แชร์

วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น
วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น
ผู้แต่ง: เพลงมีนา

Chapter 1. บทนำ

ผู้เขียน: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-16 21:06:01

          ภาพที่เห็นเบื้องหน้าทำให้หญิงสาวในชุดสาวจีนโบราณสีชมพูอ่อนหวานถึงกับก้าวเท้าไม่ออก  ราวกับเท้าทั้งสองถูกตะปูตอกตรึงไว้  ชายหนุ่มที่เธอรักและเชื่อใจกำลังจูบดูดดื่มกับหญิงสาวอีกคน!

            “ดาว ได้เวลาเข้าฉากแล้ว”

            หญิงสาวเจ้าของชื่อได้สติ  แม้มีแต่เสียงตะโกนเรียกแต่คนเรียกอยู่ไกลนักจึงไม่มีใครรู้ว่าในที่ลับตาคนมีพระเอกหนุ่มที่กำลังเป็นที่กล่าวถึงกับนางเอกสาวบุคลิกชวนให้คนทะนุถนอมกอดจูบดูดดื่มไม่สนใจฟ้าสนใจฟ้าดิน

            เป็นชายหนุ่มที่ได้ยินเสียงตะโกนนั้น ทำให้เขาชะงักและผละจากนางเอกสาวที่อ่อนระทวยในวงแขน  เสี้ยววินาทีสั้น ๆ ‘พันดาว’ สบตากับ ‘ศรัณย์’  มีบางอย่างในดวงตาของเขาที่ทำให้เธอสะบัดหน้าหนีหันหลังเดินตัวตรงจากมาอย่างไม่คิดจะหันกลับไปมองอีก

            ร่างเพรียวเดินมารับกระบี่ปลอม นักแสดงตัวประกอบหลายคนอยู่ในชุดจีนโบราณ  และหลายคนที่เป็นทีมงานกองถ่ายภาพยนตร์ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนสบาย ๆ  ช่างเมคอัพเข้ามาแต่งหน้าให้พันดาวอีกเล็กน้อย อีกคนจูงม้าสีน้ำตาลสวยเข้ามาอย่างรู้คิวงาน   ผู้ช่วยอีกคนเข้ามาซักซ้อมคิวการแสดง  พันดาวมองเลยไปยังคู่พระเอกนางเอกที่เดินออกมาจากด้านหลังพร้อมกัน โดยไม่มีใครรู้ว่าสองคนนี้ไปทำอะไรกันมา แต่ดวงตาของพันดาวอดมองริมฝีปากที่เจ่อบวมเล็กน้อย  เธอไม่ได้สนใจนางเอกสาวที่แต่งกายชุดเดียวกับเธอนัก   ถ้าจะพูดให้ถูกคือเธอแต่งกายแบบเดียวกับนางเอกคนนั้น เพราะเธอกำลังเล่นเป็นนางเอก 

            “ดาวพร้อมไหม!”

            “พร้อมค่ะ”

            เธอตอบแล้วตวัดสายตากลับ  ตั้งสมาธิกับงานตรงหน้า  เธอจะพลาดไม่ได้ เพราะนั้นหมายถึงชีวิตของเธอเอง

            “เอาเทคเดียวผ่านเลยนะ”

            พันดาวตอบด้วยรอยยิ้มเป็นรอยยิ้มของคนที่มั่นใจตัวเอง  เธอเป็นสตั๊นต์เกิร์ลมาตั้งแต่อายุสิบแปด ตอนนี้อายุยี่สิบหก ประสบการณ์ล้นเหลือ เคยร่วมงานกับทีมภาพยนตร์ต่างประเทศหลายครั้ง เหมือนเช่นที่ครั้งนี้เดินทางมาไกลถึงประเทศจีน แต่กระนั้นหญิงสาวก็รวบรวมสมาธิไม่อยู่ในความประมาท

            หญิงสาวมองสัญญาณจากผู้กำกับ  แสงไฟ กล้องถ่ายภาพยนตร์กำลังทำงาน  มันควรจะเป็นแค่ฉากง่าย ๆ แค่ควบม้าผ่านระเบิด และเปลวไฟเหล่านั้น   พันดาวจดจำจุดที่วางระเบิดได้แม่นยำ  ก่อนถ่ายทำยังเดินสำรวจดูด้วยตนเองหลายรอบ  ด้วยความที่ทำงานด้านนี้มานาน สนิทสนมกับฝ่ายเอฟเฟกต์อย่างดี และด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่มีมาตั้งแต่เด็ก  หากมีเวลาว่างก็มักจะเข้าไปคลุกคลีกับฝ่ายนี้ กลิ่นน้ำมัน กลิ่นดินปืน เทคนิกการระเบิดให้ปลอดภัย ทำให้เธอมั่นใจว่าตัวเองปลอดภัย

ความจริงมันควรเป็นฉากอันแสนสง่างาม  นางเอกควบม้าไปช่วยพระเอกที่ติดพันศึกอยู่ทัพหน้า  นั้นเป็นเรื่องราวในอดีตภพที่ทำให้ทั้งสองให้คำมั่นสัญญาจะรักกันไปทุกชาติ มันเป็นเพียงฉากหนึ่งในภาพยนตร์  แต่บางเรื่องราวที่เข้ามากระทบใจมันกรีดลึกลงเนื้อหัวใจของเธอ  แผลที่มองไม่เห็น แต่กระนั้นก็ไม่แน่ใจว่าที่ตัวเองเจ็บนั้น  เจ็บเพราะตัวเองโง่งมกับคำรักหวานหูหรือเพราะถูกหักหลัง

            หญิงสาวบนหลังอาชาสีน้ำตาลแสนงามสง่า ม้าตัวนี้เป็นม้าสำหรับการแสดงจึงไม่ตื่นตกใจง่าย ๆ และถูกฝึกซ้อมมาอย่างดี  พันดาวควบม้าด้วยความชำนาญผ่านจุดระเบิดต่าง ๆ อย่างสวยงาม และคาดว่าจะได้มุมภาพที่ออกมาดูดีไม่ต้องมาถ่ายซ่อมอีก  เหลือเพียงแค่กระโดดข้ามเพลิงกองนั้น  ก่อนที่ม้าจะกระโดดข้ามกองเพลิง  หางตาเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่าง  แม้บังคับใจให้ไม่วอกแวก ทว่าสิ่งนั้นกลับกระโจนผ่านมาหยุดหน้าม้าของเธอ

            สุนัขจิ้งจอกสีขาวพิสุทธิ์

ดวงตางามเบิกกว้างอย่างตกใจ  กลับมีเสียงระเบิดจากด้านข้าง  ม้าตื่นตกใจเสียจังหวะ เสียงระเบิดดังขึ้นซ้อนกันอีกหลายครั้งจนหญิงสาวหูอื้อ  รู้สึกเพียงแค่ว่าร่างตัวเองกระเด็นออกจากหลังม้า

            นั้นเป็นความรู้สึกสุดท้ายที่หญิงสาวจดจำได้.

.....

          ดวงตาที่ปิดสนิทลืมขึ้นทันที คนผวาตื่นทำท่าเหมือนหายใจไม่ออก  จ้องมองม่านมุ้งจนแน่ใจว่าตนเองนอนอยู่ที่ใดแล้วจึงระบายลมหายใจยาว  เมื่อปรับลมหายใจของตนเองได้เป็นปกติแล้ว ร่างผอมบางก็ยันตัวเองลุกขึ้นจากที่นอน  เพราะฝันซ้ำเรื่องเดิมทำให้ผวาตื่น  เจ้าของร่างยกหลังมือปาดเหงื่อที่ชื้นเต็มใบหน้าก่อนผลักม่านมุ้งออก

            เสียงนกร้อง เสียงไก่ขัน และท้องฟ้าที่เริ่มระเรื่อด้วยแสงแห่งรุ่งอรุณ  หญิงสาวเริ่มชินกับสถานที่แห่งใหม่นี่แล้ว  ครบเดือนพอดีที่ ‘พันดาว’ ตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในร่างของหญิงสาวผอมบางวัยสิบหกปีนาม ‘เหมยซิง’  หญิงสาวยังจำได้ดีว่าตอนที่ได้สตินั้น  ยังคิดไปว่าเป็นการหยอกเล่นกันสนุก ๆ ของทีมงานในกองถ่ายภาพยนตร์  แต่เมื่อกวาดตามองไปรอบ ๆ หากล้องที่อาจหลบซ่อนอยู่แล้วพบเพียงความว่างเปล่า  อาการมึนงงเหมือนศีรษะถูกกระทบกระเทือนเป็นเรื่องจริง  และยังมีรอยช้ำตามเนื้อตัวเอีก นางก้มมองสภาพตัวเอง  จัดฉากหรือสถานที่ได้  เสื้อผ้าย่อมเปลี่ยนได้  แต่รูปร่างหน้าตาเปลี่ยนไม่ได้  นางก้มมองสภาพตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ ถามหากระจกเหมือนคนโง่ แต่ใครจะรู้ว่าบ้านนี้ยากจนกระทั้งกระจกยังไม่มี  ฉับพลันนึกถึงน้ำจึงวิ่งไปส่องเงาตัวเองในอ่างน้ำ ลูบคลำใบหน้าตนเองอย่างแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรแปะทับใบหน้าตนเอง

            ใบหน้านี้ละม้ายคล้ายกับใบหน้าของ ‘พันดาว’ ในวัยสิบหกปีจริง ๆ  เพียงแต่เมื่อครั้งที่นางอายุสิบหกนั้นเป็นนักเรียนมัธยมไว้ผมยาวประบ่า  แต่เจ้าของร่างนี้ผมยาวถึงกลางหลังซ้ำยังผอมแห้งจนแทบจะปลิวลมอีกต่างหาก

            ‘เหมยซิง’

            พันดาวได้ยินเสียงชายวัยสี่สิบเรียกอย่างเป็นห่วง  เมื่อเห็นใบหน้าคนเรียกที่ท่าทางเหมือนคนป่วย และยังเดินลากขาซ้ายอีก หัวใจที่ตื่นตระหนกก็ยิ่งหดเกร็ง

            นี่มันอะไรกัน!

            กว่าจะตั้งสติยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นได้นั้น ก็ข้ามไปอีกวัน

            ความฝันที่ฝันซ้ำ ๆ ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาคือเรื่องจริงในอีกภพหนึ่งของพันดาว  ความทรงจำสุดท้ายที่ก่อนจะลืมตามาที่โลกที่ไม่รู้จักแห่งนี้

            หญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงนอน พับที่นอนเรียบร้อยแล้วก็ใช้มือสางผมยาวยุ่งของตัวเองก่อนขมวดเป็นมวยง่าย ๆ เสียบด้วยปิ่นไม้ที่เหลาเอง   ในกระท่อมหลังน้อยแบ่งห้องนอนได้สองห้อง ห้องใหญ่เป็นของ ‘ติงเชา’  ที่นางและเด็กอีกสี่คนเรียก ‘พ่อบุญธรรม’   เด็ก ๆ ในบ้าน เป็นผู้ชายสามคนอายุไล่เลี่ยกันประมาณแปดขวบ คือ ติงหยี่  ติงเกา ติงปิง ส่วนเด็กหญิงตัวน้อยวัยหกขวบ ‘เหมยลี่

            แท้จริงแล้ว ‘พันดาว’ ไม่มีความทรงจำของ ‘เหมยซิง’ อยู่เลย  อาศัยว่าตัวเองหมดสติไปสามวันสามคืน จำอะไรไม่ได้ทำให้ทุกคนค่อย ๆ เล่าที่มาที่ไปของตัวเอง และตัวนางด้วย

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 73. จบ

    “คุณชายหานหายไปไหนแล้ว” “เราไปดักที่หอเทียนหลงก็แล้วกัน” “ดี” ชายสองคนนั้นเดินจากไปแล้ว หานหงปิงรู้ดีแต่ขยับตัวออกจากร่างนุ่มนิ่มที่ตนเองเบียดชิดไม่ได้ ซ้ำยังไม่อาจถอนสายตาจากริมฝีปากที่เผยอขึ้นนั้นได้ “เอ่อ..” เหมยลี่ตั้งใจส่งเสียงเพียงเพื่อกลบเสียงหัวใจที่เต้นรัวของตนเอง นางใกล้ชิดเขามาสิบปีแต่ไม่เคยเลย ไม่เคยมีครั้งใดใกล้ชิดกันขนาดนี้ แล้วดวงตากลมก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อริมฝีปากของตนถูกริมฝีปากบางทาบทับลงมา ริมฝีปากของเขามีรสขมปร่าจากยาที่ดื่มเป็นประจำ ทว่าเมื่อนางยินยอมให้เรียวลิ้นของเขาเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นน้อย ๆ ของนาง ความหวานก็แผ่ซ่านไปทั่วโพรงปาก เขากดจูบอย่างดูดดื่ม และหิวกระหายทว่าเหมยลี่ผู้ไม่เคยถูกจุมพิตเหมือนจะขาดใจเสียตรงนั้น แข็งขาอ่อนแรงจนร่างแทบทรุดฮวบลงไป ได้แต่ขยุ้มสาบเสื้อของเขาเพื่อพยุงตัวเอง หานหงปิงถอนริมฝีปากให้หญิงสาวได้หายใจ เห็นนางหอบหายใจฮักก็อดหัวเราะน้อย ๆ ไม่ได้ เสียงหัวเราะของเขาเรียกสติของนาง หญิงสาวหน้าแดงจัด กำมือเป็นหมัดน้อย ๆ ทุบที่แผ่นอกของเขา

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 72.   ลูกๆ 

    ซุนเว่ยหมินพยายามไม่คิดถึงคำพูดขององค์รัชทายาทที่เคยกล่าวกับเขาเมื่อสิบปีก่อน เขาไม่ชอบเด็กคนนี้นัก ชอบทำตัวเหลวไหล ฮ่องเต้เองก็ไม่รู้ทรงนึกคิดสิ่งใดให้เขาเป็นผู้สอนวรยุทธ เขาจึงเคี่ยวกรำอย่างหนัก แต่เจ้าเด็กนั้นก็ยังยิ้มร่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หรือเขาจะแก่ไปแล้วนะ ไม่ ๆ เขาแค่สามสิบ จะแก่ได้อย่างไรเล่า! “ท่านพ่อกินข้าว” ลูก ๆ แย่งกันคีบกับข้าวใส่ชามให้บิดา แล้วแย่งกันคีบอาหารให้มารดา ซุนเว่ยหมินไม่ถือธรรมเนียมอะไรนัก เขาและเหมยซิงพอใจให้ลูก ๆ นั่งกินข้าวร่วมกับบิดามารดาเช่นนี้ อีกประเดี๋ยวพวกเขาก็เติบโตแล้ว ช่วงเวลาแห่งความสุขความทรงจำนี้ ยิ่งต้องถนอมไว้ให้เนิ่นนาน สำนักศึกษาที่ติงเชาเป็นอาจารย์สอนวรยุทธนั้น เน้นสอนเด็กยากจนให้ได้มีโอกาสทางการศึกษา แต่ด้วยความสามารถของติงเชา และอาจารย์ท่านอื่น สำนักศึกษาแห่งนี้จึงมีชื่อเสียงโด่งดัง ลูกเศรษฐีมีเงินต้องการให้ลูกได้เล่าเรียนดี ๆ ยอมพาบุตรหลานมาเรียนแม้ต้องเรียนรวมกับเด็กยากจนก็ตาม แต่เพราะมีเด็กกำพร้าที่ติงเชารับมาอุปการะเพิ่มเกือบยี่สิบคน พวกเขาแม้จะเป็นเด็ก แต่ติงหยี่ ติงเกา ติงปิง ก็วางกฎระเบียงให้เด็ก ๆ แต่ละคนมีหน

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 71.  ว่าที่สะใภ้น้อย

    หานฮูหยินเห็นเขาก็กลั้นหัวเราะ มองเด็กหญิงอย่างประเมินก่อนเอ่ยถาม “เหมยลี่ ปีนี้หนูอายุเท่าไรแล้วจ๊ะ”“เจ็ดขวบแล้วเจ้าค่ะ”“ไม่ใช่ นางแค่หกขวบ” เป็นเสียงพี่ชายทั้งสามของนางแย่งตอบพวกเขาตื่นเต้นกับงานแต่งงานของเหมยซิงไม่น้อย“ข้าเจ็บขวบแล้ว” เหมยลี่เถียง นางอยากเติบโตเป็นผู้ใหญ่เร็ว ๆ จะได้ดูแลพ่อบุญธรรมได้ ทุกคนมักพูดว่า ‘เด็ก’ ไม่ให้นางทำอะไร แม้ว่านางจะอยากช่วยแบ่งเบาภาระทุกคนก็เถิด“เหมยลี่เด็กดี ปีนี้เจ็ดขวบแล้วอีกไม่กี่ปีก็เป็นสาวแล้วซินะ” หานฮูหยินหยอกล้อ จับแก้มของเด็กสาวเล่น นางรู้มาบ้างว่าน้อง ๆ ของเหมยซิงล้วนเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อบุญธรรมของนางช่วยเหลือจากสิ้นสุดสงครามในครั้งนั้น แม้ยามนี้เหมยลี่ไม่ได้มีหน้าตางดงามผุดผาด แต่รอยยิ้มของนางทำให้คนเห็นก็พลอยยิ้มตามไปด้วย ดวงตาสุกใส โครงสร้างทางร่างกายก็ดี ตอนนี้มิได้อดยากเช่นที่ผ่านมา คาดว่าอีกไม่นานเด็กหญิงตัวน้อยต้องเติบโตเป็นหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบแน่ ๆ“เจ้าค่ะ” เหมยลี่ตอบด้วยน้ำเสียงสดใส แล้วส่งยิ้มให้หานหงปิงที่นางเรียกอาหมานจนติดปาก “อาหมานไม่ต้องห่วงนะ ถึงพี่เหมยซิงจะแต่งงานกับผู้อื่นไปแล้ว ข้าก็จะดูแลเจ้าเอง”คำพูดจริ

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 70.  รับความดีความชอบ

    “ทำไมข้าไม่เห็นรู้ว่าพ่อบุญธรรมเก่งเพียงนี้” เหมยซิงทำตาโต “สอนวรยุทธข้าบ้างซิ” ติงเชาส่ายหน้าไปมา จะพูดอย่างไรดีว่าแต่เดิมเขาเคยสอนนางแล้ว แต่นางไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้เอาเสียเลย จวบจนนางได้ฟื้นจากป่าช้าเป็นเหมยซิงคนใหม่ เขาถึงได้สอนนางใช้ธนู แต่ช่วงนั้นเขายังเจ็บป่วยอยู่จึงสอนนางได้ไม่มาก “เด็ก ๆ พวกนี้” เยี่ยนฉือถามด้วยความประหลาดใจ ถ้าจะบอกว่าเป็นลูก ๆ ก็คงจะเกินไปสักนิดเพราะแต่ละคนหน้าตาไม่คล้ายกันเลย “เป็นเด็กที่ข้าช่วยไว้” “ศิษย์พี่ใหญ่มีจิตใจเมตตายิ่ง ข้านับถือ นับถือ” เหมยซิงชวนทุกคนเข้าไปดูเรือนหลังน้อยที่จะเปิดเป็นร้านขายสุรา ฝีมือการหมักสุราของเหมยซิงนับว่าไม่เลวนัก อย่างน้อยไม่เสียชื่อพ่อบ้านหวางมู่ที่อุตส่าห์เพียรสอน และมอบสูตรหมักสุราชั้นเลิศให้นาง แต่กระนั้น หน้าตาพ่อบ้านหวางมู่ก็ไม่เคยแย้มยิ้มให้นางสักครั้ง ทั้งสองยังปะทะฝีปากกันไม่ต่างจากที่อยู่คฤหาสน์ตระกูลหาน เดิมทีซุนเว่ยหมินคิดว่าการสมรสระหว่างเขากับเหมยซิงจะเป็นเรื่องยุ่งยาก เพราะตำแหน่งจวิ้นอ๋องของเขา และเหมยซิงเป็นเพียงสามัญชน

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 69.   ครึ่งปีต่อมา

    ราวสี่เดือนที่เหมยซิงเดินทางจากไป ชายคนคนนี้ก็มาปรากฏเบื้องหน้าพร้อมคำเชิญให้ไปอยู่ที่เมืองหลวงด้วยกัน “ข้ารักมั่นใจตัวเหมยซิง ตั้งใจแต่งนางเป็นภรรยาเพียงผู้เดียว แม้นางเป็นกำพร้าแต่พวกท่านเสมือนเป็นคนในครอบครัวของนาง ข้ายินดีดูแลท่านและน้อง ๆ ของนาง ให้พวกท่านได้อยู่ใกล้ ๆ เหมยซิงและให้น้อง ๆ ได้ศึกษาร่ำเรียน ท่านอย่าได้กังวลไป เหมยซิงเองก็ยังพยายามทำการค้าเพื่อปูเส้นทางให้น้อง ๆ หากท่านได้ไปอยู่ในเมืองหลวงก็จะได้ช่วยเหลือนางและเด็ก ๆ ที่เหลือ ตลอดจนรักษาสุขภาพของท่านให้แข็งแรงอีกด้วย” ติงเชานั้นไม่อินังขังขอบต่อสิ่งใด แต่เมื่อคิดถึงถึงติงหยี่ ติงเกา ติงปิง และเด็กหญิงตัวน้อยวัยหกขวบ เหมยลี่ เด็กพวกนี้ยังมีอนาคตที่ดีรออยู่ และดูท่าทางเหมยซิงก็รักเด็ก ๆ มากไม่เห็นพวกเขาเป็นภาระ ไม่ว่าจะเป็นเหมยซิงคนใด ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนดีที่รัก และห่วงใยคนรอบกายเสมอ “เช่นนั้นข้าก็จะไป” “ขอบคุณท่านมาก” ติงเชาและเด็ก ๆ ไม่ได้เข้าพักในจวนจวิ้นอ๋อง เรื่องนี้เพราะติงเชาเองก็ไม่อยากวุ่นวายกับคนในราชสำนัก และไม่ต้องการให้ลูกบุญธรร

  • วางใจเถอะ ข้าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น   Chapter 68.  กลับมา

    นางยิ้มโล่งใจที่เขาไม่เป็นอะไร พลันรู้สึกตัวว่าตนเองเปลื้องเสื้อผ้าบุรุษอยู่ นางรีบชักมือกลับ ใบหน้าฝาดสีเลือดขึ้นมาทันที “เสียเอี๋ยนบอกข้าแล้ว” เขาหัวเราะเบา ๆ ใช้คางสากของตนคลอเคลียแก้มแดงระเรื่อของนาง “เขาบอกว่าเจ้าจะหลับไปเจ็ดวัน เขาส่งภูตผีเสื้อไปรับเจ้าแต่วันนี้ครบวันที่เจ็ด เจ้ายังไม่ฟื้นเสียที ข้าแทบคลั่งแล้ว” “ข้ากลับไปร่ำลาลุงกับแม่แล้วก็...คนรักเก่า” นางเอียงหน้าหลบ รู้สึกอบอุ่น และอ่อนไหวกับการคลอเคลียของเขาเช่นนี้ “แต่เจ้าก็กลับมาหาข้า” “อืม...ก็ข้าเป็นวัวดื้อก็ต้องกลับมาหาหนุ่มทอผ้าซิ” ซุนเว่ยหมินขมวดคิ้ว มิใช่หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้ารึ นางนี่ช่าง! เอาเถิด! ตอนนี้นางกลับมาแล้ว เขายอมเป็นทุกอย่างให้นาง ขอเพียงมีนางอยู่ในอ้อมแขนเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว “เว่ยหมิน” “หือ” “ในสถานที่ที่มืดมิดที่สุด ข้าได้ยินเสียงเจ้าเรียกข้า...” นางเอนตัวเข้าหาอกอุ่นของเขา “บอกข้าได้ไหม ว่านั้นใช้เสียงของเจ้าจริงหรือเปล่า” ซุนเว่ยหมินวาดวงแขนโอบร่างนางไว้แนบอก กดปลายคางกับศีรษะของนางอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status