ภาพบานกระจกแตกและมีรอยฝ่ามือเปียกปริศนานั้นทำเอาทุกคนตกอยู่ในความเงียบ ต่างคนต่างนิ่งอึ้ง ไม่กล้าแม้แต่ขยับตัว ไม่มีใครพูดหรือส่งเสียงอันใดออกมาแม้แต่นิดเดียว ความเงียบในตอนนี้หนักกว่าทุกเสียงที่ได้ยินมาก่อนหน้า มันเงียบสนิทชนิดที่ได้ยินเสียงลมหายใจของแต่ละคนได้อย่างชัดเจน
รอยนิ้วมือเปียกน้ำบนผนังกระจกยังคงอยู่ดังเดิม มันไม่มีทีท่าว่าจะเหือดแห้งหายไปเลยสักนิด ทั้งที่ในความเป็นจริงหากเป็นร่องรอยความชื้นของฝ่ามือมนุษย์ทั่วไป ความชื้นเหล่านั้นคงจะเริ่มทยอยระเหยไปบ้างได้แล้วเมื่อระยะเวลาผ่านไป
พลอยผู้ยืนอยู่ใกล้ตู้ปลานั้น เด็กหญิงหน้าตาเรียบร้อยในชุดนักศึกษา เธอไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรสักคำตั้งแต่เข้ามาในที่แห่งนี้ แต่ตอนนี้… เธอกำลังเพ่งมองเงาบางอย่างที่ปรากฏอยู่ในตู้ปลาที่อยู่ใกล้ๆ เธอ มันเหมือนกับว่าเธอเคยรู้จักมันมาก่อน
มันดูคุ้นตามาก เพียงแต่เธอนึกไม่ออกว่าเคยเห็นมันมาจากที่ไหน ความรู้สึกเคลิบเคลิ้มเกิดขึ้นในจิตใจของเธอ เธอจ้องมมองมันนิ่ง ไม่ส่งเสียงใด แต่แววตาของเธอมันเปล่งประกายออกมาอย่างเห็นได้ชัดว่ากำลังหลงใหลกับภาพตรงหน้าไม่น้อย
“พลอย…” แพรวาเอ่ยเรียกเบาๆ
พลอยไม่ได้หันมา เธอยกมือขึ้นช้าๆ เพราะอยากจะที่แตะผิวกระจกตรงหน้า เธอค่อยๆ เคลื่อนมือเข้าไปใกล้จนปลายนิ้วอยู่ห่างไม่ถึง 1 เซนติเมตร อยู่ๆ เธอก็ชะงักเหมือนกับเพิ่งได้สติหลังจากที่ล่องลอยไปครู่ใหญ่
“อย่าทำแบบนั้น” อาริษาเตือนพลางคว้ามือของพลอยเอาไว้ เสียงเอ่ยของเธอฟังดูนุ่มนวลแต่เฉียบขาด
“ฉันแค่อยากรู้ว่า… มันคือของจริงหรือเปล่า” พลอยตอบโดยไม่ละสายตาจากตู้ปลา “บางทีที่นี่อาจจะเป็นแค่สถานที่ที่สร้างขึ้นเพื่อทำคอนเทนต์หลอกคนแล้วเอาไปลงใน TikTok ก็ได้”
“แต่กฎเหล็กถูกประกาศเตือนอย่างชัดเจนแล้วนะว่า...” กวินเริ่มพูดแต่ไม่ทันจบปลายนิ้วของพลอยก็ยื่นไปแตะกระจกของตู้ปลาตรงหน้า สร้างความตกใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก ต่างกันกับใบหน้าของเธอที่เรียงนิ่ง ไร้ซึ่งการแสดงอารมณ์จากสิ่งใด
หลังจากนั้นไม่ถึงเพียงเสี้ยววินาที...
ไม่มีเสียงเตือน
ไม่มีเสียงประกาศ
ไม่มีไฟกะพริบบอกสัญญาณ...
มีเพียงเสียงแคร็กดังขึ้นเบาๆ ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วทุกสันหลังของคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น แต่ละคนใบหน้าถอดสีซีดเผือด หันมองกันไปมา ต่างระแวงเพราะไม่รู้ว่าการละเมิดกฎเหล็กที่ถูกเตือนเอาไว้ก่อนหน้านี้ จะเกิดผลลัพธ์ตามมาอย่างไรบ้าง
เส้นร้าวบนกระจกเส้นแรกปรากฏขึ้นใต้ปลายนิ้วของพลอยเปรียบเสมือนน้ำแข็งที่เริ่มแตกร้าวในทะเลสาบฤดูหนาว
“ถอยออกมา!” อิฐร้องตะโกนลั่น
แต่มันก็ดูเหมือนว่าจะสายไปเสียแล้ว รอยร้าววิ่งกระจายออกเป็นรูปวงใยแมงมุม จากจุดศูนย์กลางเล็กๆ ตรงนั้น มันเริ่มขยายออกไล่ไปจนเกือบครึ่งตู้ภายในระยะเวลาไม่ถึงสามวินาที
พลอยรีบถอยหลังอัตโนมัติ แต่ใบหน้าของเธอในตอนนี้มันไม่ใช่ความหวาดกลัว มันเป็นสีหน้าของคนที่ประหลาดใจมากกว่าว่ากฎที่ถูกแจ้งเตือนนั้นดันกลายเป็นเรื่องจริง
เพราะที่ผ่านมา เธอไม่เชื่อเลยสักนิดว่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นจะเป็นความจริง มันดูเหมือนกับเป็นสถานการณ์จำลองเพื่อสร้างคอนเทนต์ไวรัลในโซเชียลมากกว่า แต่ก็นั่นแหละ พอเธอได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่เธอได้ลองแหกกฎก็เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องหลอกลวง
หลังจากที่เธอสัมผัสเข้ากับบานกระจกตู้ปลานั้น น้ำในตู้เริ่มปั่นป่วนฟองอากาศผุดขึ้นจากก้นตู้และเงาของบางอย่างที่เคยลอยอยู่เฉยๆ เริ่มเคลื่อนไหว เป็นการเคลื่อนไหวที่แปลกตา มันไม่เหมือนกับการว่ายของปลา และสิ่งที่น่าประหลาดกว่านั้นคือทุกคนรู้สึกได้ว่ามันกำลังจ้องมองกลับมา แม้ว่าจะไม่มีใครมองเห็นดวงตาหรือใบหน้าของมันก็ตาม ราวกับว่ามันกำลังต้องการสื่อสารกับมนุษย์โดยที่มันไม่ต้องเอ่ยพูดเลยสักคำ
ในเวลานี้ทุกคนในห้องรับรู้พร้อมกันแล้วว่า เงามืดตรงหน้ารู้แล้วว่ามีคนละเมิดกฎเหล็กที่สั่งห้ามเอาไว้
“มันจะแตกไหม…” บูมเอ่ยถามเสียงแผ่ว สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
“ถ้ามันแตก… นั่นก็หมายถึงกฎเริ่มทำงานอย่างจริงจังแล้ว” อาริษาตอบ
“ทำไมมันถึงจะมาแตกแค่ตอนนี้ล่ะ ก่อนหน้านี้มิกิก็เผลอไปสัมผัสกระจกตู้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ” กวินพึมพำ
“ใช่ ตอนที่ฉันเผลอไปแตะ มันก็แค่มีรอยร้าวเล็กๆ เอง” มิกิช่วยยืนยัน
“ฉันคิดว่าเป็นเพราะเธอไม่ได้ตั้งใจมิกิ” แพรวาบอก “มันต่างกันกับพลอย เพราะพลอยตั้งใจที่จะแตะมัน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเธอเอง”
แล้วเสียงประกาศก็ดังขึ้นอีกครั้งจากลำโพงบนเพดาน เพียงแต่ในครั้งนี้มันไม่ใช่เสียงเดิมกับที่ทุกคนได้ยินก่อนหน้านี้ มันค่อนข้างแหบกว่า เหมือนกับคนแก่ที่เส้นเสียงผ่านการใช้งานมาเยอะจนต้องใช้พลังอย่างมากในการเปล่งเสียงออกมา
“แตะแล้ว… ก็ต้องรอดูผล”
สิ้นเสียงประกาศ ทันใดนั้นภาพในตู้กระจกก็เปลี่ยนเป็นภาพร่างของพลอยที่อยู่ในสภาพกำลังลอยคว่ำหน้าอยู่ในน้ำผมกระจายฟุ้ง ดวงตาเบิกโพลงด้วยความกลัว ริมฝีปากอ้ากว้างจนแทบจะฉีก และบานกระจกเริ่มแตกร้าวมากขึ้นจนดูเหมือนกับว่ามันแทบจะหลุดจากกรอบ
“กรี๊ดด!!” พลอยกรีดร้องพลางถอยกรูดไปชนกับโต๊ะกลางลอบบี้ เธอหอบหายใจรุนแรง เธอรู้สึกเหมือนกับว่าสมองเธอกำลังถูกดึงอะไรบางอย่างออกไป
“อย่ามองภาพในนั้น!” อิฐตะโกนบอกพลอย “มันไม่ใช่แค่ภาพ… แต่มันคือการฝังความทรงจำใหม่ที่ระบบเลือกให้เราเห็น! มันกำลังทำให้สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกลายเป็นความจริง!!”
จบคำพูดของอิฐ ภาพในตู้หยุดเคลื่อนไหวในทันที มันกลับกลายเป็นแค่ตู้ปลาธรรมดาอีกครั้ง ภาพพลอยที่จมน้ำลอยอยู่ในนั้นหายไปแล้ว แต่ความตกใจกลัวของทุกคนยังอยู่ รวมไปถึงพลอยด้วย เธอยังคงตกตะลึงกับภาพที่เห็น หัวใจของเธอเต้นรัว
ถึงแม้ว่าทุกอย่างในตู้ปลาจะกลับมาเป็นปกติ แต่กระจกที่ถูกสัมผัสยังคงร้าว และบนพื้นห้องมีคราบเปียกของหยดน้ำที่ไหลเป็นเส้นจากฝ่ามือของพลอยทั้งที่ร่างกายของเธอไม่ได้เปียกน้ำเลยสักนิด
หลังจากเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นกับพลอย และรอยร้าวรูปใยแมงมุมที่ยังคงปรากฏอยู่บนบานกระจกของตู้ปลาขนาดใหญ่นั้น สมาชิกที่เหลือทั้งสิบเอ็ดคนที่เหลืออยู่ในลอบบี้อย่างเงียบงัน ไม่มีใครกล้าพูดถึงเธออีก ด้วยกลัวว่าจะโดนผลกระทบไปด้วยหากเข้าไปยุ่งกับพลอย เหมือนกับว่าถ้ามีใครสักคนพูดถึงคนที่ละเมิดกฎเหล็กและกำลังจะถูกลงโทษอาจเป็นการเชื้อเชิญความสูญเสียเหล่านั้นมาสู่ตนเองด้วยทุกคนถอยห่างออกจากพลอย แยกย้ายกันไปหาพื้นที่ให้กับตนเอง ทิ้งพลอยให้ตกอยู่กับความหวาดกลัวเพียงคนเดียว แม้ว่ากวินและแพรวาจะแสดงออกถึงความเป็นห่วงพลอยอยู่บ้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขามีความกังวลอยู่ไม่น้อยเหมือนกันที่จะต้องอยู่ใกล้พลอย ทำให้ในตอนนี้แต่ละคนก็แยกย้ายกันไปหามุมพักผ่อนให้กับตัวเองเจมส์นั่งอยู่ตรงมุมห้อง ใกล้กับตู้กระจกที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่ข้างใน เขาเป็นชายหนุ่มเงียบขรึมในเสื้อฮู้ดสีดำ ข้อมือเต็มไปด้วยรอยสักรูปเรขาคณิต เขาไม่ค่อยพูดตั้งแต่เข้ามาที่นี่ มักจะอยู่ในมุมเงียบๆ คนเดียว จนหลายคนในกลุ่มยังจำหน้าเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ เขาแทบไม่มีตัวตนในสายตาของใคร แต่สิ่งหนึ่งที่เขาแอบทำมาโดยตลอดนั่นก็คือก
สิ้นเสียงประกาศจากอควาเรียม ทุกอย่างนิ่งเงียบ พร้อมกับใบหน้าที่ตึงเครียดของทุกคน แววตาตัดสินจ้องมองมาที่เจมส์เป็นตาเดียว ราวกับพยายามจะตำหนิว่าเขาเป็นต้นเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่รองจากพลอย แต่เจมส์ก็ไม่ได้ใส่ใจสายตาพวกนั้น เพราะในหัวของเขายังคงเฝ้านึกถึงแต่คำพูดของเสียงกระซิบนั้นที่เพิ่งจะบอกเขาว่าไม่ต้องกลัวเสียงจากระบบ แต่ให้กลัวสิ่งที่อยู่ข้างหลังระบบมากกว่า หมายความว่ายังไงกันแน่? เขาคิดตาม ไหนจะประโยคที่บอกว่าเขาเคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งฟังดูแล้วก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องจริงสักเท่าไหร่ เพราะเขามั่นใจเกินร้อยเปอร์เซ็นว่าไม่เคยมาที่นี่แน่นอน แต่ความรู้สึกคุ้นเคยกับความทรงจำที่โผล่เข้ามาในหัวเมื่อครู่ก็เริ่มทำให้เขาสับสนไม่น้อย ทั้งภาพการจมอยู่ใต้น้ำข้างในตู้กระจกนั้น และก
ภาพบานกระจกแตกและมีรอยฝ่ามือเปียกปริศนานั้นทำเอาทุกคนตกอยู่ในความเงียบ ต่างคนต่างนิ่งอึ้ง ไม่กล้าแม้แต่ขยับตัว ไม่มีใครพูดหรือส่งเสียงอันใดออกมาแม้แต่นิดเดียว ความเงียบในตอนนี้หนักกว่าทุกเสียงที่ได้ยินมาก่อนหน้า มันเงียบสนิทชนิดที่ได้ยินเสียงลมหายใจของแต่ละคนได้อย่างชัดเจนรอยนิ้วมือเปียกน้ำบนผนังกระจกยังคงอยู่ดังเดิม มันไม่มีทีท่าว่าจะเหือดแห้งหายไปเลยสักนิด ทั้งที่ในความเป็นจริงหากเป็นร่องรอยความชื้นของฝ่ามือมนุษย์ทั่วไป ความชื้นเหล่านั้นคงจะเริ่มทยอยระเหยไปบ้างได้แล้วเมื่อระยะเวลาผ่านไปพลอยผู้ยืนอยู่ใกล้ตู้ปลานั้น เด็กหญิงหน้าตาเรียบร้อยในชุดนักศึกษา เธอไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรสักคำตั้งแต่เข้ามาในที่แห่งนี้ แต่ตอนนี้… เธอกำลังเพ่งมองเงาบางอย่างที่ปรากฏอยู่ในตู้ปลาที่อยู่ใกล้ๆ เธอ มันเหมือนกับว่าเธอเคยรู้จักมันมาก่อนมันดูคุ้นตามาก เพียงแต่เธอนึกไม่ออกว่าเคยเห็นมันมาจากที่ไหน ความรู้สึกเคลิบเคลิ้มเกิดขึ้นในจิตใจของเธอ เธอจ้องมมองมันนิ่ง ไม่ส่งเสียงใด แต่แววตาของเธอมันเปล่งประกายออกมาอย่างเห็นได้ชัดว่ากำลังหลงใหลกับภาพตรงหน้าไม่น้อย“พลอย&helli
“อย่า…แตะ…กระจก…”เสียงนั้นดังมาจากข้างในตู้ปลา ทุกคนต่างได้ยินเหมือนกัน แต่ไม่มีใครในลอบบี้แน่ใจว่าตัวเองได้ยินจริงหรือเพียงแค่จินตนาการไปเอง มันไม่ใช่เสียงที่ผ่านอากาศมาเข้าใบหู แต่มันเหมือนกับว่าสั่นอยู่ในเส้นประสาท เป็นเหมือนเสียงที่ถูกกระซิบขึ้นในหัวสมองของทุกคนมิกิถอยหลังโดยอัตโนมัติด้วยความตกใจกลัว เธอสะดุดเก้าอี้และทรุดนั่งลงไปบนพื้น ข้างๆ โทรศัพท์มือถือที่พังไปแล้ว ชั่วขณะหนึ่งหน้าจอของมือถือเครื่องนั้นเหมือนจะส่องแสงสว่างวาบเป็นครั้งสุดท้าย แล้วแสดงภาพย้อนกลับอย่างรวดเร็วของการถ่ายรูปก่อนหน้านี้ เพียงครู่เดียวเท่านั้นก่อนที่หน้าจอจะดับสนิท เหมือนไม่เคยเปิดเครื่องมาก่อน“มีบางอย่างอยู่ในนี้จริงๆ สินะ” เธอพึมพำ เสียงสั่น ใบหน้าซีดไร้สีเลือด เต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัวจากนั้นเสียงจากลำโพงก็กลับมา แต่คราวนี้… มันไม่เหมือนเดิม“WELCOME TO LUCID OCEAN. คุณคือผู้ถูกเลือกทั้ง 12 คน เพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ หรือท้ายที่สุดอาจกลายเป็นสิ่งที่ถูกเฝ้าสังเกตเสียเอง...”เสียงที่ดังขึ้นในปร
ถ้าลอบบี้คือห้องรับรอง มันก็คือห้องรับรองที่ไม่ได้อยากจะต้อนรับใครเลย บรรยากาศโดยรอบดูไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่นัก อุณหภูมิภายในนั้นก็ลดลงทุกนาที กระจกที่ควรโปร่งใสกลับสะท้อนภาพภายในห้องซ้อนทับกับเงาของใครบางคนที่ไม่น่าจะอยู่ตรงนั้นขึ้นมาแม้จะไม่มีเสียงประกาศใดอีกจากลำโพง แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดดังเกินไปกว่าระดับเสียงที่เรียกได้ว่าแทบจะเป็นเสียงกระซิบแล้ว‘เรากำลังติดอยู่ในกับดัก’กวินคิดในใจ ขณะมองไปรอบห้องอีกครั้งอย่างพิจารณาไฟฟ้าติดอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ได้ยินเสียงเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ไฟฟ้ากำลังทำงานเลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างเงียบสนิท ผนังแต่ละด้านคือกระจกทึบ มองออกไปข้างนอกไม่ได้ และเพดานก็สูงเกินไปกว่าที่จะสังเกตเห็นว่ากล้องวงจรปิดอยู่ตรงไหนบ้างแต่สิ่งที่ทุกคนสัมผัสได้เหมือนกันนั่นก็คือ มีบางอย่างในที่นี้… กำลังจ้องมองพวกเขาอยู่อย่างไม่วางตา แน่นอนว่าไม่ใช่จากกล้องวงจรปิด แต่จาก บางอย่าง ที่กำลังปิดบังตัวตนจากพวกเขาทุกคน แม้จะไม่เห็นตัวตนของมัน แต่พลังงานการมีอยู่ส่งตรงมาถึงพวกเขาทุกคนได้อย่างชัดเจน“ฉันจะกลับบ้าน” เสียงหญิงวัยกลางคนที่ชื่อหมอกดังขึ้น เธอค่อยๆ เดินตรงไปที่ประตูทางเข้าทั
สิ่งแรกที่กวินรู้ตัวหลังเสียงประกาศจบลงคือ… ในห้องลอบบี้เงียบสนิท ชนิดที่ไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจของใครสักคนให้ได้ยิน แม้จะมีมนุษย์จำนวนสิบสองคนอยู่ภายในนั้นก็ตามทุกคนเงียบ ไม่ใช่เพราะเข้าใจ แต่เพราะไม่มีใครรู้จะถามคำถามไหนก่อนดี บรรยากาศรอบตัวมันหนาวเย็นราวกับอุณหภูมิลดลงเฉียบพลัน หรือแท้จริงแล้วอาจจะเป็นพลังงานอะไรบางอย่างที่กำลังก่อตัวหลังจากที่บานประตูของสถานที่แห่งนี้ถูกล็อกก็เป็นได้“เอาล่ะ…” เสียงผู้หญิงในชุดสูทแดงดังขึ้น ทำลายความเงียบอย่างตั้งใจ เธอลุกขึ้นแล้วก้าวช้าๆ มาหยุดอยู่ตรงด้านหน้ากลางโต๊ะกลมที่มีหมายเลขประทับไว้ “อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ เพราะฉันรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่แค่อควาเรียมเปิดใหม่ธรรมดา ฉันจึงตัดสินใจมาที่นี่ตามคำเชิญ”สายตาทุกคู่หันไปหาเธอทันที หลังจากที่เธอกล่าวจบในทีแรก เธอจ้องมองทุกคนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจกล่าวต่อ “มันเคยถูกสร้างไว้เพื่อการทดลองเมื่อสิบปีก่อน และหายไปจากทุกฐานข้อมูลหลังเกิดเหตุทีมนักวิจัยทั้งหมดหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย”ชายหนุ่มที่ดูเป็นพนักงานส่งของหัวเราะหึออกมาทันที “พี่ครับ! นี่มัน 2025 แล้วนะพี่!! ยังเชื่อไอ้เรื่องทฤษฎีสมคบคิดอะไรพวกน