Share

ตอนที่ 10

Author: Aile'N
last update Last Updated: 2024-11-17 11:48:07

วิวาห์(ไม่)ไร้รัก

Writer : Aile'N

ตอนที่ 10

วรธันย์กลับเข้าบ้านมาในตอนสี่ทุ่มครึ่ง ร่างกายหนักอึ้งมีอาการมึนเมาเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับไร้สติ เวลานี้ภายในบ้านเงียบสงัดเนื่องจากทุกคนคงจะเข้านอนกันหมดแล้ว มีเพียงเขาที่จิตใจยังคงกระสับกระส่ายร้อนรุ่มจนยากจะข่มตาหลับ เป็นเหตุให้ฝืนอาการมึนๆ ขับรถจากคอนโดกลับมาบ้าน ไม่รู้เหมือนกันว่ามาในเวลานี้แล้วจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อทุกคนต่างเข้านอนกันหมด รู้เพียงว่าทนอยู่ไม่ได้...ความรู้สึกผิดและเสียใจมันอัดแน่นอยู่เต็มอก ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างไม่มีทางที่เขาจะข่มตาหลับได้แน่

ตั้งใจจะกลับมาขอโทษมารดาแต่ก็ดึกเกินกว่าจะกล้าเคาะประตูเรียกเลยเอาแต่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าประตูห้องนอนของอีกฝ่าย ถามว่าทำไมไม่รีบกลับมาตั้งแต่หัววัน ยืดอกสามศอกยอมรับตรงๆ เลยว่าไม่กล้า...ความผิดครั้งนี้ร้ายแรงจนเขาไม่อาจสู้หน้าบุพการี แม้จะระหองระแหงเรื่องแต่งงานกันมาตลอด แต่ไม่มีครั้งไหนที่เขากับพ่อแม่จะทะเลาะกันรุนแรงเท่าครั้งนี้มาก่อน เขาไม่เคยทำให้แม่ร้องไห้และไม่เคยทำให้พ่อโกรธถึงขั้นกล้าตัดความสัมพันธ์ ลูกชายเพียงคนเดียวที่เคยเป็นความหวังในทุกๆ เรื่องของพวกเขา มาวันนี้กลับถูกตัดขาดกันได้ง่ายๆ ไม่รู้มันเกิดอะไรขึ้น...

แกรก...

ในขณะที่ใครคนนั้นเอาแต่ยืนละล้าละลังอย่างคนไม่รู้จะเอายังไง พลันประตูห้องข้างๆ ก็ถูกเปิดออกพร้อมปรากฏร่างบอบบางของใครอีกคน เธอดูตกใจไม่น้อยที่เห็นเขายืนอยู่ในเงามืดดึกๆ ดื่นๆ แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไร เพียงยืนมองสบตากันนิ่งอย่างไม่รู้จะพูดอะไร

"เรา...มาคุยกันหน่อยดีมั้ยคะ" ครั้นจะเดินผ่านร่างสูงไปโดยไม่พูดอะไรก็ดูจะไม่เข้าท่าเท่าไร เธอเองแม้จะเป็นคนนอกก็ยังไม่สบายใจเรื่องในครอบครัวที่พวกเขาทะเลาะกันเลยพลอยทำให้นอนไม่หลับตามไปด้วย ยิ่งมาเห็นร่างสูงยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าห้องมารดาก็ยิ่งแน่ใจว่าเขาเองก็คงรู้สึกผิดและเสียใจ ก่อนที่เธอจะกลับไปอยู่ในที่ของตัวเองจึงอยากทำอะไรเพื่อพวกเขาบ้าง

วรธันย์ยืนมองหน้ารินลดาอยู่ตรงนั้นชั่วอึดใจ เขาไม่ได้ตอบอะไรเพียงเดินนำลงบันไดไปชั้นล่าง ร่างบางเดินตามลงไปอย่างเงียบๆ อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมตอบรับคำชวนของเธอง่ายดายขนาดนี้ ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะเหตุการณ์ที่เขากับพ่อแม่ทะเลาะกันรุนแรงและเธอก็เป็นคนที่อยู่กับพวกท่านหลังจากนั้นก็เป็นได้...

ห้องนั่งเล่นชั้นล่างคือสถานที่ที่คนทั้งคู่เลือกใช้คุยกันในเวลาดึกสงัดเช่นนี้ ร่างสูงเดินไปนั่งลงก่อนพลางเงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินตามหลังมาห่างๆ ไม่มีใครเริ่มพูดอะไรก่อนเพียงนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองสักพัก จนคนที่เป็นฝ่ายชวนนึกประโยคเริ่มต้นบทสนทนาออก...

"หนู...ไม่รู้ว่าพี่อยากจะฟังมั้ย แต่ก่อนที่หนูจะไปจากที่นี่ หนูอยากจะพูดอะไรสักหน่อย..." รินลดาไม่เคยมีทิฐิกับร่างสูงเพียงแต่ยังคงหวั่นเกรงต่อเขาอยู่บ้างเล็กน้อย เธอไม่ชินนักกับการพูดจากึ่งทางการกับเขาเลยคิดว่าไหนๆ เรื่องวุ่นๆ ก็จะจบแล้วเปิดอกคุยกันดีๆ ไปเลยดีกว่า จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก

วรธันย์ดูอึ้งไม่น้อยที่จู่ๆ ร่างบางก็ยอมอ่อนน้อมต่อกัน น้ำเสียงและท่าทางของเธอดูเหนื่อยล้าไม่ต่างจากเขาในตอนนี้นัก การบังคับฝืนใจใครแน่นอนว่าย่อมเหน็ดเหนื่อยเช่นเดียวกับคนที่ถูกบังคับ พวกเราทั้งสี่คนรวมพ่อกับแม่ของเขาเลยตกที่นั่งลำบากใจเหมือนกันอยู่ในตอนนี้...

"......" ร่างสูงไม่ได้ตอบอะไร ยังคงนั่งเงียบรอฟังว่าคนตัวเล็กจะพูดอะไรต่อไป

"ครั้งแรกที่หนูได้เจอคุณลุง...เป็นตอนที่พ่อของหนูล้มป่วยหมดสติต่อหน้าหนูกับแม่ที่กำลังขายของอยู่ในตลาด...ทั้งที่ผู้คนพลุกพล่านแต่ก็ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยแม้แต่จะเรียกรถพยาบาลให้" คนพูดยิ้มขื่น เสียงสั่นขึ้นมาอย่างไม่อาจหักห้ามเมื่อหวนนึกไปถึงเหตุการณ์เลวร้ายในวันนั้น

"แต่แล้ว...ก็มีคุณลุงท่าทางใจดีคนหนึ่งเดินฝ่าผู้คนเข้ามาหา ท่านยื่นมือเข้ามาช่วยพาพ่อหนูไปส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที พวกเราเริ่มมีความหวัง แต่พอไปถึงโรงพยาบาลความหวังกลับพังครืนลงมาตรงหน้า คุณหมอบอกว่าพ่อเป็นโรคหัวใจ ต้องใช้เงินมากมายในการผ่าตัด..."

น้ำตาเม็ดโตร่วงเผาะอาบแก้มใส ก่อนจะถูกมือเล็กปาดมันออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวคนฟังจะเห็นแล้วกล่าวหาว่าบีบน้ำตาเรียกคะแนนความสงสาร แม้ท่าทีของเขาในตอนนี้จะอ่อนลงมากก็ตาม

"เราสองคนแม่ลูกเอาแต่กอดกันร้องไห้เพราะไม่รู้จะไปหาเงินที่ไหนมารักษาพ่อ แต่แล้ว...คุณลุงคนเดิมที่ยังไม่หนีหายไปไหนก็ยื่นมือเข้ามาช่วยพวกเราอีกครั้ง ท่านช่วยออกเงินผ่าตัดและจัดการเรื่องค่ารักษาทุกอย่างให้...คุณลุงใจดีคนนั้นที่ไม่มีใครรู้จักว่าเป็นใครมาจากไหน แต่ในเวลานั้นท่านเหมือนเทวดามาโปรด..."

วรธันย์ได้แต่นั่งนิ่งฟัง พิจารณาทั้งน้ำเสียง สีหน้าและแววตาก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะโกหก กำแพงทิฐิที่ถูกก่อไว้สูงลิ่วเริ่มจะพังทลายลงเมื่อได้มองสบดวงตากลมใสที่สั่นระริก คลอด้วยหยาดน้ำตาของอีกฝ่ายใกล้ๆ

"เราสองคนแม่ลูกได้แต่ขอบคุณท่านซ้ำๆ อย่างไม่รู้จะตอบแทนพระคุณในครั้งนั้นยังไง...แต่ก็ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือตั้งใจ...เมื่อความปรารถนาเดียวที่คุณลุงต้องการจากพวกเราคือการอยากได้หนูไปเป็นสะใภ้...ท่านอยากให้หนูแต่งงานกับลูกชายเพียงคนเดียวของท่านเพื่อมีทายาทสืบสกุล รวมทั้งเป็นขวัญและกำลังใจให้กับภรรยาของท่านที่กำลังจะเข้ารับการผ่าตัดในโรคเดียวกันกับที่พ่อหนูเป็น..." คนพูดหยุดเว้นระยะอีกครั้งเพื่อผ่อนลมหายใจคลายอาการเครียดเกร็งของอารมณ์ เพราะแม้เหตุการณ์มันจะผ่านมาได้สักพักแล้ว แต่ความรู้สึกคลุ้มคลั่งเจ็บปวดเหมือนจะขาดใจในตอนนั้นเธอยังคงจำมันได้ดีราวกับเรื่องเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน..

"เราทั้งตกใจและสับสน แต่ในเวลานั้นไม่มีทางเลือกอื่น...ชีวิตของพ่อที่เป็นเสาหลักของครอบครัว กับอิสระและความสุขส่วนตัวนั้นเทียบความสำคัญกันไม่ได้เลย..." ร่างบางหอบหายใจ เว้นจังหวะการพูดอีกครั้งเมื่อน้ำเสียงที่เอ่ยเริ่มสั่นเครือจนไม่น่าฟัง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องเล่าให้เขาฟังถึงขนาดนี้ คล้ายว่าความรู้สึกถูกปลดล็อก...พอได้พูดแล้วก็หยุดตัวเองไม่ได้ เธอไม่อยากให้เขาทะเลาะกับพ่อแม่บ่อยๆ เพราะความตายมันอยู่ใกล้แค่เอื้อม จะวันนี้หรือพรุ่งนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

"หนูไม่ได้เข้ามาด้วยเจตนาไม่ดี ไม่ตั้งใจจะทำให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยก ไม่ได้อยากจะแย่งคนของใคร ตอนนี้เราเป็นอิสระต่อกันแล้วถือเสียว่าเลิกแล้วต่อกันเถอะนะคะ หนูไม่ได้โกรธหรือเกลียดพี่ หนูเข้าใจว่าคงไม่มีใครทำใจยอมรับการแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักได้ แต่หนูอยากให้พี่ไปขอขมาและปรับความเข้าใจกับคุณท่าน พวกเขาก็แค่รักและหวังดีกับพี่มากเกินไปเท่านั้น ดูแลท่านให้ดีในตอนที่มีโอกาส อย่าปล่อยให้มันสายเกินไปเลยนะคะ..." ร่างบางยิ้มเผล่เพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ พอมาคิดๆ ดูแล้วก็น่าอายที่เอาแต่พูดพร่ำเรื่องของตัวเองอยู่เพียงฝ่ายเดียว

"จะให้ฉันเชื่อ? " ดวงตาคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมสวยอย่างพิจารณาระคนสับสน เขาไม่แน่ใจว่ารินลดาเอาเรื่องเหล่านั้นมาเล่าให้เขาฟังทำไมและเพื่ออะไร

"ก็แล้วแต่ค่ะ เดี๋ยวก็จากกันแล้วแค่ไม่อยากมีอะไรติดค้างกันเฉยๆ " ร่างบางไม่ถือสาแม้จะถูกย้อนกลับอย่างประเมิน ก็แค่...เธอกำลังจะเป็นอิสระเลยไม่อยากติดค้างอะไรกับใครก็เท่านั้น

"ดึกแล้ว ขึ้นไปพักเถอะค่ะ พรุ่งนี้ค่อยคุยกับคุณท่านก็ยังไม่สาย" พออีกฝ่ายไม่ตอบอะไรเพียงนั่งจ้องหน้าเธอนิ่งอยู่อย่างนั้นก็ชักจะทำให้คนถูกจ้องรู้สึกเขินๆ เลยตัดบทแล้วลุกขึ้นยืนเตรียมตัวกลับห้อง

"ขอบใจ..." ได้ยินเสียงคนข้างหลังดังขึ้นอย่างไม่มีที่มา เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นเขาหันไปทางอื่นเสียแล้ว เธอชั่งใจอยู่ชั่วอึดใจว่าควรจะตอบกลับยังไงแต่สุดท้ายก็ไม่รู้จะตอบอะไร เพียงยิ้มรับทั้งที่อีกฝ่ายไม่เห็นแล้วหมุนตัวกลับขึ้นห้องไปอย่างเงียบๆ

วันต่อมา...

รินลดาตื่นแต่เช้าแม้จะมีเรียนสาย นั่นเพราะเธอมีนัดกับเจ้าตูบจรจัดสามตัวในซอยเป็นประจำทุกวัน เธอก็แค่บังเอิญเห็นความน่ารักและแสนรู้ของพวกมันที่แอบเดินตามมาส่งเธอยามออกไปไหนมาไหนในซอยบ่อยๆ หลายครั้งที่แวะซื้อหมูปิ้งกลับมาให้พวกมัน แรกๆ ก็นานๆ ทีแต่พอมั่นใจว่าพวกมันไม่มีเจ้าของก็เริ่มเอาอาหารมาให้ทุกวันจนสนิทกันไปแบบงงๆ มองพวกมันแล้วก็นึกถึงเจ้าดำที่บ้าน...

"...ช้า" ไม่ทันได้ออกไปทักทายสหายสี่ขาดั่งใจคิด ที่หน้าประตูห้องในเช้าวันนี้กลับมีใครบางคนมาดักรอแต่เช้า ไม่พอทันทีที่เจอหน้ายังบ่นใส่เหมือนนัดกันไว้ยังไงยังงั้น

"หืม? รอฉันหรอคะ" ร่างบางเอ่ยถามอย่างมึนงง เมื่อคืนตอนที่แยกกันก็ไม่เห็นเขาบอกว่าจะมารอเสียหน่อย เธอเรียนตั้งสิบโมงเขาก็น่าจะรู้...

"เร็วๆ หิวข้าว..." วรธันย์ไม่ได้ตอบคำถาม แต่เร่งคนที่เอาแต่ยืนทำหน้ามึนงง สิ้นคำก็เดินนำลงบันไดไปก่อน ทิ้งคนข้างหลังไว้กับคำถามมากมายในหัว

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารในเช้าวันนี้เงียบสงบ ทว่าเต็มไปด้วยความอึดอัดเมื่อไม่มีใครพูดอะไรกับใครเลยสักคำ แม้จะแปลกใจที่เห็นลูกชายกับอดีตว่าที่ลูกสะใภ้เดินเข้าห้องทานอาหารมาพร้อมกันแต่ก็ไม่มีใครถามหรือพูดอะไร ราวกับต้องการจะวัดความอดทนว่าใครจะทนไม่ไหวก่อนกัน...

แล้วก็เป็นรินลดาที่ทนไม่ไหว เธอไม่สามารถกลืนข้าวลงคอในสถานการณ์แบบนี้ได้ จึงแอบสะกิดลำแขนแกร่งให้รู้สึกตัวว่าเขาควรจะทำอะไรสักอย่าง ไม่ใช่เอาแต่นั่งเงียบอยู่แบบนี้ คนถูกสะกิดเหล่ตามามองด้วยสายตาเอาเรื่องหน่อยๆ แต่เธอเพียงยิ้มแฉ่งให้กำลังใจเขาเท่านั้นเพราะถ้าไม่ใช้โอกาสนี้ขอโทษพ่อแม่เห็นทีอาหารบนโต๊ะคงจะเป็นหมันเพราะไม่มีใครทานลงแน่ๆ

ดวงตาคมกล้ามองหน้าบิดามารดาด้วยแววตาอ่อนแสง ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินอ้อมไปหาแล้วนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าพวกท่านท่ามกลางการมองตามไปอย่างลุ้นๆ ของคนตัวเล็ก

"พ่อครับ...แม่ครับ...ผมขอโทษ...ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พ่อกับแม่เสียใจ..." ร่างสูงที่กำลังนั่งหูลู่ไหล่ตกนึกคำพูดออกเพียงเท่านั้นก็ยกมือขึ้นประนมกราบลงแทบเท้าบุพการีทั้งสองอย่างอ้อยอิ่ง ไม่มีใครคาดคิดกระทั่งคนเป็นพ่อแม่ว่าเขาจะทำถึงขนาดนี้ คนเป็นแม่นั้นถึงกับน้ำตาคลอด้วยความตื้นตัน...

"อึ่ก...พ่อกับแม่ก็ขอโทษ...ที่บีบบังคับลูกจนไม่ได้แคร์ความรู้สึก แต่สบายใจเถอะ จากนี้ไปพวกเราจะไม่บังคับอะไรลูกอีกแล้ว" คนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่เคยเลยที่จะโกรธลูกได้นาน แค่เห็นอีกฝ่ายสำนึกผิดจิตใจก็อ่อนยวบ ยอมให้อภัยกันอย่างง่ายดาย

"ผมจะแต่งงานกับน้องหญิงครับ! "

"ห๊ะ!! ? " เสียงอุทานลั่นอย่างไม่รักษากิริยาคือเสียงของคนที่ถูกเรียกว่า 'น้องหญิง' จากที่นั่งเคลิ้มมองครอบครัวเขาปรับความเข้าใจกันอยู่ดีๆ ก็เป็นอันต้องลุกพรวดขึ้นยืนกลางโต๊ะอาหารด้วยความตกใจ

"ธันย์ แม่กับพ่อไม่ได้โกรธอะไรลูกแล้ว ไม่จำเป็นต้องฝืนตามใจแม่กับพ่อหรอกลูก พวกเราเข้าใจ" คุณหญิงถอนหายใจอย่างอ่อนใจ เธอรู้ว่าลูกชายรู้สึกผิดและอยากจะชดใช้สิ่งที่ทำผิด แต่ทางออกอีกมากยังมีให้เลือก ไม่จำเป็นจะต้องฝืนตามใจกันขนาดนี้ เพราะเธอกับสามีนอนคุยกันมาแล้วทั้งคืน พวกเราเข้าใจลูกและตกลงกันแล้วจะไม่เข้าไปก้าวก่ายชีวิตลูกให้เจ้าตัวอึดอัดรำคาญใจอีก

"งานแต่งงานจะไม่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้หรอกครับ แต่ผมขอโอกาสให้ผมได้ศึกษาดูใจกับน้องแบบไม่มีอคติดูสักครั้ง ถ้าเกิดเราไปกันไม่ได้ งานแต่งงานก็จะไม่เกิดขึ้น..." คนที่ถูกเรียกว่า 'น้อง' ได้แต่นั่งเหวอ ปากเผยออ้าน้อยๆ ราวกับอยากพูดอะไรบ้าง แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ถามเธอบ้างก็ได้ว่าอยากศึกษาดูใจกับเขาหรือเปล่า ใจจริงนี่อยากกลับบ้านไปนอนกอดพ่อกอดแม่ให้หายคิดถึงจะแย่แล้วนะเนี่ย!

"ไม่ได้ฝืนใจพูดอยู่ใช่มั้ย" คุณสุรศักดิ์ถามเสียงเข้ม ไม่ได้รู้สึกชื่นใจที่ลูกชายกลับคำและเปลี่ยนท่าทีเลยสักนิด กลัวว่าที่ทำไปเพราะเกรงจะถูกตัดความสัมพันธ์รวมทั้งชื่อจากมรดกเสียมากกว่า

"ไม่ครับ" คนตอบเน้นเสียงหนักแน่นไม่แพ้กัน เมื่อคืนเขานอนคิดแทบทั้งคืนว่าอะไรทำให้ตัวเขามาอยู่จุดนี้ได้ จุดที่ต้องทะเลาะกับบุพการีซ้ำๆ ทั้งที่เมื่อก่อนรักและเชื่อฟังพวกท่านยิ่งกว่าใคร เมื่อใช้สติและเหตุผลคิดคำนึงถึงสิ่งเกิดขึ้นก็มองเห็นแต่ความเห็นแก่ตัวของตน ทั้งๆ ที่พวกท่านรักและหวังดีกับเขายิ่งกว่าใคร ตลอดมาก็เลือกแต่สิ่งดีๆ ให้ แต่ครั้งนี้มันเป็นเพราะความโกรธบังตาทำให้เขาหลงลืมนึกถึงสิ่งดีๆ เหล่านั้นไปเสียสนิท

"งั้นก็ตามใจ หญิงล่ะว่ายังไงลูก ให้โอกาสพี่เขามั้ย" คุณหญิงนาฏยายิ้มแย้มอย่างยินดีเมื่อลูกชายคิดได้ เหลือก็แต่อดีตว่าที่ลูกสะใภ้ว่าจะยอมถอยกลับมายืนที่เดิมหรือไม่ แน่นอนว่ามีตัวเลือกให้ก็คือ...ตกลงและตกลงเท่านั้น!

"ค...คะ? เอ่อ แต่..." รินลดาอึกอักเมื่อความสนใจพุ่งมาที่เธออย่างกะทันหัน ไม่พอคนถามยังหรี่ตาจ้องมองมาอย่างคาดหวัง กดดันกันจนเหงื่อตก

"เอ่อ ให้ก็ได้ค่ะ..." ร่างบางจำต้องยอมตอบรับเสียงแผ่วๆ นึกเสียใจตอนนี้ก็ไม่ทันเสียแล้วที่ไม่ยอมเก็บของออกจากบ้านหลังนี้ไปตั้งแต่เมื่อวาน ปล่อยให้พวกเขาดึงกลับมาที่เดิมจนได้

"ดีจ้ะ...ป้ะ ทานข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวจะเย็นชืดหมด" คุณหญิงยิ้มร่าเมื่อทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ใจต้องการ ว่าที่ลูกสะใภ้ถึงกับปลงตก ไหนใครบอกจะไม่บังคับฝืนใจใครอีกไง มองกันแบบนั้นไม่ยุติธรรมเลยสักนิด ว่าที่สามีนั่นก็อีกคน! อยู่ๆ มาเปลี่ยนใจอะไรกันตอนนี้~

จากตอนแรกบรรยากาศอึมครึมเพราะคนทั้งสามทะเลาะกันทำเอากินข้าวไม่ลงแล้ว ในตอนนี้รินลดาก็ยังคงกินไม่ลงอยู่ และคงจะมีแค่เธอคนเดียวที่เป็นแบบนั้นเพราะทั้งสามคนพ่อแม่ลูกยิ้มแย้มพูดคุยกันอย่างมีความสุข อดไม่ได้ต้องแอบมองค้อนใส่ร่างสูงข้างๆ เสียวงใหญ่ ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรหรือเกิดอะไรกับเขาขึ้นกันแน่ คงไม่ใช่เรื่องเมื่อคืนที่เธอไปสารภาพบาปกับเขาหรอกนะ ที่เล่าให้ฟังไม่ได้หวังอะไรแบบนี้สักหน่อย เธออยากกลับบ้านนนน!

ด้วยอารมณ์ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไร เมื่อทานข้าวเช้าอิ่มร่างบางก็เลี่ยงเข้าไปในครัว ไปขอข้าวคลุกกับกับพี่น้อมแล้วเดินเตาะแตะออกมาหน้าบ้าน มาถึงก็เห็นเจ้าหมาจรที่เธอตั้งชื่อให้ว่าหนึ่ง สอง สามตามลำดับนั่งหน้าสลอนรออยู่ก่อนแล้ว พอพวกมันเห็นเธอก็กระโดดโหยงๆ วิ่งมาหาด้วยความดีใจ นั่นพอจะทำให้คนอารมณ์ไม่ดียิ้มออกมาได้บ้าง

"ไง หิวล่ะสิ" เธอทักมันอย่างสนิทสนม ไม่พูดพร่ำทำเพลงเพราะความหิวไม่เคยรอใคร ร่างบางย่อตัวนั่งยองๆ ลงตรงหน้าก่อนจัดแจงเอาชามข้าวสีหวานแหววที่ซื้อมาให้พวกมันทั้งสามโดยเฉพาะออกมาวางเรียงกัน ก่อนตักข้าวที่คลุกมาอย่างดีใส่ชามให้ทีละตัว เจ้าหนึ่งสองสามก็ช่างแสนรู้ พวกมันนั่งรอให้เธออนุญาตก่อนถึงจะเริ่มกิน

"เอาล่ะ กินได้! " พอดีดนิ้วเป็นสัญญาณหนึ่งครั้งเจ้าหมาจรทั้งสามก็พร้อมใจกันมุดหน้าลงชามข้าวของใครของมัน ทำเอาคนมองยิ้มแฉ่งด้วยความเอ็นดู

"เพิ่งรู้ว่าเธอคุยกับหมารู้เรื่อง..." น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ดังมาจากข้างหลังทำรอยยิ้มสดใสหยุดชะงัก พลันนึกถึงเรื่องที่โต๊ะอาหารขึ้นมาได้จึงลุกขึ้นยืน หันไปหาอีกฝ่ายด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

"ทำไมคุณถึงไปพูดกับคุณท่านแบบนั้นล่ะคะ คุณกำลังจะเป็นอิสระอย่างที่ต้องการแล้วไง" เสียงหวานเอ่ยถามห้วนอย่างใส่อารมณ์ ลืมตัวไปชั่วขณะว่าเคยเกรงกลัวเขามาก่อน

"ทำไม? ไม่ดีหรอ? " อีกฝ่ายยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่ทำลงไปทั้งที่ก่อนหน้าเอาแต่คัดค้านการแต่งงานหัวชนฝา

"ฉันก็แค่ไม่เข้าใจ...คุณไม่อยากแต่งงานไม่ใช่หรือคะ" ดวงตากลมโตอดมองร่างสูงใหญ่ตรงหน้าอย่างหวาดระแวงไม่ได้ เพราะไม่แน่ใจว่าเขากำลังวางแผนอะไรอยู่หรือเปล่า

"ก็ใช่...แต่ก็อยากจะลองดู" วรธันย์ตอบหน้าตายราวกับไม่เคยเป็นเดือดเป็นร้อนเรื่องนี้มาก่อน ถามต่อก็คงไม่ได้ความอะไรร่างบางเลยหันไปสนใจสหายสี่ขาที่กินข้าวหมดชามพอดี จึงเก็บชามเปล่าขึ้นมาถือเตรียมจะกลับเข้าบ้าน เตรียมตัวไปมหาวิทยาลัยต่อ

"เลิกเรียนกี่โมง" คนที่เธอไม่ได้สนใจว่าจะยังยืนอยู่ที่เดิมหรือเดินตามมาเอ่ยถาม เสียงที่ได้ยินไม่ได้อยู่ไกลตัวนั่นแสดงว่าเขาเดินตามหลังเธอมา ว่าแต่...เขาไปทำอะไรหน้าบ้าน? ไปหาเธอหรอ? ไม่ใช่มั้ง...

"สี่โมงเย็นค่ะ" รินลดาตอบคำถามโดยไม่ได้หยุดหรือชะลอการก้าวเดิน นั่นเพราะทางเข้าบ้านจากประตูรั้วถึงประตูบ้านนั้นไกลเอาเรื่อง

"เดี๋ยวไปรับ" คนฟังชะงักไปเล็กน้อย แต่พอคิดว่าเมื่อก่อนเขาก็ไปรับส่งแบบนี้ตามคำสั่งของพ่อแม่อยู่แล้วเลยตอบรับไปโดยไม่คิดอะไร

"ค่ะ"

"เบอร์..."

"คะ? " เธอหันไปมองคนข้างหลังอย่างงงๆ เมื่อยินเขาพึมพำอะไรบางอย่าง

"ฉันยังไม่มีเบอร์ติดต่อเธอ" ใครคนนั้นบอกหน้ามึนๆ พร้อมกับล้วงเอาโทรศัพท์เครื่องหรูออกมาเตรียมพร้อมที่จะกดบันทึกเบอร์โทรของเธอเต็มที่ จะไม่บอกก็คงไม่ได้เพราะถูกมองกดดันเสียขนาดนั้น สุดท้ายก็เลยต้องบอกไป อีกฝ่ายกดบันทึกอย่างรวดเร็วก่อนกดโทรออกทันทีราวกับไม่ไว้ใจหรือไม่ก็คงต้องการฝากเบอร์ตัวเองไว้...

"ไปแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวไปส่ง" เมื่อคุณเขาพอใจเขาก็โบกมือไล่ให้ไปแต่งตัว อยากจะค้อนคนที่ทำให้เธอชักช้าอยู่หรอกแต่มันจะเสียเวลายิ่งกว่าเดิม ร่างบางเลยรีบเอาชามข้าวหมาไปล้างเก็บก่อนรีบพุ่งขึ้นชั้นบนไปเปลี่ยนเป็นชุดนักศึกษาอย่างรวดเร็ว

..

..

..

..

เอ๊ะ ยังไงน้าาาาา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 34 (ตอนจบ)

    วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 34 (ตอนจบ) วันเวลาผ่านพ้นไปกิจวัตรประจำวันของรินลดาก็ยังคงวนเวียนแบบเดิมซ้ำๆจนอายุครรภ์ล่วงเลยมาจนถึงแปดเกือบเก้าเดือนและมีวันกำหนดคลอดในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแต่เธอรู้ว่าอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงวันนั้นเนื่องจากช่วงนี้มีอาการเจ็บท้องเตือนบ่อยขึ้นบางทีก็เจ็บจนร้องไห้ผู้เป็นสามีจึงต้องลางานมาอยู่เป็นเพื่อนในช่วงใกล้คลอด"ไหวไหม"ร่างสูงเอ่ยถามภรรยาท้องแก่ที่นั่งเอนหลังดมยาดมพลางหอบหายใจแรงกว่าปกติเนื่องจากเจ็บท้องเตือนขึ้นมาอีกแล้วและดูเหมือนวันนี้จะเจ็บมากกว่าปกติเขาจึงให้คนเตรียมรถเตรียมของใช้สำหรับคลอดไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน"อึก...ไม่ไหว...แฮ่ก"แรงปวดไม่มีท่าทีว่าจะเบาลงเลยแม้แต่น้อยมือเล็กที่บีบมือใหญ่ไว้ส่งผ่านความรู้สึกมาถึงร่างสูงแม้ไม่ทั้งหมดแต่ก็ทำให้เขาได้รับรู้ว่าเธอกำลังจะทนไม่ไหวไม่ต้องรอให้พูดอะไรซ้ำวรธันย์ก็เรียกเด็กในบ้านให้รีบเตรียมของขึ้นรถส่วนเขาก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีช้อนตัวภรรยาขึ้นอุ้มและตรงไปที่รถอย่างรวดเร็วเรียกได้ว่าสถานการณ์เริ่มวุ่นวายแต่ก็ไม่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะทุกคนเตรียมการนี้ไว้สักพักใหญ่แล้วเพียงตื่นเต้นยิน

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 33

    วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 33ตกเย็นวรธันย์ก็พาภรรยามาที่บ้านใหญ่พร้อมด้วยกล่องของขวัญหนึ่งใบที่ทำเอาทุกคนต่างมองด้วยความสนใจครั้นถามว่าเอามาให้ใครและข้างในมีอะไรเจ้าตัวก็บ่ายเบี่ยงบอกแค่ว่าจะเฉลยในตอนที่ทานข้าวเสร็จเล่นเอาคุณหญิงนาฏยาคันไม้คันมือยิกๆอยากแย่งมาเปิดดูให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ทำได้แค่เก็บอาการและอดใจรออย่างใจเย็น"เอ้อแม่มีอะไรจะบอก"คุณหญิงพูดขึ้นท่ามกลางมื้ออาหารที่เริ่มดำเนินมาสักพักหนุ่มสาวเลยพร้อมใจกันวางช้อนส้อมเพื่อรอฟังในสิ่งที่มารดากำลังจะบอก"แม่คุยพ่อและคุยกับพ่อแม่หนูแล้วว่าจะให้ทั้งสองคนย้ายเข้ามาอยู่กับพวกเราที่นี่เนี่ยน้ากว่าจะเกลี้ยกล่อมได้เหนื่อยแทบตายแน่ะ"คุณหญิงบอกอย่างอารมณ์ดีได้ยินแบบนั้นรินลดาก็จ้องหน้าแม่สามีอย่างไม่อยากจะเชื่อหูก่อนจะหันไปมองพ่อกับแม่ที่ทำหน้าเกรงอกเกรงใจอยู่ไม่คลาย"ก็จะให้มาอยู่เฉยๆไม่ให้ทำอะไรเลยมันไม่ได้จริงๆค่ะเกรงใจ"อรนภาเอ่ยแทรกขึ้นมาความจริงคุณหญิงชวนเธอกับสามีมาอยู่ด้วยกันหลายครั้งแล้วแต่เธอปฏิเสธเพราะเกรงใจอีกอย่างก็ไม่คุ้นชินกับบ้านหลังใหญ่หรูหราแบบนี้เท่าไรคราวนี้ที่ยอมก็เพราะยื่นข้อเสนอไปว่าถ้าให้อยู่ก็ข

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 32

    วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 32สองอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกงเข็มนาฬิกา ว่าที่เจ้าสาวถูกปลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันด้วยทีมช่างที่คุณหญิงนาฏยาจัดหามาให้ ได้คุณหญิงและผู้เป็นแม่คอยช่วยดูแลอีกที กำหนดการในช่วงเช้าวันนี้คือการเข้าพิธีแต่งงานแบบไทย เรียบง่าย ลดขั้นตอนพิธีบางอย่างออกไป คงเหลือไว้แต่พิธีหลักๆ ที่สำคัญ สถานที่จัดงานคือบ้านหลังใหญ่ของฝ่ายว่าที่สามีที่ยังคงนอนหลับอยู่อีกห้องหนึ่ง เพราะขั้นตอนการแต่งตัวน้อยกว่าฝ่ายเจ้าสาวจึงยังไม่ถูกปลุกขึ้นมาพร้อมกันใช้เวลาร่วมสามชั่วโมงในการแต่งหน้าทำผมให้เจ้าสาวและบรรดาแม่ๆ กระทั่งแล้วเสร็จในช่วงเช้าพอดี ฝ่ายเจ้าบ่าวเองก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วทว่ายังถูกขัดขวางไม่ให้ได้เจอเจ้าสาวจนกว่าจะเริ่มพิธีไม่เพียงแค่เจ้าของงานที่ต้องเตรียมตัวแต่เช้า ฝ่ายจัดสถานที่และฝ่ายแม่ครัวเองก็วิ่งวุ่นไม่ต่างกันเพราะต้องเตรียมอาหารเลี้ยงพระและ แขกคนสำคัญที่แม้จะเชิญมาแค่ไม่กี่คนก็ต้องดูแลให้ดีสมฐานะเจ้าบ้าน พยายามให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"ใจเย็นๆ อย่าตื่นเต้นมากนัก เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน" อรนภาลูบหลังลูกสาวเ

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 31

    วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 31ด้วยไม่ได้นอนทั้งคืนและอ่อนเพลียจากพิษไข้ คืนแรกที่ต้องนอนแยกห้องกันตามข้อตกลงเลยทำให้รินลดาหลับสนิท ต่างจากวรธันย์ที่นอนมองเพดานว่างเปล่ามานานหลายชั่วโมงแล้ว เขายังไม่มีทีท่าว่าจะง่วงเลยแม้แต่น้อย เขาคิดถึงร่างนุ่มนิ่มของคนรักที่เคยได้นอนกอด มากไปกว่านั้นคือเป็นห่วงกลัวว่าคนป่วยจะไข้ขึ้นสูงกลางดึกแล้วไม่มีคนดูแลสุดท้ายร่างสูงก็ยอมแพ้ต่อความห่วงใย เขาทนไม่ไหวจึงหอบเอาผ้าห่มกับหมอนเดินไปที่ห้องนอนเล็ก มือหมุนเปิดลูกบิดอย่างแผ่วเบา ก่อนเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง ลงมือปูผ้าห่มลงบนพื้น ไม่ลืมตรวจเช็คอุณหภูมิของคนหลับด้วยว่าน่าเป็นห่วงหรือไม่ เมื่อพบว่ายังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงวรธันย์ก็ล้มตัวลงนอนข้างเตียง แต่ตั้งใจไว้ว่าจะต้องตื่นก่อนและรีบออกไปจากห้อง บทลงโทษของคนที่ทำอะไรไม่คิดคือแยกห้องนอนและห้ามวอแวอีกฝ่ายจนกว่าจะถึงวันแต่งงานในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า นี่แค่วันเดียวก็แทบจะทนไม่ได้แล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะอดทนได้จนถึงวันแต่งงานหรือเปล่ารินลดาหลับยาวจนถึงเช้า เธอลืมตามองไปรอบๆ อย่างสำรวจ เพราะเมื่อคืนเหมือนจะมีบางช่วงที่กึ่งหลับกึ่งตื่นและรู้สึก

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 30

    วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 30"เฮ้อ...""อะไร ถอนหายใจแต่เช้า ไหวไหมเนี่ย ท่าทางเราดูเพลียๆ นะ ไม่ได้หลับได้นอนหรือไงหื้ม" เลขาท่านประธานถามขึ้นอย่างห่วงใยเมื่อเห็นเด็กฝึกงานในความปกครองนั่งถอนหายใจก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยท่าทางอ่อนล้าในเช้าวันหนึ่ง จะว่าถูกเธอใช้งานหนักก็ไม่ใช่ ถึงจะเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานแต่พ่วงตำแหน่งคู่หมั้นของเจ้านาย ยังไงก็เปรียบเสมือนเจ้านายเธออีกคน ใครจะไปกล้าใช้งานหนักกัน"ประมาณนั้นแหละค่ะ เจ้าที่แรงมาก ไม่ยอมให้หลับให้นอนเลย" เสียงหวานอ่อนระโหยโรยแรงบ่นพึมพำออกมาคล้ายคุยกันตัวเองมากกว่า คำว่า 'เจ้าที่แรง' ทำคนฟังได้แต่ทำหน้าสงสัย พลันนึกไปถึงคอนโดหรูที่เจ้านายพัก ก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเจ้าที่แรง...ขณะที่รุ่นพี่คิดไปไกล...เจ้าที่ในความหมายของคนอายุน้อยกว่าตอนนี้กำลังนั่งจามอยู่ในห้องทำงานอย่างไม่ทราบสาเหตุ ใช่...เจ้าที่ที่ก่อกวนเวลานอนของเธอก็คือเจ้านายพี่นั่นแหละ!หลังจากวันสารภาพบาป (?) นี่ก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว และตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมารินลดาต้องรับมือกับ 'ผีทะเลกินดุ' แทบจะทุกคืน! พอได้มีคืนแรกด้วยกัน คืนต่อๆ ไปก็มาไวและถี่เสียจนตั้งรับไม

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 29

    วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 29"หนูกลัว..." น้ำเสียงเบาหวิวเอ่ยขึ้นในตอนที่ได้กลับมาเหยียบบ้านอินทรเกษมกุลอีกครั้ง แววตากลมใสสั่นระริก ดวงหน้าปรากฏความกังวลอย่างเห็นได้ชัด แม้จะคุยกันมาดีแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ เธอก็ยังมีความพร้อมไม่มากพออยู่ดี"พี่อยู่ทั้งคน" ฝ่ามือใหญ่กุมทับมือเล็กที่เย็นเฉียบสร้างความอบอุ่นแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ ทว่าก็ทำคนฟังใจชื้นขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะความวิตกกังวลมันมีมากกว่า เธอกลัวว่าพ่อกับแม่จะผิดหวังในตัวเธอมากกว่าว่าใครจะมองยังไง แต่ถ้าไม่พูดก็ไม่สบายใจอีกเหมือนกัน"ไปเถอะ เชื่อใจพี่...ไม่มีอะไรต้องกลัว" ร่างสูงให้กำลังใจ กระชับมือเล็กแน่นขึ้น ก่อนพาเดินเข้าบ้านไป ในเวลานี้ทุกคนต่างมานั่งรวมตัวกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นตามที่วรธันย์ได้โทรมาขอไว้ ทั้งพ่อแม่ของเขาและพ่อแม่ของรินลดา"อ้าว มากันแล้ว สวัสดีจ้ะ นั่งๆ" คุณหญิงนาฏยาทักทายทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม มือรับไหว้ว่าที่ลูกสะใภ้ก่อนเชิญทั้งสองมานั่งคุยกันระหว่างรอทานมื้อค่ำ"น้องหญิง ไม่สบายหายดีหรือยังคะ พี่ธันดูแลน้องดีหรือเปล่าเนี่ย" ประโยคแรกเอ่ยกับร่างบางด้วยรอยยิ้มสดใส ประโยคหลังหันมามองแรงใส่ล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status