Share

ตอนที่ 11

Author: Aile'N
last update Last Updated: 2024-11-17 22:06:55

วิวาห์(ไม่)ไร้รัก

Writer : Aile'N

ตอนที่ 11

"พวกแก~ คุณธันนนนนย์!! "

เสียงวีดว้ายของนักศึกษาหญิงกลุ่มที่เดินอยู่ข้างหน้าซึ่งก็ได้แก่สามสาว ฟิล์ม บีและต้นอ้อดังขึ้นเรียกความสนใจของนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจโดยเฉพาะสาขาการบัญชีที่เพิ่งได้เวลาเลิกเรียนพอดี ร่างบางที่เดินตามหลังมาหูผึ่งเล็กน้อยตอนได้ยินชื่อใครสักคนที่เหมือนกับว่าที่สามี ก่อนจะสะดุ้งเล็กๆ เมื่อสามสาวหันกลับมาจ้องหน้าด้วยแววตาอิจฉาระคนหมั่นไส้

สาเหตุเป็นเพราะร่างสูงโปร่งของใครบางคนที่กำลังยืนทำเท่...สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง เอนกายพิงสปอร์ตคาร์สุดหรูรออยู่หน้าตึกคณะฯ ดวงหน้าคมเข้มแม้เรียบนิ่งแต่หล่อเหลาจนคนเดินผ่านเหลียวหลังกลับมามองตามคอแทบเคล็ด ไม่ต้องเดาก็มองออกว่าคงมารอใครสักคน แต่ใครกันล่ะที่เป็นผู้โชคดีคนนั้น...

"ไอ้หญิง! รีบๆ เดินเข้าสิ คุณเขามารอนานแล้วนะ! " สามสาวแหวกทางให้รินลดาเดินผ่านและพร้อมใจกันดันแผ่นหลังบางไปข้างหน้าอย่างเร่งเร้า อยากถามเหมือนกันว่ารู้ได้ยังไงว่าเขามารอนานแล้ว เขาอาจจะเพิ่งมาถึงก็ได้ไหม...แต่ก็ได้แค่คิด ไม่ได้พูดออกไปให้ถูกมองแรงใส่แต่อย่างใด...

พอถูกสามสาวผลักดันให้เดินเข้าไปหาร่างสูงอย่างออกนอกหน้า ผู้คนรอบข้างที่ไม่รู้เรื่องราวเพราะไม่ได้ติดตามข่าวสารในแวดวงไฮโซก็พอจะมองออกว่าเขาคนนั้นมารอใคร ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่เห็นคงไม่มีใครเมินเฉยกับภาพตรงหน้าที่คล้ายว่าเห็นนายแบบหนุ่มสุดหล่อหลุดออกจากนิตยสารมายืนอยู่ตรงหน้าได้ แค่สปอร์ตคาร์สัญชาติอังกฤษคันละครึ่งร้อยล้านที่ผลิตออกมาแค่ 375 คันทั่วโลกอย่าง McLaren P1 ก็ทำเอาตาพร่า รู้สึกอิจฉาคนที่ได้นั่งมันจนตาร้อนผ่าว

พอผู้คนเริ่มให้ความสนใจมากๆ รินลดาก็เกิดอาการประหม่า เพราะแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่วรธันย์มารับส่ง แต่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาออกมายืนรอนอกรถคล้ายกับต้องการเปิดตัวต่อสาธารณะ ทุกทีเป็นเธอที่ต้องนั่งรอเขามารับ มาถึงพอเธอขึ้นรถได้ก็รีบออกทันที แทบจะไม่เคยได้ดับเครื่องยนต์เลยสักครั้ง ไม่รู้วันนี้คิดอะไรอยู่ถึงได้มาถึงก่อนและออกจากรถมารอกันแบบนี้

ร่างบางเดินเก้ๆ กังๆ เข้าไปหาอีกฝ่ายที่ยืดตัวยืนตรงตั้งแต่ที่เห็นเธอเดินมาแต่ไกล เราสบตากันในทุกขณะที่ระยะห่างเริ่มลดน้อยลงก่อนที่รินลดาจะเป็นฝ่ายหลบตาก่อนด้วยสู้สายตาอีกคนไม่ไหว แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมามองหน้าเขาอีกครั้งเมื่อเห็นรองเท้าหนังมันปลาบก้าวเข้ามาหาและหยุดนิ่งอยู่ตรงหน้า

"หิวไหม? " เสียงทุ้มเอ่ยถาม เอียงคอมองกันเล็กน้อยก่อนเลื่อนสายตาสูงขึ้น มองเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนที่แลดูยุ่งเหยิงขัดตา ก่อนจะยื่นมือไปจัดทรงให้ เรียกเสียงหวีดร้องด้วยความอิจฉาริษยาจากสาวๆ แถวนั้นได้เป็นอย่างดี

คนไม่เคยถูกอีกฝ่ายปฏิบัติดีต่อกันถึงกับหน้าร้อน ยืนเลิกลั่กใจเต้นอย่างไม่เป็นตัวเอง ยิ่งได้ยินเสียงคนอื่นร้องแซวก็ยิ่งเขินอาย รีบเดินก้มหน้าไปเปิดประตูรถยัดตัวเองเข้าไปนั่งเพื่อหลบหนีสายตาผู้คนอย่างรวดเร็ว ซึ่งถ้ารั้งรอช้ากว่านี้อีกสักนิดก็คงจะได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของใครบางคน...

พอละสายตาจากว่าที่ภรรยาวรธันย์ก็เพิ่งจะรู้ตัวว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่สนใจพวกเรา เขาเพียงตีหน้าขรึมมองผ่านเพื่อนสาวสามคนของคนตัวเล็กที่พยายามโบกมือลาหยอยๆ ให้ ก่อนเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ ทิ้งสาวๆ มองตามหลังตาละห้อย

การจราจรในช่วงหัวค่ำไม่มีพื้นที่สำหรับคนรีบเร่ง วัดได้จากแสงไฟสีแดงท้ายรถที่ติดยาวเป็นขบวนอยู่ตรงหน้า โชคดีที่บรรยากาศในรถไม่ได้เร่งร้อน เพราะแม้รถจะขยับได้ทีละนิดก็ไม่ได้ทำให้คนขับเกิดอาการหัวเสียแต่อย่างใด แอร์เย็นฉ่ำบวกเสียงเพลงที่ถูกเปิดคลอเบาๆ มาตลอดทางทำคนนั่งข้างรู้สึกผ่อนคลายจนเคลิ้มจะหลับ แต่ก็ยังพยายามฝืนตัวเองไว้ด้วยไม่อยากเสียมารยาทกับเจ้าของรถ

"อยากกินอะไร" ดวงตาปรือปรอยเหลือบมองไปยังคนข้างกายที่ลงทุนย้ายมาขับเองแทนการเรียกใช้คนขับรถอย่างที่เคยทำ

"อะไรก็ได้ค่ะ" เสียงหวานตอบเอื่อยๆ ด้วยคำถามก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงจะพาแวะทานข้าว น่าตกใจดีนะ...ทั้งที่เมื่อก่อนเขาไม่เคยอยู่ใช้อากาศหายใจร่วมกันนานๆ ตอนรถติดก็ใช่ว่ามันจำเป็น แต่ตอนรถไม่ติดไม่เคยเลยที่เขาจะขับเอื่อยเฉื่อยแบบนี้ เหยียบมิดไมล์ได้ก็คงเหยียบ พอได้ยินคำถามเลยแอบสงสัยนิดหน่อยว่าแค่เขาบอกจะลองเปิดใจมันก็ทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ?

"อะไรก็ได้ไม่มี" วรธันย์ตอบกลับอย่างไม่ชอบใจนัก อยากรู้เหมือนกันว่าใครมันเป็นเจ้าของประโยคนี้ เขาจะทุ่มซื้อและส่งมันออกนอกโลกไปซะ จะได้ไม่มีใครพูดมันอีก

"ก็...แล้วแต่คุณไงคะ" ร่างบางตอบเสียงอ่อย ทำคนฟังนึกได้อีกประโยคที่อยากส่งออกไปนอกโลกพร้อมกัน นั่นก็คือ 'แล้วแต่'

"แค่ถามว่าอยากกินอะไร มันตอบยากขนาดนั้นเลยหรอ? " เสียงทุ้มต่ำเริ่มขรึมเคร่ง ไม่สบอารมณ์เข้าไปใหญ่เมื่อคู่สนทนาแลดูจะพูดยากกว่าที่คิด

"ชาบูก็ได้ค่ะ" คนถูกดุหน้ามุ่ยเหมือนเด็กๆ พยายามคิดเมนูอย่างด่วนจี๋ ใจจริงนึกอยากจะทานส้มตำหรือไม่ก็ก๋วยเตี๋ยวร้านข้างทางอร่อยๆ แต่เห็นการแต่งตัวบวกสปอร์ตคาร์คันละหลายสิบล้านแล้วเลือกเมนูดีๆ หน่อยก็แล้วกัน

"ก็แค่นั้น" ร่างสูงปรายตามองอย่างเอือมระอา ก่อนเปลี่ยนเส้นทางมุ่งตรงไปยังร้านชาบูขึ้นชื่อที่พอจะรู้จักอยู่บ้างแม้จะไม่ค่อยได้กินเมนูลวกจิ้มหรือปิ้งย่างสักเท่าไร

จากสภาพการจราจรบวกกับที่วรธันย์ชวนไปหาอะไรทานด้วยแล้ววันนี้รินลดาคงจะกลับไปช่วยพ่อแม่ขายของไม่ทัน เลยจัดการโทรบอกพวกท่านเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งพวกท่านก็เข้าใจ มีแต่บอกให้เธอตั้งใจเรียน ตั้งใจดูแลว่าที่สามีและพ่อแม่เขาอยู่บ้านใหญ่ ไม่ต้องลำบากไปช่วยเลยด้วยซ้ำ แต่เป็นเธอเองที่ยังดื้อรั้นจะทำด้วยความเต็มใจ เธออยากแบ่งเบาภาระของพวกท่านให้มากเท่าที่จะทำได้ ถึงจะกลายเป็นว่าที่สะใภ้ตระกูลเศรษฐีแล้วอย่างไร เธอก็ยังเป็นเธอ ฐานะยังเหมือนเดิม ไม่ได้จะไปเกาะเขากินสบายไปวันๆ แล้วทิ้งพ่อแม่เผชิญความลำบากอยู่ที่เดิมเสียเมื่อไร

"ให้ฉันส่งคนไปช่วยพ่อแม่เธอมั้ย เธอจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเพิ่ม" ร่างสูงที่นั่งฟังแม่ลูกสนทนากันหยิบยื่นความช่วยเหลือไปให้หลังจากที่เธอวางสายไป คนฟังหันมามองตาใสด้วยความงุนงงเล็กน้อย ก่อนส่ายหน้าดิกเมื่อจับใจความได้

"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันอยากทำเองมากกว่า ขอบคุณนะคะ" คนพูดยิ้มบาง เอ่ยขอบคุณร่างสูงอย่างไม่รู้สึกติดขัด กลับกลายเป็นเขาเสียเองที่กระดากอายกับคำพูดและการกระทำที่ทำไม่ดีกับอีกฝ่ายไว้

ใช้เวลาสักพักก็มาถึงที่หมาย ร้านชาบูปิ้งย่างขึ้นชื่อขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยกระจกใสตั้งอยู่ในย่านการค้าแหล่งสำคัญ แม้ไม่ได้อยู่ในห้างสรรพสินค้าแต่รสชาติและการบริการไม่เป็นรองใคร วัดได้จากผู้คนที่แน่นขนัดทุกวันตั้งแต่ร้านเปิดยันร้านปิด ถามว่าเขารู้ได้อย่างไรก็เคยเห็นรีวิวจากเพจต่างๆ มาบ้าง รวมทั้งตอนขับรถผ่านไปมากี่ครั้งคนก็แน่นร้านทุกครั้ง

"สวัสดีค่ะ มาสองท่านนะคะ" พอหาโต๊ะนั่งที่พึงพอใจได้พนักงานก็เข้ามารับออเดอร์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

"ไม่ทราบว่าคุณพี่ทั้งสองเป็นคู่รักกันหรือเปล่าคะ พอดีทางร้านเรากำลังมีโปรโมชั่นตอนรับเดือนแห่งความรัก เพียงสั่งชาบูชุดเติมรัก รับของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากเราไปเลยทันทีสำหรับเก้าสิบเก้าคู่แรกที่สั่งค่ะ สั่งเลยมั้ยคะ" เสียงเจื้อยแจ้วของพนักงานสาวกล่าวแนะนำโปรโมชั่นของทางร้านอย่างชำนาญ เนื่องจากพูดมาแล้วไม่ต่ำกว่ายี่สิบครั้งในวันนี้ คนฟังได้แต่นั่งนิ่งฟัง เมื่อจบต่างฝ่ายต่างก็เงยหน้าขึ้นมองคนที่มาด้วยพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย

"เอ่อ...ก็...ค่ะ แล้วของขวัญที่จะได้คืออะไรหรอคะ" รินลดาตอบรับพนักงานอย่างเหวอๆ เมื่อว่าที่สามีพยักหน้าเชิงอนุญาตทั้งที่เธอแค่มองหน้าเขาเฉยๆ ไม่ได้จะขอสั่งเสียหน่อย ชาบูชุดอื่นก็มีให้เลือกตั้งเยอะ อิ่มเหมือนกันนั่นแหละ...แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว อยากรู้เหมือนกันว่าของขวัญที่ว่าจะเป็นอะไร

"มีด้วยกันหลายอย่างเลยค่ะ ทั้งแหวนคู่ กำไลคู่ เสื้อคู่ ตุ๊กตาคู่ แก้วน้ำคู่ ช็อกโกแลต ช่อดอกไม้และอีกมากมายค่ะ ส่วนลูกค้าจะได้อะไรนั้นทางเราจะสุ่มเลือกของขวัญให้เองค่ะ" ลิสต์ของขวัญแต่ละอย่างทำคนฟังได้แต่นั่งกลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอ มีแต่ของที่ใส่เป็นคู่ คู่รักคู่อื่นที่ได้ไปคงจะดีใจ...แต่กับคู่เราที่ไม่ได้มีความรักต่อกันนั้น ได้ไปก็คงไม่มีประโยชน์ สละสิทธิ์ให้คนอื่นไม่ดีกว่าหรอ?

"งั้นสั่งชุดนี้ชุดหนึ่ง" คนฝั่งตรงข้ามปิดเมนูในมือลงอย่างไม่สนใจใยดี ทั้งที่เพิ่งจะเปิดดูได้แค่หน้าเดียวเท่านั้น เขาตัดบทสั่งชุดโปรโมชั่นของทางร้านอย่างหน้ามึนๆ ในขณะที่เธอกำลังจะเปลี่ยนใจด้วยไม่อยากได้ของขวัญแล้ว เหลือไว้ให้คู่รักคู่อื่นน่าจะมีประโยชน์กว่า

พนักงานแย้มยิ้มเต็มแก้ม ดีใจแทนคู่รักที่จะได้ของขวัญจำนวนจำกัดจากทางร้านไปเชยชม ถามไถ่ชนิดน้ำซุปและเครื่องดื่มอีกเล็กน้อยก็ขอตัวออกไป ทิ้งคนตัวเล็กไว้กับบรรยากาศแปลกๆ ที่ไม่รู้ที่มาที่ไป รู้แต่ว่าไม่ค่อยกล้าสบตาเพื่อนร่วมโต๊ะสักเท่าไร สั่งชุดโปรโมชั่นเพราะอยากได้ของขวัญ? ก็สั่งไปสิ ทำไมต้องมองหน้าราวกับว่าเธอเป็นคนอยากได้เสียเองแบบนั้น ไม่ได้อยากได้สักหน่อย!

รอไม่นานอาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟ พร้อมกับเฉลยว่าของขวัญที่ได้คือแหวนคู่...เป็นแหวนเงินสองวงเรียบๆ สลักลวดลายเป็นหัวใจเล็กๆ สองดวงคล้องกัน ร่างบางเพียงยิ้มรับแห้งๆ เมื่อเห็นพนักงานภูมิใจนำเสนอของขวัญจากทางร้านที่ถือมาให้ แต่คนรับไม่ใช่เธอหากเป็นคนหน้านิ่งฝั่งตรงข้ามที่ดูท่าจะสนอกสนใจมันเป็นพิเศษ ทั้งที่มันก็เป็นเพียงแหวนเกรดธรรมดาไม่ได้หรูหราอะไร เมื่อเทียบกับคนระดับเขาที่จะซื้อแหวนเพชรดีๆ แพงๆ กว่านี้อีกกี่ร้อยกี่พันวงก็ได้ สบายๆ

มือแกร่งเปิดหยิบแหวนวงใหญ่ในกล่องกำมะหยี่เล็กๆ นั้นขึ้นมาพิจารณา ก่อนสวมลงนิ้วนางข้างซ้ายของตนได้อย่างพอดิบพอดี เขากระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นใครบางคนที่แอบมองเขามาตั้งแต่ต้น ทว่าพอเขามองตอบกลับรีบหลบตาทำเป็นมองนู่นมองนี่ไปเรื่อยอย่าง (ไม่) แนบเนียน...

กล่องใส่แหวนคู่ถูกมือใหญ่ปิดลงก่อนเลื่อนมันไปอีกฝั่ง ตรงหน้าว่าที่ภรรยาในอนาคต เธอหลุบตามองเล็กน้อยก่อนเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่ตอนนี้เริ่มหยิบจับวัตถุดิบลงหม้อ ทำเป็นไม่สนใจว่าเธอจะหยิบมันไปสวมใส่นิ้วนางอย่างที่เขาทำหรือไม่ ถ้าไม่มันก็จะยังคงวางอยู่แบบนั้น แล้วเธอจะทำยังไงได้ล่ะ...นอกจากหยิบมาใส่แล้วก้มหน้าก้มตากิน ทำเป็นไม่สนใจเขาคืนบ้าง...

กริ๊ง!

"อุ้ย! ? " เสียงหวานหลุดอุทานอย่างตกใจเมื่อนั่งทานอยู่ดีๆ แหวนเจ้ากรรมที่หลวมโพรกด้วยขนาดไม่พอดีกับนิ้วได้หลุดหล่นกลิ้งลงไปนอนแหมะอยู่บนพื้นข้างโต๊ะ จุดที่เป็นทางเดินและคนที่กำลังเดินผ่านมาก็ได้เหยียบมันลงไปเต็มๆ ทีน...

รินลดามองภาพนั้นอย่างอึ้งๆ ก่อนหันมายิ้มแห้งให้คนตัวใหญ่แล้วลุกเดินไปเก็บแหวนวงนั้นกลับมาสวมเข้านิ้วตามเดิม จากนั้นก็นั่งกินต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งเห็นฝ่ามือใหญ่แบมาตรงหน้า

"มือ" เขาตอบคำถามจากสายตางุนงงของเธอสั้นๆ ขอมือ? ทำไมเริ่มมองเห็นภาพเจ้าตัวสี่ขาหน้ามีขนนั่งยื่นมือให้เจ้าของซ้อนทับกับสถานการณ์ตรงหน้าก็ไม่รู้...

มือบางยื่นไปวางทับลงบนฝ่ามือใหญ่อย่างไม่อิดอด แค่เห็นขนาดที่แตกต่างกันก็ทำเอาตกใจระคนตื่นเต้น ฝ่ามือเพียงข้างเดียวของเขาคล้ายจะปิดใบหน้าของเธอได้จนมิด นี่มือคนหรืออะไรกันเนี่ย แต่อุ่นชะมัดเลย...

"หลวมขนาดนี้ก็ถอดออกเถอะ ค่อยซื้อใหม่" วรธันย์ไม่ได้ขอมือเธอเพื่อจะชมว่าแสนรู้แต่อย่างใด เขาเพียงพิจารณาวงกลมสีเงินที่สวมอยู่บนนิ้วนางเรียวเล็ก ก็เห็นว่าขนาดของมันหลวมจนสามารถหลุดหายได้ง่ายๆ

คนฟังพยักหน้ารับหงึกหงัก เมื่อมือเป็นอิสระก็เลือกที่จะถอดแหวนเก็บไว้ในกระเป๋าอย่างนึกเสียดาย แม้จะใส่ไม่ได้ก็ไม่ได้คิดจะทิ้งมันแต่อย่างใด

ทว่า...ใครจะไปคิดล่ะว่าราวหนึ่งชั่วโมงถัดมาคนที่เคยพูดไว้ว่า 'ค่อยซื้อใหม่' จะพาเธอมาโผล่ที่ร้านจิวเวอรี่ในทันที!

"เลือกสิ...ชอบวงไหน" เมื่อบอกความต้องการกับพนักงาน เพียงครู่เดียวแหวนเพชรนับร้อยคู่ก็ถูกนำมาเรียงรายอยู่ตรงหน้าให้เลือกสรร รินลดาเพียงยืนอึ้งกับความระรานตาตรงหน้า ไม่กล้าหยิบจับสิ่งใดแม้กระทั่งหายใจแรงก็ยังไม่กล้า..

"เอ่อ เนื่องในโอกาสอะไรหรอคะ" ร่างบางเลิกลั่กถาม เลือกที่จะถามว่าซื้อเนื่องในโอกาสอะไรมากกว่าซื้อทำไม ที่จริงเขาไม่เห็นจะต้องจริงจังขนาดนี้เลยก็ได้ ก็แค่ของขวัญการตลาดจากร้านอาหารเท่านั้น

"แทนวงนั้น" ตอบอย่างไม่ใส่ใจเพราะสายตากำลังกวาดมองแหวนเพชรที่แข่งกับอวดโฉมระยิบระยับต้องแสงไฟอย่างระรานตา

"แต่นี่มัน...มากเกินไปนะคะ วงนั้นก็แค่แหวนธรรมดาที่ได้เพราะสั่งชาบูชุดโปรโมชั่นเท่านั้น" คนตัวเล็กพูดพลางเหลือบตามองพนักงานที่มายืนรอให้บริการอย่างเกรงใจ แต่แทนที่คนฟังจะสนใจฟังกันสักนิดกลับบอกพนักงานให้หยิบแหวนลวดลายที่หมายตาออกมาให้ลองใส่เสียอย่างนั้น

"มือ..." เขาขอมือเธออีกครั้งหลังลองสวมวงของตัวเองแล้วขนาดพอดีกับนิ้ว แน่นอนว่าต้องถอดวงเก่าออกก่อน...

"ไม่เอาค่ะ มันแพงเกินไป ถ้าทำหายขึ้นมาจะทำยังไง" รินลดายกมือตัวเองขึ้นมากอดไว้อย่างหวงแหน ดวงตากลมโตจ้องหน้าว่าที่สามีเขม็งอย่างไม่พอใจเมื่อเขาดึงดันจะเอามือเธอไปให้ได้

"แหวนหมั้น...สื่อประโคมข่าวโครมๆ ขนาดนั้นฉันจะปล่อยให้เธอนิ้วว่างได้ยังไง" วรธันย์ยอมบอกเหตุผล ดวงตาคมละจากแหวนวงเล็กขึ้นมาจ้องคนฟังตาดุ หลังพยายามไขว่คว้ายังไงก็ยึดมือบางๆ นั้นมาครองไม่ได้สักที หลบไวนักนะ!

"แต่...อ๊ะ คุ๊ณณณ!! ? " รินลดาร้องเสียงหลง เมื่อคนเจ้าเล่ห์อาศัยจังหวะที่เธอกำลังขบคิดลังเลจนเผลอลืมระวังตัว คว้ามือเธอไปครองได้สำเร็จ ก่อนที่แหวนเพชรเม็ดเล็กๆ จะถูกสวมเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธออย่างรวดเร็ว และขนาดของมันก็ดันพอดีจนไม่มีข้ออ้างให้ถอดออกได้ง่ายๆ เสียด้วย!

..

..

..

..

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 34 (ตอนจบ)

    วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 34 (ตอนจบ) วันเวลาผ่านพ้นไปกิจวัตรประจำวันของรินลดาก็ยังคงวนเวียนแบบเดิมซ้ำๆจนอายุครรภ์ล่วงเลยมาจนถึงแปดเกือบเก้าเดือนและมีวันกำหนดคลอดในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแต่เธอรู้ว่าอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงวันนั้นเนื่องจากช่วงนี้มีอาการเจ็บท้องเตือนบ่อยขึ้นบางทีก็เจ็บจนร้องไห้ผู้เป็นสามีจึงต้องลางานมาอยู่เป็นเพื่อนในช่วงใกล้คลอด"ไหวไหม"ร่างสูงเอ่ยถามภรรยาท้องแก่ที่นั่งเอนหลังดมยาดมพลางหอบหายใจแรงกว่าปกติเนื่องจากเจ็บท้องเตือนขึ้นมาอีกแล้วและดูเหมือนวันนี้จะเจ็บมากกว่าปกติเขาจึงให้คนเตรียมรถเตรียมของใช้สำหรับคลอดไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน"อึก...ไม่ไหว...แฮ่ก"แรงปวดไม่มีท่าทีว่าจะเบาลงเลยแม้แต่น้อยมือเล็กที่บีบมือใหญ่ไว้ส่งผ่านความรู้สึกมาถึงร่างสูงแม้ไม่ทั้งหมดแต่ก็ทำให้เขาได้รับรู้ว่าเธอกำลังจะทนไม่ไหวไม่ต้องรอให้พูดอะไรซ้ำวรธันย์ก็เรียกเด็กในบ้านให้รีบเตรียมของขึ้นรถส่วนเขาก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีช้อนตัวภรรยาขึ้นอุ้มและตรงไปที่รถอย่างรวดเร็วเรียกได้ว่าสถานการณ์เริ่มวุ่นวายแต่ก็ไม่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะทุกคนเตรียมการนี้ไว้สักพักใหญ่แล้วเพียงตื่นเต้นยิน

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 33

    วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 33ตกเย็นวรธันย์ก็พาภรรยามาที่บ้านใหญ่พร้อมด้วยกล่องของขวัญหนึ่งใบที่ทำเอาทุกคนต่างมองด้วยความสนใจครั้นถามว่าเอามาให้ใครและข้างในมีอะไรเจ้าตัวก็บ่ายเบี่ยงบอกแค่ว่าจะเฉลยในตอนที่ทานข้าวเสร็จเล่นเอาคุณหญิงนาฏยาคันไม้คันมือยิกๆอยากแย่งมาเปิดดูให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ทำได้แค่เก็บอาการและอดใจรออย่างใจเย็น"เอ้อแม่มีอะไรจะบอก"คุณหญิงพูดขึ้นท่ามกลางมื้ออาหารที่เริ่มดำเนินมาสักพักหนุ่มสาวเลยพร้อมใจกันวางช้อนส้อมเพื่อรอฟังในสิ่งที่มารดากำลังจะบอก"แม่คุยพ่อและคุยกับพ่อแม่หนูแล้วว่าจะให้ทั้งสองคนย้ายเข้ามาอยู่กับพวกเราที่นี่เนี่ยน้ากว่าจะเกลี้ยกล่อมได้เหนื่อยแทบตายแน่ะ"คุณหญิงบอกอย่างอารมณ์ดีได้ยินแบบนั้นรินลดาก็จ้องหน้าแม่สามีอย่างไม่อยากจะเชื่อหูก่อนจะหันไปมองพ่อกับแม่ที่ทำหน้าเกรงอกเกรงใจอยู่ไม่คลาย"ก็จะให้มาอยู่เฉยๆไม่ให้ทำอะไรเลยมันไม่ได้จริงๆค่ะเกรงใจ"อรนภาเอ่ยแทรกขึ้นมาความจริงคุณหญิงชวนเธอกับสามีมาอยู่ด้วยกันหลายครั้งแล้วแต่เธอปฏิเสธเพราะเกรงใจอีกอย่างก็ไม่คุ้นชินกับบ้านหลังใหญ่หรูหราแบบนี้เท่าไรคราวนี้ที่ยอมก็เพราะยื่นข้อเสนอไปว่าถ้าให้อยู่ก็ข

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 32

    วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 32สองอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกงเข็มนาฬิกา ว่าที่เจ้าสาวถูกปลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันด้วยทีมช่างที่คุณหญิงนาฏยาจัดหามาให้ ได้คุณหญิงและผู้เป็นแม่คอยช่วยดูแลอีกที กำหนดการในช่วงเช้าวันนี้คือการเข้าพิธีแต่งงานแบบไทย เรียบง่าย ลดขั้นตอนพิธีบางอย่างออกไป คงเหลือไว้แต่พิธีหลักๆ ที่สำคัญ สถานที่จัดงานคือบ้านหลังใหญ่ของฝ่ายว่าที่สามีที่ยังคงนอนหลับอยู่อีกห้องหนึ่ง เพราะขั้นตอนการแต่งตัวน้อยกว่าฝ่ายเจ้าสาวจึงยังไม่ถูกปลุกขึ้นมาพร้อมกันใช้เวลาร่วมสามชั่วโมงในการแต่งหน้าทำผมให้เจ้าสาวและบรรดาแม่ๆ กระทั่งแล้วเสร็จในช่วงเช้าพอดี ฝ่ายเจ้าบ่าวเองก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วทว่ายังถูกขัดขวางไม่ให้ได้เจอเจ้าสาวจนกว่าจะเริ่มพิธีไม่เพียงแค่เจ้าของงานที่ต้องเตรียมตัวแต่เช้า ฝ่ายจัดสถานที่และฝ่ายแม่ครัวเองก็วิ่งวุ่นไม่ต่างกันเพราะต้องเตรียมอาหารเลี้ยงพระและ แขกคนสำคัญที่แม้จะเชิญมาแค่ไม่กี่คนก็ต้องดูแลให้ดีสมฐานะเจ้าบ้าน พยายามให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"ใจเย็นๆ อย่าตื่นเต้นมากนัก เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน" อรนภาลูบหลังลูกสาวเ

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 31

    วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 31ด้วยไม่ได้นอนทั้งคืนและอ่อนเพลียจากพิษไข้ คืนแรกที่ต้องนอนแยกห้องกันตามข้อตกลงเลยทำให้รินลดาหลับสนิท ต่างจากวรธันย์ที่นอนมองเพดานว่างเปล่ามานานหลายชั่วโมงแล้ว เขายังไม่มีทีท่าว่าจะง่วงเลยแม้แต่น้อย เขาคิดถึงร่างนุ่มนิ่มของคนรักที่เคยได้นอนกอด มากไปกว่านั้นคือเป็นห่วงกลัวว่าคนป่วยจะไข้ขึ้นสูงกลางดึกแล้วไม่มีคนดูแลสุดท้ายร่างสูงก็ยอมแพ้ต่อความห่วงใย เขาทนไม่ไหวจึงหอบเอาผ้าห่มกับหมอนเดินไปที่ห้องนอนเล็ก มือหมุนเปิดลูกบิดอย่างแผ่วเบา ก่อนเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง ลงมือปูผ้าห่มลงบนพื้น ไม่ลืมตรวจเช็คอุณหภูมิของคนหลับด้วยว่าน่าเป็นห่วงหรือไม่ เมื่อพบว่ายังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงวรธันย์ก็ล้มตัวลงนอนข้างเตียง แต่ตั้งใจไว้ว่าจะต้องตื่นก่อนและรีบออกไปจากห้อง บทลงโทษของคนที่ทำอะไรไม่คิดคือแยกห้องนอนและห้ามวอแวอีกฝ่ายจนกว่าจะถึงวันแต่งงานในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า นี่แค่วันเดียวก็แทบจะทนไม่ได้แล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะอดทนได้จนถึงวันแต่งงานหรือเปล่ารินลดาหลับยาวจนถึงเช้า เธอลืมตามองไปรอบๆ อย่างสำรวจ เพราะเมื่อคืนเหมือนจะมีบางช่วงที่กึ่งหลับกึ่งตื่นและรู้สึก

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 30

    วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 30"เฮ้อ...""อะไร ถอนหายใจแต่เช้า ไหวไหมเนี่ย ท่าทางเราดูเพลียๆ นะ ไม่ได้หลับได้นอนหรือไงหื้ม" เลขาท่านประธานถามขึ้นอย่างห่วงใยเมื่อเห็นเด็กฝึกงานในความปกครองนั่งถอนหายใจก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยท่าทางอ่อนล้าในเช้าวันหนึ่ง จะว่าถูกเธอใช้งานหนักก็ไม่ใช่ ถึงจะเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานแต่พ่วงตำแหน่งคู่หมั้นของเจ้านาย ยังไงก็เปรียบเสมือนเจ้านายเธออีกคน ใครจะไปกล้าใช้งานหนักกัน"ประมาณนั้นแหละค่ะ เจ้าที่แรงมาก ไม่ยอมให้หลับให้นอนเลย" เสียงหวานอ่อนระโหยโรยแรงบ่นพึมพำออกมาคล้ายคุยกันตัวเองมากกว่า คำว่า 'เจ้าที่แรง' ทำคนฟังได้แต่ทำหน้าสงสัย พลันนึกไปถึงคอนโดหรูที่เจ้านายพัก ก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเจ้าที่แรง...ขณะที่รุ่นพี่คิดไปไกล...เจ้าที่ในความหมายของคนอายุน้อยกว่าตอนนี้กำลังนั่งจามอยู่ในห้องทำงานอย่างไม่ทราบสาเหตุ ใช่...เจ้าที่ที่ก่อกวนเวลานอนของเธอก็คือเจ้านายพี่นั่นแหละ!หลังจากวันสารภาพบาป (?) นี่ก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว และตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมารินลดาต้องรับมือกับ 'ผีทะเลกินดุ' แทบจะทุกคืน! พอได้มีคืนแรกด้วยกัน คืนต่อๆ ไปก็มาไวและถี่เสียจนตั้งรับไม

  • วิวาห์(ไม่)ไร้รัก   ตอนที่ 29

    วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 29"หนูกลัว..." น้ำเสียงเบาหวิวเอ่ยขึ้นในตอนที่ได้กลับมาเหยียบบ้านอินทรเกษมกุลอีกครั้ง แววตากลมใสสั่นระริก ดวงหน้าปรากฏความกังวลอย่างเห็นได้ชัด แม้จะคุยกันมาดีแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ เธอก็ยังมีความพร้อมไม่มากพออยู่ดี"พี่อยู่ทั้งคน" ฝ่ามือใหญ่กุมทับมือเล็กที่เย็นเฉียบสร้างความอบอุ่นแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ ทว่าก็ทำคนฟังใจชื้นขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะความวิตกกังวลมันมีมากกว่า เธอกลัวว่าพ่อกับแม่จะผิดหวังในตัวเธอมากกว่าว่าใครจะมองยังไง แต่ถ้าไม่พูดก็ไม่สบายใจอีกเหมือนกัน"ไปเถอะ เชื่อใจพี่...ไม่มีอะไรต้องกลัว" ร่างสูงให้กำลังใจ กระชับมือเล็กแน่นขึ้น ก่อนพาเดินเข้าบ้านไป ในเวลานี้ทุกคนต่างมานั่งรวมตัวกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นตามที่วรธันย์ได้โทรมาขอไว้ ทั้งพ่อแม่ของเขาและพ่อแม่ของรินลดา"อ้าว มากันแล้ว สวัสดีจ้ะ นั่งๆ" คุณหญิงนาฏยาทักทายทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม มือรับไหว้ว่าที่ลูกสะใภ้ก่อนเชิญทั้งสองมานั่งคุยกันระหว่างรอทานมื้อค่ำ"น้องหญิง ไม่สบายหายดีหรือยังคะ พี่ธันดูแลน้องดีหรือเปล่าเนี่ย" ประโยคแรกเอ่ยกับร่างบางด้วยรอยยิ้มสดใส ประโยคหลังหันมามองแรงใส่ล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status