ช้องนางมองผู้ชายตัวสูงราวกับเสาไฟฟ้าที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นภายในห้องโถงหรูด้วยหัวใจที่สั่นไหว หล่อนจ้องมองเขา พวงแก้มนวลระเรื่อ เมื่อพบว่าเขามองมาพอดี
หล่อนอ่อนไหว อ่อนระทวย และอ่อนปวกเปียกทุกครั้งที่สบตากับดวงตาสีอำพันแสนวิเศษของชาร์ลี
หล่อนควรจะเข้มแข็ง แต่มันทำได้ยากเหลือเกิน เมื่อเขาทั้งหล่อและมีเสน่ห์อย่างยากที่จะต้านทาน
ความพยายามมากมายในกายถูกปลุกให้ตื่นเพื่อต่อสู้กับความสมบูรณ์แบบของชายชาตรีเช่นเขา แต่แล้วก็ต้องพ่ายให้กับเสน่ห์อันเร้าใจของชาร์ลีเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
หล่อนจะต้องแย่แน่ๆ หากต้องใกล้ชิดกับเขาในฐานะภรรยา และก็จะต้องเจ็บปวดจนเจียนตาย เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นได้แค่เพียงภรรยานอกหัวใจ
กลีบปากอวบอิ่มเป่าลมออกมาแผ่วเบา และก็กัดฟันละสายตาจากเรือนกายสง่างามของชาร์ลีลงมองฝ่ามือขาวสะอาดของตนเองที่กำลังประสานกันอยู่บนตัก
“มานั่งนี่สิพ่อชาร์ล”
เสียงของแคทเธอรีนเอ่ยเรียกลูกชายดังมาเข้าหูของหล่อน ก่อนที่จะรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายเซ็กซี่ระคนอันตรายของชาร์ลี หัวใจสาวเต้นคร่อมจังหวะทันที เมื่อเขาเลือกที่จะมาหย่อนกายใหญ่โตลงนั่งข้างหล่อน
“ฉันดีใจนะที่เห็นเธอวันนี้”
น้ำเสียงของเขาเรียบเฉยเย็นชา คงพยายามฝืนใจพูดมากเลยทีเดียว
“เอ่อ... ค่ะ...”
“ไปเดินเล่นกันไหม”
“เอ่อ...” หล่อนอ้ำอึ้งพูดไม่ออก
“ไปสิช้องนาง คุณชาร์ลีชวนแล้วน่ะ” เกสราจัดแจงออกตัวแทนหล่อนทันที
“เอ่อ... ก็ได้ค่ะ”
ใบหน้าหล่อเหลาของชาร์ลีเปื้อนรอยยิ้มบางๆ แต่หล่อนไม่อาจรู้ได้เลยว่ามันคือรอยยิ้มจากใจจริงหรือว่าแค่แสร้งทำมันขึ้นมาเท่านั้น
“ผมขอตัวพาว่าที่เจ้าสาวไปเดินสำรวจทรัพย์สินของตระกูลเราก่อนนะครับ”
หล่อนสะอึกไม่น้อยกับคำพูดของเขา และก็อดหันไปมอง
เกสราไม่ได้ แต่ก็เห็นว่าอาของตัวเองไม่ได้สะทกสะท้านกับคำดูแคลนของชาร์ลีเลยแม้แต่น้อย“ดูแลน้องให้ดีล่ะ”
“ครับ”
เจ้าของเสียงเย็นชาหลุบตาลงต่ำมองหน้าหล่อน จากนั้นก็ยื่นฝ่ามือที่ใหญ่โตมากๆ ออกมาข้างหน้า
หล่อนนั่งนิ่งทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับดาราเจ้าบทบาทอย่างชาร์ลียังไงดี
“ส่งมือให้พี่เขาสิช้องนาง” เกสราเอ่ยขึ้น ในขณะที่หล่อนกล้าๆ กลัวๆ และเต็มไปด้วยความลังเล
“ส่งมือเธอมาสิ” คราวนี้ชาร์ลีเป็นฝ่ายพูดขึ้นเอง ซึ่งมันก็ทำให้หล่อนไม่มีทางดื้อดึงได้อีก
“เอ่อ... ค่ะ...”
หล่อนค่อยๆ ยื่นมือสั่นเทาของตัวเองไปวางในอุ้งมือใหญ่ และก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านเมื่อได้สัมผัสกับความอบอุ่นจนเกือบร้อนภายในอุ้งมือชาย
เขากระชับอุ้งมือของหล่อนแน่นขึ้น พร้อมกับรั้งให้หล่อนลุกขึ้นยืน ซึ่งหล่อนก็ไม่อาจจะขัดขืนได้
หล่อนจำต้องก้าวเดินเคียงคู่เขาออกไปจากตึกใหญ่ ปล่อยให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันต่อไป
เมื่อออกมาจนลับสายตาของแคทเธอรีน มือใหญ่ก็คลายมือของหล่อนออกทันที จากนั้นเขาก็หยุดเดิน และพูดขึ้น
“ต่อหน้าของท่านแม่ และท่านพ่อ ฉันจำเป็นต้องทำเป็นรักเธอ แต่เมื่ออยู่กันตามลำพัง เราก็แค่คนแปลกหน้ากัน เธอเข้าใจความหมายของฉันใช่ไหม ช้องนาง”
หล่อนเจ็บจี๊ดในอก รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าเหลือเกิน แต่ก็ไม่มีทางเลือกอีกแล้ว
เขาต้องการผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นหุ่นเชิด ในขณะที่หล่อนต้องการเงินจากเขา
“ค่ะ”
หล่อนหันหน้าหนี และจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่แขนถูกมือใหญ่คว้าเอาไว้อีกครั้ง
“จะไปไหน”
“ก็ตอนนี้ไม่มีสายตาของท่านแม่ของคุณมองอยู่ ฉันก็จะไปเดินเล่นของฉันคนเดียวน่ะสิคะ”
เขาลากหล่อนเข้ามาใกล้เกินกว่าความจำเป็นมาก จนช่องว่างระหว่างกันแทบไม่เหลือ ใบหน้าหล่อเหลาโน้มต่ำลงมาหา และเขาก็มึนเมาหล่อนด้วยความมีเสน่ห์ร้ายกาจจนหล่อนตะลึงตาค้าง
“ถึงไม่มีสายตาของท่านแม่มองมา แต่ฉันมั่นใจว่าคนของท่านแม่กำลังมองพวกเราอยู่”
“คุ... คุณ... จะทำอะไรคะ... อื้อ...”
หล่อนพูดได้แค่นั้น เสียงตะกุกตะกักตกใจก็ถูกริมฝีปากหยักสวยและหวานเอามากๆ ของชาร์ลี เฮนเดอร์ตันกลืนหายไปในลำคอแกร่ง
จูบแรก...
ใช่... มันเป็นจูบแรกของหล่อน ซึ่งกำลังถูกผู้ชายที่หล่อราวกับเทพบุตรชั้นฟ้าปล้นเอาไปหน้าด้านๆ และหล่อนก็คงไม่รู้สึกแย่สักเท่าไรนัก หากหัวใจของผู้ชายคนนี้ยังไม่มีเจ้าของ
ชาร์ลีขยับปากบดคลึงบนกลีบปากนุ่มเย็นจืดของหล่อนอยู่ไม่นานนักก็ถอนปากออกไป ดวงตาคมกริบสีอำพันมีความเคลือบแคลงสงสัยยามมองจ้องมา
หล่อนยังไม่หายตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย คนตัวโตก็กระซิบถามชิดปากอิ่มที่กำลังเห่อบวมน้อยๆ
“จูบแรกหรือ”
“เอ่อ...”
มือเล็กยกขึ้นปิดเรียวปากเอาไว้ และรีบถอยออกห่างจากคนตัวโตด้วยท่าทางตื่นกลัว
เขายิ้มบางๆ แววตาของเขาเป็นประกายคล้ายกับกำลังตกอยู่ในห้วงความประหลาดใจ
“จากที่ดู... เธอก็หน้าตาพอใช้ได้นะ ทำไมถึงยังไม่เคยถูกจูบเลยล่ะ”
“นี่คุณเลิกพูดเรื่องแบบนี้ได้ไหมคะ”
หล่อนเค้นเสียงขอร้องออกไป พวงแก้มแดงระเรื่อ และตั้งหน้าจะเดินหนีอีกแล้ว ซึ่งคราวนี้เขาเดินตามมาดักหน้าเอาไว้แทน
“จะไปไหน”
“ก็จะไปให้พ้นหน้าผู้ชายชอบฉวยโอกาสอย่างคุณไงคะ” หล่อนมองเขาตาขุ่นไม่พอใจ
เขายิ้มน้อยๆ ท่าทางขบขัน “ที่ฉันจูบเธอน่ะ เพราะฉันต้องการให้คนของท่านแม่เห็น”
หล่อนไม่สนใจคำพูดของเขา เชิดหน้าสูง และเบือนหนีไปทางอื่น หัวใจยังคงเต้นแรงระรัว แถมยังคร่อมจังหวะด้วยในบางครั้ง แล้วมือไม้ก็ยังเย็นเฉียบจนน่าเวทนาอีกต่างหาก
“เพราะถ้าคนของท่านแม่เห็นว่าเราจูบกัน จะต้องนำเรื่องนี้ไปรายงานท่านแม่ และท่านแม่ก็จะได้เลิกสงสัยฉันกับไลลาเสียที”
หล่อนหันขวับจ้องหน้าเขา ก่อนจะกล่าวชมเชยออกมาด้วยเสียงประชดประชัน
“คุณนี่ฉลาดดีนะคะ”
“แน่นอน ถ้าฉันไม่ฉลาด ฉันคงบริหารธนาคารของตระกูลไม่ได้ดีแบบนี้หรอก”
พระเจ้า นี่ชาร์ลี เฮนเดอร์สัน ถ่อมตนไม่เป็นเลยสินะ
หล่อนเม้มปากอวบอิ่มของตนเองแน่นจนเป็นเส้นตรง ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ
“ถามจริงๆ เถอะค่ะ คุณไม่ละอายใจบ้างเหรอคะที่ทำกับฉันแบบนี้”
“ที่ฉันจูบเธอหรือ” คิ้วเข้มดกข้างซ้ายของชาร์ลีเลิกสูงขึ้นเมื่อเอ่ยถามกลับ
“ไม่ใช่ค่ะ เรื่องที่คุณจะใช้ฉันเป็นหุ่นเชิดต่างหาก”
ไหล่กว้างของชาร์ลีไหวน้อยๆ ท่าทางของเขาไม่ได้มีความเมตตาต่อคู่สนทนาอย่างหล่อนเลย
“คิดเสียว่าเราทำธุรกิจกันก็แล้วกัน”
“ธุรกิจ?”
นี่เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่มองการแต่งงานเป็นธุรกิจแบบนี้
“ใช่ ระหว่างเรามันแค่ธุรกิจ เธอได้เงินเท่าที่เธอต้องการ ฉันยินดีจ่ายไม่อั้น ต้องการเมื่อไหร่บอกได้เลย ส่วนฉันก็ได้สานต่อความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่ฉันรักต่อไป”
“แต่คุณกับคุณไลลาเป็นพี่น้องบุญธรรมกันนะคะ”
“ใช่ เราเป็นพี่น้องบุญธรรมกัน แต่ก็ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน และฉันก็รักไลลามาก”
หล่อนเจ็บจี๊ดในอกอีกครั้ง แต่ก็ต้องพยายามซ่อนความรู้สึกนี้เอาไว้ให้ลึกที่สุด
“แล้วฉันต้องนั่งดูพวกคุณพลอดรักกัน ในขณะที่ฉันติดแหง็ก
อยู่ในกรงวิวาห์ของคุณอย่างโดดเดี่ยวไปแบบนี้ชั่วชีวิต มันไม่ยุติธรรมเลยนะคะ”“หรือว่าเธอต้องการให้ฉันนอนกับเธอด้วยล่ะ” เขาย้อนถาม สายตาสีอำพันมืดลึกอ่านไม่ออก “ถ้าเธอต้องการ ฉันก็ทำให้ได้นะ เพราะฉันจะคิดเสียว่าเป็นการระบายความใคร่ให้กับผู้มีพระคุณ...”
ความร้อนฉ่าพุ่งจากลำคอขึ้นมารวมตัวกันบนสองแก้มนวลจนมันแดงปลั่ง ความอับอายมากมายอัดแน่นเต็มอก
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นสักหน่อยค่ะ”
“แล้วเธอหมายถึงอะไรล่ะ”
“ฉันหมายถึงว่า หากเวลาอันเหมาะสมมาถึง เราก็ควรจะหย่าขาดจากกัน”
“เรื่องหย่าไม่มีทางทำได้ ท่านแม่ไม่มีทางยอม” เขาพูดเสียงเคร่งเครียด “เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ ถ้าเธอพบผู้ชายที่ถูกใจเมื่อไหร่ ฉันยินดีจะให้เธอมีความสัมพันธ์กัน แต่ต้องแบบลับๆ เท่านั้นนะ”
หล่อนกำมือแน่น อยากจะเอาเล็บตะกุยหน้าหล่อๆ ของชาร์ลีแรงๆ ให้เลือดโชกนัก ผู้ชายบ้าอะไร ในหัวมีแต่เรื่องนี้
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่คุณกำลังมโนหรอกนะคะ” หล่อนปั้นเสียงมึนตึงตอบออกไป “เอาเป็นว่าฉันจะยอมเป็นหุ่นเชิดให้กับคุณและคุณไลลาจนกว่าฉันจะทนไม่ไหวก็แล้วกันค่ะ”
“เธอต้องทนให้ไหว เพราะนี่คือคำสั่งของฉัน”
เขาจ้องประสานสายตากับหล่อน ดวงตาสีอำพันแสนสวยของเขาไร้ความผ่อนปรนอย่างเห็นได้ชัด
หล่อนทำได้แค่เพียงเสหลบสายตาคมกริบนั้น และเดินเบี่ยงหนีจากมา
หล่อนเจ็บลึกๆ ภายในอกเหลือเกิน และก็อดที่จะอิจฉาไลลาไม่ได้
ผู้หญิงคนนั้นโชคดีเหลือเกินที่ได้เป็นเจ้าของรอยยิ้มของชาร์ลี แถมยังได้ครอบครองหัวใจของเขาอีก ในขณะที่หล่อนเป็นได้แค่เพียงเจ้าสาวนอกหัวใจเท่านั้น
ดอกไม้ตรงหน้าเบ่งบานและสวยสะพรั่ง แต่มันกลับไม่ได้ทำให้หัวใจของหล่อนสดชื่นแจ่มใสเอาเสียเลย
ช้องนางที่ยืนทอดสายตามองออกไปยังสวนสวยผ่านระเบียงห้องนอนสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อถูกอ้อมแขนอบอุ่นที่แสนคุ้นเคยสวมกอดเข้ามาทางด้านหลัง“อุ้ยยย คุณชาร์ล...”คนตัวโตที่เพิ่งกลับจากทำงานระดมจูบซอกคอระหง “คิดถึงจังเลยครับที่รัก...”“แหม เราเพิ่งห่างกันแค่แปดชั่วโมงเองนะคะ”“แค่ชั่วโมงเดียว ผมก็จะขาดใจตายอยู่แล้วล่ะ”ร่างของหล่อนถูกจับให้หมุนกลับมาเผชิญหน้ากับสามีสุดหล่อ เขาโน้มหน้าลงมาจูบหน้าผากแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนเลยลงมาจูบปากอิ่ม สาวน้อยเผยอปากรับจูบตอบ“แอบไปกินน้ำผึ้งมาหรือเปล่าเนี่ย ทำไมปากหวานจัง”“คุณชาร์ลน่ะ...”หล่อนระบายยิ้มเอียงอาย สองพวงแก้มแดงระเรื่อ หัวใจพองฟูคับแน่นอก ตั้งแต่กลับมาเลแวนต้าอีกครั้ง ชีวิตของหล่อนก็เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียวชาร์ลีรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้เอาไว้กับหล่อนตอนที่ตามไปง้อที่เมืองไทยเป็นอย่างดี เขาปฎิบัติตัวกับหล่อนด้วยความรัก เอาใจใส่ และทำหน้าที่ของสามีที่ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แถมคำว่ารักจากปากของเขาก็ยังกระซิบพร่ำบอกข้างหูทุกค่ำคืนหล่อนมีความสุข... จนไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่กำลังได้รับอยู่มันคือความจริง“คิดถึงผมไหม...” เขาก้มหน้าหล่อๆ ล
บนเตียงนอนของหล่อนยุ่งเหยิงยับเยิน เมื่อสองร่างเปลือยเปล่ากำลังคลุกเคล้าโรมรันกันอย่างดุเดือด กายสาวบิดเร่าๆ เมื่อถูกชาร์ลีปลุกเร้าจนร้อนราวกับเปลวเพลิงเขาจูบ เขาดูดปาก ล้วงลิ้นร้อนๆ เข้ามาหา รัดรึงลิ้นเล็กอย่างหื่นกระหาย ส่วนฝ่ามือก็ลูบไล้บีบเคล้นเต้านมหนักหน่วง กายสาวดิ้นเร่าๆ ด้วยความเสียดเสียวทรมาน เสี้ยวสติหนึ่งพยายามจะต่อต้าน แต่ก็ถูกปัดเป่าจนจางหาย ตอนนี้ในหัวของหล่อนมีแต่ความว่างเปล่า“อา... อ๊า...”หล่อนหยัดหน้าอกอวบขึ้นสูงตอบรับนิ้วยาวที่กำลังบี้บดอยู่กับปลายถัน เขาเอาทั้งสองมือดึงยอดทรวงเอาไว้ สนุกสนานกับการเห็นมันค่อยๆ แข็งเป็นไตสู้นิ้วมือ“อา... อา... คุณชาร์ลขา... อ๊า...”รอยยิ้มพึงพอใจระบายเต็มใบหน้าหล่อเหลา ยิ่งเห็นหล่อนดิ้นพล่านด้วยความกระสัน เขาก็ยิ่งเพิ่มน้ำหนักนิ้วและฝ่ามือที่คุกคามเต้าอวบยิ่งขึ้น“ได้โปรด... คุณชาร์ลขา... อา...” หล่อนวิงวอนเขาทั้งทางร่างกายและสายตา“รู้ไหม... เธอเป็นผู้หญิงที่น่าเสพสุขด้วยเหลือเกิน ช้องนาง...”หล่อนไม่เข้าใจความหมายของเขานัก เพราะตอนนี้สมองว่างเปล่า สิ่งเดียวที่รับรู้ได้ก็คือสัมผัสสวาทจากผู้ชายบนร่างเท่านั้น“ได้โปรด... นางร้อน..
“พ่อรอนางนานไหม...” หางเสียงของหล่อนจางหายวับไปทันตา เมื่อสายตามองเห็นว่าบิดาไม่ได้อยู่ตามลำพัง แต่กำลังนั่งคุยอยู่กับชาร์ลีอย่างออกรสออกชาติหล่อนหน้าซีดเผือด รู้สึกเหมือนกับว่าพื้นดินใต้ฝ่าเท้ากำลังจะเคลื่อนตัวออกจากกัน“พ่อคะ อย่าไปคุยกับเขาค่ะ”“อ้าว ทำไมพูดถึงสามีตัวเองแบบนี้ล่ะนาง”คำถามของบิดา ทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หล่อนจ้องมองชาร์ลีที่นั่งกอดอกยิ้มร่าด้วยความไม่พอใจเขาไม่ควรดึงพ่อของหล่อนเข้ามาเกี่ยวข้อง และที่สำคัญ เขาควรจะกลับไปเลแวนต้าได้แล้ว“คุณชาร์ลไม่ใช่สามีของนางหรอกค่ะพ่อ เราเป็นแค่...”ชาร์ลีไม่คิดจะรอให้หล่อนพูดจบ เขาลุกขึ้น และเดินเข้ามารั้งร่างสาวเข้าสู่อ้อมกอดอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันเกิดขึ้นเร็วมากจนหล่อนต่อต้านไม่ทันร่างสาวถลาเข้าสู่อ้อมแขนอบอุ่นไม่ต่างจากลูกนกโผเข้าสู่อ้อมอกของมารดาเลย“ฉันรู้หรอกว่าทำให้เธอเข้าใจผิด แต่ก็อธิบายไปแล้วนี่ว่าฉันมีแต่เธอคนเดียว ไม่มีใครทั้งนั้น ทำไมยังไม่เลิกงอนอีกล่ะ”แล้วเขาก็ก้มลงจูบกระหม่อมของหล่อน โดยที่หล่อนทำได้แค่ยืนตัวแข็งทื่อ“ก็อย่างที่ผมเล่าให้คุณพ่อฟังนั่นแหละครับ ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะรักลูกสาวของคุณพ่อหรอกครับ แต่พ
“อ้าว คุณชาร์ลี มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”เกสราได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็ออกมาดู แล้วก็เห็นชาร์ลียืนอยู่กลางห้องโถงของบ้าน สีหน้ากำลังบูดบึ้งได้ทีเลยทีเดียว“สักพักแล้วล่ะครับ”“แล้วนี่ช้องนางไปไหนล่ะคะ หรือว่าไปยกน้ำมาให้คะ”ชายหนุ่มกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ ด้วยความหงุดหงิด ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะต้องวิ่งตามหลังผู้หญิงคนไหน แต่ช้องนางทำให้เขาเป็นบ้า“วิ่งหนีผมไปแล้วครับ”“ตายจริง ปกติช้องนางเป็นเด็กมีเหตุผลนี่นา ไม่น่าทำตัวงี่เง่าแบบนี้นะคะ”“เธอทำครับ ทำทุกอย่างที่ผู้หญิงงี่เง่าเจ้าน้ำตาคนหนึ่งจะทำได้เลยทีเดียว และผมก็บ้ามากที่อดทนง้อได้นานถึงขนาดนี้”เกสราอมยิ้ม ก่อนจะเชื้อเชิญให้ชาร์ลีนั่งลงบนโซฟา “ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันนะคะ ช้องนางน่ะ เป็นเด็กจิตใจดี และมีเหตุผลเสมอค่ะ ถ้าบอกให้เธอเข้าใจ ฉันว่าเธอจะอ่อนลงค่ะ”“แต่ผมก็บอกไปแล้วว่าผมมาตามกลับเลแวนต้า แต่เธอก็ยังงี่เง่าไม่ยอมท่าเดียว”“งั้นคุณชาร์ลีก็ไม่ต้องไปใส่ใจอะไรช้องนางแล้วล่ะค่ะ ก็หย่าๆ กันไปเลยตามที่เธอต้องการเถอะค่ะ”“ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไงกันล่ะครับ”เกสราจ้องหน้าของชายหนุ่มสูงศักดิ์ มองอย่างรอคอยคำตอบ และก็เ
หลังจากร้องไห้มาตลอดทางจนคนขับรถแท็กซี่ต้องหยิบกระดาษทิชชูยื่นมาให้ซับน้ำตา หล่อนก็ก้าวลงจากรถด้วยความอ่อนแรงหลังจากจ่ายค่าโดยสารเสร็จแล้ว“คุณชาร์ลยังต้องการอะไรจากนางอีก... แค่นี้นางยังเจ็บไม่พอหรือไง...”หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาออกจากแก้มนวลหลายครั้งเพราะต้องการให้มันแห้งเหือด หล่อนไม่ต้องการให้คนในบ้านเห็นความอ่อนแอของตนเองช้องนางกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในบ้าน แต่แล้วเสียงแตรรถยนต์ก็แผดเสียงดังลั่น หล่อนสะดุ้งตกใจจนต้องหันกลับไปมอง และก็เห็นชาร์ลีก้าวลงมาจากรถคนนั้นหล่อนช็อกค้าง สองขาอ่อนเปลี้ยจนก้าวหนีไปไหนไม่ได้ หล่อนเห็นเขาหยิบเงินหลายใบยื่นให้กับมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขับนำหน้ามา ก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาหาหล่อนหนีสิ...หล่อนสั่งตัวเอง แต่ขาไม่ยอมขยับ จนกระทั่งเขาก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า กลิ่นอายอันตรายของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก หน้างามซีดเผือดไร้สีเลือด“คุณชาร์ล...”เขาโน้มหน้าต่ำลงมาหา และกระซิบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาที่ข้างใบหูของหล่อน“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก ช้องนาง”หล่อนตัวสั่นเทา หัวใจก็สั่นสะท้าน ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองคนใจร้าย มองอย่างอยากรู้ว่าเขาจะทำร้ายกันไม่พอหรือไง ถึงไม่สนใจตอบค
“พอนางมีรายได้แล้ว นางจะ... ผ่อนใช้หนี้คุณชาร์ลค่ะ”“ฉันไม่ได้ต้องการเงินขี้ปะติ๋วของเธอหรอก เพราะกว่าเธอจะใช้หนี้สินที่อาของเธอเอาจากท่านแม่ของฉันครบ ฉันก็ขึ้นไปนอนเล่นบนสวรรค์ไม่รู้กี่ปีแล้วมั้ง” เขาประชดประชันด้วยน้ำเสียงดุกระด้างน่าหวาดกลัว“งั้นนางจะหัดซื้อลอตเตอรี่ก็แล้วกันค่ะ”คนที่ขับรถอยู่หันขวับมามองด้วยความแปลกใจ “ทำไมต้องซื้อลอตเตอรี่ด้วย ชอบเสี่ยงโชคด้วยหรือเธอน่ะ”“เปล่าค่ะ นางไม่ได้ชอบเสี่ยงโชค แต่นางต้องการถูกรางวัลที่หนึ่ง เพื่อที่จะได้มีเงินไปใช้หนี้คุณชาร์ลไงคะ”นี่เขาหัวเราะทำไมกันนะ หล่อนพูดอะไรผิดไปอย่างนั้นเหรอหล่อนช้อนตาขึ้นมองเขา ก็พบว่าเขาหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดงเลยทีเดียว ก่อนจะละสายตาจากท้องถนนมามองหล่อน“ทำไมเธอละโมบแบบนี้ล่ะ เธอถูกรางวัลที่หนึ่งมาแล้วครั้งหนึ่ง ควรจะให้คนอื่นเขาบ้าง อย่าใจแคบนักเลย”“นางไม่เคยซื้อลอตเตอรี่มาก่อนเลยในชีวิต แล้วนางจะถูกรางวัลที่หนึ่งได้ยังไงกันคะ”“ก็ฉันไงล่ะ ลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งของเธอ”เขาอมยิ้มแพรวพราว และเมื่อเห็นเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าของหล่อนจึงอธิบายต่อ“การที่เธอได้ฉันเป็นสามีก็ไม่ต่างจากการถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หน