หลังจากที่บูมหายตัวไปต่อหน้าต่อตาทุกคน ความเงียบที่น่าขนลุกกลับเข้าปกคลุมอีกครั้งหลัง มีเพียงเสียงของสายน้ำไหลและเสียงลมหายใจของคนที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่ เสียงหัวเราะเย้ยหยันของอควาเรียมยังคงก้องอยู่ในโสตประสาทของทุกคน ราวกับจะตอกย้ำถึงความสิ้นหวังที่ไม่มีที่สิ้นสุด กลุ่มคนที่เหลือยืนนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ดูไร้ซึ่งอนาคต แต่ละคนต่างจ้องมองไปยังจุดที่บูมเคยยืนอยู่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงและหวาดกลัว การหายไปอย่างสมบูรณ์ของเขาทำให้ทุกคนตระหนักว่ากฎเหล่านั้นไม่ได้เพียงแค่ทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ แต่สามารถลบเลือนตัวตนของพวกเขาออกไปจากโลกนี้ได้อย่างแท้จริง
“มันน่ากลัวจัง” พลอยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาของเธอแดงก่ำจากน้ำตาที่คลอหน่วย มือข้างที่มีรอยตราประทับเรืองแสงเล็กน้อยยังคงสั่นเทาไม่หยุด บัดนี้มันเริ่มมีอาการเจ็บขึ้นมาเล็กน้อย
แพรวาโอบร่างของพลอยไว้ พยายามช่วยปลอบใจคนข้างๆ เธอเองก็รู้สึกชาไปทั้งตัว ความกลัวที่เคยสัมผัสมานั้นไม่อาจเทียบได้กับความว่างเปล่าที่เกิดขึ้นจากการหายตัวไปของบูม “มันเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้แล้ว”
กวินรู้สึกถึงความโกรธที่พุ่งพล่านในอก เขาเตะกำแพงอควาเรียมอย่างรุนแรง “เราจะยอมให้มันเป็นแบบนี้ไม่ได้!” เขากรีดร้อง “เราต้องหาทางหยุดมัน!”
“แล้วจะทำยังไง” แพรวาถามกลับ
“ฉันไม่รู้ แต่มันต้องมีสักทางแหละน่า!”
กวินเตะเข้าไปที่กำแพงด้วยความโกรธอีกครั้ง เขากำลังบ้าคลั่ง บรรยากาศในเวลานี้ยิ่งทำให้ดูหดหู่มากขึ้นกว่าเดิม อิฐเดินเข้ามาดึงกวินเข้าไปกอดเอาไว้แน่น เพราะอยากให้อีกฝ่ายสงบสติอารมณ์สักหน่อย
“ใจเย็นๆ ดิ”
“ปล่อยดิวะ!! ปล่อยกู!!!!” กวินแหกปากลั่นพร้อมออกแรงสะบัดตัวเอาจากการกอดรัดของคนตัวใหญ่กว่า แต่ก็ไม่อาจสู้แรงของอิฐได้
ส่วนมิกิก็เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงกรีดร้องตะโกนของกวิน แต่แววตาของเธอดูล่องลอยและว่างเปล่า ราวกับไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งใดๆ อีกแล้ว การได้ยินของเธอได้ถูกพรากไปอย่างสมบูรณ์
“ฉันจะปล่อยนายก็ต่อเมื่อนายหายบ้า!” อิฐย้ำพลางออกแรงรัดมากกว่าเดิม
กวินเริ่มสงบ เมื่อรู้ว่าสิ่งที่ตนเองทำกำลังไร้สติและไม่อาจสู้แรงของอีกฝ่ายได้เลยสักนิด เมื่ออิฐเห็นว่ากวินนิ่งขึ้นแล้วจึงค่อยๆ คลายกอดออกจากร่างกายของอีกฝ่าย
“ทีนี้ก็นั่งพักก่อน แล้วมาช่วยกันคิดว่าจะเอายังไงกันต่อ” อิฐย้ำแล้วเดินออกไปจากตรงนั้น
ต้นยังคงจดบันทึกทุกสิ่งอย่างละเอียดในสมุดของเขา ใบหน้าของเขาดูซีดเผือดและเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า “เราไม่รู้ว่ามันกำลังเล่นเกมอะไร แต่เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้ ก่อนที่เราจะหายไปเหมือนบูม” เขามองไปที่สมุดบันทึกในมืออย่างหวงแหน ราวกับมันคือสิ่งเดียวที่จะยืนยันการมีอยู่ของพวกเขาได้
อิฐยังคงยืนนิ่ง ไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง เขามองไปที่จุดที่บูมหายไป “ฉันคิดว่าส่ิงที่มันทำคือการพรางตัวบูมเอาไว้” อิฐกล่าวขึ้นมาเสียงเบา “เหมือนกับสิ่งมีชีวิตบางชนิดที่สามารถปรับตัวได้ในทุกสภาพแวดล้อมเพื่อที่จะหลบเลี่ยงจากศัตรู หรือไม่ก็เพื่อล่าเหยื่อ” เขานึกถึงข้อมูลที่เขาเคยศึกษาเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลลึกบางชนิดที่มีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้อย่างสมบูรณ์แบบ จนแทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของมัน
“หรือไม่เขาก็ถูกลบเลือนตัวตนไปจริงๆ” แพรวาเอ่ยเสริม
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันแค่คาดเดาเอาน่ะ” อิฐตอบพลางยักไหล่
ลุงแดงถอนหายใจยาว “เขาไม่ได้หายไปไหนหรอก” ลุงแดงกล่าวเสียงเรียบ “เขาแค่... กลับบ้าน” คำพูดของลุงแดงดูคลุมเครือ แต่แฝงไว้ด้วยความรู้บางอย่างที่ไม่มีใครเข้าใจ “อควาเรียมแห่งนี้มันกำลังสร้าง ‘ครอบครัว’ ของมันเอง”
ฟ้าที่ปกติจะสงบเย็น บัดนี้เธอเริ่มมีอาการกระสับกระส่าย เธอหลับตาลงพยายามรวบรวมสมาธิ แต่สัมผัสได้ถึงพลังงานที่ปั่นป่วนอย่างรุนแรงที่พุ่งออกมาจากอควาเรียม พลังงานนั้นดูเหมือนจะมองเห็นทุกสิ่ง และรับรู้ทุกความคิดของพวกเขา “มันกำลังเล่นงานจิตใจเรา” ฟ้าเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ “มันกำลังบิดเบือนการรับรู้ของเรา!”
เจ้าหน้าที่ชายผู้นั้นยังคงยืนนิ่ง ไม่ไหวติง ราวกับเป็นเพียงรูปปั้น เขามองไปที่กลุ่มคนด้วยแววตาที่ว่างเปล่า แต่ในบางครั้งก็มีประกายสีแดงเรืองรองวูบไหวในดวงตาของเขา ราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังควบคุมเขาอยู่
“เราจะทำยังไงกันดี?” แพรวาถามขึ้นมา เธอมองไปรอบๆ อย่างสิ้นหวัง ทางเดินที่ทอดยาวออกไปดูมืดมิดและไม่คุ้นเคย
“เราต้องเดินหน้าต่อไป” กวินตอบอย่างหนักแน่น “เราจะหาทางออกให้ได้”
พวกเขาตัดสินใจเดินไปตามทางเดินที่ดูเหมือนจะเป็นทางแยกที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน ทางเดินนั้นค่อนข้างแคบและมืดสลัวกว่าโซนก่อนหน้าเล็กน้อย แต่ก็ยังมีแสงไฟบางดวงที่ส่องสว่างออกมาจากตู้ปลาที่เรียงรายอยู่สองข้างทาง
ขณะที่พวกเขากำลังเดินผ่านทางเดินนั้น สายตาของฟ้าก็เหลือบไปเห็นตู้ปลาขนาดใหญ่ตู้หนึ่งที่อยู่ทางขวามือ มันเป็นตู้ปลาที่ดูแปลกประหลาดกว่าตู้ปลาอื่นๆ เพราะไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลย มันเป็นตู้ปลาว่างเปล่า ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใดๆ มีเพียงน้ำสีเขียวขุ่นที่ขังอยู่ภายใน และแสงสลัวๆ ที่ส่องออกมาจากด้านบน
“แปลกจัง... ทำไมตู้นี้ถึงไม่มีปลาเลยล่ะ?” ฟ้าพึมพำด้วยความสงสัย แรงจูงใจของเธอในฐานะนักจิตวิทยาทำให้เธออยากทำความเข้าใจสิ่งที่ผิดปกติ ดวงตาของเธอจ้องมองเข้าไปในตู้ปลาว่างเปล่านั้นอย่างไม่ละสายตา
“ฟ้า! อย่ามองเข้าไปนะ!” แพรวาร้องเตือนด้วยสัญชาตญาณ เธอจำกฎข้อที่ 5 ได้อย่างแม่นยำ “ห้ามมองเข้าไปในตู้ที่ไม่มีปลา!”
แต่ไม่ทันแล้ว ฟ้าได้จ้องมองเข้าไปในตู้ปลาที่ว่างเปล่านั้นอย่างเต็มตา เธอนิ่งราวกับตกอยู่ภวังค์
ทันใดนั้น แสงสีเขียวขุ่นจากตู้ปลาว่างเปล่าก็ส่องสว่างจ้าขึ้นอย่างรวดเร็ว! แสงนั้นพุ่งตรงเข้ามาที่ดวงตาของฟ้า ราวกับจะดูดกลืนเธอเข้าไปในความมืดมิดของตู้ปลา
แล้วสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวกว่านั้นก็เกิดขึ้น!
ภาพสะท้อนของฟ้าปรากฏขึ้นบนผิวน้ำที่ว่างเปล่านั้น แต่ภาพสะท้อนนั้นไม่ได้นิ่งเหมือนกระจกเงา มันกลับเคลื่อนไหวอย่างอิสระ และมีใบหน้าที่บิดเบี้ยว ดวงตาของฟ้าในภาพสะท้อนเป็นสีดำสนิท และมันกำลัง ส่งเสียงหัวเราะเยาะที่เย็นยะเยือกและน่าขนลุกออกมา!
"กฎข้อที่ 5... ห้ามมองเข้าไปในตู้ที่ไม่มีปลา!"
เสียงสังเคราะห์ของอควาเรียมประกาศก้อง ราวกับจะตอกย้ำถึงความผิดพลาดของฟ้า
“ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ! ไม่จริง! ไม่จริง!! กรี๊ดดด!!!!” ฟ้ากรีดร้องสุดเสียง เธอพยายามถอยหลังหนี แต่ภาพสะท้อนในตู้ปลากลับพุ่งเข้ามาหาเธอ ราวกับจะกลืนกินร่างของเธอเข้าไปในกระจก! เธอเห็นภาพตัวเองในกระจกที่กำลังหัวเราะเยาะ และพูดบางอย่างที่เธอไม่สามารถได้ยิน แต่รู้สึกได้ถึงความหมายอันน่าหวาดกลัว!
“ฟ้า!” กวินรีบพุ่งเข้าไปคว้าตัวฟ้า แต่เขาก็ต้องผงะถอยหลัง เมื่อเห็นภาพสะท้อนของฟ้าในตู้ปลาบิดเบี้ยวและพุ่งออกมานอกกระจก ราวกับเป็นเงาปีศาจที่กำลังโจมตีฟ้าอยู่
“มันกำลังเล่นงานจิตใจฟ้า!” แพรวากล่าวด้วยความตื่นตระหนก “มันกำลังบิดเบือนตัวตนของเธอ!”
กรี๊ด~!
พลอยกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว เธอเห็นภาพสะท้อนของฟ้าที่ดูน่ากลัว และเริ่มรู้สึกว่ารอยตราประทับบนมือของเธอกำลังร้อนขึ้นมาอีกครั้ง
“มันร้อน!! มันร้อนมากเลย!!! ช่วยฉันด้วย! กรี๊ดดด!!!” เธอหวีดร้องอย่างน่าสงสาร ร่างกายของเธอดิ้นเร่าอยู่บนพื้น ทุกคนได้แต่ยืนมองไม่กล้าเข้าไปช่วยเหลือ
ในขณะเดียกวันมิกิที่อยู่ในสภาพเงียบงัน บัดนี้ร่างกายของเธอก็เริ่มกระตุกเล็กน้อย ราวกับว่าเธอกำลังรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับฟ้าผ่านการรับรู้ทางประสาทสัมผัสอื่น นอกเหนือไปจากการได้ยิน
ต้นรีบหยิบสมุดบันทึกขึ้นมา เขาสังเกตเห็นว่าภาพสะท้อนของฟ้าไม่ได้เป็นเพียงแค่ภาพลวงตา แต่มันกำลังส่งผลกระทบต่อร่างกายของฟ้าจริงๆ ดวงตาของฟ้าเริ่มแดงก่ำ และมีเส้นเลือดฝอยปูดโปนออกมาคล้ายกับเจมส์ “มันกำลังพยายามสร้าง ‘อีกตัวตนหนึ่ง’ ของฟ้า!” ต้นพึมพำ
อิฐเดินเข้ามาใกล้ตู้ปลาว่างเปล่านั้น เขามองไปที่ภาพสะท้อนของฟ้าด้วยความสนใจ “การมองเข้าไปในความว่างเปล่า... คือการเปิดประตูให้บางสิ่งเข้ามา มันกำลังสร้างภาพจำลองของฟ้าขึ้นมาและควบคุมจิตใจของเธอ”
ลุงแดงถอนหายใจยาวอีกครั้งเหมือนกับทุกที “ฟ้ากำลังจะเข้าสู่โลกแห่งจิตที่มืดมิด มันกำลังจะหลอกหลอนเธอด้วยตัวตนของเธอที่มันสร้างขึ้นมาใหม่”
อาการของฟ้าเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ เธอกรีดร้องอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของเธอกระตุกรุนแรง ดวงตาเบิกกว้างจนเห็นแต่ตาขาว และเธอก็เริ่มพึมพำบางอย่างที่ไม่สามารถจับใจความได้ ราวกับกำลังคุยกับอีกตัวตนหนึ่งที่อยู่ข้างใน
ตุบ!
ในที่สุด ฟ้าก็ทรุดตัวลงกับพื้นหมดสติไป ร่างกายของเธอกระตุกเล็กน้อย ดวงตาของเธอยังคงเบิกกว้าง แต่ไร้แวว และที่น่าตกใจที่สุดคือ... เมื่อเธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเธอดูล่องลอยและเต็มไปด้วยความลึกลับ เธอเริ่มพูดถึงอีกตัวตนหนึ่งที่อยู่ในตู้ปลา และไม่ยอมรับว่าตัวตนที่กำลังยืนอยู่ข้างนอกนั้นคือตัวเธอเอง!
“ฟ้า! เธอเป็นอะไรไป!” กวินเขย่าตัวฟ้าเบาๆ แต่เธอกลับมองเขาด้วยแววตาที่ว่างเปล่าและเต็มไปด้วยความสับสน
แพรวาถึงกับกุมมือพลอยแน่น “ฟ้า... เธอเหมือนคนละคนเลย” แพรวากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
อิฐมองไปที่ฟ้าด้วยความสนใจ เขาสังเกตเห็นว่าดวงตาของฟ้าไม่ได้เป็นสีดำสนิทเหมือนเจมส์ แต่มีประกายสีเขียวเรืองรองเล็กน้อย คล้ายกับแสงจากตู้ปลาว่างเปล่านั้น “มันไม่ได้กลืนกินเธอทั้งหมด... แต่มันสร้างตัวตนใหม่ขึ้นมา ฟ้าไม่ได้ตาย... แต่เธอถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน”
“เธอได้เห็น... ความจริงที่มืดมิดของตัวเองแล้ว” ลุงแดงกล่าว “และตอนนี้... ความจริงนั้นกำลังตามหลอกหลอนเธอ”
“ความจริง?” แพรวาย้ำถาม สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
“ความจริงที่มันสร้างขึ้น...” ลุงแดงเสียงนิ่ง
ความหวาดกลัวเข้าปกคลุมกลุ่มคนที่เหลือรอดอย่างรุนแรง นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่น่ากลัวที่สุด ฟ้าไม่ได้หายไปเหมือนบูม ไม่ได้สูญเสียประสาทสัมผัสทางการได้ยินเหมือนมิกิ แต่เธอถูกบิดเบือนตัวตน ทำให้เธอไม่สามารถแยกแยะระหว่างความจริงกับภาพหลอนได้อีกต่อไป
เสียงสังเคราะห์ของอควาเรียมกลับมาอีกครั้ง คราวนี้มันเป็นเสียงที่เย็นยะเยือกและเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน
“หนึ่ง... ถูกกลืนกิน สอง... ถูกพราก สาม... ถูกบิดเบือน สี่... ถูกลบเลือน ห้า... ถูกแบ่งแยก"
“ยินดีต้อนรับ สู่การเป็นส่วนหนึ่งของไตรตัน ผู้เฝ้ารอคอย ตลอดกาล"
เสียงประกาศนั้นเงียบลงพร้อมกับเสียงเต้นของหัวใจทุกคนที่ดังขึ้น
การที่ทุกคนถูกหลอกว่าสามารถหนีออกจากอควาเรียมได้แล้ว ทั้งที่ในความเป็นจริงเป็นเพียงภาพหลอนที่ถูกสร้างขึ้นมาให้ตายใจ นับว่าเป็นเรื่องที่บั่นทอนความรู้สึกและความหวังของทุกคนได้เป็นอย่างดี พวกเขาพลาดที่ไว้ใจสถานการณ์ตรงหน้าเกินไป ไม่คิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังจะใจร้ายใจดำได้มากถึงขนาดนี้ความจริงอันน่าสะพรึงกลัวของการที่พวกเขาทั้งหมดไม่ได้หนีรอดออกจากอควาเรียมไตรตันไปไหน แต่ยังคงติดอยู่ภายในภาพหลอนที่สร้างขึ้นเพื่อกักขังพวกเขา ตอกย้ำความสิ้นหวังให้ลึกซึ้งขึ้นมากกว่าเดิม“นี่เรายังอยู่ที่นี่จริงๆ เหรอ” พลอยถามด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง“ใช่ มันเก่งมาก ที่เล่นกับจิตใจเราได้ถึงขนาดนี้” อิฐกล่าวเสริม แม้จะดูท้อบ้างแต่เขาก็ยังมีประกายตาของความมุ่งมั่นซ่อนอยู่“แล้วเราจะทำยังไงดี ถึงจะออกจากที่นี่ได้” กวินถามขึ้นสายตาของอิฐจับจ้องไปที่สมุดบันทึกที่กวินถืออยู่ในมือก่อนจะยื่นมือไปขอเอามาเปิดดู เขาใช้เวลาเพ่งพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเริ่มพูดคุยกับคนอื่นที่เหลือ เพื่อปรึกษาหารือกันอย่างจริงจังเกี่ยวกับวิธีการที่จะทำลายแกนพลังงานของที่นี่“ตามสมุดบันทึกนี้” อิฐกล่าวพลางชี้ไปที่แผนผังที่ซับซ้อนในส
ความตายอันยิ่งใหญ่และการเสียสละของฟ้า เพื่อเปิดทางให้กลุ่มที่เหลือรอดหนีจากสิ่งมีชีวิตทดลองและดร.วินัยยังคงสร้างความสะเทือนใจอย่างแสนสาหัส บัดนี้แสงสลัวจากอุปกรณ์ทดลองเก่าๆ ในห้องปฏิบัติการส่องกระทบใบหน้าของพวกเขา เผยให้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้เพื่ออิสรภาพของตัวเอง“การเสียสละของฟ้าจะต้องไม่สูญเปล่า” อิฐย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“แล้วเราจะเอายังไงต่อดี” พลอยถาม“เราต้องไปต่อ...เพื่อทำลายแกนพลังงาน และหาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้”อิฐพูดจบก็หันไปมองทางลับที่ถูกเปิดออกจากการใช้พลังต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตทดลองของฟ้าเมื่อครู่ นี่คือผลลัพธ์จากการเสียสละของฟ้า ทางลับนั้นเป็นอุโมงค์แคบๆ ที่ดูมืดมิดและน่าขนลุก แต่ก็มีแสงสว่างจางๆ ส่องออกมาจากปลายอุโมงค์ ราวกับเป็นแสงแห่งความหวัง“นั่นแหละทางออก” พลอยกรีดร้องด้วยความดีใจปนหวาดกลัว เธอชี้ไปที่ทางลับนั้น “เราไปกันเลยไหม”อิฐพยักหน้า “ไปกันเถอะ! แต่ก็ยังต้องระวังตัวไว้ให้ดีนะ” เขานึกถึงสิ่งที่เจ้าหน้าที่เคยบอกว่าไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ออกจากที่นี่พวกเขาพากันเดินเข้าไปในทางลับนั้นอย่างรวดเร็ว กลิ่นอับชื้นของน้ำเค็มและสนิมเหล็กปะปนกับ
ความจริงที่ดร.วินัยเปิดเผยว่าอควาเรียมไตรตันคือศูนย์วิจัยลับที่สร้างสิ่งมีชีวิตไฮบริด และเขาเสนอให้พวกเขาเข้าร่วมการทดลองยิ่งตอกย้ำความหวาดกลัวและสิ้นหวังให้คนที่เหลือรอดอยู่ไม่น้อย บัดนี้แสงสลัวจากอุปกรณ์ทดลองเก่าๆ ในห้องปฏิบัติการส่องกระทบใบหน้าของกลุ่มคนที่เหลือรอด เผยให้เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้เพื่ออิสรภาพ แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตามอิฐยังคงยืนนิ่ง ใบหน้าของเขาเรียบเฉย “ข้อเสนอของคุณมันไร้สาระ”ดร.วินัยยิ้ม “พวกเจ้าคิดว่าจะต่อต้านข้าได้งั้นรึ” ดร.วินัยกล่าว น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “พวกเจ้าเป็นแค่หนูทดลองของข้าเท่านั้น” เขาชี้ไปที่ตู้ปลาขนาดใหญ่ที่อยู่กลางห้องปฏิบัติการ “แกนพลังงานแห่งไตรตันมันจะดูดกลืนพวกเจ้าทุกคนให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของข้า!!”ทันใดนั้น เสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหวมาจากตู้ปลาขนาดใหญ่ที่อยู่กลางห้องปฏิบัติการ สิ่งมีชีวิตทดลองขนาดมหึมาปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขาอีกครั้งพร้อมกระโจนใส่พวกเขาในทันที“กรี๊ดดดดดดด!” พลอยกรีดร้องสุดเสียงก่อนจะเริ่มวิ่งหนีฟ้าก้าวออกมาจากกลุ่มอย่างช้าๆ แล้วยืนขวางหน้าสิ่งมีชีวิตประหลาดนั่น เธอมองไปที่สิ่งมีชีวิตทด
แผนที่ลับที่แพรวาค้นพบในตู้ปลาที่ใหญ่ที่สุด จุดประกายความหวังครั้งใหม่ในกลุ่มคนที่เหลือรอด แม้ทางออกจะถูกเฝ้าโดยสิ่งมีชีวิตทดลองขนาดมหึมา แต่ความหวังที่จะรอดชีวิตก็กลับมาอีกครั้ง“เราเจอทางออกแล้วใช่ไหมคะ” พลอยพึมพำ ใบหน้าของเธอฉายแววความหวังเล็กน้อย “เราจะรอดแล้วใช่ไหม”“เราต้องไปตามทางนี้ เพื่อทำลายแกนพลังงาน และหาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้” อิฐเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาเต็มไปด้วยความมั่นคง“แต่เราเข้าไปเอาแผนที่นั้นไม่ได้ ไอ้ตัวประหลาดในตู้นั่นมันต้องทำอะไรสักอย่างกับพวกเราแน่ๆ” แพรวาย้ำ“งั้นพวกเราก็ต้องช่วยกันจำ” อิฐกล่าวเสริมสิ้นคำของอิฐพวกเขาทุกคนก็แบ่งสัดส่วนช่วยกันจำเส้นทางที่ปรากฏบนแผนที่ เมื่อมั่นใจว่าจำส่วนของตัวเองได้พวกเขาก็ตัดสินใจเดินหน้าต่อไปตามแผนที่ลับที่แพรวาค้นพบ มันเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างแคบและมืดสลัวกว่าโซนอื่น มีเพียงแสงจางๆ จากตู้ปลาบางตู้ที่ส่องนำทาง บรรยากาศเงียบสงัดจนได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าของพวกเขาที่ก้องกังวานไปทั่วทางเดิน และเสียงหัวใจที่เต้นระรัวด้วยความหวาดกลัวขณะที่พวกเขาเดินทางไปตามทางเดินนั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นเสียงของม
ความหวาดผวาและความสิ้นหวังยังคงทำลายจิตใจของพวกเขาที่ยังเหลือรอดอยู่อย่างหนักหน่วงยิ่งกว่าที่เคย หลังจากฟ้าเริ่มแสดงอาการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายคล้ายกับที่เกิดกับเจมส์ เธอต่อสู้กับพลังที่พยายามกลืนกินเธอไปอย่างช้าๆ แต่เสียงกระซิบที่ชัดเจนขึ้นที่บอกให้เธอกลับไปที่น้ำ ยิ่งทำให้การต่อสู้ยากลำบากขึ้น“ฟ้าจะรอดไหม” พลอยถามอย่างเป็นกังวล เธออยากไม่เสียใครไปมากกว่านี้อีกแล้ว แต่เธอก็ไม่กล้าพอที่จะพุ่งเข้าไปช่วย เพราะไม่อาจคาดเดาถึงผลกระทบที่จะตามมาได้เลยตุบ!แพรวาหมดสติล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น ทุกคนตกใจรีบกรูกันเข้ามามุงเพื่อช่วยเหลือ เพียงครู่เดียวเธอก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ดวงตาของเธอยังคงเต็มไปด้วยความเย็นชา แต่ก็มีประกายบางอย่างที่บ่งบอกถึงความมุ่งมั่นที่เด็ดเดี่ยว เธอพยายามจะลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเลพลอยรีบประคองเธอไว้ “แพรวา! เธอฟื้นแล้ว!”แพรวามองไปรอบๆ อย่างสับสน สายตาของเธอไปหยุดอยู่ที่กวินที่ยังคงกุมสมุดบันทึกของนักวิทยาศาสตร์ไว้แน่นในมือ“ความจริงอยู่ในตู้ปลาที่ใหญ่ที่สุด” แพรวาย้ำ ความต้องการเดียวในความนึกคิดของเธอคือแรงจูงใจที่จะค้นหาความจริงเกี่ยวกับพ่อของเธอที่หายตัวไป แล
ความตายอันยิ่งใหญ่ของการเสียสละของลุงแดง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของสิ่งมีชีวิตทดลองและเปิดทางให้กลุ่มที่เหลือรอดหนีไปได้ ยังคงสร้างความสะเทือนใจอย่างแสนสาหัส คำพูดสุดท้ายของเขาที่ว่า ความจริงอยู่ในตู้ปลาที่ใหญ่ที่สุด ก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของทุกคน ภาพอนาคตอันน่าสะพรึงกลัวที่ฉายขึ้นในตู้ปลาเหล่านั้น ราวกับจะบอกว่ามันเป็นชะตากรรมของพวกเขาแต่ละคนที่จะถูกอควาเรียมกลืนกิน ยิ่งตอกย้ำความสิ้นหวังให้ลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิมพรึ่บ!! ไฟดับลงและสว่างขึ้นอีกครั้ง แพรวาและอิฐกลับมาแล้วด้วยสีหน้างุนงงและหวาดกลัว พลอยรีบถลาเข้าไปหาทันที“เป็นไงบ้าง มันพาไปที่ไหน”“ห้องๆ นึง” อิฐบอก แววตาเลื่อนลอย “มันให้พวกเราเห็นอดีตที่ผิดพลาดของตัวเอง”“มันกำลังพยายามทำให้พวกเราอ่อนแอ” แพรวาเสริม“ไม่เป็ฯไรนะ อย่างน้อยก็ไม่ได้เป็นอะไรมากกว่านี้ ฉันเป็นห่วงแทบแย่” พลอยรีบโอบทั้งสองคนเข้ามากอดเอาไว้ เธอไม่รู้ว่าควรทำอะไรมากไปกว่านี้ สิ่งเดียวที่คิดออกคือพยายามดึงให้ทั้งอิฐและแพรวากลับมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงให้ได้“แล้วลุงแดงล่ะ” อิฐเอ่ยถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังไม่เห็นหน้าคนที่ตนถามถึงพลอยผละออกพลางมองหน้าคนถา