มือมาเฉินเฟิงรับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม กล่าวขอบคุณหลายประโยค แต่เมื่อส่งแขกออกจากบ้านจนหมด รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเจ้ากระต่ายก็จางหายไปเอ่อ ก็รู้สึกขอบคุณจากใจ แต่ว่า… พวกเราไม่มีวัวนะจะไป
“ใกล้แล้ว” เจ้ากระต่ายเกร็งตัวขึ้นมาทันที จะว่าพวกเขาตื่นตูมก็ได้ ทั้งที่ยังไม่รู้เจตนาของรถคันนั้นแน่ชัดว่าแค่ขับเลยผ่านไปหรือจงใจมาที่นี่ก็ตามจากเหตุการณ์หลาย ๆ ครั้งที่เจอมาสอนให้รู้ว่า… ระวังไว้ก่อนดีกว่าอีกทั้งตั้งแต่ช่วงซอมบี้บุกหนักเพราะมีฝนเป็นเหตุ วันดีคืนดีเขาก็จะได้ยินเสียงรถวิ่งผ่านไปบ้าง แต่ไม่เคยมีใครให้ความสนใจเมืองเล็ก ๆ ตรงนี้เลย อาจเพราะจุดมุ่งหมายของใครหลายคนคือเมืองหลวงของประเทศที่ทุกคนคาดว่าจะต้องมีค่ายของรัฐบาลให้การช่วยเหลือไม่นานรถของนิโคลัสก็ขับไปถึงกำแพงที่เป็นช่องสำหรับเข้าออก มีเพียงคนในเท่านั้นที่รู้ว่าประตูอยู่ตรงไหน“กลับมาเร็วจังเลยจ้ะ งานก่อสร้างเสร็จแล้วเหรอ?” เมตตาเห็นพ่อหนุ่มสองคนเดินตรงมาที่เธอจึงเอ่ยทักไป“รีบพาเด็ก ๆ ไปหลบที่ห้องเก็บเสบียงก่อนครับ ผมได้ยินเสียงรถกำลังใกล้เข้ามา ไม่รู้ว่าจะแวะเข้ามาที่เมืองนี้หรือเปล่า” นิโคลัสไม่พูดพร่ำทำเพลง ขับรถไปจอดยังสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ให้ทุกคนไปซ่อนตัวก่อน“ได้จ้ะ” ครูเมตตาพยักหน้ารับ ก่อนจะเรียกให้กลุ่มพี่เลี้ยงเด็กอาสาวันนี้พาเด็ก ๆ ไปยังห้องเก็บเสบียง และเธอเองก็เตรียมใช้พลังกางป้องกันไว้อีก 1 ชั
ในที่สุดคนที่หายหน้าหายตาไป 2 เดือนก็กลับมาเสียที ตอนแรกยังคิดว่าน่าจะไปไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ ไหงไปติดแหง็กนานเกินเดือนได้ล่ะโจเซฟลงมาจากรถกระบะคันเดิมที่ตนขับออกมาจากหมู่บ้าน นัยน์ตาคมมองสำรวจกลุ่มคนที่ไม่ได้เจอหน้ากันนานเป็นเดือน พร้อมกับบรรยากาศในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ที่ดูสงบร่มรื่นขึ้น‘ปลอดภัยมากกว่าเดิมด้วย’“มีผู้ใช้พลังพิเศษใหม่เหรอ กำแพงเหล็กเป็นความคิดที่ไม่เลวเลยห” หัวหน้าทหารหนุ่มหันไปถามวิทย์ที่กุลีกุจอรอรับอยู่หน้าประตูนิโคลัสกลอกตา นั่นควรเป็นประโยคแรกหลังจากไม่ได้เจอกันมานานหรือ?“ครับ ๆ เป็นคนในทีมของผมเองครับ เขาเป็นผู้ใช้พลังโลหะ” วิทย์รีบดันเพื่อนของตนขึ้นมา เวลานี้พวกเขาเหมือนกำลังตั้งแถวรอรับคนสำคัญอย่างไรอย่างนั้น แม้จะรู้สึกแปลก ๆ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันแปลกที่ตรงไหน“โอ้ ดีนี่นา” โจเซฟหรี่ตามองประเมิน สภาพร่างกายภายนอกยังมีไขมันส่วนเกินอยู่ในหลายจุด ถ้าฝึกซ้อมมากกว่านี้คงสามารถดึงพลังมาใช้ได้อย่างเต็มที่เหมือนทีโอ “นอกจากฝึกใช้พลังให้ชำนาญแล้ว อย่าลืมฝึกร่างกายด้วยล่ะ”“ครับ!” ผู้ใช้พลังโลหะรับคำแข็งขัน“พี่หงส์เป็นยังไงบ้างครับ” เฉินเฟิงทักหญิงสาวที่เปิดประตูตามลงมา“
“ฮึก แคล้วคลาดนะลูก” เมตตากลั้นน้ำตาแห่งความดีใจไว้ไม่ไหว อยากจะทำตัวเข้มแข็งแต่หัวใจใช่หินผา ความสูญเสียที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งพาให้หญิงชรารู้สึกเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจ ใครเล่าจะอยากให้คนหัวหงอกเผาคนหัวดำเด็กทุกคนที่นี่ก็เหมือนลูกเหมือนหลาน เธอเห็นมาแต่อ้อนแต่ออก คนในกลุ่มของวิทย์บางคนที่บอกว่าตัวเองเป็นคนไร้บ้านก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ก่อนเกิดโรคระบาดบางคราก็มาขอช่วยงานในสถานสงเคราะห์แห่งนี้เพื่อแลกข้าวประทังความหิว เธอก็แจกจ่ายให้ตามอัตภาพ มีมากก็ให้มาก มีน้อยก็ให้น้อยถ้าเป็นไปได้เธออยากจะกางพลังไว้ตลอดเวลา ปกป้องพวกเขาไว้ใต้ปีก ไม่ให้ต้องออกไปเผชิญอันตรายภายนอกแต่มนุษย์ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด แล้วพลังพิเศษที่ต้องใช้พลังงานในร่างเป็นตัวขับเคลื่อน หญิงชราอย่างเธอจะไปมีเยอะเหมือนคนหนุ่มสาวได้ยังไง ใช้ได้เกิน 1 ชั่วโมงก็เต็มกลืนแล้ววิทย์เช็ดหางตามองภาพแม่ลูกรักใคร่ด้วยความตื้นตันเขาเองก็เป็นคนหนึ่งที่รักและผูกพันกับคุณแม่เมตตามาก... มากเสียจนไม่เคยนึกถึงมารดาผู้ให้กำเนิดเลยสักครั้ง เพราะเขาได้รับความรักเพียงพอแล้ว...“ที่นี่ก็เจอเหมือนกันเหรอ” โจเซฟยกมือกุมศีรษะเผยสีหน้าเคร่งเครียด “ข
“เรื่องคริสตัลซอมบี้ได้ความคืบหน้าใช่ไหมครับ” เฉินเฟิงรีบถามทันทีที่ปิดประตูบ้าน“อืม มีประโยชน์มากเลยล่ะ” โจเซฟยิ้ม สิ่งที่หมอหมีกับคุณกระต่ายพบเรียกได้ว่าเป็นความหวังของมนุษย์เลยก็คงไม่พูดเกินไปนัก“แล้วเขาว่ายังไงบ้างครับ” เฉินเฟิงตื่นเต้นจนหูตั้ง มือข้างหนึ่งแอบกำเข้าไปในเสื้อคลุมที่มีกล่องเก็บครัสตัลสีเขียวและเหลืองที่เขาเก็บมาจากซอมบี้มนุษย์กลายพันธุ์และซอมบี้วิวัฒนาการ ส่วนของซอมบี้เด็กถูกเก็บแยกไว้ในเป้ที่ห้องนอน“จากที่หน่วยวิทยาศาสตร์ใช้เวลาวิเคราะห์กว่า 3 สัปดาห์ แม้จะไม่สามารถวิเคราะห์ออกมาได้ทั้งหมด แต่ก็พอสรุปออกมาได้ว่า ในนิวเคลียสหรือคริสตัลของซอมบี้นั้นสามารถทำให้มนุษย์ได้รับพลังพิเศษได้จริง อัตราส่วนความสำเร็จอยู่ที่ 10 ต่อ 100”หลังจากซอมบี้บุกหนัก ในคราวที่เก็บกวาดซากก็ได้ให้หทารเผาทำลายซากศพพวกมันทั้งหมด พอไฟมอดก็ปรากฏคริสตัลซอมบี้กว่า 100 เม็ดจากซอมบี้ที่บุกมาเกือบแสนตัว นั่นหมายความว่าหากเป็นซอมบี้ในระยะแรกจะไม่สร้างนิวเคลียสภายในสมอง ต้องทิ้งระยะไปก่อน และถ้าหากเป็นซอมบี้วิวัฒนาการ สีของมันก็จะเปลี่ยนจากสีใสเป็นเหลืองอ่อน“น้อยมาก” เฉินเฟิงกลุ่มทดลอง 100 คนที่
ซึ่งความคิดนี้ก็ไม่เป็นผลดีนักและถูกปัดตกในเวลาต่อมา เพราะหลังจากสวมอุปกรณ์เครื่องป้องกันเต็มตัว ไม่ว่าจะเป็นแขน ขา หรือบริเวณต้นคอ แค่ครึ่งชั่วโมงก็เป็นลมกันถ้วนหน้าอากาศประเทศ T ไม่ควรแต่งตัวมิดชิดมากนัก ขนาดฤดูฝนพระอาทิตย์ก็ยังตอกบัตรทำงานอย่างขยันขันแข็ง ไหนขอดูอุณหภูมิวันนี้หน่อยสิเท่าไรแล้วนะ?38 องศาแหม ทำงานยอดเยี่ยมดีจริงดังนั้นลืมเรื่องพลาสติกหุ้มแขน ปลอกขา ผ้าพันคอไปได้เลย ร้อนโว้ย!สุดท้ายก็ต้องมาพึ่งศิลปะการป้องกันตัวอีกครั้ง รวมถึงการฝึกฝนร่างกายให้พร้อม ประสบการณ์ฆ่าซอมบี้เองก็สำคัญภายในระยะ 3 วันที่เฉินเฟิงไม่ได้ก้าวออกจากบ้าน เขาจึงไม่รู้ว่าในระหว่างที่กลุ่มของวิทย์ออกก่อกำแพงที่เส้นทางเชื่อมหมู่บ้านนั้น พวกเขาขยันขันแข็งมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ถ้าเจอซอมบี้บุกมาแทบจะแย่งกันออกไปจัดการยิ่งบางคนที่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ต่างก็มองโจเซฟไม่ต่างจากไอดอลในดวงใจ เจอซอมบี้เรือนแสนก็ยังรอดกลับมากำลังใจที่เคยหลุดร่วงหายไปก็กลับฟื้นคืนมาแม้จะไม่มีพลังอะไร แต่พวกเขาก็สามารถเป็นคนธรรมดาที่ไม่ธรรมดาได้“แล้วของที่ฝากให้เอากลับมาล่ะ” นิโคลัสถามในระหว่างที่สายตากำลังกวาดมองแต้มไพ
“สงสัยเจอกุ๊กกู๋ว่ะ” ชายคนหนึ่งหัวเราะขึ้นเมื่อเสียงเพื่อนร่วมเวรเงียบไป “หรือไม่ใช่วะ” พร้อมกับลางสังหรณ์บางอย่างที่พาให้ขนคอลุกชันฉึบแต่ยังไม่ทันที่จะเปิดปากบอกเล่าความสงสัย ตัวมันก็คล้ายกับถูกกระแสลมวูบหนึ่งพัดผ่านแถวลำคอ พอจะอ้าปากพูดกลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา ทั้งความเจ็บที่ไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน แรงดึงรั้งบริเวณคอเสื้อทำให้มันมั่นใจว่าตอนนี้คงถูกผู้บุกรุกเล่นงานแล้วต้องเตือนเพื่อน!ต้องเตือน…ฝ่ามือหนายกขึ้นหมายจะไขว่คว้าใครสักคนท่ามกลางความมืด แต่ก็สายไปเสียแล้ว…ร่างไร้วิญญาณถูกวางลงบนพื้นอย่างเบามือ อย่างที่เจ้าของร่างไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนไม่สามารถลุกขึ้นมาพูดคุยกับเพื่อนได้อีกเป็นครั้งที่สอง“พวกมึงแม่งทำไมเงียบไปวะ” มนุษย์หมูเริ่มเอะใจ ฝ่ามือหยาบกร้านกระชับกระบองเหล็กในมือพลางกวาดมันไปมาท่ามกลางความมืด เกิดเสียงขวับ ๆ จากการหวดลม“ช่วย...! อ่อก!” มนุษย์หมูเตรียมจะตะโกนเรียกเพื่อนที่อยู่เวรไม่ไกลกันให้มาตรวจสอบความผิดปกตินี้ แต่ทันทีที่อ้าปากก็ต้องตกตะลึงอ้าปากค้างเมื่อตนเองกลืนน้ำเข้าไปอึกใหญ่ทั้งทางปากและจมูก “อุก... อ่อก”โจเซฟฉวยโอกาสที่มนุษย์หมูกำลังตกใจกับลูกบอ
“ดีที่เป็นแค่คนชั่วธรรมดาด้วย” โจเซฟมองออกว่าคนพวกนี้แต่เดิมถ้าไม่ใช่พวกอันธพาลหน้าปากซอย ก็น่าจะเป็นคนทั่วไปที่เบนเข็มมาทำชั่ว ถ้ามีใครสักคนในนี้เป็นทหารหรือตำรวจ การฆ่าคนเหล่านี้อาจไม่ง่ายดายนัก“ข้างหน้าน่าจะเป็นคลังเก็บเสบียง” หญิงสาวสัมผัสได้ว่าบริเวณนั้นมีเวรยามมากกว่าจุดที่ผ่านมาเกือบเท่าตัว และมีกลิ่นเย็น ๆ ของเครื่องปรับอากาศลอยมาปะทะจมูกเป็นระยะ“กี่คน”“คร่าว ๆ น่าจะประมาณ 7 คน” มีคนอู้หลับ 2 หรือไม่ก็อาจจะเป็นคนที่รอเข้ากะในเวรยามช่วงต่อไป“ห่างจากห้องเก็บสินค้าที่ได้ยินเสียงร้องไห้มากไหม”“ไม่ไกลกันเลยค่ะ” จะบอกว่าอยู่ข้างกันเลยก็ได้“ใช้คนเยอะเฝ้าสองอย่างเลยสินะ” โจเซฟกุมคางครุ่นคิด “มีใครสังเกตเห็นถึงความผิดปกติบ้างหรือยัง”“เท่าที่ฟังจากเสียงฝีเท้ากับเสียงพูดคุยประปราย เหมือนจะยังไม่รู้ว่าเราบุกเข้ามา” หงส์กระซิบเสียงเบา“งั้นก็ดี” ชายหนุ่มมองหลอดไฟพลังงานแสงอาทิตย์ตามจุดสำคัญต่าง ๆนับว่าหัวหน้าค่ายแห่งนี้ใช้จ่ายกระแสไฟฟ้าที่หาได้ยากอย่างฟุ่มเฟือยมาก นอกจากจะไม่เก็บสำรองไว้ใช้ในยามจำเป็นแล้ว ในตอนกลางคืนก็ยังคงเปิดไฟไว้โดยไม่คิดเลยว่ามันจะเรียกอันตรายมาหาพรึบ!“เฮ้ย
ผู้บุกรุกยามวิกาลแบ่งกำลังพลออกเป็น 2 ส่วน ตุ่นกับสองสาวสมาชิกใหม่รับหน้าที่ก่อกวนพร้อมกับสร้างความเสียหายให้มากที่สุด เอาให้พวกมันต้องใช้เวลาวุ่นวายอยู่กับการฟื้นฟูแทนที่จะมาคิดเรื่องใต้สะดือโจเซฟกับหงส์จะเป็นคนออกไปตามหาว่าพวกมันนำหญิงสาวไปขังรวมกันไว้ที่ไหน หากมีช่องทางช่วยเหลือได้ในทันทีก็จะยื่นมือเข้าช่วยที่ต้องแยกสองสามีภรรยาออกจากกันเพราะทั้งคู่ต่างก็เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่มีประสาทการฟังที่ยอดเยี่ยม หากเกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลขึ้น โจเซฟสามารถใช้เสียงเพื่อให้คนที่อยู่ใกล้และไกลถอยออกได้ทันท่วงทีความปลอดภัยของพวกเขาต้องมาก่อนชายหนุ่มรู้ว่าการบุกเข้ามาที่นี่ค่อนข้างเสี่ยง นอกจากพวกเขาสามคนแล้ว ดาริณีและพิมพาล้วนเป็นมือใหม่ ไม่เคยประสบพบเจอกับเรื่องราวโหดร้ายทารุณประเภทนี้เลยสักครั้ง ตอนแรกเขาอยากให้ทั้งคู่รออยู่ที่จุดนัดพบมากกว่า แต่พวกเธอปฏิเสธและบอกกลับมาว่า‘ถ้าไม่ไปก็จะไม่ได้ประสบการณ์ค่ะ’ พิมพายืนยันหนักแน่น‘ถ้าเกิดเรื่องกับพวกเรา ไม่ต้องกังวลนะคะ เป็นฉันที่อยากทำเอง’ ดาริณีสบตาชายหนุ่ม ในแววตาไม่มีความหวาดกลัวอยู่เลยสักเสี้ยวเดียว‘แต่ถ้าพวกคุณเป็นอะไรไป ยังมีเด็ก ๆ ที่เส
“ไม่มีสายเสริมกำลังกายบ้างเลยเหรอ?” โจเซฟ“ไม่แน่ใจครับ อาจจะมีหรืออาจจะไม่มี” พลังพิเศษสายกำลังกายถ้าไม่แสดงออกมาย่อมไม่มีใครสังเกตเห็นได้ ดูอย่างเด็กชายดลสิ ถ้าไม่วิ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าเด็กนั่นวิ่งเร็วแค่ไหน“ที่รักพอจะจำหน้าคนที่มีตำแหน่งสูง ๆ ในค่ายได้ไหม" หงส์ถาม“ไม่แน่ใจนะ เวลามันน้อยเกินไป”“น่าเสียดาย” ถ้าฆ่าพวกมันให้หมดได้ก็น่าจะแก้ปัญหาที่ตรงเหตุที่สุดแล้วแท้ ๆ“พวกตัวหัวหน้ามักจะมีท่าทีแตกต่างจากคนปกติทั่วไปอยู่แล้ว ดังนั้นฆ่าได้ฆ่า” โจเซฟยิ้มเหี้ยม เดนมนุษย์อย่างนี้จะเก็บไว้ทำไมให้รกโลก“รับบัญชาค่ะ” หงส์คลี่ยิ้มกว้าง…ได้เวลานองเลือดแล้วสิห้างสรรพสินค้าที่เป็นประเด็นแห่งนี้ถูกแบ่งสันปันส่วนตามระดับความสำคัญของคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ คนที่เป็นแค่กรรมกรหรือเบ๊จิปาถะไม่มีพลังพิเศษจะอาศัยอยู่รอบนอก ไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้หากไม่มีกิจธุระที่จำเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ธรรมดาอยู่ชั้นใต้ดิน ชั้นที่หนึ่งจะเป็นห้องอาหารและส่วนสันทนาการต่าง ๆ แล้วแต่ใครจะทำอะไร ชั้นสองเป็นชั้นสินค้าแบรนด์เนมจึงให้กลุ่มผู้มีพลังพิเศษหรือมนุษย์กลายพันธุ์อยู่อาศัย ชั้นที่สามเป็นชั้นสำหรับเ
โจเซฟเลือกบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ห่างจากห้างสรรพสินค้าแห่งนั้นประมาณ 7 กิโลเมตร ซึ่งเป็นระยะที่หงส์กับตุ่นยืนยันว่าทั้งคู่ไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวภายในค่ายแล้วนั่นหมายความว่าคนในค่ายเอง ต่อให้เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ก็จะไม่สามารถได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของพวกเขาด้วยเช่นกัน เว้นเสียแต่ว่าอีกฝ่ายเป็นมนุษย์ที่สามารถเลื่อนระดับพลังไปถึงระดับ 2 แล้วเหมือนกับสมาชิกในทีมของโจเซฟทั้งสามคนอีกทั้งยังต้องเป็นมนุษย์กลายพันธุ์เป็นสัตว์ที่มีประสาทการรับฟังดีมากจึงจะสามารถรับเสียงได้ไกลเหมือนคู่รักหมีกระต่ายในระหว่างที่หาบ้านหลังหนึ่งเพื่อวางแผนให้ความช่วยเหลือเสียงปริศนาในค่ายแห่งนั้น พวกเขาก็ไม่ได้ปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์ ตุ่นได้ใช้ทักษะย่องเบา... เอ๊ย! ทักษะการสอดแนมที่ได้รับการฝึกฝนจากกองทัพ แยกตัวออกไปหาทางแทรกซึมเข้าไปในค่ายห้างสรรพสินค้า รับรองว่าเงียบกริบ ถ้าไม่ได้หูผีหรือมีพรายกระซิบ รับรองว่าไปมาไร้ร่องรอยโจเซฟสอนการเก็บซ่อนอาวุธตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้กับมือใหม่อย่างดาริณีและพิมพา ในช่วงที่รอให้ตุ่นรายงานผลการสอดแนม“พยายามอย่าเอาอะไรไปเยอะ มีแค่ของที่จำเป็นต่อการต่อสู้ก็พอ อย่าลืมหาท
“ดูเหมือนจะมีการแจกจ่ายงานด้วย” เด็กสาวยิ้มยินดี จะให้ล้างจานหรือกวาดถนนก็ทำได้ทั้งนั้น ขอแค่สามารถมีชีวิตต่อไปในแต่ละวันก็พอกลุ่มผู้รอดชีวิตบางคนก็มีชีวิตที่ดีขึ้นหลังได้ออกมาอยู่รวมกันในค่าย ไม่ต้องคอยหวาดระแวงในเวลากลางคืน ขอแค่ขยันอดทนก็ทำงานแลกข้าวกินได้ 3 มื้อ ไม่ต้องอดอยาก แต่บางคนที่หลงเข้าไปในค่ายที่มีการจัดการที่ค่อนข้างแย่ อีกทั้งยังผูกขาดอาหารและน้ำไว้ที่กลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ใครที่เผลอหลงเข้าไปต่อให้อยากหนีก็มีแต่ต้องทิ้งชีวิตแล้วไปเกิดใหม่อย่างที่โจเซฟและกลุ่มจะได้เจอหลังจากนี้...“จะเข้าไปที่ห้างเหรอ เสียใจด้วยนะ ถิ่นนี้พี่จอง” ก่อนถึงห้างสรรพสินค้า ตุ่นและหงส์รับรู้ได้ว่ามีคนจับจองที่แห่งนั้นเป็นฐานที่มั่นแล้ว เพราะมีทั้งเสียงผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา และมีเสียงการฆ่าซอมบี้ด้วยเช่นกัน โจเซฟตัดสินใจจะแสดงเป็นกลุ่มผู้รอดชีวิตที่มาหาที่พึ่งเพื่อดูว่าค่ายขนาดเล็กนี้มีความเป็นอยู่อย่างไร ถ้าหากเจรจากันได้ก็จะลองพูดคุยดู แต่สีหน้าและท่าทางของหงส์ก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจ“เปล่า พวกเราแค่ผ่านมา” โจเซฟมองชายที่สักลายไว้ทั่วตัว หมอนั่นถือขวานขนาดใหญ่ไว้ ตามร่างกายมีเกล็ดขึ้นประปราย คล้ายกั
กลุ่มค้นหาสิ่งของจำเป็นทำแบบนี้อยู่หลายวัน บางสถานที่ก็เก็บกวาดมาได้เยอะ และบางทีก็เรียกได้ว่ามาเสียเที่ยว จนกระทั่ง 2 สัปดาห์ต่อมาพวกเขาก็ได้พบกับกลุ่มผู้รอดชีวิตกลุ่มใหญ่ที่กำลังมุ่งหน้าเข้าตัวเมือง“พวกคุณก็จะเข้าตัวเมืองเหมือนกันเหรอ” ชายชราคนหนึ่งถาม เขาถูกลูกหลานคะยั้นคะยอให้ออกจากบ้านหลังเก่าที่ใช้ซุกหัวนอนมาหลายชั่วอายุคน เหตุผลเพราะละแวกที่อยู่อาศัยไม่สามารถหาอาหารได้อีกแล้ว ประจวบเหมาะกับมีคนออกมาทำภารกิจและบอกว่าในตัวเมืองมีค่ายพิเศษที่นักการเมืองในท้องถิ่นเป็นคนจัดตั้งขึ้น พวกเขาจึงหมายมั่นปั้นมือว่าจะไปเข้าร่วมด้วยเดิมทีพวกเขาเป็นครอบครัวใหญ่ที่อาศัยอยู่ในโฉนดที่ดินเดียวกัน เพราะเป็นญาติพี่น้องที่บรรพบุรุษแบ่งสันปันส่วนที่ทางให้แต่ละคนปลูกบ้านและทำมาหากินร่วมกัน เมื่อถึงเวลาฉุกเฉินจึงรวมตัวกันช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้อย่างรวดเร็ว พวกเขามีตั้งแต่คนแก่อายุ 60 ปีขึ้นไป และเด็กน้อยไม่ประสาลืมตาดูโลกไม่ถึงหนึ่งขวบปีดี เมื่อนับรวมกันแล้วก็มีมากกว่า 10 ชีวิตพวกเขาสามารถประคับประคองจนผ่านพ้นวิกฤตต่าง ๆ มาได้ แม้กระทั่งฝนตกและมีผู้ติดเชื้อจำนวนมหาศาลมาป้วนเปี้ยนหน้าบ้านก็ไม่หวั่
…ภายนอกอาคารนั้นเงียบสงัดไม่มีเสียงการเคลื่อนไหวเลย นั่นหมายความว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีใครอยู่อีกแล้ว มีเพียงตัวอาคารที่ถูกธรรมชาติค่อย ๆ คืบคลานเข้ามากลืนกินรอบนอกอาคารเต็มไปด้วยวัชพืชหลากหลายพันธุ์ พวกมันงอกแทรกขึ้นมาตามร่องอิฐตัวหนอนที่ถูกนำมาปูเป็นทางเดิน โชคดีที่ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน หากเปลี่ยนเป็นตอนกลางคืนคงให้ความรู้สึกเหมือนกำลังออกไปล่าท้าสิ่งลี้ลับจนตุ่นขวัญผวาเกาะคนรักไม่ปล่อยแน่ ๆครืด…เสียงประตูฝืดเฝื่อนถูกเลื่อนออกด้วยสองมือของโจเซฟ ด้านบนมีกล่องเซนเซอร์ที่ในอดีตเคยจับการเคลื่อนไหวและเปิดประตูบานนี้อัตโนมัติ เพียงแต่ในเวลานี้ไม่มีกระแสไฟฟ้าที่เป็นแหล่งพลังงานให้มันอีกแล้ว ดังนั้นใครที่ต้องการเข้ามาภายในสำนักงานก็จำเป็นต้องลงแรงเปิดด้วยตัวเอง“สวมหน้ากากกันแก๊สไว้ก่อน” โจเซฟเห็นฝุ่นด้านในฟุ้งตลบก็ออกคำสั่งต่อทันทีดาริณีกับพิมพาได้รับหน้ากากนี้มาตั้งแต่วันที่ออกเดินทางวันแรก พวกเธอหยิบมันขึ้นมาสวมใส่อย่างว่าง่าย นอกจากฝุ่นที่ยังลอยเอื่อยอยู่ในอากาศ สภาพภายในอาคารก็บ่งบอกถึงการได้รับความเสียหายเช่นกัน ไม่ว่าจะโต๊ะ เก้าอี้ หรือชั้นวางเอกสารต่างถูกตั้งวางไว้ตามมุมหน้าต่าง
พอถึงระยะที่กำหนด ทุกคนก็ลงจากจักรยานแล้วใช้วิธีการเดินเท้าไปจนถึงจุดที่มีซอมบี้ระดับหนึ่งเดินโขยกเขยกอยู่กลางถนน พวกมันเดินจับกลุ่มกัน ลักษณะการแต่งกายคล้ายคลึงกับเจ้าหน้าที่รัฐจากสำนักงานที่ไหนสักแห่งเพราะอยู่ในชุดสีกรมท่าเหมือนกันทั้งหมด ตามตัวมีรอยแผลเหวอะหวะจากการกัดฉีก“ไม่มีซอมบี้วิวัฒนาการ” หงส์กะจากสายตาบวกกับลางสังหรณ์ของตน “มีแต่ระดับหนึ่งก็จริง แต่จะประมาทไม่ได้นะคะ” พร้อมกับเอ่ยเตือน“รับทราบค่ะ” พิมพามองซอมบี้ที่กำลังมุ่งหน้ามาทางตนก็กลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง เรียกขวัญและกำลังใจให้ตนเองก่อนลงมือ“งั้นลุยเลยนะคะ” ดาริณีทุบกำปั้นปะทะฝ่ามือของตนเอง เกิดเสียงแน่นหนักชวนให้รู้สึกว่าต้องเจ็บตัวแน่หากโดนหญิงสาวเหวี่ยงหมัดใส่สักครั้ง“ลุยเลยครับ” สิ้นเสียงโจเซฟ พิมพาก็วิ่งขึ้นหน้า เหวี่ยงมีดยาวฟันเข้าที่แขนของซอมบี้ที่ตรงมายังเธอก่อนเป็นตัวแรก จากนั้นก็มุดลงต่ำ ให้ดาริณีที่วิ่งมาจากด้านหลังเหวี่ยงขวานใส่ลำคอของมันทันทีตุบการประสานงานของทั้งคู่เป็นไปอย่างไหลลื่น ความดีความชอบนี้ต้องยกให้กับครูฝึกสุดเข้มงวดอย่างโจเซฟที่พยายามให้หญิงสาวทั้งสองฝึกการต่อสู้มาก่อนจากบนภูเขา ทำให้ร่างกา