ตอนที่ 1 ลูกไม่รักดี
@บ้านโชติกุลวงศ์
เสียงเจ้าของบ้านที่ดังสนั่นจากการทะเลาะกับลูกชายคนเล็ก ทั่วทั้งบ้านเกิดความโกลาหลเมื่อ ดร.ทศพล และ ดร.เพ็ญประภา เพิ่งกลับมาจากสถานีตำรวจเพื่อไกล่เกลี่ยเรื่องของลูกชายคนเล็กและรับตัวจากสถานีตำรวจกลับบ้าน
“ฉันเคยบอกแกกี่ครั้งแล้ว ห้ามแกไปยุ่งกับเพื่อนแบบนั้น แล้วเป็นไงงามหน้าไหม” เสียงตวาดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้คนที่ถูกตำหนิได้แต่ก้มใบหน้าลงอย่างไม่กล้าเงยใบหน้าขึ้นสบสายตาของผู้เป็นพ่อ
“ผมไม่ได้ไปเพื่อตั้งใจจะทำแบบพวกนั้นจริง ๆ นะครับ” วาตะ เด็กหนุ่มในวัย 18 ปี เอ่ยขึ้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนวันนี้เขาไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น เขาเพียงแค่ไปงานปาร์ตี้ฉลองงานวันเกิดของเพื่อนเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้
งานฉลองวันเกิดแต่กลับมีตำรวจบุกเข้ามาเพื่อทลายปาร์ตี้ยาเสพติดของกลุ่มลูกหลานไฮโซและหลังจากนั้นทุกคนในงานปาร์ตี้ก็ต้องไปตรวจปัสสาวะที่สถานีตำรวจ
“ไหน ๆ เรื่องนี้ก็จบไปแล้ว ช่างมันเถอะคุณ” เพ็ญประภา โชติกุลวงศ์ หรือที่ใคร ๆ ก็รู้จักเธอในนามของ ดร.เพ็ญประภา เอ่ยบอกสามีพร้อมเดินเข้าไปหาลูกชายของเธอ
“คุณก็ให้ท้ายมันจนเสียคน ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องสั่งสอนมันบ้าง” ดร.ทศพล โชติกุลวงศ์พ่อของเด็กหนุ่มเอ่ยด้วยความโมโห
จะไม่ให้เขาโมโหได้อย่างไร เมื่อลูกชายของเขาเล่นไปถูกตำรวจจับเพราะมั่วสุมปาร์ตี้ซึ่งในงานมีทั้งวัยรุ่นที่อายุไม่ถึง 20 ปี และมีทั้งเรื่องเพศ เรื่องยา ลูกชายของเขาอยู่กับเพื่อน ๆ ที่เพิ่งพากันเรียนจบมัธยมปลาย แม้ว่าเจ้าตัวจะพยายามปฏิเสธมาแค่ไหนก็ตามว่าไม่ได้เป็นคนทำเรื่องทั้งหมด แต่เขาก็ไม่อาจจะเชื่อได้ ยังโชคดีที่ผลตรวจปัสสาวะปกติ
“เอาเลยครับพ่อจะทำอะไรก็เอาเลย” วาตะ โชติกุลวงศ์ ลูกชายคนคนเล็กของ ดร.เพ็ญประภาและ ดร.ทศพล เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง เขาไม่หวังว่าคนอื่นจะเชื่อสิ่งที่พูด แต่หวังให้พ่อและแม่เชื่อสักครั้งว่าเขาไม่ได้เป็นคนตั้งใจไปทำแบบนั้น
วาตะพูดจบก็วิ่งตรงขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านเพื่อไปยังห้องนอนของตัวเอง เขาเองก็นึกว่าเป็นเพียงงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนและควบกับงานฉลองจบการศึกษามัธยมปลายเท่านั้น
“วาตะ ลูก วาตะ” เพ็ญประภาเอ่ยเรียกลูกชายของเธอที่อยู่ ๆ ก็ขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน
หลังจากเรื่องนี้เกิดขึ้นข่าวทุกช่องออกข่าวเกี่ยวกับการจับกุมปาร์ตี้ยาของกลุ่มไฮโซวัยรุ่น แม้ว่าวาตะจะถูกตำรวจจับไปพร้อมกับเพื่อนแต่เขาไม่ได้เสพจึงถูกปล่อยตัวออกมา และตั้งแต่วันที่ทะเลาะกับพ่อแม่ เขาก็เอาแต่เก็บตัวเงียบไม่ยอมไปไหน จนเวลาล่วงเลยมาเกือบอาทิตย์
“การที่แกเอาแต่อยู่ในห้องมันไม่ได้ทำให้แกจะรอดจากการถูกลงโทษได้หรอกนะ” ทศพลพูดขึ้นเมื่อลูกชายของเขาเดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน
“งั้นก็ลงโทษเลยครับ ส่งผมให้ตำรวจเลยก็ได้ ถ้าพ่อคิดว่าผมทำผิด”
“อย่ามาประชดฉัน แกมันลูกไม่รักดี” ทศพลพูดขึ้นด้วยความโมโหพร้อมเอาแต่มองคนที่ท้าทายเขา
“ผมไม่ได้ประชด พ่อก็พูดว่าผมมันเลวเลยสิ”
“แกนี่มันจริงๆเลย”
“พอเถอะคุณ ส่วนวาตะ พ่อกับแม่ตกลงจะให้ลูกไปอยู่ที่บ้านยายที่สระแก้วสักพัก”
“อะไรนะ ให้ผมไปอยู่กับยาย” วาตะเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน บ้านของยายอยู่ห่างจากกรุงเทพเกือบ 300 กิโลเมตร แถมยังเป็นชนบทอีกต่างหาก ห่างไกลความเจริญแบบขั้นสุด ตอนนี้ไม่รู้ว่ามีไวไฟเข้าหรือยัง
“ใช่ ฉันจะให้แกไปอยู่ที่นั่น เตรียมตัวด้วยพรุ่งนี้ฉันกับแม่แกจะไปส่งที่นั่น แล้วอยู่กับยายทำตัวดีๆ ปรับปรุงตัวเอง ช่วยงานอะไรได้ก็ช่วย”
“ครับ” วาตะตอบออกมาอย่างไม่มีทางให้เลือก ถึงแม้เขาจะไม่อยากไปแต่ก็ยังดีกว่าที่จะต้องอยู่บ้านในช่วงนี้อยู่ดี
วันต่อมา
14.00 น.
การเดินทางที่แสนยาวนานได้สิ้นสุดลงเมื่อรถยนต์ของทศพลและครอบครัวได้เคลื่อนตัวเข้ามาภายในบ้านของคุณยายนวลจันทร์แม่ของเพ็ญประภา
“ลงมาได้แล้ว” ทศพลเดินมาเปิดประตูให้กับลูกชายที่เอาแต่นั่งอยู่บนรถไม่ยอมลงมาจากรถ
วาตะพยายามมองสำรวจที่นี่อย่างเพ่งพิจารณาแม้ว่าจะไม่ได้มีสภาพที่แย่เหมือนเมื่อตอนที่เขามาครั้งล่าสุดเมื่อสองปีที่แล้ว แต่สำหรับเด็กในเมืองแบบเขาก็ไม่ได้ดีใจ เลยสักนิด วาตะมาบ้านยายหลายครั้งแแล้วและปีที่แล้วเขาบ่ายเบี่ยงเพราะไม่อยากมา แต่ตอนนี้ไม่คิดว่าจะได้มาอยู่ที่นี่
“นั่นวาตะเหรอลูก” ยายนวลจันทร์เอ่ยเรียกหลานชายที่เพิ่งลงจากรถ
“ครับ คุณยาย สวัสดีครับ” วาตะยกมือไว้หญิงชราด้วยความนอบน้อม ก่อนเดินเข้าไปยังบ้านของผู้เป็นยาย
“เป็นไงมาไง ถึงพากลับมาที่นี่” ยายนวลจันทร์เอ่ยถามลูกเขยกับลูกสาวโดยเธอลอบมองไปยังหลานชายของเธอ
“ไปก่อเรื่องเอาไว้ครับคุณแม่ ผมเลยเอามาดัดนิสัย กะจะให้อยู่ที่นี่สักปี” ทุกครั้งที่ทศพลพูดเรื่องที่ลูกชายของเขาทำผิด เขามักจะหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา
“แล้วเรื่องเรียนละ”
“คงต้องให้หยุดไปก่อนสักปี ยังไงหนูฝากวาตะไว้กับแม่หน่อยนะคะ”
“ได้ ๆ ยังไงก็อย่าให้มันนานมาก เดี๋ยวจะเป็นเรื่องเอา ลูกจะเตลิดไปมากกว่านี้ ” ยายนวลจันทร์ยังคงเตือนสติสองสามีภรรยา ด้วยความที่ลูกสาวโทรมาบอกเล่าถึงสถานการณ์ก่อนหน้านั้นแล้ว
คุณยายเองเป็นคุณครูมาก่อน เรื่องนี้คงทำให้วาตะน้อยใจไม่น้อย ด้วยพี่ชายพอเรียนจบมัธยมปลายก็ได้ไปเรียนต่อต่างประเทศตามที่พี่ชายต้องการ แต่ตัวเองกลับต้องมองอยู่นอกเมืองแบบนี้แทน
คุณยายอาศัยอยู่ที่สระแก้วกับจันทราลูกสาวคนโตและครอบครัวแต่ไม่ได้อยู่บ้านหลังเดียวกันแต่ปลูกบ้านอยู่ห่างกันไม่กี่ถึง 300 เมตร
หลังจากพ่อและแม่ของเด็กหนุ่มมาส่งเขาเสร็จ ก็พากันกลับโดยไม่ได้บอกลาวาตะเลยสักครับ ไม่ค้างสักคืน แม้ว่าวาตะจะไม่ได้แสดงออกว่าตัวเองน้อยใจ แต่ลึก ๆ เขาก็เสียใจกลับเรื่องนี้ไม่น้อย
วาตะได้แต่มองรถยนต์ของพ่อและแม่เคลื่อนตัวออกไปจากบ้านของยายอยู่ใต้ต้นมะม่วงหน้าบ้าน โดยไม่ได้คิดจะเรียกหรือทำอะไรเลย วาตะมองจนรถวิ่งไปลับสายตา น้ำตาก็คลอสองตาคมของเขา ใบหน้าหวานของวาตะดูเศร้าอย่างปิดไม่มิด
“พี่ชาย พี่คะ”
“เรียกฉันเหรอ” วาตะชี้มาที่ตัวเองพร้อมมองใบหน้าของเด็กสาวซึ่งเธอมัดผมเป็นทรงหางม้า พร้อมกับใส่ชุดนักเรียนมัธยมต้น
วาตะรีบสลัดความเศร้าทั้งหมดออกไปไม่ให้เด็กสาวได้เห็นเขาน้ำตาคลอเบ้า
“ใช่ค่ะ พี่ช่วยเก็บบอลให้หนูหน่อยได้ไหมคะ อย่าให้ยายนวลจันทร์เห็นนะคะ” เด็กสาวพูดพร้อมทำท่าแอบที่รั้วบ้านของวาตะ
“วาตะมีอะไรหรือเปล่า” เสียงของหญิงชราดังออกมาเมื่อเห็นว่าหลานชายทำเหมือนกำลังคุยอยู่กับใคร
“เปล่าครับยาย”
“ถ้าจะเข้าบ้านยายฝากปิดประตูรั้วด้วย”
“ได้ครับ…อ้ะนี่” วาตะยืนมองจนแน่ใจว่ายายเดินเข้าบ้านไปแล้ว เขาก็ยืนลูกบอลให้เด็กสาว
“ขอบคุณนะคะ”
“อืม ไม่เป็นไร”
“เดี๋ยวสิ พี่ชื่ออะไรคะ หนูชื่อหนูยิ้มนะคะ”
“วาตะ พี่ชื่อวาตะ” วาตะมองหน้าเด็กสาวแต่ต้องสะดุดตากับนัยย์ตาสีฟ้าอ่อนสว่าง เมื่อเขาพูดจบก็เดินเข้าบ้านไป ไม่ต่างจากเด็กสาวที่วิ่งออกจากประตูบ้านยายนวลจันทร์เพื่อไปเล่นต่อ และเธอมีความคิดในใจว่า
“พี่ชายคนนี้หล่อจังเลย”
ตอนพิเศษ 3 สมาชิกใหม่นับตั้งแต่วันรับปริญญาผ่านมา 3 เดือน ชีวิตของหนูยิ้มกับวาตะยังคงเหมือนคู่รักคู่อื่น ๆ ไม่ผิดไป เพียงแต่ตอนนี้วาตะกลับติดหนูยิ้มไม่ทิ้งห่างหญิงสาว หนูยิ้มก็เริ่มทำงานที่สนามแงรถของสามีอย่างเต็มตัว ดูแลเกี่ยวกับการตลาดและงานโปรโมตต่างๆหนูยิ้มไปไหนวาตะต้องไปด้วย ทำให้คนตัวเล็กรู้สึกหงุดหงิดบ้างในบางครั้ง แต่ไม่ได้ว่าอะไรเพราะถ้าวาตะไม่อยู่ใกล้เธอ เขาก็จะเวียนหัว อาเจียนไม่หยุด อย่างเช่นวันนี้ที่ตั้งแต่เช้ามาวาตะยังคงอาเจียนไม่มีท่าทีว่าจะหยุด“พี่วาตะ ห่างกับหนูยิ้มหน่อยได้ไหมคะ” หนูยิ้มเอ่ยออกมาพร้อมมองใบหน้าของวาตะอย่างไม่ชอบใจ“ให้พี่นั่งกอดหนูยิ้มก่อนไม่ได้เหรอ” วาตะที่โอบกอดหนูยิ้มเอาไว้เอ่ยพร้อมซุกใบหน้าของตัวเองไปกับไหล่ของเธอ เขารู้สึกว่าช่วงนี้ชื่นชอบกลิ่นของหนูยิ้มเป็นพิเสษเพราะว่าเวลาห่างกันเขามักจะเวียนศีราะ คลื่นไส้ แต่พอได้อยู่กับหนูยิ้มได้โอบกอดคลอเคลียแล้ว อาการที่เขาเป็นกลับหายไป“ไม่ได้ค่ะ”“หนูยิ้มใจร้ายกับพี่จัง” วาตะเริ่มงอแงมากกว่าเดิม จนทำให้หนูยิ้มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่“หนูยิ้มว่าการที่พี่วาตะมาซุกหนูยิ้มอยู่แบบนี้ไม่ทำให้พี่วาตะหายหรอกนะคะ
ตอนพิเศษ 2 สามีบุญทุ่ม NCหลังจากหนูยิ้มเรียนจบก็มาถึงวันนี้ วันที่เป็นวันรับปริญญาของหนูยิ้มและเพื่อนสนิทอย่างน้อยหน่า ซึ่งการรับปริญาญาของหญิงสาวดูเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับหนูยิ้มมาก ๆ เลยก็ว่าได้ตลอดทั้งงานหนูยิ้มเอาแต่มองหาวาตะที่หายไป โทรก็ไม่รับหรือแม้แต่ส่งข้อความไปก็ไม่มีการตอบกลับมา จนกระทั่งช่วงถ่ายรูปคู่กับนักศึกษา หญิงสาวก็ยังไม่เจอวาตะ“พี่วาตะไปไหนก็ไม่รู้” หนูยิ้มเอ่ยด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความน้อยใจ“อาจจะอยู่แถวนี้แหละ” น้อยหน่าเอ่ยอย่างปลอบใจเพื่อน ทั้ง ๆ ที่เธอก็ไม่แน่ใจแต่แล้วอยู่ ๆ หนูยิ้มกับน้อยหน่าก็ต้องตกใจ เมื่อธาม โจฮัน และอคิณณ์เดินตรงเข้ามาหาหนูยิ้ม“ยินดีด้วยนะครับ” โจฮันพูดจับก็คล้องมาลัยเงินสดที่มีมูลค่ามากกว่า 2 แสนให้กับหนูยิ้ม โดยที่ธามก็ไม่ได้น้อยหน้าเพราะเขาได้ยื่นร่มให้กับหนูยิ้ม“พระเจ้า มาจากไหนกันเนี่ย” น้อยหน่าเอ่ยอย่างตื่นเต้น แต่ความตื่นเต้นของหนูยิ้มไม่ได้หมดแค่นั้น เมื่อมีมาสคอสหมีตัวใหญ่เดินนำปีกนางฟ้าและช่อกุหลาบสีแดงขนาดใหญ่มาให้กับหนูยิ้ม“พี่วาตะ” หนูยิ้มเรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงที่ตื่นเต้น ซึ่งอีกฝ่ายที่ถูกจับได้ก็ถอกหัวหมีออกก่อนยิ้ม
ตอนพิเศษ 1 พี่หึงนะ NC หลังจากวาตะถูกจับเข้าพิธีผูกแขนหรืองานแต่งงานอย่างไม่รู้ตัวที่สระแก้ว ข่าวเรื่องการแต่งงานของเขากับหนูยิ้มได้ถึงหูเพื่อนสนิททำให้ทั้งสามต่างพากันลบเล้าอยากให้พาหนูยิ้มไปทำความรู้จักก็หนักขึ้นทุกวันเพราะหากจะว่าไปแล้วเพื่ออีก 3 คน ยังไม่ได้รู้จักหนูยิ้มอย่างเป็นทางการจนกระทั่งวันนี้ที่วาตะทนไม่ได้ยอมพาหนูยิ้มไปให้ทั้ง 3 คนรู้จัก แม้ว่าในใจไม่อยากจะพาไปแค่ไหนก็ตาม “เอาจริงหนูยิ้มสวยกว่าที่พวกเราเห็นแต่ก่อนอีก” ธามเอ่ยออกมาพร้อมอีกฝ่ายตาไม่กระพริบ ด้วยเมื่อก่อนส่วนใหญ่เขาเห็นหนูยิ้มในชุดนักศึกษาส่วนใหญ่ และเห็นตอน ปี 1 แต่ตอนนี้หนูยิ้มเรียนจบแล้ว ทำให้อีกฝ่ายแตกต่างไปจากที่ตอนนั่นค่อนข้างมาก“ใช่สวยกว่าเดิมเยอะเลย” โจฮันเอ่ยเสริมทัพพร้อมยิ้มให้กับหนูยิ้ม“ขอบคุณมากนะคะ พวกพี่ ๆ ก็หน้าตาดี หล่อๆกันทั้งกลุ่มเลย” คำชมของหนูยิ้มทำเอาคนที่ได้ยินพากันยิ้มอย่างชอบใจ แต่มีหนึ่งคนที่เอาแต่นั่งหน้าตึงอยู่ตลอดเวลา ก็เพราะว่าเพื่อนของเขาหล่อกันทุกคนนี่แหละเขาถึงไม่อยากพาหนูยิ้มมาแนะนำ“มึงทำหน้าแบบนี้หมายความว่าไงว่ะวาตะ แถมทำเหมือนอย่างกับจะสิงหนูยิ้มเข้าไปยังไงอย่างนั้น”
ตอนที่ 40 งานผูกแขน(ตอนจบ)หลังจากวาตะเรียนจบ เขาเข้ามาดูแลกิจการของตัวเองอย่างเต็มตัว โดยที่ยังคงทำหน้าที่แฟนที่ดีของหนูยิ้มอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ซึ่งการทำหน้าที่ของเขาทำให้ทุกคนที่เห็นต่างพากันอิจฉาหนูยิ้ม“ไง วันนี้สามีไม่มาส่ง แต่ขับรถมาเองหมายความว่าไง” น้อยหน่าเอ่ยถามอย่างสงสัย พร้อมมองเพื่อนอย่างต้องการคำตอบ“ก็แค่อยากขับมาเอง ทำไมเหรอต้องมีเหตุผลด้วยหรือไง” หนูยิ้มพูดด้วยรอยยิ้ม เธอรู้ว่าน้อยหนากำลังคิดอะไรอยู่ แต่สิ่งที่น้อยหน่ากำลังคิดไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ“ไม่ได้ทะเลาะกันใช่ไหม” น้อยหน่าขยับใบหน้าเข้าไปหาหนูยิ้มก่อนเอ่ยกระซิบถามด้วยความสงสัย“เปล่า อยากบอกว่าวันนี้เธอลืมตารางงานนะ” หนูยิ้มมองใบหน้าของเพื่อนสนิทอย่างเป็นคำถาม“ลืม…จริง ๆ” น้อยหน่ายิ้มแห้งให้เพื่อน จากเดิมคิดว่าเพื่อนมามหาลัยเองเพราะมีปัญหากับแฟน แต่ไม่คิดว่าเพราะงาน“งั้นเอาเวลาที่เหลือไปเตรียมตัว แทนการมาแช่งเรากับพี่วาตะ” หนูยิ้มส่ายหัวไปมาให้กับน้อยหน่าอย่างเอือมระอาวันไหนหนูยิ้มต้องทำงานกลับดึก เธอจะขับรถมาเองด้วยเพราะต้องพาเพื่อนอย่างน้อยหน่าไปด้วย จึงไม่สะดวกถ้าจะให้วาตะไปส่งตลอด เหมือนอย่างเช่นวันนี้ซึ
ตอนที่ 39 ดูดาวกันไหม NCวาตะและหนูยิ้มอยู่เที่ยวที่น่านอยู่หลายวัน ก่อนทั้งสองจะย้ายมาพักที่เชียงใหม่ โดยที่พักของทั้งสองเป็นบ้านพักส่วนตัว ซึ่งค่อนข้างห่างจากหลังอื่น ๆ และมีความเป็นส่วนตัวสูง“พี่วาตะใจเย็น ๆ สิคะ” หนูยิ้มเอ่ยปรามคนที่จับให้เธอพิงไปกับผนังข้างประตูห้องพัก หลังจากที่ประตูห้องได้ปิดลง“หนูยิ้มแต่งตัวขัดใจพี่มากเลยรู้ไหม” วาตะมองใบหน้าของคนตัวเล็กอย่างคาดโทษ แม้ว่าวันนี้หนูยิ้มจะแต่งตัวง่าย ๆ ด้วยกางเกงขาสั้นและเสื้อยืดแต่เปิดเว้าหลังลึกมาก ทำให้มีแต่คนมองจนทำให้คนข้างกายของหนูยิ้มออกอาการหึงหวงอย่างชัดเจน“เหรอคะ งั้นพี่วาตะก็ถอดออกเลยก็ได้นะคะ” หนูยิ้มเอ่ยอย่างท้าทายอีกฝ่าย ซึ่งท่าทีและคำพูดของเธอทำให้วาตะรู้ว่าไม่เพียงแค่ต้องการท้าทายเขาเท่านั้น แต่ต้องการให้เขาทำอย่างที่ปากพูด“จะให้ถอดส่วนไหนก่อนดีล่ะ” วาตะมองหนูยิ้มด้วยสายตาที่ลวนลามหญิงสาวอยู่ตลอดเวลา ทำให้คนที่เห็นแบบนั้นหายใจไม่ทั่วท้อง“แล้วแต่พี่วาตะเลยค่ะ” สิ้นเสียงของหนูยิ้ม เรียวปากสวยสีชมพูอ่อนก็ถูกวาตะประกบจูบลงทันที ซึ่งการจูบที่เร่าร้อนดุดันของวาตะถูกตอบสนองกับด้วยเรียวปากสวยที่ทั้งพยายามดูดึงและขบเม
ตอนที่ 38 สมัครเป็นลูกเขยช่วงเย็นวาตะมารับหนูยิ้มหลังเลิกเรียนเหมือนอย่างเช่นทุกวัน ซึ่งหนูยิ้มก็บ่นวาตะทุกวันเช่นกัน เพราะในเมื่อเขาซื้อรถให้กับหนูยิ้มแล้วทำไมถึงยังมารับมาส่งตลอดเวลาผ่านมาเดือนกว่าทั้งเอมี่และฝ้ายหายไปจากวงจรชีวิตของหนูยิ้มและวาตะ คนในมหาวิทยาลัยบ้างก็บอกว่า เอมี่ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ส่วนฝ้ายลาออกและกลับไปอยู่บ้านเกิด ซึ่งความจริงแล้วไม่มีใครรู้ได้“เอาจริง ๆ พี่วาตะไม่ต้องมารับมาส่งหนูยิ้มก็ได้นะคะ หนูยิ้มขับรถมาเรียนเองได้แล้วค่ะ” หนูยิ้มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ ซึ่งคำพูดของหนูยิ้มทำให้คนที่ยิ้มอยู่ตลอดเวลาก่อนหน้านี้หุบยิ้มลงทันที“ทำไมละครับ” วาตะมองใบหน้าของหนูยิ้มก่อนเอ่ยถามออกมา“ก็พี่วาตะซื้อรถให้หนูยิ้มแล้ว พี่วาตะจะมารับมาส่งหนูยิ้มเพื่ออะไรคะ ถ้าแบบนี้พี่วาตะไม่ต้องซื้อรถให้หนูยิ้มก็ได้นะคะ”“พี่อยากอยู่กับหนูยิ้มไง อีกอย่างพี่มารับมาส่งหนูยิ้มไม่ดีเหรอ” วาตะพูดอย่างอ้อน ๆ ท่าทีอ้อน ๆ ของเขาให้คนทีได้ยินยกยิ้มออกมาเล็กน้อย“มันก็ดีค่ะ แล้ววันนี้พี่วาตะอยากทานอะไรคะ”“อะไรก็ได้ขอแค่หนูยิ้มเป็นคนทำ” วาตะหันมามองใบหน้าหนูยิ้มอีกครั้งด้วยรอยยิ้มตอนนี้