มึงไม่ใช่กาแฟธรรมดา แต่มึงคือกาแฟที่มีค่ามากที่สุดสำหรับกูและมึงไม่ใช่กาแฟที่มีคุณค่า เพราะมึงเป็นมากกว่ารสชาติที่มันคู่ควร
View Moreพวกคุณเชื่อเรื่องกามเทพสื่อรักกันไหม
ถ้าไม่เชื่อผมว่าพวกคุณต้องเข้ามาดูแล้วแหละ
กามเทพเป็นเทพแห่งความรัก ความปราถนา และมีฤทธิ์ที่จะบันดาลให้ใครรักใครก็ได้
แต่..........
กามเทพของผมเป็นแบบนี้ครับ
เค้าทั้ง หล่อแต่ขี้เก๊ก ใจดี
แต่..........
ทำไมเค้าถึงจับคู่ให้ผมกับคนนี้ด้วยงั้นล่ะ
เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ ผมจะเล่าให้พวกคุณฟัง
มึงไม่ใช่กาแฟธรรมดา แต่มึงคือกาแฟที่มีค่ามากที่สุดสำหรับกู
และมึงไม่ใช่กาแฟที่มีคุณค่า เพราะมึงเป็นมากกว่ารสชาติที่มันคู่ควร
...................................................................................................................................
สวัสดีครับผมชื่อ "เพิร์ท" ชีวิตผมมันก็แค่บาริสต้าหนุ่มในร้านกาแฟเล็กๆที่ทำงานอยู่กับลูกพี่ลูกน้อง แต่มันกลับเป็นที่ที่ไม่เคยขาดสาวๆเข้ามาหา เรียกได้ว่า "บาริสต้าหนุ่มหล่อ" เป็นที่รู้จักแต่ทว่าความหล่อมันกลับไม่ได้ช่วยอะไรในเรื่องของความรักเลย
สาวๆเข้ามาแล้วก็จากไป ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาที่ดูเหมือนจะไปได้ดี หรือการพูดคุยที่เราคิดว่าจะมีอะไรพัฒนาต่อ แต่สุดท้ายกลับจบลงที่การ "โดนเท" ทุกครั้ง อารมณ์ของผมมันก็ค่อยๆท่วมท้นไปด้วยความสับสน ความรู้สึกเหมือนโดนทอดทิ้งจนกลายเป็นสิ่งที่คุ้นเคยจนแทบจะไม่รู้สึกอะไรแล้ว แต่ข้างในมันก็ยังเจ็บปวดเสมอผมก้มหน้ามองที่พื้น คิ้วขมวดและกัดปากจนรู้สึกเจ็บขึ้นมา
"ทำไมต้องเป็นแบบนี้วะ..."เสียงของผมพร่าไปในลำคอ รู้สึกเหมือนโลกมันกำลังหมุนไปข้างหน้าเร็วๆ แต่ในขณะเดียวกันผมกลับยืนอยู่ในที่เดิม ยังคงอยู่กับคำถามเดิมๆว่าทำไมชีวิตผมต้องเป็นแบบนี้
ร่างกายผมมันเหนื่อยล้าท่าทางที่เดินไปมาในร้านกาแฟเหมือนกำลังหลีกหนีอะไรบางอย่าง ไม่สามารถปล่อยวางได้ ผมสบตากับสาวๆที่เข้ามาในร้าน แต่กลับรู้สึกเหมือนทุกอย่างเป็นแค่การแสดง การยิ้มและการทักทายมันดูเหมือนจะเป็นหน้ากากที่ต้องใส่ไว้ตลอดเวลา แม้จะมีสาวๆ เข้ามาเยอะ แต่กลับไม่มีใครอยู่ยาว พวกเธอก็เข้ามาแค่ชั่วครู่และหายไป ผมอดไม่ได้ที่จะคิดว่ามันเป็นอะไรที่ผิดปกติ สงสัยว่าผมมีอะไรที่ขาดหายไปหรือเปล่า
ทุกๆ ครั้งที่ถูกทิ้งก็เหมือนกับการโดนบาดแผลที่ลึกขึ้นไปเรื่อยๆเหมือนกับมีบางสิ่งที่กัดกินอยู่ภายใน ผมรู้สึกผิดหวังจนเริ่มรู้สึกว่าความรักมันเป็นเพียงแค่เรื่องหลอกลวง รู้สึกเหมือนกับว่าไม่มีใครที่จะรักผมจริงๆ แบบที่ผมต้องการ
"กูอยากมีเมียเว้ยย!!!"คำพูดที่ตะโกนออกไปในใจเหมือนจะพยายามให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่างเปล่า ความรู้สึกผิดหวังพัดผ่านหัวใจอย่างรวดเร็ว ร่างกายผมเหมือนจะอ่อนแอลงในทุกๆ วินาที
ในช่วงเวลานั้นผมมองออกไปนอกร้าน เห็นแสงไฟที่ตกกระทบกับถนนที่เปียกหลังฝนตก ความรู้สึกเหมือนกับว่าโลกมันยังหมุนไป แต่ผมกลับยังคงยืนอยู่กับความสับสนและความเหงา เพียงแค่หวังว่าวันหนึ่งชีวิตของผมจะมีใครสักคนที่จะอยู่ข้างๆ และรักผมในแบบที่ผมรักพวกเขา
ณ ร้านกาแฟ coffee brownie
"เพิร์ท! วันนี้กูเอารูปปั้นกามเทพมาร้านวันแรก กูจะตั้งไว้ที่ข้างร้าน กูฝากมึงดูแลด้วยเผื่อมึงจะมีโชคด้านความรักมั้ง!"เสียงพี่ตี๋ดังขึ้นพร้อมกับท่าทางท่ามกลางบรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบสงบของร้านกาแฟในตอนเช้า ผมเงยหน้าขึ้นมองมันครู่หนึ่งจากนั้นก็หันกลับไปทำงานต่อเพราะคุ้นเคยกับพฤติกรรมกวนๆของพี่ตี๋ที่มักจะทำอะไรแบบนี้ทุกครั้งที่มีโอกาส
พี่ตี๋คนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องของผมแต่ดูเหมือนว่าทุกอย่างในชีวิตของมันมักจะเดินไปในทิศทางที่ต่างจากผมเสมอ หน้าตาของมันอาจจะไม่ได้ดึงดูดเท่าผม แต่สาวๆกลับเข้ามาในชีวิตของมันอย่างไม่ขาดสาย เหมือนมันเป็นแม่เหล็กที่ดูดดูดสาวๆทั้งหลายที่ทำให้มันเป็นที่นิยมอย่างไม่น่าเชื่อ ขณะที่ผมยังคงยืนอยู่ที่นี่ ไม่เคยมีใครสนใจจริงจังเลย
มันเดินเข้ามาหาผมอย่างมั่นใจแล้วก็พิงอยู่ที่ตู้เค้ก ยื่นมือพาดลงบนตู้เหมือนกับจะท้าให้ผมตอบสนองต่อคำพูดมันแต่ผมไม่อยากจะตอบอะไรมากนัก ผมแค่ยืนทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟด้วยมือที่มีจังหวะเรียบง่าย ไม่สนใจหรือโกรธอะไรเพราะผมรู้ดีว่าไม่ว่าจะตอบกลับไปยังไงก็เหมือนเดิม
"ได้ยินป่าวเนี่ย" ตี๋ยังคงไม่ยอมหยุดพูดจนผมต้องหยุดทำอะไรสักพักแล้วมองมันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
"ทำไมต้องเป็นกูวะ คนอื่นในร้านก็มี ไอ้เนม ไอ้ไทม์ กูไม่เชื่อหรอกเรื่องพวกนี้"น้ำเสียงของผมแสดงออกมาอย่างไม่ทันคิด ตอนนั้นมันก็เหมือนเป็นแค่การระบายความรำคาญที่ผมรู้สึกจากคำพูดของมันที่ทำให้ผมรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมในชีวิตความจริงแล้ว ผมไม่เคยเชื่อในเรื่องโชคชะตาหรือสิ่งที่มองไม่เห็นเช่นนี้เลย ความรักหรือความสัมพันธ์ที่ดีก็เหมือนจะเป็นแค่ความฝันสำหรับผม เท่านั้น
และคำพูดที่ออกจากปากของผมในครั้งนี้มันคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมยังคงอยู่ในสถานการณ์นี้คือความคิดที่ไม่เคยเปิดใจให้กับสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตา ไม่ว่าจะเป็นโชคชะตาหรือความเชื่อในบางสิ่งบางอย่าง ผมมักจะพูดออกไปโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมาเสมอ บางทีความเชื่อเหล่านี้อาจจะไม่ได้หมายความว่าเราจะมีความรักหรือโชคในชีวิตเสมอไป แต่การยอมรับมันอาจจะช่วยให้เราได้เห็นบางอย่างที่เราเคยมองข้าม
"กูอุตส่าห์ช่วยมึงนะเว้ย มึงก็ลองหัดเชื่อเรื่องพวกนี้มั้ง มึงพูดเเบบนี้ไงมึงถึงไม่มีเมียสักที มีเดี๋ยวก็เท "
"กระผมขอตัวก่อนนะครับ กระผมจะทำงาน เนม ไทม์เปิดร้านด้วย ไปก่อนนะขอรับ"วาจาประชดประชันไปอย่างน่าเบื่อหน่ายเพื่อหลีกหนีบทสนทนาที่จะต้องพูดออกมากับรุ่นพี่คนนี้อีกก่อนที่จะเอ่ยเรียกให้รุ่นน้องในร้านสั่งเปิดร้านและเดินออกไปจากตรงนั้นทันทีเพื่อออกไปเตรียมวัตถุดิบที่จะเสิร์ฟให้กับลูกค้า
"มึงเป็นเจ้าของร้านหรือกูกันแน่ว เปิดร้านดิวะมองทำเชี้ยไร"
"ครับผม"สองเท้าเรียวยาวเดินออกไปจากหลังร้านทันทีและขังตะวเองอยู่ในนั้นราวไปประมาณครึ่งชั่วโมงโมงกับการเตรียมวัตถุดิบและของต่างๆให้พร้อมก่อนที่จะเดินถือเอาเข้าไปในร้านอีกครั้งหนึ่งเมื่อใกล้จะถึงเวลาที่ลูกค้าจะเข้าร้านแล้ว
แต่ทว่าในระหว่างทางของที่เต็มไม้เต็มมือไปหมดจนไม่ได้ดูทางก็ดันเกิดชนเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่งที่สวยเป็นอย่างมากก่อนที่ผมเองจะวางของลงและรับเข้าไปดูเธอทันทีโดยที่สายตาของผู้หญิงคนนั้นที่จอองมองมาที่ผมก็แทบจะกลืนกินผมอยู่แล้วและท่าทางที่ยั่วยวนของเธอเองก็ทำเอาผมนั้นเตรียมท่าที่จะเล่นเธอกลับด้วยเช่นกัน
ตุ๊บบบบบบบ
เสียงจากการชนกันทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่ความรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนชั่วครู่เมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าผม เธอสวยมากสวยจนทำให้ทุกอย่างรอบตัวดูเลือนรางไปชั่วขณะ รอยยิ้มที่เธอยิ้มให้ผมทำให้หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นโดยอัตโนมัติและในขณะที่ตาของเธอมองมาที่ผมผมไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้เลย
"ขอโทษค่ะพี่ เป็นไรรึป่าวคะ"เสียงของเธอดังกังวานราวกับเสียงเพลงที่ดังกระทบหูจนทำให้ผมละสายตาจากพื้นมองไปที่เธออีกครั้ง เธอเอียงคอมองหน้าผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงจนทำให้ผมรู้สึกอ่อนแอในตอนนั้นเอง
“อ้อไม่เป็นไรครับ ว่าแต่คุณเป็นอะไรไหมครับ คุณคนสวย”คำพูดของผมออกมาโดยไม่ทันคิด ความอึดอัดในใจเริ่มหายไปบ้างแล้วและตอนนี้แค่ได้มองหน้าผู้หญิงตรงหน้ามันทำให้ผมรู้สึกว่าทุกอย่างดีขึ้น
ดวงตาของเธอส่องแสงสดใส คิ้วเรียวบางและริมฝีปากที่ยิ้มเล็กน้อย ทำให้ผมอยากพูดอะไรบางอย่างออกไป แต่กลับพูดไม่ออกได้แค่ยืนอยู่ตรงนั้นราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุนและหยุดหายใจไปกับเธอ
"เห้ยมึงมายุ่งไรกับเมียกูวะ"เสียงนรกที่ส่งมาเกิดเมื่อผู้หญิงที่ส่งสายตาแพรวพราวมานี้ดันเกิดมีผัวเอาจนได้แต่ทว่าก็ดันมาอ่อยผมอยู่จนผมเองต้อวรีบยกมือไหว้และนีบหอบข้่วของเข้าไปในร้านทันทีด้วยความกลัวว่าจะมีปัญหาขึ้นมาได้
"มึงอ่อยมันอยู่ได้"
"กูไม่ได้อ่อยนะ"
"กลับ!!"
"มึง..."ผมพยายามพูดอะไรบางอย่างแต่คำพูดกลับติดอยู่ในลำคอ ความอบอุ่นจากร่างกายของเขาที่แนบชิดกับผมทำให้สมองของผมเหมือนถูกปิดการทำงาน เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เอาแต่ซบไหล่ผมอย่างเงียบๆลมหายใจของเขาสม่ำเสมอและสงบ แต่หัวใจของผมกลับเต้นรัวจนแทบจะทะลุออกมาช่วงเวลานั้นเหมือนเป็นทั้งคำตอบและคำถามในตัวของมันเอง ผมไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไร ควรจะผลักเขาออกไปหรือจะปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในความอ่อนโยนนี้แต่มือของเขาที่จับผมไว้แน่น กับหัวของเขาที่ซบอยู่บนไหล่ มันกลับทำให้ผมรู้สึกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้อย่างน้อยในตอนนี้ เขาอยู่ตรงนี้อยู่กับผม"วันนั้นอ่ะหลังจากที่กูกลับไปที่นู้น กูก็ได้แต่ร้องไห้ฟูมฟาย เพราะคิดถึงคนอย่างมึงนี่แหละ"น้ำเสียงของมันเริ่มต้นด้วยความหนักแน่น แต่พอพูดไปความรู้สึกในใจที่อัดอั้นมานานก็เริ่มแทรกออกมาผ่านน้ำเสียงที่สั่นเครือ ดวงตาของมันมองตรงมาที่ผมลึกเข้าไปในดวงตาของผม เหมือนพยายามจะส่งผ่านทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเก็บไว้ในใจ"
ณ ร้านกาแฟ coffee brownie“อยู่ไหนวะ”ผมถามด้วยเสียงเร่งร้อน น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียดใจผมเต้นกระหน่ำอยู่ในอกจนแทบจะหลุดออกมา ความกังวล ความหวังและความตื่นเต้นผสมปนเปจนรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองกำลังถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ“มันเพิ่งออกไป ก่อนหน้าที่มึงจะเข้ามานี้เอง”คำพูดของเพื่อนที่ดังลอดปลายสายเหมือนเสียงระฆังที่บอกถึงความพ่ายแพ้“เชี่ยเอ้ย!”ผมสบถออกมาอย่างลืมตัวเสียงของผมดังขึ้นจนคนในร้านหันมามอง ผมกำโทรศัพท์ในมือแน่นจนข้อนิ้วขาว ดวงตากวาดมองรอบๆอย่างสิ้นหวัง ความหงุดหงิดทำให้ร่างกายของผมรู้สึกหนักอึ้งเหมือนถูกพันธนาการผมยืนกลางร้านมือข้างหนึ่งกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ ส่วนอีกข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงคล้ายหาทางระบายความหงุดหงิด ลิ้นดันแก้มซ้ายแรงๆขณะที่คิ้วขมวดเข้าหากันจนรู้สึกถึงแรงตึงตรงหน้าผาก“พี่เพิร์ท!”เสียงใสๆดังมาจากโต๊ะข้างๆผม
หลังจากวันนั้นผมเองก็พยายามตามหาไอ้เกมทุกช่องทาง ทุกที่ที่ผมคิดว่าจะมีโอกาสเจอมันไม่ว่าจะเป็นในร้านหรือที่ไหนๆผมสอดส่องไปตามทุกมุมมอง ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงใครเรียก ผมก็คิดว่ามันอาจจะเป็นไอ้เกม แต่ทุกครั้งที่ผมหันไปกลับไม่มีใครเลยนอกจากคนอื่นๆกริ่งกร่อง "ไอ้เกม ขอโทษครับ รับอะไรดีครับ"เสียงของผมหลุดออกไปเองด้วยความหวังในใจ แต่พอมองไปที่ลูกค้ากลับไม่ใช่มันใจของผมห่อเหี่ยวลงทันที เกมมึงอยู่ที่ไหนวะ ไหนมึงบอกว่ามึงจะมาหากูไงมึงบอกว่าจะกลับมา แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรเลย"เพิร์ท ลูกค้าสั่งอเมริกาโน่เย็นหนึ่งที่ มึงเป็นไรเนี่ย"พี่ตี๋เดินเข้ามาหาผมพร้อมกับถาดเครื่องดื่มในมือ แต่เสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความกังวลและน้ำเสียงที่แฝงความเป็นห่วงไว้"นี่มึงยังไม่เลิกคิดที่จะตามหามันอยู่หรอ"เขาถามเสียงเบา แต่ก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาเขาคงเห็นความเหนื่อยล้าในดวงตาผมแล้ว
คิดถึงตอนนั้นผมคิดว่าผมน่าจะต้องตายไปแล้วความเย็นเยือกของสายน้ำที่โอบรัดร่างกายและแรงตะคริวที่เล่นงานขาทำให้ผมหมดเรี่ยวแรงต่อต้าน หัวใจของผมเต้นช้าลง ความหวังที่จะรอดชีวิตหายไปพร้อมกับลมหายใจที่รวยริน ผมจึงปล่อยตัวเองให้จมลงไป ปล่อยให้ทุกอย่างจบลงตรงนั้นแต่จู่ๆผมก็รู้สึกเหมือนมีมือของใครบางคนคว้าตัวผมไว้ ความรู้สึกนั้นเหมือนเป็นจุดประกายความหวังสุดท้ายผมพยายามฝืนลืมตาขึ้น แต่ภาพตรงหน้ากลับพร่ามัว ร่างของคนที่ช่วยผมดูคล้ายเงาในม่านหมอก ผมรับรู้ถึงแรงที่ดึงตัวผมขึ้นเหนือผิวน้ำ เสียงน้ำแตกกระจายดังสะท้อนในความเงียบงันรอบตัวจากนั้นผมก็รู้สึกได้ว่าถูกพาไปวางบนพื้นดินที่แข็งและเย็นลมหายใจผมยังติดขัด ผมไอออกมาอย่างรุนแรง น้ำในปอดทะลักออกมาทำให้ผมหายใจได้โล่งขึ้นเล็กน้อย ร่างของคนที่ช่วยผมโน้มตัวมาหา เขากระซิบเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและมั่นคงผมพยายามมองหน้าเขา สายตาเบลอๆ ของผมพยายามจับจ้องไปที่ใบห
สุพรรณ14.20น."พ่อ พ่อ พ่อ เด็กๆ มาแล้วววว!"เสียงแม่ดังลั่นมาตั้งแต่หน้าบ้านน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเหมือนทุกครั้งที่ผมกลับมาหา พ่อกับแม่ยืนรออยู่ตรงประตู ใบหน้าของแม่เปื้อนยิ้ม ส่วนพ่อก็ยืนมองอย่างใจดีเหมือนเคย"เพิร์ทลูก เป็นไงบ้างลูก เรากับเกมเลิกกันแล้วเหรอ"คำถามของแม่ทำเอาผมชะงักไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงของแม่เหมือนไม่ได้ตั้งใจจะกดดัน แต่กลับทำให้หัวใจของผมเหมือนถูกดึงลงไปลึกในความทรงจำที่ไม่อยากนึกถึง"ใช่ครับแม่ พอดี"ผมพยายามตอบด้วยเสียงเรียบที่สุด แม้ในใจจะรู้สึกหนักอึ้งแววตาของแม่ดูเหมือนจะสงสัย แต่เธอก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรเพิ่ม"แต่เกมก็ยังดีนะลูก ขนาดเลิกกับเรายังมาหาแม่เลย พึ่งกลับไปก่อนที่เราจะมาเนี่ย สองปีก่อนเกมก็มาที่บ้านเรานะแถมยังฝากอันนี้ให้เราด้วย""อะไรนะแม่ ไอ้เกมมาที่นี่เหรอ
"โอ๊ยย เชี้ยเอ๊ย"เสียงร้องของเพิร์ทที่ไม่อาจห้ามได้เมื่อมันเจ็บมากกว่าที่คิด เขาแทบจะไม่ทันตั้งตัว ไอ้เกมเข้ามาจับมือเขาเบาๆอย่างระมัดระวัง ราวกับไม่อยากทำให้เขาเจ็บมากไปกว่าเดิม"เป็นไงบ้างเนี่ย โหมือพองหมดแล้ว ปะเดี๋ยวไปทายา"ไอ้เกมพูดออกมาอย่างห่วงใย แววตาของมันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ไม่ได้แค่พูดอย่างไร้ความหมายมันดูจริงจังเหมือนกับว่ามือของเพิร์ทคือสิ่งที่ต้องได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด ไอ้เกมรีบพาเพิร์ทไปที่มุมร้านอย่างรวดเร็ว ก่อนที่แผลจะลุกลามมากกว่านี้"อือ"เพิร์ทพยักหน้าเบาๆเป็นการตอบรับที่ไม่สามารถแสดงออกไปมากกว่านี้ได้ในขณะนั้น ความเจ็บปวดจากมือที่ลวกทำให้เขารู้สึกเหมือนทุกอย่างที่เคยสงบมันหายไป จนเขาไม่สามารถโฟกัสกับอะไรได้มากไปกว่าความรู้สึกที่อยู่ภายในใจเมื่อถึงที่ทำแผลไอ้เกมก็จัดการทายายาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ระมัดระวังให้มากที่สุด มันทายาแล้วพันผ้าก๊อซรอบมือที่บวมขึ้น สีหน้าไอ่เกมไม่ได้เต็มไปด้วยความเครี
Comments