เข้าสู่ระบบแม้จะได้รับโอกาสในการทำงานแต่ญาณิดาก็ยังรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมจากการถูกศิวกรแย่งผลงานไป คืนนี้หญิงสาวจึงออกมานั่งดื่มที่ผับอีกครั้งและคิดว่าจะเมาให้เต็มที่
เธอเลือกนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์อย่างเคย สั่งค็อกเทลแก้วแล้วแก้วเล่าปล่อยให้แอลกอฮอล์ไหลลงสู่ร่างกายหวังจะมอมเมาตัวเองให้ลืมความผิดหวังที่ได้รับ แม้จะดื่มไปหลายแก้วแล้ว แต่ความเครียดก็ยังคงอยู่ เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ ถึงความไม่ยุติธรรมที่ได้รับ และความตั้งใจที่จะต้องไปทำงานในบริษัทที่ใหญ่กว่านี้ให้ได้ เพื่อพิสูจน์ตัวเองและไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของคนอย่างศิวกรอีก
เวลาล่วงเลยไปจนญาณิดาเริ่มรู้สึกมึนหัว เธอยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง ตั้งใจจะดื่มให้หมดแล้วค่อยเรียกแท็กซี่กลับ
“ยังไม่หายเครียดอีกเหรอ”
เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นข้างๆ ทำให้ญาณิดาที่หันไปมองและพบกับ ธันวาชายหนุ่มผู้ให้คำแนะนำแก่เธอเมื่อสองวันก่อน เขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ ด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก
“คุณธันวามาดื่มเหรอคะ” ญาณิดาทักทายเธอไม่คิดว่าจะได้เจอเขาที่นี่อีกครั้ง
“ใช่ครับ เห็นคุณนั่งอยู่คนเดียวเลยแวะมาทัก ดื่มหนักเลยนะครับ ดูท่าจะเครียดกว่าเดิมอีกนะ” ธันวาตอบพลางกวาดสายตามองแก้วค็อกเทลที่เรียงรายอยู่ตรงหน้าญาณิดา
“คุณธันวาเดาเก่งเหมือนเดิมเลยนะคะ ก็เรื่องที่ฉันเล่าให้ฟังวันนั้นแหละค่ะ ฉันไปคุยกับผู้จัดการมาแล้ว” ญาณิดายิ้มอย่างเจื่อนๆ แล้วถอนหายใจ
“แล้วเป็นยังไงบ้างครับ”
ญาณิดาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในห้องผู้จัดการให้ธันวาฟังทั้งหมด ตั้งแต่การที่ศิวกรชิงลงมือพูดกับผู้จัดการก่อน การที่เธอพยายามโต้แย้งด้วยหลักฐาน
“แล้วคุณยอมไหม”
“คุณสมเกียรติให้เหตุผลเรื่องความน่าเชื่อถือของบริษัท และข้อเสนอให้ร่วมงานในโครงการบ้านจัดสรรเฟสต่อไป ฉันก็เลยต้องยอมไปก่อนน่ะค่ะ มันรู้สึกเหมือนถูกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเลยนะคะคุณธันวา ฉันรู้ว่ามันไม่ยุติธรรมเลย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเธอ” พูดด้วยน้ำเสียงท้อแท้
“ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณนะ แต่คุณตัดสินใจถูกแล้วล่ะ การยอมถอยในบางครั้งก็ไม่ใช่การแพ้ แต่เป็นการรุกคืบในโอกาสที่เหมาะสมกว่า” ธันวานั่งฟังอย่างตั้งใจ สีหน้าของเขาเรียบเฉยแต่แววตาฉายแววครุ่นคิด
“แต่ฉันยังรู้สึกไม่แฟร์เลยค่ะคุณธันวา ฉันตั้งใจมากจริงๆ” ญาณิดาพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
“ผมรู้ครับ แต่คุณได้โอกาสใหม่แล้วนะ โครงการบ้านจัดสรรที่คุณพูดถึง ถือเป็นโปรเจกต์ใหญ่และสำคัญมากสำหรับบริษัทของคุณไม่ใช่เหรอ” ธันวาถาม
“ใช่ค่ะ มันเป็นโอกาสที่ดีมากๆ เลยฉันก็เลยต้องยอมรับข้อเสนอไปก่อน”
“ถูกต้องแล้วครับ ใช้โอกาสนี้ให้เต็มที่ แสดงความสามารถของคุณให้ทุกคนเห็น แล้วเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม คุณก็จะก้าวไปยืนในจุดที่คุณคู่ควร” ธันวาให้กำลังใจ
“ค่ะ ฉันคิดฉันต้องโชว์ฝีมือผลงานให้เต็มที่เผื่อจะมีโอกาส ได้เข้าไปทำงานในบริษัทที่ใหญ่กว่านี้ให้ได้ ฉันอยากพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าฉันมีความสามารถ”
“ผมเชื่อว่าคุณทำได้แน่นอนครับ คุณมีความมุ่งมั่นและความสามารถอยู่ในตัวอยู่แล้ว”
“ขอบคุณนะคะคุณธันวา คุณเป็นคนแปลกหน้าที่ให้คำแนะนำฉันได้ดีที่สุดเลย” ญาณิดายิ้มหวานกว่าทุกครั้งเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เริ่มออกฤทธิ์เต็มที่
ผับเริ่มปิดไฟบางส่วน เป็นสัญญาณว่าใกล้จะปิดให้บริการแล้ว พนักงานเริ่มเดินเก็บกวาดโต๊ะและเก้าอี้
“ผับใกล้ปิดแล้วนะครับ ให้ผมไปส่งไหม” ธันวาเสนอ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งแท็กซี่กลับได้” ญาณิดาโบกมือปฏิเสธ
“คุณดื่มไปเยอะขนาดนี้จะนั่งแท็กซี่กลับคนเดียวได้ยังไง ให้ผมไปส่งดีกว่า ปลอดภัยกว่าเยอะ” ธันวาถามด้วยความเป็นห่วง
“ฉันยังไม่อยากกลับเลยค่ะคุณธันวา ว่าจะไปหาที่อื่นดื่มต่อให้หายเครียด” ญาณิดาพูดเสียงอ้อแอ้
“ถ้ายังไม่อยากกลับ และยังไม่หายเครียด ผมมีวิธีคลายเครียดที่ผมมักใช้ประจำนะครับ” ธันวานิ่งไปครู่หนึ่ง เขามองใบหน้าแดงก่ำของญาณิดา แววตาของเขาฉายแววเจ้าเล่ห์เล็กน้อย
“วิธีอะไรคะ”
“นอนกับใครสักคน” ธันวาพูดตรงๆ ใบหน้าของเขาเรียบเฉย ราวกับกำลังพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ
“คุณธันวานี่คุณกำลังชวนฉันนอนด้วยเหรอคะ” ญาณิดาตกใจแล้วหัวเราะออกเพราะไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้าพูดตรงขนาดนี้
“ก็ถ้ามันช่วยให้คุณคลายเครียดได้ และมันจะเป็นแค่คืนเดียว One night stand ไม่มีผูกมัด และผมจะไม่มาเจอคุณที่นี่อีก ถ้าคุณไม่ต้องการ” ธันวาตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน
ญาณิดาหยุดหัวเราะ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นแดงก่ำทั้งเมาทั้งอายกับคำชวน หญิงสาวไม่เคยเจอใครที่พูดจาตรงไปตรงมาขนาดนี้มาก่อน ด้วยความเมาที่ครอบงำ สติสัมปชัญญะเริ่มพร่าเลือนและความเครียดที่ยังไม่จางหาย ทำให้เธอคิดอะไรไม่ถี่ถ้วน เธอไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เธอตอบตกลง
“ก็ได้ค่ะ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะทำให้ฉันหายเครียดได้หรือเปล่า” ญาณิดาตอบออกไปอย่างไม่คาดคิด
“งั้นไปกันเถอะครับ” ธันวายิ้มมุมปาก
เขาจ่ายค่าเครื่องดื่มทั้งหมด แล้วจูงมือญาณิดาออกจากผับ เธอเดินโซซัดโซเซตามเขาไปอย่างไม่เต็มใจนัก แต่ก็ไม่ได้ขัดขืน ธันวาพาเธอขึ้นรถยนต์คันหรูของเขา แล้วขับมุ่งหน้าไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล
เข้าสัปดาห์ที่สองของการมาทำงานที่ปราณบุรีตอนนี้งานของญาณิดาคืบหน้าไปมากอีกเพียงไม่กี่วันเธอก็จะได้กลับไปอยู่กรุงเทพแล้ว หญิงสาวเลยอยากจะใช้เวลาที่นี่อย่างเต็มที่หลังจากเลิกงานแล้วญาณิดาก็ทานอาหารที่ห้องอาหารของรีสอร์ทจากนั้นก็กลับมาที่บ้านพัก เธอหยิบชุดว่ายน้ำแบบบิกินี่สีม่วงพาสเทลตัวจิ๋วขึ้นมาสวมก่อนจะลงไปว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำบ้านพักของเธอเป็นบ้านพักหลังริมสุดมีความมิดชิดเป็นส่วนตัวมาก ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่หญิงสาวก็ลงว่ายน้ำอยู่ตลอดเธอรู้สึกผ่อนคลายเวลาที่ตัวเองแช่อยู่ในสระน้ำแม้จะแหวกว่ายอยู่คนเดียวแต่ก็รู้สึกมีความสุขมากๆ เธอนอนหงายทรงตัวอยู่เหนือผืนน้ำตามองขึ้นไปบนฟ้ามองดวงจันทร์ที่คืนนี้มันกลมโตสวยงามมากกว่าคืนไหน แล้วก็คิดถึงคนที่อยู่ไกลออกไปอีกไม่นานเธอกับเขาก็คงจะได้มาอยู่ด้วยกันหญิงสาวกำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศแต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อมีเสียงเหมือนใครกำลังลงมาในสระ เธอรีบพลิกตัวแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้คนที่เธอคิดถึงอยู่นั้นยืนห่างออกไปเพียงนิด“ธันวา” เธอเรียกเขาด้วยความดีใจก่อนจะว่ายเข้าไปใกล้และกอดด้วยความคิดถึง“คิดถึงจัง”“ดรีมก็คิดถึงคุณค่ะ น่าจะบอกก่อนว่าจะมาเหนื่
กลับจากเวียดนามครั้งนี้ญาณิดาคิดว่าสายตาที่คนในบริษัทมองเธอเปลี่ยนไป บางคนมองหน้าเธอแล้วก็กระซิบกระซาบกันทำให้หญิงสาวรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่เธอรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาพูดกันนั้นก็น่าจะเป็นเรื่องที่เธอกับธันวากำลังคบกันอยู่หญิงสาวเดินเข้ามาในแผนกด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่“พี่สุคะเรื่องของดรีมนี่เขารู้กันทั้งบริษัทแล้วใช่ไหมคะ”“ใช่จ้ะ ก็มีพวกวิศวกรที่เขาไปทำงานเวียดนามเจอดรีมกับคุณธันวาเรื่องมันก็เลยรู้กระจายเป็นวงกว้าง แต่ดรีมไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ พวกเขามองดรีมก็เพราะอิจฉา แล้วเป็นยังไงบ้างไปเวียดนามครั้งนี้ทุกอย่างโอเคมั้ย”“ค่ะพี่สุ เดือนหน้าคุณธันวาก็จะกลับมาอยู่ที่เมืองไทยแล้วก็บินไปดูเป็นระยะไม่ได้อยู่ที่นั่นถาวรแล้ว”“พี่ดีใจด้วยนะ ในที่สุดก็จะได้กลับมาอยู่ด้วยกันสักที”“ดรีมก็ดีใจค่ะ และรอให้ถึงวันนั้นเร็วๆ พี่สุคะดรีมมีอีกเรื่องที่ยังไม่ได้บอกพี่สุ”“มีความลับอะไรจะบอกพี่เหรอ” สุกัญญายิ้มก่อนจะขยับเก้าอี้มาใกล้ๆ เพื่อตั้งใจฟัง“ตอนนี้ดรีมกับคุณธันวาเราจดทะเบียนสมรสกันแล้วนะคะ”“เป็นข่าวดีเลยทีเดียว พี่ดีใจด้วยนะคุณธันวาเป็นคนดีมากและดรีมก็เหมาะสมกับเขามาก ทั้งสวยทั้งเก่งแล้วยังท
ญาณิดาอาบน้ำอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าธันวาจะตามเข้ามาในห้องน้ำ เธออาบเสร็จก่อนเวลาที่เขากำหนดและเมื่อเดินออกมาก็เห็นว่าตอนนี้ธันวานั่งรออยู่บนโซฟาเขานุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวไว้เพื่อจะรอเข้าห้องน้ำต่อจากคนรัก“ผมซื้อเบียร์ที่คุณชอบมาด้วย อยู่ในตู้เย็น คุณกินระหว่างรอผมอาบน้ำนะ แต่อย่าเพิ่งเมาก่อนล่ะ” ชายหนุ่มพูดกับคนรักก่อนจะรีบเปิดประตูห้องน้ำแล้วเดินเข้าไปเมื่อธันวาเข้าห้องน้ำไปแล้วญาณิดาก็หยิบชุดนอนมาสวมก่อนจะเดินมาที่ตู้เย็นหยิบเบียร์มาสองกระป๋องก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟาเปิดทีวีดูไม่นานธันวาก็อาบน้ำเสร็จแล้วนั่งลงข้างๆ“ธันวาไปใส่เสื้อก่อนดีไหม”“ใส่ทำไมล่ะเดี๋ยวก็ต้องถอด”“นี่กะจะทำแบบนั้นอย่างเดียวเลยหรือไง ไม่คิดจะคุยกันหน่อยเหรอคะ ไม่ได้เจอกันตั้งนานนะ”“เรามีเวลาคุยกันอีกเยอะ แต่ตอนนี้ขอก่อนนะ อดทนมานานตั้งเดือน”พูดจบเขาก็จูบอย่างเร่าร้อนจนหญิงสาวไม่ทันตั้งตัวแต่เธอก็ยอมให้เขาจูบไปตามใจปรารถนาเพราะตัวเธอเองก็คิดถึงเขามากเช่นกันธันวาจับให้ญาณิดานั่งลงบนโซฟาก่อนจะพลิกตัวเองคุกเข่าลงบนพื้นแล้ว ถอดชั้นในสีหวานออกแล้วจับเรียวขาข้างหนึ่งพาดไว้บนบ่าก้มใบหน้าเข้าใกล้ ลากปลายลิ้นร้อนบนกลีบกุหล
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ววันนี้ก็ครบหนึ่งเดือนที่ญาณิดาสัญญาว่าจะมาหาคนรักที่เวียดนามเมื่อลงจากเครื่องก็เห็นว่าธันวาเธอมารอรับอยู่แล้ว หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปหาเขาด้วยความคิดถึงที่มีท่วมท้น“ธันวาคิดถึงจัง” หญิงสาวโผเข้ากอดขณะที่ธันวาก็อ้าแขนรับทั้งสองกอดกันแน่นส่งผ่านความรู้สึกผ่านอ้อมกอด“ผมก็คิดถึงดรีมครับ เหนื่อยไหม”“ไม่เลยค่ะดรีมหลับมาตลอดเลย คุณล่ะช่วงนี้งานเป็นยังไงบ้างคะ”“ผมเคลียร์งานเรียบร้อยมีเวลาอยู่กับดรีมตลอดทั้งสามวันเลยครับ หิวหรือเปล่า”“นิดหน่อยค่ะ”“งั้นไปหาอะไรอร่อยๆ กินก่อนกลับโรงแรมนะ”“ดีค่ะ ดรีมขอร้านที่อยู่ไกลจากโรงแรมหน่อยนะคะ ไม่อยากเจอลูกน้องของคุณเท่าไหร่”“ทำไมล่ะครับเรื่องของเราไม่ใช่ความลับแล้วนะ”“ดรีมไม่รู้จะทำหน้ายังไงนี่คะ” หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้งและก็กลัวจะเจอคนรู้จักเพราะยังไม่พร้อมจะบอกสถานะของตัวเอง“ก็ทำหน้าสวยๆ แบบนี้ไงล่ะ” ธันวาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะพาเธอเดินออกมายังรถที่จอดอยู่ธันวาขับรถพาเธอมายังร้านอาหารริมทะเลบรรยากาศดีทั้งสองนั่งทานอาหารและพูดคุยแลกเปลี่ยนถึงเรื่องราวที่ผ่านมาตลอดหนึ่งเดือน“ผมคิดถึงคุณมากเลย
แล้วก็ถึงวันที่ธันวาต้องเดินทางกลับไปทำงานที่เวียดนามโดยมีญาณิดามาส่งที่สนามบิน“อีกหนึ่งเดือนเจอกันนะคะธันวา” ญาณิดาบอกกับคนรักเพราะเธอวางแผนจะไปหาเขาที่เวียดนาม“ผมจะนับวันรอนะ แต่ถ้าผมคิดถึงดรีมก่อนผมก็จะมาหานะ”“ดรีมไม่อยากให้คุณเสียงานเพราะดรีมนะคะ”“แต่ตอนนี้งานก็คืบหน้าไปมากแล้วบางทีผมอาจจะได้กลับมาก่อนกำหนดก็ได้นะงานที่นั่นคืบหน้าไปมาก ผมคงไม่ต้องอยู่คุมงานตลอดก็ได้”“จริงเหรอคะ” ญาณิดาดีใจเพราะเธอเองก็อยากให้ธันวากลับมาอยู่ด้วย ช่วงที่เขามาอยู่เมืองไทยเป็นช่วงที่หญิงสาวมีความสุขที่สุดและถ้าเขากลับมาอยู่ตลอดก็คงจะดีมาก“ดูแลตัวเองด้วยนะคะธันวา” หญิงสาวพูดกับคนรักด้วยความเป็นห่วง“ผมสัญญาจะดูแลตัวเองดีๆ แต่ผมว่าดรีมดูแลผมได้ดีกว่านะดรีมคอยดูแลให้ผมกินยาผมก็เลยหายเร็ว” ชายหนุ่มชี้ไปบนศีรษะของตัวเองที่ตอนนี้ให้หมอที่เมืองไทยตัดไหมออกให้แล้ว“หายแล้วอย่าให้มีแผลเพิ่มล่ะ ดรีมเป็นห่วงคุณนะคะ ถ้าเป็นไปได้ดรีมก็อยากกลับไปทำงานที่นั่นพร้อมกับคุณ ดรีมอยากดูแลคุณค่ะ”“ช่างพูดแบบนี้ผมชักไม่อยากห่างดรีมเลย”“ธันวาคะดรีมรู้สึกว่าช่วงนี้คุณจะงอแงบ่อยเหลือเกิน ไหนบอกว่าทุกคนต้องมีหน้าที่รับผิ
“หญิงสาวโน้มลำคอเขาลงมาแล้วจูบไปบนริมฝีปากของเขาธันวาเข้าใจคำตอบของเธอได้อย่างดี เขาจูบตอบอย่างเร่าร้อนมือก็เคล้นคลึงหน้าอวบอิ่มอย่างไม่ปรานีเขาผละออกจากริมฝีปากที่บวมช้ำแล้วก้มลงดูดกินหน้าอกอิ่มอีกครั้ง ญาณิดาแอ่นหน้าอกให้เขาอย่างเต็มใจ ความคิดถึงและโหยหาตลอดเวลาสองสัปดาห์มันทำให้ร่างกายของเธอร้อนราวกับไฟความต้องการที่ซ่อนลึกมันมาล้นจนไม่อาจเก็บไว้ได้“ผมเข้าเลยนะดรีมไม่ไหวแล้ว”ธันวากระซิบแหบต่ำก่อนจะกดท่อนเอ็นร้อนระอุเข้าหาเธออย่างช้าๆ“อ๊ะ!.....”หญิงสาวสะดุ้งถอยหนีเพราะรู้สึกถึงความใหญ่ที่สอดเข้ามา“เมียจ๋า....ไม่เอาแค่สองอาทิตย์มันแน่นมากมันวิเศษที่สุด”ชายหนุ่มกัดฟันกรอดเมื่อส่วนปลายหยักเข้าได้เพียงครึ่งทางร่องรักของหญิงสาวก็ตอดแรงจนเขาปวดร้าวจวนเจียนระเบิด ธันวารู้สึกพอใจเป็นอย่างมากที่ร่างกายของเธอมันสร้างความเสียวซ่านให้กับเขาทั้งยังเข้าไปได้ไม่สุดเขาขยับสะโพกเข้าหา ริมฝีปากก็จูบอย่างเร่าร้อนเมื่อเข้าได้สุดทางก็เริ่มขยับเป็นจังหวะสอดประสานที่ลงตัว“อื้อ...ธันวา....อ้า....”เสียงหวานของญาณิดาครางกระเส่า ยิ่งเขาเข้าลึกเสียงนั้นก็ยิ่งครางหวาน ท่อนเอ็นร้อนเสียดสีกับโพรงอ่อนนุ่







