2 แฟนของวายุเป็นใคร ?
โดย : wasin
×××××
ซันรู้สึกว่ารุ่นพี่คนนั้นจะขยับเข้าหาตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ จนตัวแทบจะชิดกัน แล้วอีกฝ่ายยังทำหน้าทำตาเจ้าเล่ห์อีกด้วย เอามือวางตรงเข่าของเขา ลูบคลำขึ้นไปตรงขาอ่อนจนเกือบจะโดนเจ้าน้องชาย ซันรีบปัดมือรุ่นพี่ออก
“พี่จะทำอะไรครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่หยอกเล่นเท่านั้นเอง” อีกฝ่ายตอบไม่ตรงความจริง
“แบบนี้น่ะเหรอครับ เรียกว่าหยอกเล่น” ซันเริ่มไม่พอใจขึ้นมา
“เฮ้ย ! ไอ้ซัน ปะ ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนกูหน่อย” เมื่อเห็นว่าสถานการณ์บนโต๊ะเริ่มจะไม่ค่อยดีอองตวนเลยแกล้งทำเป็นชวนเพื่อนไปห้องน้ำ
ซันพยักหน้าแล้วลุกขึ้นเดินตามอองตวนไป รุ่นพี่ที่ชื่อ ‘ตรี’ รู้สึกหงุดหงิดทีเดียว จึงกระดกเหล้าเข้าปากอีกหลายแก้ว
“เมื่อกี้มึงเป็นอะไรกับพี่ตรีวะ ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย” อองตวนเอ่ยถามเพื่อนขณะยืนฉี่ใกล้ ๆ กัน
“ก็ไอ้พี่ตรีอะดิ ลวนลามกู จะจับไอ้นั่นของกู กูก็เลยโมโห” ซันตอบ
“หา !” เขาตกใจ
อองตวนคิดไม่ถึงเลยว่ารุ่นพี่ที่เขานับถือจะกลายเป็นคนแบบนั้นไปได้ มือบอนเป็นว่าเล่น นี่ถ้าซันไม่บอกก็คงจะไม่รู้ ว่าโดนตรีลวนลาม หมายความว่าอีกฝ่ายมีรสนิยมชอบเพศเดียวกันงั้นเหรอ ถึงได้ทำกับเพื่อนตนอย่างนี้
“พี่ตรีทำกับมึงแบบนั้นจริง ๆ เหรอวะ” ถามอีกครั้งให้แน่ใจว่าไม่ได้หูฝาด
ซันพยักหน้าหงึก ๆ
“ก็เออน่ะสิ กูจะโกหกมึงทำเชี้ยไรวะ”
“ถ้างั้นเราสองคนกลับบ้านกันก่อนมั้ย แล้วเดี๋ยวโทร. บอกให้ไอ้ต้าตามไป”
“ก็ดี ! เพราะตอนนี้กูก็เริ่มมึน ๆ หัวแล้ว สงสัยจะดื่มเยอะไปหน่อย” นักศึกษาหนุ่มเอ่ยจบก็ก้าวออกจากโถฉี่ เดินเซนิดหน่อยเพราะดื่มไปหลายแก้วทีเดียว
“มึงเดินไหวปะเนี่ย” คนเป็นเพื่อนถามพร้อมกับเข้าไปประคอง
“ไหวดิ เมื่อกี้กูยังเดินเข้ามาในห้องน้ำได้เลย แล้วทำไมกูจะเดินไปที่รถไม่ได้วะ” เขายืนยันด้วยเสียงอ้อแอ้
อองตวนหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดโทร. หาตาต้า
“เฮ้ย ! ไอ้ต้า กูกับไอ้ซันจะกลับก่อนนะเว้ย แล้วเดี๋ยวมึงตามไปที่รถนะ เหอะน่า เดี๋ยวกูจะเล่าให้ฟังทีหลัง” ก่อนจะวางสายไปทันที จากนั้นก็พูดกับซัน “ไปเว้ย”
“ไปดิ” แล้วก้าวขาออกไป ท่าทางออกจะเซ ๆ นิดหนึ่ง ทว่าก็ยังพอเดินให้ตรงทางได้อยู่ ในขณะที่อีกฝ่ายเดินตามหลังติด ๆ แต่ไม่ถึงกับเมามากนัก สามารถดูแลคนข้างหน้าได้สบาย ๆ
วายุเองก็มีผู้หญิงเข้าหา ชายหนุ่มลุกเดินตามไปหลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นกระซิบข้างหูเหมือนบอกอะไรบางอย่าง จนเพื่อนทั้งสองอดที่จะแปลกใจไม่ได้ เพราะท่าทีของวายุกับสาวสวยคนดังกล่าวดูมีลับลมคมในเสียเหลือเกิน
“ผู้หญิงคนนั้นกระซิบอะไรกับไอ้วายุวะ ทำไมมันต้องลุกตามไปโดยไม่บอกไม่กล่าวพวกเรา” หาญเอ่ยขณะมองตามวายุ
“คุณผู้หญิงคนนั้นเธออาจชวนไอ้วายุไปซัมติงก็ได้ป่าววะ” ตุลย์คิดไปในทางนั้น
“ก็อาจจะจริงอย่างที่มึงพูด” เพื่อนเห็นด้วย
แล้วทั้งสองก็นั่งดื่มเบียร์กันต่อไปโดยไม่สนใจเรื่องของวายุเลย เมื่อดื่มหมดก็สั่งมาอีกหลายขวด แก้วแล้วแก้วเล่าดูเหมือนหาญกับตุลย์จะไม่มีอาการเมาเลยสักนิด สงสัยพวกเขาจะเป็นคนคอแข็ง
กระทั่งสามสิบนาทีผ่านไปวายุก็เดินกลับมา แต่กลับมาพร้อมปากแตก จนเพื่อนอดแซวไม่ได้
“เฮ้ย ! ไอ้วายุ อย่าบอกนะว่ามึงกับพี่คนนั้นแอบไปเอากัน จูบกันจนปากแตกแบบนี้น่ะ” หาญว่าพลางหัวเราะ
“เออ นั่นดิ มึงนี่ร้อนแรงจริง ๆ นะเว้ย จะฮอตไปถึงไหนวะ สาว ๆ ติดตรึม แหม หล่อเหลือเกินพ่อคุณ” ตุลย์แขวะแบบไม่จริงจังนัก
วายุไม่ตอบแต่แค่นยิ้ม ก่อนจะกระดกเบียร์เข้าปากอีกสองแก้ว
“สรุปมึงจะไม่บอกพวกกูใช่ปะ ว่าสาเหตุที่มึงปากแตกเป็นเพราะอะไร” หาญยิงคำถามต่อไป
“เงียบแบบนี้มีพิรุธชัด ๆ” ตุลย์ว่า
“กูบอกพวกมึงไม่ได้หรอก เพราะมันเป็นความลับเว้ย” วายุพูดจบก็หัวเราะเบา ๆ
“ความลับอะไรนักหนาวะ อ๋อ เดี๋ยวนี้มึงหัดมีความลับกับเพื่อนแล้วเหรอ ฮะ !”
“นั่นดิ ไอ้ตุลย์ กูก็รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้ไอ้วายุชอบทำตัวแปลก ๆ แฮะ น่าสงสัยอยู่นะ”
“ไอ้หาญ ไอ้ตุลย์ กูว่าพวกมึงลาออกจากการเป็นนักศึกษาแล้วไปเรียนเป็นตำรวจแทนดีมั้ย” วายุประชด
ทว่าตุลย์กลับจริงจัง
“เออ ก็ดีนะ”
“เชี้ย กูประชดเว้ย”
“สัส กูก็หลงจริงจัง” อีกฝ่ายทำหน้าเซ็ง
“พวกมึง กูรู้สึกเหมือนจะไม่ไหวแล้วว่ะ” หาญทำท่าพะอืดพะอม คล้ายจะอาเจียนออกมา
“ไอ้หาญ อย่าบอกนะว่ามึงคออ่อน” วายุเห็นเป็นเรื่องตลกไปได้
“มึงอย่าเยาะเย้ยกูดิ ตอนแรกกูดื่มเยอะก็ไม่เป็นอะไรหรอกนะ แต่พอดื่มแก้วล่าสุดก็เหมือนจะอ้วก”
“ไอ้ตุลย์ มึงพาไอ้หาญไปเข้าห้องน้ำหน่อยไป เดี๋ยวมันจะอ้วกตรงนี้”
“ไป ๆ ไอ้หาญ ไปเข้าห้องน้ำ” ตุลย์รีบประคองหาญไปห้องน้ำทันที
วายุหยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดเข้า Messenger ทักหาใครบางคน ซึ่งเป็นแชทสีชมพู ชื่อปรากฎว่า ‘ที่รักของวายุ’ แล้วมีอีโมจิรูปหัวใจอยู่ด้านหลังด้วย
ทักไปหลายข้อความทว่าอีกฝ่ายก็เงียบ ไม่ตอบกลับมาเลยสักนิด แม้แต่สติกเกอร์ก็ไม่ส่ง แต่ขึ้นจุดสีเขียวที่หมายความว่ากำลังออนอยู่
“เฟซมึงก็ออนอยู่ แต่ทำไมถึงไม่ตอบกู หรือว่ามึงคุยกับใครอยู่ เอ๊ะ หรือว่ามึงออนไว้ แต่ตัวมึงนอนหลับแล้ว เมื่อกี้กูยัง…” ชายหนุ่มทำหน้าสงสัย ก่อนจะกดล็อกหน้าจอมือถือแล้ววางไว้บนโต๊ะ รินเบียร์ดื่มต่อไปอย่างเซ็ง ๆ
วันนี้เป็นวันหยุดวายุออกมาซื้อกับข้าวข้างนอกอย่างรีบ ๆ จนคว้าเอาเสื้อของแฟนมาใส่ซะงั้น ซึ่งเป็นเสื้อออกแนวหวาน ๆ ขัดกับบุคลิกของเจ้าตัวมาก โดยไม่เอะใจเลยสักนิด ระหว่างนั้นก็เจอกับหาญและตุลย์เข้าพอดี ทั้งสองมองการแต่งตัวของเพื่อนอย่างสงสัย ก่อนที่ฝ่ายหลังจะเอ่ยถามว่า
“ไอ้วายุ เดี๋ยวนี้มึงใส่เสื้อผ้าแบบนี้แล้วเหรอวะ”
“เออ นั่นดิ ทำไมวันนี้มึงถึงแต่งตัวแปลก ๆ หรือมึงจะเป็น…” ตุลย์หยุดพูดแค่นั้นพร้อมกับหัวเราะชอบใจ
เมื่อโดนเพื่อนทักวายุก็ก้มสำรวจเสื้อผ้าทันที แล้วก็ตกใจเป็นอย่างมากเพราะเห็นว่าเสื้อที่กำลังสวมใส่อยู่ในตอนนี้ไม่ใช่ของตัวเอง แต่เป็นของคนอื่น
“เฮ้ย ! เชี้ย เป็นแบบนี้ไปได้ไงวะ ทำไมกูถึงได้ใส่เสื้อตัวนี้มา”
“นี่มึงคงรีบจนคว้าเสื้อใส่ผิดละสิท่า” หาญขำใหญ่
“เออ กูรีบไปหน่อย เลยคว้าเอาเสื้อของแฟนมาใส่น่ะ” อีกฝ่ายบอกพลางยิ้มอาย ๆ
“พูดถึงเรื่องแฟนก็ดีเลย” ตุลย์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนแทบติดกัน “มึงยังไม่เคยพาแฟนของมึงมาเปิดตัวให้พวกกูเห็นสักที พวกกูอยากรู้ว่ะ ว่าแฟนของมึงมีหน้าตาเป็นยังไง”
“มันยังไม่ถึงเวลาเว้ย” บอกปัด ๆ
“อ๋อ การที่จะเปิดตัวแฟนต้องหาฤกษ์หายามด้วยเหรอวะ” หาญถามประชด
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก กูแค่ยังไม่พร้อมเท่านั้นเอง” วายุด้วยน้ำเสียงราวกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“แล้วเมื่อไรจะพร้อม” ตุลย์ยังคงซักไซ้ต่อไป
“เออ เมื่อไรก็เมื่อนั้นแหละน่า เดี๋ยวพวกมึงก็รู้เองแหละ”
“แล้ววันนี้ทำไมมึงถึงออกมาซื้อกับข้าวกินวะ ปกติมึงจะออกมากินข้าวข้างนอกไม่ใช่เหรอ” หาญมองถุงกับข้าวในมือเพื่อนอย่างแปลกใจ
“กูก็ซื้อเอาไปกินกับแฟนกูดิ”
“งั้นกูสองคนขอตามมึงไปที่ห้องด้วย กูสองคนอยากเห็นหน้าแฟนมึง จะได้ทำความรู้จักกันไว้”
“ไม่ได้นะเว้ยไอ้หาญ ไอ้ตุลย์ กูบอกแล้วไงว่าถ้าพร้อมเมื่อไรกูจะเปิดตัวแฟนเมื่อนั้น อย่าเยอะได้ปะ ขอตัวก่อนนะเว้ย” วายุเดินออกไปอย่างเร่งรีบ
หาญจับมือตุลย์แล้วบอกว่า
“กูว่าเราสองคนตามไอ้วายุไปที่ห้องดีกว่าว่ะ ไอ้วายุดูท่าทางมีพิรุธมาก”
“อย่าเลย เดี๋ยวมันโกรธ” ตุลย์ไม่เห็นด้วย
“ปัดโธ่ ก็แอบตามไปสิวะ ไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย”
“กูว่าแทนที่เราจะเอาเวลาไปตามจับผิดไอ้วายุ ตอนนี้ไปหาอะไรแดกไม่ดีกว่าเหรอวะ กูหิวจนไส้กิ่วอยู่แล้วเนี่ย” อีกฝ่ายทำหน้าเบื่อหน่ายใส่
“เออ ๆ ก็ได้ ไป ๆ” สุดท้ายก็ต้องยอม
แล้วทั้งสองก็เดินไปกินข้าวที่ร้านอาหารใกล้ ๆ หาญยุติเรื่องที่จะตามวายุไปที่คอนโดฯ ทันที
วายุกลับบ้านที่ชุมชนซอยจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งเป็นบ้านหลังกะทัดรัด อยู่กันแบบอบอุ่น วันนี้ชายหนุ่มมาพร้อมกับของติดไม้ติดมือเพียบ นานแล้วละที่ไม่ได้มา ส่วนมากจะใช้เวลาอยู่กับแฟนที่ห้องเช่าในคอนโดฯ มากกว่า แต่ก็เคยพามาเปิดตัวให้แม่รู้จักตั้งแต่วันแรกที่คบกันแล้ว ดวงเดือนมักจะเรียกแฟนของลูกชายว่าลูกสะใภ้อยู่เสมอ เพราะนิสัยใจคอของอีกฝ่ายช่างตรงกับสเปคของตัวเองเสียเหลือเกิน
วายุสวมกอดแม่ด้วยความคิดถึง
“คิดถึงแม่จังเลยครับ นี่ผมซื้อของกินมาฝากแม่เยอะแยะเลยนะครับ”
“แม่ก็คิดถึงแกที่สุดเหมือนกัน ความจริงแค่แกมาหาแม่ก็ดีใจแล้ว ไม่เห็นต้องซื้ออะไรมาฝากแม่เลย” นางตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะหันไปทางหน้าบ้าน คล้ายกับมองหาใครบางคน “แล้วแฟนของแกล่ะ ไม่ได้มาด้วยเหรอ”
ที่แท้ก็มองหาลูกสะใภ้นั่นเอง !
คนเป็นลูกชายส่ายหัว
“ไม่ได้มาครับ เขาติดธุระ”
“ไปนั่งคุยตรงนู้นดีกว่า” นางชี้ไปที่ห้องนั่งเล่น
“เดี๋ยวผมเอาของไปเก็บในครัวก่อนนะครับ แม่ไปนั่งรอก่อนเลย” แล้ววายุก็เดินเข้าไปที่ห้องครัวซึ่งอยู่ทางด้านหลัง ในขณะที่ดวงเดือนไปนั่งรอที่ห้องนั่งเล่น
เมื่อเก็บของเสร็จคนเป็นลูกชายก็ไปนั่งคุยกับแม่ต่อ
“ช่วงนี้แม่เป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็กินอิ่มนอนหลับ สบายดีนะ ว่าแต่ลูกเถอะ กินอะไรมาหรือยัง” อีกฝ่ายตอบพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ อย่างอารมณ์ดี
“กินมาเรียบร้อยแล้วครับ” เขาพยักหน้า “ช่วงนี้ผมอาจไม่ค่อยได้มาหาแม่บ่อยนะครับ เพราะปีสี่แล้วก็ยิ่งหนัก…หนักที่โปรเจคจบครับ มะรุมมะตุ้มไปหมดเลย”
“สู้ ๆ นะลูก แม่ขอเป็นกำลังใจให้นะ”
“ขอบคุณครับแม่”
“แล้วแม่ก็ฝากกำลังใจไปให้แฟนของลูกด้วยนะ”
“ได้ครับ” วายุตอบยิ้ม ๆ
“เสียดายที่เขาไม่ได้มาด้วย แม่อยากจะกินข้าวกับลูกสะใภ้ของแม่อีก วันนี้แม่ทำกับข้าวเพียบเลย อ้อ ถ้างั้นแม่ขอฝากลูกเอาไปให้เขาหน่อยนะ”
“ได้เลยครับ”
“แล้วช่วงนี้ลูกกับแฟนของลูกเป็นยังไงบ้าง ยังทะเลาะกันอยู่มั้ย”
ที่ดวงเดือนถามแบบนั้นก็เพราะว่าเมื่อก่อนลูกชายกับแฟนทะเลาะกันบ่อย ๆ และเวลางอนวายุก็มักจะชอบกลับบ้านมาหาแม่ทุกครั้ง ให้แฟนตามมาง้อทุกที นางเห็นแบบนี้จนชินแล้ว จนอดคิดไม่ได้ว่าลูกคนนี้ทำตัวเหมือนผู้หญิง นั่นก็คือขี้งอนที่สุด
“ก็มีบ้างครับ แต่ไม่ค่อยหนักเหมือนเมื่อก่อนแล้ว” วายุเอ่ย
ดวงเดือนพยักหน้า
“ก็ดีแล้วละ แต่แกก็อย่าทำตัวขี้งอนเหมือนผู้หญิงนักนะ เดี๋ยวแฟนของแกจะเบื่อซะก่อน”
“ไม่หรอกครับแม่” ชายหนุ่มตอบอย่างมั่นใจ “เพราะเขาเคยบอกกับผมแล้วว่า ต่อให้ผมงอนเขาเป็นพันครั้งก็ไม่มีวันเบื่อแน่นอน เราสองคนเข้าใจกันดีครับ”
“จ้า อะไรก็ไม่แน่นอนเสมอไปหรอก แม่ไม่ได้จะพูดให้แกคิดมากนะ แต่แค่อยากให้แกเผื่อใจไว้หน่อยก็ดี หรือเพลา ๆ ลงบ้างเรื่องงอนน่ะ”
“โอเคครับแม่” เขากล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และไม่ได้รู้สึกเป็นกังวลกับคำพูดของแม่เท่าไหร่ เพราะที่นางว่ามันก็เป็นเรื่องจริงทั้งนั้น
“จ้ะ”
อีกฝ่ายก้มมองนาฬิกาข้อมือก่อนเงยหน้าบอกกับแม่ “ใกล้จะเที่ยงแล้วครับแม่ ผมต้องกลับแล้ว มีธุระต้องไปทำครับ”
“งั้นรอแป๊บนะ แม่จะไปตักแกงใส่ถุง จะฝากไปให้แฟนของลูก” ว่าแล้วดวงเดือนก็รีบลุกไปที่ห้องครัวทันที
ทุกครั้งที่วายุกลับมาบ้านคนเป็นแม่ก็จะชอบฝากกับข้าวไปให้ ‘ลูกสะใภ้’ เสมอ จนวายุพูดติดตลกว่าตัวเองจะกลายเป็นหนุ่ม Grab อยู่แล้ว เพราะรับบริการหิ้วของไปให้แฟนบ่อยมาก
แต่ที่พูดก็ไม่ได้จริงจังอะไรนักหรอก เขาก็เต็มใจที่จะเอาไปให้แหละ แค่แกล้งหยอกเล่นเท่านั้นเอง
รอไม่นานแม่ก็ออกมาจากห้องครัวพร้อมกับถุงกับข้าวประมาณสองถึงสามเมนู ยื่นให้ลูกชาย
“นี่จ้ะ”
“ครับผม หนุ่ม Grab ยินดีรับใช้ครับ” เขาลุกขึ้นแล้วพูดตลก ๆ
คนเป็นแม่ขำพรืดอย่างชอบใจ
“ดูทำเข้า”
“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับแม่ บายครับ” โบกมือลาบุพการี
“จ้ะ ขับรถดี ๆ ละ”
“คร้าบ” วายุหอมแก้มแม่ทั้งสองข้างก่อนจะเดินออกไปจากบ้าน
ดวงเดือนมองตามรถมอเตอร์ไซค์ของลูกชายที่กำลังแล่นไปพลางยิ้ม จากนั้นจึงลงมือทำงานบ้าน
ครบรอบ 3 ปีที่วายุและซันคบกัน…วายุไปเดินห้างฯ คนเดียว ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ คอนโดฯ ซันไม่ได้มาด้วย เพราะชายหนุ่มโกหกว่ามีธุระต้องทำ แต่ความจริงคือจะมาซื้อของขวัญให้อีกฝ่ายเนื่องในวันครบรอบ 3 ปีที่คบกันนั่นเองเหตุผลที่ไม่ยอมบอกตามตรงนั่นเป็นเพราะว่าเขาตั้งใจจะซื้อของขวัญไปเซอร์ไพรส์ หากซันรู้แผนของเขาก็จะพังแน่นอน ดังนั้นเขาจึงต้องอุบไว้ก่อนทว่าขณะเดินเลือกนาฬิกาอยู่ที่ร้าน จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาทักด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“วายุ !”เมื่อได้ยินเสียงเรียกวายุจึงหันขวับ ทันทีที่เห็นหน้าอีกฝ่ายชายหนุ่มก็อึ้งไป“เจนจิรา !”เจนจิรา เคยเป็นแฟนเก่าของเขาเมื่อสมัยเรียนมัธยมปลาย ก่อนที่จะมาเจอกับซัน เธอจัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียว ตอนคบกันแรก ๆ ก็ดูหวานชื่นแหละ แต่พอระยะเวลาผ่านไปสักพักทุกอย่างกลับเปลี่ยนแปลงทีละนิด เมื่อเจนจิราพยายามตีตัวออกห่างจากวายุ ครั้นเค้นถามหาเหตุผลหนักเข้าเธอก็รำคาญจนสุดท้ายก็สืบจนรู้ว่าเธอแอบคบกับผู้ชายคนอื่น เขาเสียใจจนถึงขั้นประกาศว่า‘หากเธอไม่ได้รักกันแล้วเราก็ควรเลิกกัน เพราะฉันไม่อยากเป็นตัวสำรองของใคร’แต่วันนี้กลับเจอเธออีกครั้ง วายุเองก็ทำ
“นี่ กูถามมึงจริง ๆ นะ มึงไม่คิดจะกลับไปอยู่ห้องตัวเองบ้างหรือไง”เสียงถามที่บ่งบอกถึงความเหนื่อยหน่าย กลับไม่ได้ทำให้คนที่กำลังกอดเอวของซันเอาไว้ระคายผิวได้แม้เพียงนิด ตรงกันข้ามวายุยังสามารถยิ้มหน้าระรื่นได้ดั่งเดิม พร้อมกับเอ่ยตอบกลับไปเหมือนกับตลอดหลายวันที่ผ่านมา“ถ้ากูกลับ มึงก็ต้องไปด้วย”ฟังคำตอบสิ่งที่ซันทำได้คือพ่นระบายลมหายใจออกมาอีกครั้ง แล้วก็ล้มเลิกการไล่ทางอ้อมไปเหมือนกับตลอดเกือบสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยว่าระยะหลังมานี้วายุมักจะทำตัวติดกันกับเขาแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงเข้าไปแล้ว หนึ่งในนั้นก็คือหอบเอาเสื้อผ้ามานอนค้างกับเขา ซึ่งถ้าอยู่วันเดียวหรือแค่สองวันซันก็คงไม่ออกปากบ่นแบบนี้ หากแต่เจ้าตัวกลับปักกหลักอยู่แบบกึ่งถาวรเข้าไปแล้วพอโดนบ่นก็สวนกลับว่า...“งั้นมึงไปอยู่ห้องกู”สุดท้ายข้อพิพาทนี้ก็กลายเป็นเจ้าตัวที่ชนะไปทุกครา“แล้วเช้านี้มึงจะกินอะไรดี”“กินมึง…โอ๊ย! นี่! มันเจ็บนะเว้ย”ใบหน้าหล่อเข้าขั้นบึ้งตึงขึ้นมาทันที เมื่อแขนของตัวเองถูกฝ่ามือขาวฟาดเข้าให้จนเกิดรอยแดงจาง ๆ ในขณะที่คนกระทำกลับไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ ยังคงส่งสายตาน่ากลัวไปให้เหมือนเคย กลายเป็นฝ่ายของวายุที่ได้แต
หลังจากกิจกรรมในครั้งนั้นวายุกับซันก็ถูกถ่ายรูปลงโซเชียลและมีคนเห็นมากขึ้น ว่าทั้งคู่เข้าคอนโดฯ ด้วยกันบ่อย ๆ อีกทั้งรูปนั่งบนรถก็มี ที่ร้านอาหารก็มีเช่นกัน ทุกอิริยาบถหนีไม่พ้นสายตาของด้อมทั้งหลายที่คอยตามสอดส่องอยู่ทุกที่ทุกเวลา และเก็บทุกช็อตเด็ดไว้ในมือถือเป็นที่เรียบร้อยแล้วทั้งคู่ไปรับไปส่งกันบ่อย ๆ จนด้อมของพวกเขากลับคืนมา ทุกคนเริ่มจิ้นตามและเกิดการปรองดองในที่สุด แล้วพากันอวยวายุกับซันฉ่ำฟินทุกครั้งเวลาเห็นวายุกับซันอยู่ด้วยกัน !ทว่าแฟนคลับส่วนใหญ่ก็ยังถกเถียงเรื่องที่ทั้งสองเป็นศัตรู แม้จะมีรูปสวีทหวานออกมาให้เห็น แต่บางคนก็ยังตั้งคำถามและสงสัยอยู่เสมอ มีกลุ่มหนึ่งที่อวยแบบไม่ลืมหูลืมตา แค่รู้ว่าวายุกับซันกิ๊กกั๊กกันก็ฟินแล้ว ถึงขั้นโพสต์ทวิตเตอร์แจกเงินหากทั้งคู่ประกาศคบกันจริง ๆเพื่อน ๆ ของวายุและซันก็เริ่มพูดถึงเรื่องนี้เยอะมาก เพราะไม่ว่าใครเจอมักถามเรื่องของทั้งสองบ่อยทีเดียว เพียงแค่พวกเขาตอบไม่เต็มปากเท่านั้นเอง บางครั้งใบ้ไปก็ไม่มีใครเชื่อหาญกับตุลย์ได้นัดอองตวน แจ็ค ตาต้าไปนั่งดื่มและกินข้าวแบบชิล ๆ ที่บาร์ริมแม่น้ำ สั่งอาหารเต็มโต๊ะพร้อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
“เดี๋ยว เราจะใช้ห้องนี้จริง ๆ เหรอ” เสียงสั่น ๆ เข้าขั้นประหม่าอดถามออกไปไม่ได้ ทั้งมือยังดึงเสื้อด้านหลังของคนตัวโตเอาไว้แน่น หวังจะช่วยทำให้อีกฝ่ายมีเวลาคิดดูอีกสักหน่อยด้วยว่าตอนนี้ตรงหน้าของซันคือห้องพักหนึ่งที่อยู่ด้านบนของไนต์คลับ และมันคงไม่ได้แปลกหรือสร้างความหวั่นใจให้แก่ตัวของซันได้เท่ากับการเห็นลักษณะของมันแบบเต็มตา ตัวห้องที่อยู่หลังบานประตูนั่นมันถูกตกแต่งไปด้วยสีแดงฉานสมกับชื่อที่เรียกกันปากต่อปากว่าห้องเชือดสีแดงในตำนาน !ซันเคยได้ยินเพื่อนนกลุ่มคุยกันถึงห้องเชือดตรงหน้านี้ว่าการจะเข้าไปใช้บริการได้นั้นใช่ว่าจะง่ายเหมือนคิด ด้วยว่าหนึ่งเลยคือต้องเงินถึงพอสมควร เนื่องจากราคาที่ค่อนข้างสูงสำหับห้องที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างหรูหรา จนเรียกว่าสะดวกสบายและเร้าอารมณ์กว่าห้องทั่วไปหลายเท่า ทั้งการจะทำบัตรสมาชิกที่มีเพื่อเข้าใช้งานยังยากพอสมควร แต่ใครจะไปคิดว่าวายุจะแอบมาทำมันจนได้“กลัว?”คำถามของคนตัวโตไม่ได้รับการตอบมานอกจากริมฝีปากที่เม้มแน่น เพราะไม่รู้จะตอบไปยังไงดี ในเมื่อเขาไม่ได้กลัวเสียหน่อย ต้องเรียกว่าประหม่าสิถึงจะถูก“อะ อืม”ยังไม่ทันจะได้รับคำตอบใดกลับมา ริมฝีปาก
ไนต์คลับชื่อดังกลางเมืองเวลานี้ไม่ต่างจากทุกวันเท่าไรนัก บรรยากาศโดยรอบพื้นที่หลายตารางเมตรยังเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายเพศเช่นเคย แต่ละกลุ่ม แต่ละคน ปลดปล่อยอารมณ์ที่ซุกซ่อนเอาไว้ในใจตามที่ตัวเองรู้สึก บ้างโยกย้ายไปตามจังหวะของเสียงเพลงเร้าใจที่ถูกเปิดขับกล่อม บ้างก็นั่งบริหารเสน่ห์ตัวเองไปเรื่อย ๆ หรือบ้างก็ปล่อยความเศร้าให้เหล้ารสดีเป็นตัวช่วยทว่า โต๊ะด้านในสุดนั้นดูเหมือนจะต่างออกไป แบบที่ต้องเรียกว่าออกแนวคล้ายกำลังจะมีเรื่องก็คงไม่ผิด“เฮ้ย มองหน้านี่หาเรื่องเหรอครับ อยากกินกับแกล้มแบบไม่ต้องสั่งเหรอ” เสียงของหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มวิศวะเอ่ยถามไปด้วยท่าทีกวน ๆ เรียกเสียงหัวเราะจากสมาชิกคนอื่นของกลุ่มขวาได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ทางซ้ายผู้ถูกทักทายมาแบบชนิดกระตุกต่อมโมโหนั้น กลับทำเพียงแค่ยิ้ม ๆ รักษามาดนิ่งเอาไว้ไม่ต่างจากเมื่อก่อน“ไม่ให้มองหน้าแล้วจะให้มอง...อะไรล่ะ”แม้จะเป็นคำตอบจากน้ำเสียงนิ่ง ๆ แต่กลุ่มฝั่งขวาก็รู้ได้ในทันที ว่านี่คือการโต้กลับแบบไม่ต้องสงสัย หากแต่เพราะไม่อยากให้เรื่องมันลุกลามใหญ่กว่านี้จนเสียบรรยากาศเลยจำต้องเก็บอารมณ์ไป แต่ไม่วายทิ้งความปากดีที่เป็
หลังกลับมาจากค่ายอาสาก็ติดกับเสาร์อาทิตย์พอดี วายุเอาแม่มาอ้างเพื่อให้ซันนอนที่บ้านนี้ต่อจนสำเร็จ บอกว่าแม่อยู่คนเดียวคงเหงาน่าดู ไหน ๆ เป็นวันหยุดแล้วก็อยู่เป็นเพื่อนท่านซะเลยตั้งแต่เปิดตัววายุอ้อนเก่งมาก ชอบเอาแต่ใจทว่าไม่ได้ท็อกซิกแบบให้ซันตามใจ ถึงกระนั้นอีกคนก็ไม่ได้รำคาญเท่าไรนัก ตรงกันข้าม…ออกจะชอบใจด้วยซ้ำไป“วายุ ทำไมมึงถึงไม่อนุญาตให้กูไปหาเพื่อนอะ” ซันเอ่ยถามแฟนหนุ่มขณะนั่งพิงไหล่กว้างบนเตียงนอน เพราะเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาแจ็คได้โทร. มานัดซันให้ออกไปเจอที่ผับ แต่วายุก็ไม่ให้ไป บอกผ่านมือถือเลยทีเดียววายุยิ้มกว้าง “ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะกูอยากนอนกอดมึงทั้งวันทั้งคืนไง ถ้ามึงไปแล้วกูจะกอดใครล่ะ จะให้กูกอดหมอนข้างหรือไง”“เหตุผลแค่นี้ ?”“แล้วจะเอาแค่ไหนล่ะ”ครืด ครืด !จู่ ๆ เสียงสั่นของมือถือก็ดังขัดจังหวะทั้งคู่ วายุกับซันหันมองหน้ากัน“มือถือของใครสั่นวะ”“ของมึงแหละวายุ เพราะมือถือกูตั้งเสียงเรียกเข้าเป็นเพลงที่กูชอบ แต่มึงอะตั้งระบบสั่น” ซันบอกวายุจึงหยิบมือถือของตัวเองที่วางอยู่ข้างหมอนขึ้นมา ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างแปลกใจกับเบอร์ที่โทร. เข้ามาเพราะไม่คุ้นเลย“เบอร์ใครวะเ