เพราะคำว่า 'บุญคุณ' ที่คุณลุงนิรนามคนหนึ่งได้ช่วยเหลือชีวิตของพ่อให้พ้นจากความตาย 'รินลดา' จึงจำต้องตกปากรับคำว่าจะแต่งงานกับ 'วรธันย์' ลูกชายเพียงคนเดียวของคุณลุงโดยที่ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าค่าตา... การแต่งงานโดยปราศจากความรักนั้นคงไม่มีใครที่จะยอมรับได้ วรธันย์เองก็เช่นกัน...ความประทับใจในตอนแรกพบสบตาพังพินาศไม่เป็นท่าเมื่อเขาไม่ยินดีที่จะแต่งกับผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างเธอ แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธคำสั่งเด็ดขาดของผู้เป็นพ่อได้เพราะคำว่า 'มรดก' ที่มีชื่อของเธอเข้าไปเกี่ยวข้อง! และถึงวรธันย์จะจำใจยอมรับการแต่งงาน แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้นเขาจะทำทุกวิถีทางให้รินลดาทนไม่ไหวเป็นฝ่ายยกเลิกงานแต่งให้จงได้!! *คำแนะนำก่อนอ่าน* นิยายเรื่องนี้แต่งจากจินตนาการและความเพ้อฝันของไรต์ล้วนๆ ให้อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น เหตุการณ์ สถานที่ และตัวละครในเรื่องไม่มีอยู่จริง มีคำหยาบและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม มีฉาก nc โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน!
Voir plusวิวาห์(ไม่)ไร้รัก
Writer : Aile'N
บทนำ
"เมื่อไหร่แกจะแต่งงานฮะเจ้าธันย์ จะให้ฉันต้องถามไปจนถึงเมื่อไหร่" ทันทีที่เห็นลูกชายเพียงคนเดียวเดินเข้าบ้านมาเสียงผู้นำครอบครัวก็ขัดจังหวะการก้าวเดินของร่างสูงนั้นให้หยุดชะงัก
"แล้วเมื่อไหร่พ่อจะเลิกบังคับผมเรื่องแต่งงานสักทีครับ อยากแต่งเมื่อไหร่เดี๋ยวผมก็แต่งเองนั่นแหละ" ร่างแกร่งหยุดเผชิญหน้ากับบิดาอย่างจำใจ ใบหน้าคมที่เคยมีร่องรอยของอารมณ์สุนทรีย์เลือนหายไปตั้งแต่ได้ยินเสียงทัก เหลือไว้แต่เพียงความยุ่งเหยิง เพราะคนเป็นพ่อเอาแต่พูดเรื่องเดิมซ้ำๆ แทบจะทุกครั้งที่เห็นหน้าเขา
"แล้วมันเมื่อไหร่? แม่แกจะตายวันตายพรุ่งเคยโผล่หัวไปดูบ้างมั้ย ฉันอุตส่าห์ปล่อยให้แกเลือกเมียได้ตามใจแล้วนะ อย่าให้ต้องบังคับ! "
"ขู่ตลอดอ่ะ ก็ให้เวลาผมหน่อยดิ เมียดีๆ ใช่จะหาได้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่" วรธันย์ถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่ายเมื่อได้ยินคำขู่นับครั้งไม่ถ้วน เริ่มตั้งแต่เขาอายุย่างเข้าเลขสามจนตอนนี้สามสิบห้าปีเข้าไปแล้ว ก็นับว่าได้ยินมาตลอดห้าปี ตอนนี้เลยเบื่อที่จะฟังเต็มที
"แกไม่หาเองมากกว่ามั้ง ฉันให้เวลาแกมามากพอแล้ว ภายในเดือนนี้ถ้ายังเอ้อระเหยอยู่แบบนี้ ฉันนี่แหละจะหาเมียมาให้แกเอง! " คุณสุรศักดิ์ยื่นคำขาดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวชนิดที่ทำเอาคนฟังเหวอไป เพราะพ่อไม่เคยใช้น้ำเสียงจริงจังขนาดนี้มาก่อน
สิ้นคำผู้นำครอบครัวก็เดินเฉียดไหล่ออกจากบ้านไป ทิ้งให้ลูกชายยืนชักสีหน้าตามหลังไปด้วยความไม่พอใจ แต่ยังไงก็ยังคิดว่าบิดาแค่ขู่อย่างเช่นทุกที เขาก็เลยไม่สนใจ
ฝั่งคุณสุรศักดิ์ที่เดินออกจากบ้านมาก็ตรงไปขึ้นรถที่จอดรออยู่เพื่อเดินทางไปเยี่ยมภรรยาที่โรงพยาบาล เธอป่วยเป็นโรคหัวใจและหนึ่งอาทิตย์ก่อนหน้าอาการกำเริบหนักจึงถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล และก็กำลังรอผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจในอีกไม่กี่วันข้างหน้า..
ที่เขาอยากให้ลูกชายเพียงคนเดียวแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาและมีทายาทสืบสกุลส่วนหนึ่งก็เพราะความต้องการของภรรยาที่ไม่รู้อนาคตของตนว่าจะอายุยืนไปจนถึงตอนไหน อีกอย่างวรธันย์ก็มีหน้าที่การงานที่มั่นคง อายุอานามก็สมควรจะมีครอบครัวได้แล้ว แต่เจ้าตัวกลับเอ้อระเหย เอาแต่เที่ยวเตร่ไปวันๆ ไม่มีความคิดเหล่านี้อยู่ในหัวอย่างคนเป็นพ่อแม่เลยสักนิด
ไม่ว่าจะพูดยังไงก็เหมือนพูดกับลมฟ้าอากาศ ไม่ซึมซับเข้าไปในสมองของเจ้าลูกชายเลยแม้แต่น้อย เห็นทีว่าเขาจะต้องจัดการขั้นเด็ดขาดเสียแล้ว!
ตุ้บ!
เสียงหนึ่งดังขึ้นในระหว่างที่รถยนต์ของคุณสุรศักดิ์กำลังจอดติดไฟแดง ดึงสติของเขาที่กำลังเหม่อลอยให้หวนกลับคืนร่างแล้วหันไปสนใจ ที่มาของเสียงนั้นมาจากฟุตปาธด้านข้างที่เป็นตลาดสด มีผู้คนกำลังเดินจับจ่ายซื้อของกันอย่างพลุกพล่าน และตอนนี้คนเหล่านั้นก็เริ่มจะพากันมามุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนพื้น..
ผู้หญิงต่างวัยสองคนกำลังนั่งประคองร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งที่ล้มพับหมดสติไปด้วยท่าทางเหมือนคนเสียสติ ทั้งคู่พยายามร้องขอความช่วยเหลือจากผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์แต่ก็เหมือนจะไม่มีใครยื่นมือเข้าไปช่วย
"นายพร ตามฉันมาเร็ว! " เสียงเข้มสั่งคนขับรถของตน ก่อนจะเปิดประตูรถลงไปก่อน และแสดงตัวเข้าช่วยเหลือสองคนนั้นที่คาดว่าคงจะเป็นแม่กับลูกกัน ส่วนคนที่หมดสติไปก็คงจะเป็นพ่อกับสามีของทั้งคู่
คุณสุรศักดิ์กับนายพรรีบรุดเข้าไปช่วยกันแบกร่างไร้สติเข้ามาในรถอย่างรีบเร่งโดยมีสองแม่ลูกตามติดมาด้วย ทันเวลาพอดีกับที่ไฟจราจรเปลี่ยนสีรถยนต์คันหรูจึงรีบแล่นออกไปด้วยความเร็วตามคำสั่งของผู้เป็นนายเหนือหัว
"ฮื่อออ พ่อ พ่ออย่าเป็นอะไรนะคะ หนูกับแม่จะอยู่ยังไง ฮื่อๆ " สองแม่ลูกร้องฟูมฟายขณะประคับประคองร่างไร้สติของคนเป็นที่รักไว้อย่างทะนุถนอม พวกเธอยังไม่มีสติสนใจผู้มีพระคุณที่เข้าไปช่วยเหลือ จนกระทั่งถึงโรงพยาบาลร่างหมดสติก็ถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉิน สองแม่ลูกที่ถูกห้ามเข้าไปทำได้เพียงยืนกอดกันร้องไห้อยู่หน้าห้อง..
"เอ่อ ท่านครับ.."
"ไม่เป็นไร.. ฉันจะอยู่กับพวกเขาก่อน นายไปบอกคุณหญิงนะว่าฉันจะไปหาช้าหน่อย" ร่างสูงหันไปสั่งคนขับรถที่พยายามจะเข้ามาเตือนว่าต้องไปหาภรรยาผู้เป็นที่รัก แต่เหตุการณ์ตรงหน้าไม่สามารถทำให้คุณสุรศักดิ์นิ่งนอนใจได้จนกว่าจะเห็นว่าคนสำคัญของพวกเขาปลอดภัย
นายพรรับคำสั่งก่อนก้มหัวให้คนเป็นนายเล็กน้อยแล้วแยกตัวออกไป ส่วนคนที่ยังอยู่ก็เพียงยืนมองอยู่ห่างๆ จนเหมือนลูกสาวของครอบครัวนั้นจะตั้งสติได้เพราะเธอเดินเข้ามาหาเขาทั้งน้ำตานองหน้า..
คุณสุรศักดิ์จ้องมองเด็กสาวอย่างพินิจ น่าฉงนที่แม้จะเป็นเพียงลูกสาวพ่อค้าแม่ค้าธรรมดาแต่หน้าตาผิวพรรณดูดีเสียจนน้ำตาที่เจิ่งนองบนใบหน้าไม่สามารถบดบังความสวยของเจ้าตัวได้
"อึก.. คุณลุงคะ หนูกับแม่.. ฮึ่ก ขอบคุณคุณลุงมากนะคะ ที่มาช่วยพวกเรา.. ฮึ่ก" ร่างบางนั้นยกมือไหว้คนมีอายุด้วยท่าทางนอบน้อม เธอซาบซึ้งในบุญคุณที่ไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไงถึงจะหมด
"ไม่เป็นไร..ฉันคงจะใจจืดใจดำเกินไปถ้าเห็นคนเดือดร้อนแล้วไม่รีบช่วย" คุณสุรศักดิ์บอกเด็กสาวรุ่นลูกด้วยท่าทางสบายๆ แม้ปกติจะเป็นคนยิ้มยากแต่ก็ยิ้มให้คนมองเล็กน้อยเพื่อปลอบขวัญและให้กำลังใจ
"ฮึ่ก.. ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆ " มือเล็กที่กำลังสั่นระริกประนมไหว้ขอบคุณเขาอีกครั้ง ก่อนเดินกลับไปหาแม่
ไม่นานนักประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออกพร้อมการปรากฏตัวของคุณหมอ สองแม่ลูกที่นั่งรออย่างหมดเรี่ยวแรงก็มีแรงฮึดรีบลุกถลาเข้าไปหาคุณหมอด้วยความร้อนใจ
"คุณหมอคะ! พ่อหนูเป็นยังไงบ้างคะ!? " รินลดาเข้าไปถามไถ่ มือจับแขนคนฟังเขย่าระรัว จนคุณหมอต้องปรามให้สงบสติอารมณ์ลงก่อนจะได้บอกอะไร
"คนไข้โรคหัวใจกำเริบครับ ต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วนที่สุด แต่ค่าใช้จ่ายก็ค่อนข้างสูง.." คุณหมอวัยกลางคนบอกออกมา ใจความประโยคท้ายนั้นทำคนที่ยืนฟังอยู่ไกลๆ รู้สึกไม่ชอบใจนักเพราะน้ำเสียงกับสายตาที่มองสองแม่ลูกแสดงออกถึงการดูถูก.. เพราะผ้ากันเปื้อนที่สวมใส่กันมาด้วยไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นพ่อค้าแม่ค้าที่หาเช้ากินค่ำ คงไม่มีเงินจ่ายค่าผ่าตัดแน่..
"พะ พ่อ.. ฮื่อออ" สิ้นคำบอกของคุณหมอสองแม่ลูกก็ร้องไห้ระงมกันอีกครั้ง
"ฮื่อๆ จะทำยังไงดีล่ะลูก ฮึ่ก.. เราไม่มีเงินขนาดนั้นหรอกนะ ฮื่อๆ " อรนภาพูดกับลูกสาวอย่างหมดจนปัญญาจะหาทางออก เพราะครอบครัวของเธอก็เป็นเพียงพ่อค้าแม่ค้าหาเช้ากินค่ำจริงๆ ลำพังชีวิตแต่ละวันก็ลำบากมากพอแล้วจะให้เอาเงินที่ไหนมาเป็นค่าผ่าตัดของสามี แต่ถ้าไม่มีสามีเธอกับลูกก็คงจะแย่เหมือนกัน รินลดาเริ่มเครียดเพราะคุณหมอก็ยืนรอคำตอบ แม่ก็ร้องไห้ปานจะขาดใจ..
"ผ่าเลยครับ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดผมรับผิดชอบเอง" ราวกับเทวดามาโปรด คุณลุงคนที่ช่วยพาพ่อมาส่งโรงพยาบาลเดินมาพูดกับคุณหมอ ภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูแตกต่างห่างไกลจากสองแม่ลูกทำคนสวมชุดกาวน์นึกสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงรับคำแล้วหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินอีกครั้งเพื่อต่อลมหายใจให้กับคนที่อยู่ข้างใน
"คะ คุณลุง.."
..
..
..
..
วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 34 (ตอนจบ) วันเวลาผ่านพ้นไปกิจวัตรประจำวันของรินลดาก็ยังคงวนเวียนแบบเดิมซ้ำๆจนอายุครรภ์ล่วงเลยมาจนถึงแปดเกือบเก้าเดือนและมีวันกำหนดคลอดในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแต่เธอรู้ว่าอาจจะอยู่ได้ไม่ถึงวันนั้นเนื่องจากช่วงนี้มีอาการเจ็บท้องเตือนบ่อยขึ้นบางทีก็เจ็บจนร้องไห้ผู้เป็นสามีจึงต้องลางานมาอยู่เป็นเพื่อนในช่วงใกล้คลอด"ไหวไหม"ร่างสูงเอ่ยถามภรรยาท้องแก่ที่นั่งเอนหลังดมยาดมพลางหอบหายใจแรงกว่าปกติเนื่องจากเจ็บท้องเตือนขึ้นมาอีกแล้วและดูเหมือนวันนี้จะเจ็บมากกว่าปกติเขาจึงให้คนเตรียมรถเตรียมของใช้สำหรับคลอดไว้เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน"อึก...ไม่ไหว...แฮ่ก"แรงปวดไม่มีท่าทีว่าจะเบาลงเลยแม้แต่น้อยมือเล็กที่บีบมือใหญ่ไว้ส่งผ่านความรู้สึกมาถึงร่างสูงแม้ไม่ทั้งหมดแต่ก็ทำให้เขาได้รับรู้ว่าเธอกำลังจะทนไม่ไหวไม่ต้องรอให้พูดอะไรซ้ำวรธันย์ก็เรียกเด็กในบ้านให้รีบเตรียมของขึ้นรถส่วนเขาก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีช้อนตัวภรรยาขึ้นอุ้มและตรงไปที่รถอย่างรวดเร็วเรียกได้ว่าสถานการณ์เริ่มวุ่นวายแต่ก็ไม่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะทุกคนเตรียมการนี้ไว้สักพักใหญ่แล้วเพียงตื่นเต้นยิน
วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 33ตกเย็นวรธันย์ก็พาภรรยามาที่บ้านใหญ่พร้อมด้วยกล่องของขวัญหนึ่งใบที่ทำเอาทุกคนต่างมองด้วยความสนใจครั้นถามว่าเอามาให้ใครและข้างในมีอะไรเจ้าตัวก็บ่ายเบี่ยงบอกแค่ว่าจะเฉลยในตอนที่ทานข้าวเสร็จเล่นเอาคุณหญิงนาฏยาคันไม้คันมือยิกๆอยากแย่งมาเปิดดูให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ทำได้แค่เก็บอาการและอดใจรออย่างใจเย็น"เอ้อแม่มีอะไรจะบอก"คุณหญิงพูดขึ้นท่ามกลางมื้ออาหารที่เริ่มดำเนินมาสักพักหนุ่มสาวเลยพร้อมใจกันวางช้อนส้อมเพื่อรอฟังในสิ่งที่มารดากำลังจะบอก"แม่คุยพ่อและคุยกับพ่อแม่หนูแล้วว่าจะให้ทั้งสองคนย้ายเข้ามาอยู่กับพวกเราที่นี่เนี่ยน้ากว่าจะเกลี้ยกล่อมได้เหนื่อยแทบตายแน่ะ"คุณหญิงบอกอย่างอารมณ์ดีได้ยินแบบนั้นรินลดาก็จ้องหน้าแม่สามีอย่างไม่อยากจะเชื่อหูก่อนจะหันไปมองพ่อกับแม่ที่ทำหน้าเกรงอกเกรงใจอยู่ไม่คลาย"ก็จะให้มาอยู่เฉยๆไม่ให้ทำอะไรเลยมันไม่ได้จริงๆค่ะเกรงใจ"อรนภาเอ่ยแทรกขึ้นมาความจริงคุณหญิงชวนเธอกับสามีมาอยู่ด้วยกันหลายครั้งแล้วแต่เธอปฏิเสธเพราะเกรงใจอีกอย่างก็ไม่คุ้นชินกับบ้านหลังใหญ่หรูหราแบบนี้เท่าไรคราวนี้ที่ยอมก็เพราะยื่นข้อเสนอไปว่าถ้าให้อยู่ก็ข
วิวาห์ (ไม่) ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 32สองอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกงเข็มนาฬิกา ว่าที่เจ้าสาวถูกปลุกขึ้นมาแต่งหน้าทำผมตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันด้วยทีมช่างที่คุณหญิงนาฏยาจัดหามาให้ ได้คุณหญิงและผู้เป็นแม่คอยช่วยดูแลอีกที กำหนดการในช่วงเช้าวันนี้คือการเข้าพิธีแต่งงานแบบไทย เรียบง่าย ลดขั้นตอนพิธีบางอย่างออกไป คงเหลือไว้แต่พิธีหลักๆ ที่สำคัญ สถานที่จัดงานคือบ้านหลังใหญ่ของฝ่ายว่าที่สามีที่ยังคงนอนหลับอยู่อีกห้องหนึ่ง เพราะขั้นตอนการแต่งตัวน้อยกว่าฝ่ายเจ้าสาวจึงยังไม่ถูกปลุกขึ้นมาพร้อมกันใช้เวลาร่วมสามชั่วโมงในการแต่งหน้าทำผมให้เจ้าสาวและบรรดาแม่ๆ กระทั่งแล้วเสร็จในช่วงเช้าพอดี ฝ่ายเจ้าบ่าวเองก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วทว่ายังถูกขัดขวางไม่ให้ได้เจอเจ้าสาวจนกว่าจะเริ่มพิธีไม่เพียงแค่เจ้าของงานที่ต้องเตรียมตัวแต่เช้า ฝ่ายจัดสถานที่และฝ่ายแม่ครัวเองก็วิ่งวุ่นไม่ต่างกันเพราะต้องเตรียมอาหารเลี้ยงพระและ แขกคนสำคัญที่แม้จะเชิญมาแค่ไม่กี่คนก็ต้องดูแลให้ดีสมฐานะเจ้าบ้าน พยายามให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"ใจเย็นๆ อย่าตื่นเต้นมากนัก เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน" อรนภาลูบหลังลูกสาวเ
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 31ด้วยไม่ได้นอนทั้งคืนและอ่อนเพลียจากพิษไข้ คืนแรกที่ต้องนอนแยกห้องกันตามข้อตกลงเลยทำให้รินลดาหลับสนิท ต่างจากวรธันย์ที่นอนมองเพดานว่างเปล่ามานานหลายชั่วโมงแล้ว เขายังไม่มีทีท่าว่าจะง่วงเลยแม้แต่น้อย เขาคิดถึงร่างนุ่มนิ่มของคนรักที่เคยได้นอนกอด มากไปกว่านั้นคือเป็นห่วงกลัวว่าคนป่วยจะไข้ขึ้นสูงกลางดึกแล้วไม่มีคนดูแลสุดท้ายร่างสูงก็ยอมแพ้ต่อความห่วงใย เขาทนไม่ไหวจึงหอบเอาผ้าห่มกับหมอนเดินไปที่ห้องนอนเล็ก มือหมุนเปิดลูกบิดอย่างแผ่วเบา ก่อนเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง ลงมือปูผ้าห่มลงบนพื้น ไม่ลืมตรวจเช็คอุณหภูมิของคนหลับด้วยว่าน่าเป็นห่วงหรือไม่ เมื่อพบว่ายังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงวรธันย์ก็ล้มตัวลงนอนข้างเตียง แต่ตั้งใจไว้ว่าจะต้องตื่นก่อนและรีบออกไปจากห้อง บทลงโทษของคนที่ทำอะไรไม่คิดคือแยกห้องนอนและห้ามวอแวอีกฝ่ายจนกว่าจะถึงวันแต่งงานในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า นี่แค่วันเดียวก็แทบจะทนไม่ได้แล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาจะอดทนได้จนถึงวันแต่งงานหรือเปล่ารินลดาหลับยาวจนถึงเช้า เธอลืมตามองไปรอบๆ อย่างสำรวจ เพราะเมื่อคืนเหมือนจะมีบางช่วงที่กึ่งหลับกึ่งตื่นและรู้สึก
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 30"เฮ้อ...""อะไร ถอนหายใจแต่เช้า ไหวไหมเนี่ย ท่าทางเราดูเพลียๆ นะ ไม่ได้หลับได้นอนหรือไงหื้ม" เลขาท่านประธานถามขึ้นอย่างห่วงใยเมื่อเห็นเด็กฝึกงานในความปกครองนั่งถอนหายใจก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยท่าทางอ่อนล้าในเช้าวันหนึ่ง จะว่าถูกเธอใช้งานหนักก็ไม่ใช่ ถึงจะเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานแต่พ่วงตำแหน่งคู่หมั้นของเจ้านาย ยังไงก็เปรียบเสมือนเจ้านายเธออีกคน ใครจะไปกล้าใช้งานหนักกัน"ประมาณนั้นแหละค่ะ เจ้าที่แรงมาก ไม่ยอมให้หลับให้นอนเลย" เสียงหวานอ่อนระโหยโรยแรงบ่นพึมพำออกมาคล้ายคุยกันตัวเองมากกว่า คำว่า 'เจ้าที่แรง' ทำคนฟังได้แต่ทำหน้าสงสัย พลันนึกไปถึงคอนโดหรูที่เจ้านายพัก ก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเจ้าที่แรง...ขณะที่รุ่นพี่คิดไปไกล...เจ้าที่ในความหมายของคนอายุน้อยกว่าตอนนี้กำลังนั่งจามอยู่ในห้องทำงานอย่างไม่ทราบสาเหตุ ใช่...เจ้าที่ที่ก่อกวนเวลานอนของเธอก็คือเจ้านายพี่นั่นแหละ!หลังจากวันสารภาพบาป (?) นี่ก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว และตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมารินลดาต้องรับมือกับ 'ผีทะเลกินดุ' แทบจะทุกคืน! พอได้มีคืนแรกด้วยกัน คืนต่อๆ ไปก็มาไวและถี่เสียจนตั้งรับไม
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 29"หนูกลัว..." น้ำเสียงเบาหวิวเอ่ยขึ้นในตอนที่ได้กลับมาเหยียบบ้านอินทรเกษมกุลอีกครั้ง แววตากลมใสสั่นระริก ดวงหน้าปรากฏความกังวลอย่างเห็นได้ชัด แม้จะคุยกันมาดีแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆ เธอก็ยังมีความพร้อมไม่มากพออยู่ดี"พี่อยู่ทั้งคน" ฝ่ามือใหญ่กุมทับมือเล็กที่เย็นเฉียบสร้างความอบอุ่นแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ ทว่าก็ทำคนฟังใจชื้นขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะความวิตกกังวลมันมีมากกว่า เธอกลัวว่าพ่อกับแม่จะผิดหวังในตัวเธอมากกว่าว่าใครจะมองยังไง แต่ถ้าไม่พูดก็ไม่สบายใจอีกเหมือนกัน"ไปเถอะ เชื่อใจพี่...ไม่มีอะไรต้องกลัว" ร่างสูงให้กำลังใจ กระชับมือเล็กแน่นขึ้น ก่อนพาเดินเข้าบ้านไป ในเวลานี้ทุกคนต่างมานั่งรวมตัวกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่นตามที่วรธันย์ได้โทรมาขอไว้ ทั้งพ่อแม่ของเขาและพ่อแม่ของรินลดา"อ้าว มากันแล้ว สวัสดีจ้ะ นั่งๆ" คุณหญิงนาฏยาทักทายทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม มือรับไหว้ว่าที่ลูกสะใภ้ก่อนเชิญทั้งสองมานั่งคุยกันระหว่างรอทานมื้อค่ำ"น้องหญิง ไม่สบายหายดีหรือยังคะ พี่ธันดูแลน้องดีหรือเปล่าเนี่ย" ประโยคแรกเอ่ยกับร่างบางด้วยรอยยิ้มสดใส ประโยคหลังหันมามองแรงใส่ล
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 28"คุณพิมพ์ วันนี้ผมไม่เข้าบริษัทนะ เลื่อนงานออกไปทั้งหมด บอกศรัณซื้อยาลดไข้กับข้าวต้มมาให้ผมที่คอนโดด้วย ขอบคุณ" มือเรียวกดวางสายทันทีหลังจากพูดธุระกับผู้เป็นเลขาจบ โทรศัพท์เครื่องหรูถูกวางทิ้งไว้อย่างไม่ใยดีหลังจากหมดประโยชน์ เนื่องจากเจ้าของเครื่องมีสิ่งสำคัญมากกว่าให้สนใจร่างบอบบางภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขากำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอทว่าร่างกายแผ่ไอร้อนออกมาจนรู้สึกได้ คนเป็นไข้ต้องเช็ดตัว...คิดได้แบบนั้นวรธันย์จึงผละออกไปหาผ้าสะอาดกับชามใบเล็กๆ รองน้ำเกือบเต็ม ก่อนจะเดินกลับเข้ามาหาคนหลับอีกครั้งมือเรียวคว้ารีโมทมากดปิดแอร์เพราะกลัวคนป่วยจะหนาวระหว่างที่เช็ดตัวให้ ก่อนทำการขุดร่างคนป่วยขึ้นมาจากผ้าห่มผืนใหญ่ เปลื้องผ้าเธอจนหมด แล้วนำผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดไปตามลำตัวขาวผ่องซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยสีแดงเรื่อที่เขาฝากไว้เมื่อคืนอย่างระมัดระวังวรธันย์ข่มใจเช็ดตัวให้คนรักจนเสร็จก็ใส่เสื้อผ้ากลับคืนให้ ดึงผ้าห่มคลุมถึงลำคอก่อนกดเปิดแอร์และเพิ่มอุณหภูมิให้อุ่นขึ้น ก่อนเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำบ้าง ออกมาทันตอนได้ยินเสียงก
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 27รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังบอบบางก็แตะลงบนที่นอนนุ่ม ริมฝีปากอุ่นร้อนที่ตักตวงเอาความหอมหวานจนพอใจถูกถอนออกไปก่อนจูบซับเข้าที่ข้างขมับ พวงแก้ม ปลายคางและเลื่อนต่ำลงไปที่ซอกคอขาว ขณะที่ฝ่ามือลากไล้ไปตามส่วนเว้าโค้งของคนรัก กลิ่นกายหอมกรุ่นราวกับดอกไม้แรกแย้มทำสติสัมปชัญญะกระจัดกระเจิงยากที่จะควบคุมวรธันย์ห่างหายจากเรื่องบนเตียงไปนานมากๆ ตลอดมาเขาไม่เคยต้องอดทนกับใคร และก็คิดว่ายังทนต่อไปได้อีกนาน กระทั่งได้ยินคำว่า 'รัก' จากปากอิ่มเล็กๆ นั่น เขาถึงได้รู้ความจริงว่าความอดทนของเขามันหมดไปตั้งแต่วินาทีนั้น เขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว!ด้านรินลดาเองก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปถ้าขืนเธอยังคงนิ่งเงียบ ปล่อยให้สถานการณ์มันไหลต่อเนื่องไปแบบนี้ เธอกำลังสับสนกับความต้องการจริงๆ ของตัวเองเพราะความคิดด้านดีกับด้านลบกำลังขัดแย้งกันมั่วไปหมด...'ห้ามชิงสุกก่อนห่าม' คือประโยคที่ไม่ว่าหญิงหรือชายก็มักจะเคยได้ยินพวกผู้ใหญ่พร่ำสอนกันมาตั้งแต่เล็กจนโตในสังคมไทย ทว่าเธอไม่เคยมีคนรักเลยไม่รู้ว่าคนอื่นๆ ที่เขามี เขาทำตามคำสอนนั้นได้จริงๆ หรือเปล่า เพราะอีกด้านหนึ่งเราก็
วิวาห์(ไม่)ไร้รักWriter : Aile'Nตอนที่ 26การอยู่เฉยๆ ในห้องชุดอันแสนกว้างใหญ่มันไร้ประโยชน์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อยากทำอะไรก็ขยับไม่ได้ดั่งใจ แต่จะให้อยู่เฉยๆ ทั้งวันรินลดาก็ทำไม่ได้ เมื่อทำงานบ้านทุกอย่างเสร็จสิ้นเธอก็ตั้งใจว่าจะลงไปเดินเล่นที่ซุปเปอร์มาเก็ตข้างล่างคอนโด เพราะตอนดูทีวีบังเอิญเปิดไปเจอรายการทำอาหารและขนม เลยนึกอยากทำขนมอร่อยๆ ไว้รอเจ้าของห้องกลับจากที่ทำงานร่างบางพาตัวเองค่อยๆ เดินไปที่ลิฟต์อย่างไม่รีบร้อน โชคดีที่คอนโดหรูแห่งนี้เงียบสงบ ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเลยไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหรือกลัวว่าจะไปยืนเก้ๆ กังๆ ขวางทางใครเข้า"หญิง! " ใครสักคนที่กำลังจะเดินสวนเข้ามาในคอนโดเรียกชื่อเธอเสียงดัง ครั้นหันไปมองก็เห็นอีกฝ่ายยืนยิ้มแฉ่งก่อนจะปรี่เข้ามาลูบหัวลูบหาง (?) เธอด้วยความดีใจ"พี่อิฐ! " คราแรกที่ถูกเรียกเสียงดังยอมรับว่าค่อนข้างตกใจ แต่พอรู้ว่าเป็นใครรินลดาก็ออกอาการดีใจไม่ต่างกัน บุรุษเพศนั้นผ่านเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเธอแค่ไม่กี่คน หนึ่งในนั้นก็คือพี่รหัสคนนี้นี่เอง"โหย ไม่เจอกันนาน คิดถึงนะเนี่ย" อิทธิพัทธ์เขย่าไหล่เล็กเบาๆ ด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่สุดท้ายจะอดใ
Commentaires