ตอนที่ 2 เพื่อนคนเดียว
นับตั้งแต่ที่วาตะย้ายมาอยู่ที่บ้านของยายนวลจันทร์ ตอนนี้ระยะเวลาก็ผ่านมาจะครบอาทิตย์แล้ว พ่อกับแม่ของเขายังไม่มีการโทรมาถามไถ่ชีวิตของลูกชายที่เอามาทิ้งไว้กับยาย แถมวาตะก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ที่บ้านไม่ออกไปไหน
“วาตะ ยายจะออกไปซื้อกาแฟกับปาท่องโก๋ เอาน้ำเต้าหู้ไหมลูก” ยายนวลจันทร์เอ่ยถามหลานชายที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน
“เดี๋ยวผมไปซื้อให้เองครับ” วาตะเอ่ยอาสาเพราะมันต้องเดินออกไปไกลพอสมควร แม้ว่ายายของเขาจะแข็งแรง แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ส่วนเขามีรถมอเตอร์ไซค์คันใหม่ที่พ่อยังซื้อส่งมาไว้ให้ใช้
“นี่เงินนะลูก อยากกินอะไรก็ซื้อมาเลย” ยายนวลจันทร์ไม่คิดจะปฏิเสธความหวังดีของหลานชาย เพราะเธอไม่อยากให้วาตะอยู่แต่เพียงในบ้าน
“ครับ”
วาตะเดินออกมาจากบ้านเพื่อตรงไปยังร้านกาแฟซึ่งจะเปิดเฉพาะช่วงเช้าให้คนในหมู่บ้านได้มานั่งดื่มและพูดคุยกัน คล้าย ๆ สถานที่ที่หลายคนในพื้นที่ต่างจังหวัดเรียกว่า สภากาแฟของผู้สูงวัย
“พี่ชาย!” เสียงหวานของเด็กสาวที่มัดผมหางม้าที่กำลังช่วยแม่ของเธอหยิบปาท่องโก๋ใส่ถุงเอ่ยเรียกวาตะออกมา
“รู้จักกันเหรอลูก” แม่ของเด็กสาวเอ่ยถามลูกสาว เธอไม่เคยเห็นวาตะมาก่อนจึงไม่รู้ว่าลูกสาวของเธอจะรู้จักอีกฝ่าย
“พี่ชายเป็นหลานยายนวลจันทร์ค่ะ เพิ่งมาจากกรุงเทพ” ณภาดา นวลศจี หรือ ที่ใคร ๆ ก็เรียกกันว่าหนูยิ้ม เอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับวาตะ
“อ๋อ หลานป้านวลจันทร์ที่เอง เอาอะไรเหรอพ่อหนุ่ม” แม่ของหนูยิ้มเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าวาตะไม่คิดที่จะเอ่ยสั่งอะไรออกมา
“กาแฟร้อน 1 ถุง ปาท่องโก๋ 30 และก็น้ำเต้าหู้ไม่ใส่เครื่อง 2 ถุงครับ” วาตะเอ่ยสั่งอย่างตะกุกตะกัก เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกมาจากบ้านเพื่อพบปะผู้คนในสังคมใหม่ โดยออเดอร์ที่เขาสั่งเป็นสิ่งที่ยายซื้อกลับบ้านในทุกวัน
“ได้เลยค่ะ” หนูยิ้มเอ่ยขึ้นก่อนจะเริ่มจัดของตามที่วาตะต้องการ
“พี่ชายชื่ออะไรเหรอคะ หนูยิ้มลืมค่ะ”
“วาตะ พี่ชื่อวาตะ”
“ชื่อเหมือนคนญี่ปุ่นเลย ทำไมถึงชื่อนี้แปลกจัง” หนูยิ้มเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“เธอก็หน้าลูกครึ่งแต่ชื่อหนูยิ้ม มันไม่แปลกกว่าเหรอ ตาก็สีฟ้าอีกต่างหาก” คำพูดของวาตะทำให้หนูยิ้มเงียบลงทันทีและสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างถนัด เพราะเรื่องหน้าตาของเธอที่เป็นลูกครึ่ง มันเหมือนเป็นปมในใจ หนูยิ้มถูกล้อมาตั้งแต่เด็กว่าเป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง บ้างก็คาดการณ์ว่าแม่จะถูกพ่อฝรั่งทิ้งมาก่อน หนักสุดก็ว่าแม่ไปมีชู้จนตั้งท้องกับฝรั่ง อย่างไรแม่ของเธอก็ถูกว่าในทางเสียหาย ทำให้หนูยิ้มไม่ชอบให้ใครพูดถึงหน้าตาลูกครึ่งของเธอ
แต่ก่อนนี้เธอก็ร้องขอแม่ให้ย้อมผมสีดำ ขอใส่คอนแทคเลนส์สีดำหรือน้ำตาลเข้มไปโรงเรียนเพราะไม่อยากให้เพื่อนล้อ เนื่องจากเป็นชนบททำให้เด็กวัยเดียวกันหลายคนมองเธอแปลกแยกไป
“อ้ะ...นี่เงิน” วาตะไม่รู้ว่าเด็กสาวตรงหน้าเป็นอะไรไป แต่เขาก็ไม่ได้คิดใส่ใจเธอมากขนาดนั้น เขาพูดในสิ่งที่เขามองเห็นว่าเป็นเรื่องจริง และเพราะเขามาจากสังคมที่เปิดกว้าง
หลังจากวันที่วาตะอาสาไปซื้อปาท่องโก๋ให้ยายนวลจันทร์ในวันนั้นเขาก็รับหน้าที่นั้นมาตลอด และทำให้วาตะกับหนูยิ้มได้พูดคุย ทำความรู้จักและสนิทสนมกันมากขึ้น
ซึ่งทั้งสองไม่ได้เพียงแค่เจอกันที่ร้านกาแฟเท่านั้น แต่วาตะอาสาไปรับไปส่งหนูยิ้มที่โรงเรียน ในตอนนี้หนูยิ้มยังเรียนอยู่ ม.3 เพราะเขาไม่มีอะไรจะทำ วัน ๆ จะให้เขาอยู่แต่บ้านเขาก็แสนเบื่อ
ทั้งคู่สนิทกันมากขึ้นจนในหมู่บ้านหรือเพื่อนของหนูยิ้มคิดว่าทั้งสองคนคบกันแต่ในความจริงทั้งคู่ยังไม่ได้มีการตกลงคบกันแต่อย่างใด
“จะไปไหนอีกแล้วลูก” ยายนวลจันทร์เอ่ยถามหลานชายที่เดินไปหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ทั้ง ๆ ที่วันนี้เป็นวันหยุดทำให้วาตะไม่ต้องไปรับไปส่งหนูยิ้ม
“ผมจะไปรับหนูยิ้มไปขับรถเล่นครับ”
“วัน ๆ ก็ขลุกอยู่กับน้องคนนั้นไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือไงลูก” แม้ว่ายายนวลจันทร์จะไม่ชอบพ่อและแม่ของหนูยิ้มแต่เพราะลูกสาวบ้านนั้นเป็นเพื่อนคนเดียวของหลานชาย เธอเลยไม่อยากจะทำให้หลานชายเสียใจถ้าจะไม่ให้ทั้งสองเข้าใกล้กัน
“ก็มันไม่มีอะไรทำเลยครับ”
“อย่างนั้นก็ระวังตัวด้วย รถก็อย่าไปขับเร็วมาก เดี๋ยวพาลูกเขาล้มจะเป็นเรื่องเอา”
“ครับ”
“อีกอย่างนะลูก ที่นี่ไม่เหมือนที่กรุงเทพ เวลากับไหนมาไหนกับเด็กสาวคนนั้น คนเขาจะมองในทางเสียหายเอา ยายเป็นห่วงนะลูก”
“ไม่มีอะไรครับยาย”
เมื่อวาตะฟังคำของยายตัวเองเสร็จ เขาก็เดินมาหารถมอเตอร์ไซค์คันโปรดของตัวเอง วาตะขึ้นค่อมและขับออกไป
ตอนนี้กลายเป็นว่าทั้งสองตัวติดกัน บางคนมองว่าเป็นหนุ่มแว๊นกับสาวสก๊อยที่มักจะซ้อนท้ายกันไปที่นั่นที่นี่ให้ผู้คนเห็นประจำ บางครั้งมีงานเทศกาลรถแห่ทั้งสองคนก็ออกมาเต้นตามงานสนุกสนานตามประสาวัยรุ่น
วาตะเริ่มรู้สึกว่าชีวิตของเขาไม่ได้จมอยู่แต่เรื่องของพ่อแม่แล้ว เขามีชีวิตที่มีสีสันมากขึ้น ได้พูดคุย ได้หัวเราะมาขึ้น หนูยิ้มเหมือนเป็นเพื่อนคนเดียวของเขาเลยก็ว่าได้
“หนูยิ้ม…” วาตะขับรถมาจอดหน้าบ้านของณภาดาซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ณภาดากำลังรดน้ำต้นไม้อยู่
“พี่วาตะ” เด็กสาวเรียกอีกฝ่ายด้วยความดีใจ เธอไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะมาหาเธอแบบนี้
“ไปขี่รถเล่นกัน”
“เอ่อ หนูยิ้มไปขอแม่ก่อนนะคะ” วาตะพยักหน้าให้เด็กสาวที่วิ่งเข้าไปภายในบ้านด้วยความเร็ว
วาตะรอเพียงไม่นานหนูยิ้มก็วิ่งออกมาจากบ้านด้วยความเร็ว หลังจากได้รับอนุญาตจากผู้เป็นแม่กับพ่อ
“ลูกสาวไอ้เลิศชัยเนี่ยมันนิสัยเหมือนแม่มันจริง ๆ ไปกับคนโน้นที่คนนี่ที เดี๋ยวได้ใจแตก” ป้าสองคนที่อยู่ข้าง ๆ บ้านของหนูยิ้มเอ่ยขึ้นทั้ง ๆ ที่หนูยิ้มกับวาตะยังไม่ได้ขับรถออกไป
“นั่นสิ เดี๋ยวก็ท้องป่องหาพ่อไม่ได้เหมือนแม่มัน”
“หนูยิ้มจะเป็นยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องของพวกป้าสองคน เอาเวลาไปหาเงินมาส่งดอกยายนวลจันทร์ดีกว่ามายืนนินทาเรื่องคนอื่นดีกว่านะครับ” วาตะเอ่ยว่าอย่างหมดความอดทนจึงตอบกลับไป เพราะเขามาเก็บดอกเบี้ยให้ยายนวลจันทร์บ่อยครั้ง ในตลาดเขารู้หมดว่าใครเป็นหนี้ยายนวลจันทร์บ้าง ก่อนจะขับรถมอเตอร์ไซค์ออกมา
“หนูยิ้มอย่าไปคิดมากกับคำนินทาที่พวกนั้นพูดเลยนะ”
“ค่ะ หนูยิ้มชินแล้ว” หนูยิ้มเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ทำให้วาตะสบายใจไม่น้อย
วาตะและหนูยิ้มเป็นเพื่อนเล่นกันและไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด แต่เสียงเล่าลือของทั้งสองภายในหมู่บ้านก็ไม่ได้ไปในทางที่ดี แต่ยายนวลจันทร์ของวาตะก็ไม่ได้ว่าอะไรหลานชาย เพราะวาตะไม่ได้ทำอะไรเสียหาย
แม้แต่จะพาหนูยิ้มเข้ามาในบ้านตอนที่ยายไม่อยู่ยายนวลจันทร์ก็ไม่เคยดุด่าว่ากล่าววาตะ ทำให้นวลจันทร์ค่อนข้างไม่สนใจที่คนอื่นพูด แต่หญิงชราก็มักจะบอกให้หลานชายของเธอระวังเรื่องพ่อและแม่ของหนูยิ้ม เด็กสาวอาจจะไม่คิดแต่ผู้ใหญ่ก็ไม่แน่
วันนี้เป็นอีกวันที่วาตะมาจอดรถรอรับหนูยิ้มที่หน้าโรงเรียน นักเรียนทั้งชายหญิงตามมองมาที่วาตะเพราะด้วยความที่รูปร่างสูงเพรียว ผิวขาว หน้าหวาน ปากนิดจมูกหน่อย จึงเป็นจุดสนใจของทุกคน
“หนุ่มที่ไหนมารอสาวเนี่ย” เสียงนักเรียนสาวคุยกัน
“หนุ่มหล่อคนนี้เป็นวาสนาใครกันนะ”
“อยากนั่งซ้อนท้ายรถจังแก”
ทันใดนั้นก็เป็นเสียงของเด็กสาวที่เดินออกมาจากหน้าประตูโรงเรียน หนูยิ้มตกใจที่เห็นวาตะ เธอจึงตะดกนเรียกเขาเสียงดัง
“พี่วาตะ” หนูยิ้มวิ่งเข้ามาหาวาตะ และเป็นวาตะที่สวมหมวกกันน็อคให้หนูยิ้ม
“เกาะแน่นๆนะน้อง...ไป”
“ กลับบ้านค่ะ”
หนูยิ้มนั่งค่อมท้ายรถของวาตะและกอดเอวเขาด้วยความเคยชิน ยังดีที่วันนี้เป็นวันที่สวมชุดพละ และทั้งสองคนขี่รถผ่านสายตาคนมากมายที่จับจ้องอยู่และมีเสียงใครบางคนพูดตามหลังมาว่า
“สงสัยได้ท้องป่องก่อนเรียนจบแน่ๆ”
ตอนพิเศษ 3 สมาชิกใหม่นับตั้งแต่วันรับปริญญาผ่านมา 3 เดือน ชีวิตของหนูยิ้มกับวาตะยังคงเหมือนคู่รักคู่อื่น ๆ ไม่ผิดไป เพียงแต่ตอนนี้วาตะกลับติดหนูยิ้มไม่ทิ้งห่างหญิงสาว หนูยิ้มก็เริ่มทำงานที่สนามแงรถของสามีอย่างเต็มตัว ดูแลเกี่ยวกับการตลาดและงานโปรโมตต่างๆหนูยิ้มไปไหนวาตะต้องไปด้วย ทำให้คนตัวเล็กรู้สึกหงุดหงิดบ้างในบางครั้ง แต่ไม่ได้ว่าอะไรเพราะถ้าวาตะไม่อยู่ใกล้เธอ เขาก็จะเวียนหัว อาเจียนไม่หยุด อย่างเช่นวันนี้ที่ตั้งแต่เช้ามาวาตะยังคงอาเจียนไม่มีท่าทีว่าจะหยุด“พี่วาตะ ห่างกับหนูยิ้มหน่อยได้ไหมคะ” หนูยิ้มเอ่ยออกมาพร้อมมองใบหน้าของวาตะอย่างไม่ชอบใจ“ให้พี่นั่งกอดหนูยิ้มก่อนไม่ได้เหรอ” วาตะที่โอบกอดหนูยิ้มเอาไว้เอ่ยพร้อมซุกใบหน้าของตัวเองไปกับไหล่ของเธอ เขารู้สึกว่าช่วงนี้ชื่นชอบกลิ่นของหนูยิ้มเป็นพิเสษเพราะว่าเวลาห่างกันเขามักจะเวียนศีราะ คลื่นไส้ แต่พอได้อยู่กับหนูยิ้มได้โอบกอดคลอเคลียแล้ว อาการที่เขาเป็นกลับหายไป“ไม่ได้ค่ะ”“หนูยิ้มใจร้ายกับพี่จัง” วาตะเริ่มงอแงมากกว่าเดิม จนทำให้หนูยิ้มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“หนูยิ้มว่าการที่พี่วาตะมาซุกหนูยิ้มอยู่แบบนี้ไม่ทำให้พี่วาตะหายหรอกนะคะ
ตอนพิเศษ 2 สามีบุญทุ่ม NCหลังจากหนูยิ้มเรียนจบก็มาถึงวันนี้ วันที่เป็นวันรับปริญญาของหนูยิ้มและเพื่อนสนิทอย่างน้อยหน่า ซึ่งการรับปริญาญาของหญิงสาวดูเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับหนูยิ้มมาก ๆ เลยก็ว่าได้ตลอดทั้งงานหนูยิ้มเอาแต่มองหาวาตะที่หายไป โทรก็ไม่รับหรือแม้แต่ส่งข้อความไปก็ไม่มีการตอบกลับมา จนกระทั่งช่วงถ่ายรูปคู่กับนักศึกษา หญิงสาวก็ยังไม่เจอวาตะ“พี่วาตะไปไหนก็ไม่รู้” หนูยิ้มเอ่ยด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความน้อยใจ“อาจจะอยู่แถวนี้แหละ” น้อยหน่าเอ่ยอย่างปลอบใจเพื่อน ทั้ง ๆ ที่เธอก็ไม่แน่ใจแต่แล้วอยู่ ๆ หนูยิ้มกับน้อยหน่าก็ต้องตกใจ เมื่อธาม โจฮัน และอคิณณ์เดินตรงเข้ามาหาหนูยิ้ม“ยินดีด้วยนะครับ” โจฮันพูดจับก็คล้องมาลัยเงินสดที่มีมูลค่ามากกว่า 2 แสนให้กับหนูยิ้ม โดยที่ธามก็ไม่ได้น้อยหน้าเพราะเขาได้ยื่นร่มให้กับหนูยิ้ม“พระเจ้า มาจากไหนกันเนี่ย” น้อยหน่าเอ่ยอย่างตื่นเต้น แต่ความตื่นเต้นของหนูยิ้มไม่ได้หมดแค่นั้น เมื่อมีมาสคอสหมีตัวใหญ่เดินนำปีกนางฟ้าและช่อกุหลาบสีแดงขนาดใหญ่มาให้กับหนูยิ้ม“พี่วาตะ” หนูยิ้มเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงที่ตื่นเต้น ซึ่งอีกฝ่ายที่ถูกจับได้ก็ถอกหัวหมีออกก่อนยิ้ม
ตอนพิเศษ 1 พี่หึงนะ NC หลังจากวาตะถูกจับเข้าพิธีผูกแขนหรืองานแต่งงานอย่างไม่รู้ตัวที่สระแก้ว ข่าวเรื่องการแต่งงานของเขากับหนูยิ้มได้ถึงหูเพื่อนสนิททำให้ทั้งสามต่างพากันลบเล้าอยากให้พาหนูยิ้มไปทำความรู้จักก็หนักขึ้นทุกวันเพราะหากจะว่าไปแล้วเพื่ออีก 3 คน ยังไม่ได้รู้จักหนูยิ้มอย่างเป็นทางการจนกระทั่งวันนี้ที่วาตะทนไม่ได้ยอมพาหนูยิ้มไปให้ทั้ง 3 คนรู้จัก แม้ว่าในใจไม่อยากจะพาไปแค่ไหนก็ตาม “เอาจริงหนูยิ้มสวยกว่าที่พวกเราเห็นแต่ก่อนอีก” ธามเอ่ยออกมาพร้อมอีกฝ่ายตาไม่กระพริบ ด้วยเมื่อก่อนส่วนใหญ่เขาเห็นหนูยิ้มในชุดนักศึกษาส่วนใหญ่ และเห็นตอน ปี 1 แต่ตอนนี้หนูยิ้มเรียนจบแล้ว ทำให้อีกฝ่ายแตกต่างไปจากที่ตอนนั่นค่อนข้างมาก“ใช่สวยกว่าเดิมเยอะเลย” โจฮันเอ่ยเสริมทัพพร้อมยิ้มให้กับหนูยิ้ม“ขอบคุณมากนะคะ พวกพี่ ๆ ก็หน้าตาดี หล่อๆกันทั้งกลุ่มเลย” คำชมของหนูยิ้มทำเอาคนที่ได้ยินพากันยิ้มอย่างชอบใจ แต่มีหนึ่งคนที่เอาแต่นั่งหน้าตึงอยู่ตลอดเวลา ก็เพราะว่าเพื่อนของเขาหล่อกันทุกคนนี่แหละเขาถึงไม่อยากพาหนูยิ้มมาแนะนำ“มึงทำหน้าแบบนี้หมายความว่าไงว่ะวาตะ แถมทำเหมือนอย่างกับจะสิงหนูยิ้มเข้าไปยังไงอย่างนั้น”
ตอนที่ 40 งานผูกแขน(ตอนจบ)หลังจากวาตะเรียนจบ เขาเข้ามาดูแลกิจการของตัวเองอย่างเต็มตัว โดยที่ยังคงทำหน้าที่แฟนที่ดีของหนูยิ้มอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ซึ่งการทำหน้าที่ของเขาทำให้ทุกคนที่เห็นต่างพากันอิจฉาหนูยิ้ม“ไง วันนี้สามีไม่มาส่ง แต่ขับรถมาเองหมายความว่าไง” น้อยหน่าเอ่ยถามอย่างสงสัย พร้อมมองเพื่อนอย่างต้องการคำตอบ“ก็แค่อยากขับมาเอง ทำไมเหรอต้องมีเหตุผลด้วยหรือไง” หนูยิ้มพูดด้วยรอยยิ้ม เธอรู้ว่าน้อยหนากำลังคิดอะไรอยู่ แต่สิ่งที่น้อยหน่ากำลังคิดไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ“ไม่ได้ทะเลาะกันใช่ไหม” น้อยหน่าขยับใบหน้าเข้าไปหาหนูยิ้มก่อนเอ่ยกระซิบถามด้วยความสงสัย“เปล่า อยากบอกว่าวันนี้เธอลืมตารางงานนะ” หนูยิ้มมองใบหน้าของเพื่อนสนิทอย่างเป็นคำถาม“ลืม…จริง ๆ” น้อยหน่ายิ้มแห้งให้เพื่อน จากเดิมคิดว่าเพื่อนมามหาลัยเองเพราะมีปัญหากับแฟน แต่ไม่คิดว่าเพราะงาน“งั้นเอาเวลาที่เหลือไปเตรียมตัว แทนการมาแช่งเรากับพี่วาตะ” หนูยิ้มส่ายหัวไปมาให้กับน้อยหน่าอย่างเอือมระอาวันไหนหนูยิ้มต้องทำงานกลับดึก เธอจะขับรถมาเองด้วยเพราะต้องพาเพื่อนอย่างน้อยหน่าไปด้วย จึงไม่สะดวกถ้าจะให้วาตะไปส่งตลอด เหมือนอย่างเช่นวันนี้ซึ
ตอนที่ 39 ดูดาวกันไหม NCวาตะและหนูยิ้มอยู่เที่ยวที่น่านอยู่หลายวัน ก่อนทั้งสองจะย้ายมาพักที่เชียงใหม่ โดยที่พักของทั้งสองเป็นบ้านพักส่วนตัว ซึ่งค่อนข้างห่างจากหลังอื่น ๆ และมีความเป็นส่วนตัวสูง“พี่วาตะใจเย็น ๆ สิคะ” หนูยิ้มเอ่ยปรามคนที่จับให้เธอพิงไปกับผนังข้างประตูห้องพัก หลังจากที่ประตูห้องได้ปิดลง“หนูยิ้มแต่งตัวขัดใจพี่มากเลยรู้ไหม” วาตะมองใบหน้าของคนตัวเล็กอย่างคาดโทษ แม้ว่าวันนี้หนูยิ้มจะแต่งตัวง่าย ๆ ด้วยกางเกงขาสั้นและเสื้อยืดแต่เปิดเว้าหลังลึกมาก ทำให้มีแต่คนมองจนทำให้คนข้างกายของหนูยิ้มออกอาการหึงหวงอย่างชัดเจน“เหรอคะ งั้นพี่วาตะก็ถอดออกเลยก็ได้นะคะ” หนูยิ้มเอ่ยอย่างท้าทายอีกฝ่าย ซึ่งท่าทีและคำพูดของเธอทำให้วาตะรู้ว่าไม่เพียงแค่ต้องการท้าทายเขาเท่านั้น แต่ต้องการให้เขาทำอย่างที่ปากพูด“จะให้ถอดส่วนไหนก่อนดีล่ะ” วาตะมองหนูยิ้มด้วยสายตาที่ลวนลามหญิงสาวอยู่ตลอดเวลา ทำให้คนที่เห็นแบบนั้นหายใจไม่ทั่วท้อง“แล้วแต่พี่วาตะเลยค่ะ” สิ้นเสียงของหนูยิ้ม เรียวปากสวยสีชมพูอ่อนก็ถูกวาตะประกบจูบลงทันที ซึ่งการจูบที่เร่าร้อนดุดันของวาตะถูกตอบสนองกับด้วยเรียวปากสวยที่ทั้งพยายามดูดึงและขบเม
ตอนที่ 38 สมัครเป็นลูกเขยช่วงเย็นวาตะมารับหนูยิ้มหลังเลิกเรียนเหมือนอย่างเช่นทุกวัน ซึ่งหนูยิ้มก็บ่นวาตะทุกวันเช่นกัน เพราะในเมื่อเขาซื้อรถให้กับหนูยิ้มแล้วทำไมถึงยังมารับมาส่งตลอดเวลาผ่านมาเดือนกว่าทั้งเอมี่และฝ้ายหายไปจากวงจรชีวิตของหนูยิ้มและวาตะ คนในมหาวิทยาลัยบ้างก็บอกว่า เอมี่ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ส่วนฝ้ายลาออกและกลับไปอยู่บ้านเกิด ซึ่งความจริงแล้วไม่มีใครรู้ได้“เอาจริง ๆ พี่วาตะไม่ต้องมารับมาส่งหนูยิ้มก็ได้นะคะ หนูยิ้มขับรถมาเรียนเองได้แล้วค่ะ” หนูยิ้มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ ซึ่งคำพูดของหนูยิ้มทำให้คนที่ยิ้มอยู่ตลอดเวลาก่อนหน้านี้หุบยิ้มลงทันที“ทำไมละครับ” วาตะมองใบหน้าของหนูยิ้มก่อนเอ่ยถามออกมา“ก็พี่วาตะซื้อรถให้หนูยิ้มแล้ว พี่วาตะจะมารับมาส่งหนูยิ้มเพื่ออะไรคะ ถ้าแบบนี้พี่วาตะไม่ต้องซื้อรถให้หนูยิ้มก็ได้นะคะ”“พี่อยากอยู่กับหนูยิ้มไง อีกอย่างพี่มารับมาส่งหนูยิ้มไม่ดีเหรอ” วาตะพูดอย่างอ้อน ๆ ท่าทีอ้อน ๆ ของเขาให้คนทีได้ยินยกยิ้มออกมาเล็กน้อย“มันก็ดีค่ะ แล้ววันนี้พี่วาตะอยากทานอะไรคะ”“อะไรก็ได้ขอแค่หนูยิ้มเป็นคนทำ” วาตะหันมามองใบหน้าหนูยิ้มอีกครั้งด้วยรอยยิ้มตอนนี้