Masukในคืนแรกที่ต้องอยู่ด้วยกันในห้องหอ พรนับพันเตรียมใจแล้วว่าเขาจะต้องมีสัมพันธ์กับเธอเพื่อให้เธอตั้งครรภ์ แต่ภัสกรกลับไม่ได้สนใจการมีตัวตนของเธอเลยแม้แต่น้อย
มื้ออาหารเย็นเขาก็ไม่พูดจากับเธอ พอขึ้นห้องก็เมินเฉยใส่ ไม่ได้เข้ามาทำอะไรรุ่มร่ามอย่างที่ผู้ชายต้องทำเวลาอยู่กับผู้หญิงแบบสองต่อสอง
พรนับพันเห็นว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน และคิดในแง่ดีว่าบางทีเขาอาจให้เวลาเธอทำความคุ้นเคยกับเขาก่อน จึงนอนหันหลังให้เขาตั้งใจจะนอนหลับให้ผ่านพ้นคืนวันแรกไป
“อย่าพึ่งนอน” เสียงภัสกรดังขึ้นมาทำให้หญิงสาวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว
“ไปนอนห้องรับแขก ผมให้คนจัดไว้ให้แล้ว”
“อะไรนะคะ”
“พรุ่งนี้จะให้เด็กขนเสื้อผ้าออกไปให้” เขาไม่ตอบคำถามแรกและพูดอีกประโยคขึ้นมา
“หมายความว่าเราจะแยกห้องนอนกันเหรอคะ” เธอถามอย่างไม่เข้าใจ
“...” เขาไม่ตอบอะไรเธอ แล้วมองด้วยแววตาสมเพช
“แล้วแบบนี้เมื่อไหร่ฉันจะมีลูกกับคุณล่ะคะ” เธอถามออกมาด้วยความขุ่นเคืองเล็กน้อย
“อยากเอากับผมจนตัวสั่นเลยสินะ” เขาพูดแล้วเหยียดยิ้มมองเธออย่างดูแคลนทำให้พรนับพันกำมือแน่น
“ฉันไม่ได้พิศวาสคุณเลยแม้แต่นิด ฉันแค่มาทำตามข้อตกลงที่คุณต้องการ รีบท้องแล้วก็จะได้รีบออกไปจากที่นี่” เธอพูดออกมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยัดเยียดความคิดที่น่ารังเกียจนั้นให้กับเธอ
“ไม่ต้องรีบร้อนหรอก ผมจะให้คุณทรมานและได้ชดใช้ในสิ่งที่ผมสูญเสียไป ผมสูญเสียลูกและคนรัก พ่อแม่คุณก็ต้องได้รับผลกรรมนั้น จะเจ็บปวดแค่ไหนกันที่ลูกสาวสุดที่รักต้องตกมาอยู่ในมือของผม” เขาพูดให้เธอรู้สึกเจ็บใจ
“ถ้าผมแค่อยากได้ลูก ผมหาผู้หญิงดีๆ คนอื่นมาแต่งงานก็ได้ แต่ทำไมผมเจาะจงว่าเป็นคุณล่ะ คิดสิคิด” เขาเอานิ้วจิ้มที่หน้าผากเธอแล้วดันจนเซถอยไป ทำให้พรนับพันรู้สึกทั้งโกรธทั้งกลัวความเจ้าอารมณ์ของเขา
“ไปอยู่ห้องนั้น เวลามีอารมณ์แล้วจะเรียกเอง แต่คงยากหน่อยนะ พอดีว่าเห็นหน้าคุณทีไรผมหมดอารมณ์ทุกที” ภัสกรพูดออกมาอย่างผู้ที่เหนือกว่า
พรนับพันกำมือแน่น เธอหยิบของใช้ส่วนตัวติดมือไปนอนที่ห้องนอนตรงข้าม แม้จะโล่งใจที่เขาไม่ได้แตะต้องเธอ แต่ว่าการที่เขาทำอย่างนี้มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกหมดหวังที่จะได้กลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว
************************
ภัสกรลงมานั่งที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มแล้วรินเครื่องดื่มสีอำพันยกดื่มต่อเนื่องกันหลายแก้ว แล้วนั่งคิดถึงอดีตที่ผ่านมา
เขากับรัตติกาลพบรักกันในร้านกาแฟที่เธอไปนั่งดื่ม หญิงสาวจ่ายเงินค่าเครื่องดื่มให้เขาเพราะภัสกรลืมพกกระเป๋าสตางค์ไป หลังจากนั้นเขาก็นัดเจอกับเธออยู่บ่อยครั้งและคบกันในเวลาต่อมา
เพียงเวลาหกเดือนที่คบหากัน เธอกับเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาตลอด พอเขาแอบเห็นเครื่องตรวจครรภ์ของเธอที่ทำหล่นลงพื้นตอนหยิบของออกจากกระเป๋าภัสกรก็ดีใจมาก เขารบเร้าให้เธอย้ายไปอยู่ด้วยแต่รัตติกาลยังไม่พร้อม
เธอขอเวลาบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่เธอที่ต่างจังหวัด ภัสกรจึงแอบซุ่มที่จะเตรียมขอเธอแต่งงานต่อหน้าพ่อแม่เธอ
วันที่หญิงสาวโทรเรียกให้เขาไปหา เป็นวันที่เขามีประชุมสำคัญ และได้บอกเธอไปแล้วว่าประชุมครั้งนี้มีผลต่อบริษัท ตอนแรกเธอก็เหมือนจะเข้าใจ แต่พอถึงเวลาก็โทรมารบเร้าให้เขาพาไปตรวจที่โรงพยาบาลจนเขารีบพูดตัดบทให้เธอนั่งแท็กซี่ไปเองจนเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น
หลังจากนั้นรัตติกาลก็โกรธเขามาก เธอบอกเลิกเขาและหนีออกจากโรงพยาบาล เขาไปตามหาเธอที่ห้องก็ไม่เจอเธอ และสามวันต่อมาเมื่อเขาไปหาเธอที่ห้องอีกก็พบว่ารัตติกาลย้ายของออกจากห้องไปแล้ว
“คุณอยู่ไหนนะเกล ผมคิดถึงคุณมากรู้หรือเปล่า” เขาพึมพำแล้วดื่มเครื่องดื่มในมืออีกหลายแก้ว
นึกด่าตัวเองที่ไม่สืบประวัติเธอว่าพ่อแม่เธอเป็นใคร พอเธอหายไปเขาก็ไม่รู้ว่าจะไปตามที่ไหน รู้สึกผิดที่วันนั้นไม่ได้พาเธอไปตรวจครรภ์ แม้พรศักดิ์จะเป็นคนขับรถชนเธอ แต่ต้นเหตุทั้งหมดมันก็มาจากเขาจริงๆ ที่ทำให้เธอไปอยู่จุดนั้นในเวลานั้น
เมื่อตามหารัตติกาลไม่ได้ เขาจึงต้องแก้แค้นคนที่ทำให้เธอต้องหนีไปจากเขา เขาใช้อำนาจทำให้บริษัทของพรศักดิ์ถูกยกเลิกงานจากลูกค้าหลายราย จนกระทั่งเขาและลูกสาวมาขอร้องเขาถึงบริษัทให้เลิกทำลายธุรกิจของตน
เขาย้อนนึกถึงตอนนั้น ตอนที่พรศักดิ์พาพรนับพันมา เขามองแววตาที่กังวลของเธอในสิ่งที่เขาทำ และสีหน้าที่ดูเป็นกังวลไม่ต่างกันของพรศักดิ์ แล้วอยากทำให้พรศักดิ์เจ็บปวดที่ต้องสูญเสียลูกสาวให้กับเขา
“ถ้าอยากให้ผมหยุด คุณเอาชีวิตลูกของผมกลับมาให้ได้สิ หรือถ้าไม่ได้ลูกสาวคุณก็ต้องมีลูกให้ผม แล้วผมจะหยุดทุกอย่าง”
“ฝันไปเถอะ” พรศักดิ์ไม่ยอมข้อเสนอที่บ้าบอนี้ สิ่งที่มีค่าที่สุดของเขาคือพรนับพัน ส่วนธุรกิจหากมันจะต้องปิดตัวลงเขาก็สามารถสร้างใหม่ได้
“ก็ได้ค่ะ ฉันจะมีลูกให้คุณ แต่ฉันมีข้อแม้” พรนับพันพูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่ามันเป็นทางเดียวที่ครอบครัวเธอจะพ้นวิกฤตนี้ บิดาของเธอแก่ตัวเกินกว่าจะเริ่มต้นใหม่ รวมถึงพนักงานอีกหลายชีวิตที่ต้องดูแล
“คุณต้องเลิกยุ่งกับธุรกิจของที่บ้านฉันอย่างเด็ดขาด และตามลูกค้าของเราที่เสียไปมาให้ครบ หลังจากนั้นฉันจะอุ้มบุญลูกของคุณ” เธอพูดขึ้นมาเมื่อคิดว่าเขาจะให้เธออุ้มบุญ
“เรื่องธุรกิจผมตกลง แต่ว่าคุณต้องเป็นเมียผม จดทะเบียนสมรสกับผมเพื่อให้ลูกเป็นลูกผมตามกฎหมาย แล้วตอนนั้นเราก็หย่ากัน” เขาพูดเสียงเรียบ ก่อนจะเหยียดยิ้มแล้วถากถางเธอต่อ
“แล้วไม่ต้องหวังสูงนะ ผมจะให้เจ้าหน้าที่สลักหลังว่าหลังจากหย่าคุณจะไม่มีสิทธิ์ในสินสมรสและลูกเป็นสิทธิ์ของผมคนเดียว และเรื่องนี้ต้องเป็นความลับ เพราะถ้าผมตามตัวเกลกลับมาได้ ผมไม่อยากให้เธอเสียใจ ถ้าไม่รับข้อเสนอนี้ก็กลับไปก็รอหมายศาลฟ้องล้มละลายได้เลย”
“ไม่นะเค้ก” พรศักดิ์หันไปห้ามเธอ รู้ว่าลูกสาวต้องยอมแน่
“เค้กจะไม่ยอมให้พ่อกับแม่และพนักงานของเราต้องลำบากหรอกค่ะ” เธอบอกบิดาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง ก่อนจะหันมารับปากเขา
“ฉันตกลงค่ะ” เธอบอกแล้วสบตากับเขา แต่ก็ทนความแข็งกร้าวและน่ากลัวนั้นไม่ไหวจนต้องเป็นฝ่ายหลบตาไป รู้สึกว่าชายตรงหน้าน่ากลัวกว่าที่คิด
ข้อเสนอที่เธอต้องมาแต่งงานเพื่อให้กำเนิดทายาทของเขาจึงเกิดขึ้นมาในตอนนั้น แต่ก่อนที่จะทำให้เธอมีทายาทให้เขาต้องเล่นสนุกกับความรู้สึกของเธอและพรศักดิ์ให้มากกว่านี้
“เห็นเขาว่า ยิ่งลูกเจ็บคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ยิ่งเจ็บ มาดูกันว่าผมจะทำให้คุณเจ็บมากแค่ไหน คุณพรศักดิ์” เขาพูดเสียงกร้าวแล้วยกเครื่องดื่มขึ้นอีกแก้วก่อนจะกระแทกมันลงกับโต๊ะ แล้วกำเอาไว้แน่นด้วยความโกรธเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่แสนเจ็บปวด
************************
พรนับพันเตรียมสะพายกระเป๋าเพื่อที่จะออกไปทานอาหารกับสามีเหมือนอย่างเช่นเคย แต่ยังไม่ทันที่จะออกไปจากห้องภัสกรก็เปิดประตูเข้ามาเสียก่อน“วันนี้ไม่ต้องไป ผมจะมารับคุณไปทานอาหารข้างนอก” เขาบอกเสียงเรียบแล้วยกศอกขึ้นให้เธอควงแขนแต่พรนับพันทำเป็นไม่เห็นแล้วแกล้งทำเป็นเช็กของในกระเป๋าทำให้เขาต้องลดศอกลง“จะไปได้หรือยัง” เขาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบและดูหงุดหงิด“ค่ะ ไปสิคะ” เธอเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มให้แก่เขาทั้งคู่เดินไปด้วยกันเมื่อผ่านห้องทำงานของพรศักดิ์เขาก็เปิดประตูออกมา สองหนุ่มต่างวัยสบตากันเล็กน้อยแล้วต่างคนก็ต่างเมินกัน“เค้กไปทานอาหารกับคุณภัสกรนะคะ”“มีเงินพกไปไหมล่ะ เดี๋ยวพ่อเอาเงินให้”“ไม่เป็นไรครับ ‘เมีย’ คนเดียวผมมีปัญญาเลี้ยง” ภัสกรปฏิเสธแล้วแสยะยิ้ม“ครั้งก่อนนี้คงหมดปัญญาสินะ ถึงได้ให้เมียจ่ายเอง” พรศักดิ์พูดเหน็บอีกฝ่ายแล้วยิ้มเยาะกลับไปพรนับพันเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพาภัสกรออกไปจากตรงนั้น“เค้กไปก่อนนะคะพ่อ เดี๋ยวรถจะติด” เธอบอกบิดาแล้วควงแขนสามีออกไป เพราะหากว่าทั้งสองคนทะเลาะกันคนที่จะได้รับผลกระทบก็คือตัวเธอเองระหว่างทางเขาเอาแต่เงียบ ในขณะที่เธอเองก็เงียบเพราะไม่อยากมีปัญ
“อะไรนะคะ คุณจะให้ฉันไปทานข้าวกับคุณทุกวันอย่างนั้นเหรอ” พรนับพันถามอย่างไม่เชื่อหูที่อยู่ๆ เขาก็บอกให้เธอไปทานอาหารกลางวันกับเขาที่บริษัท“อืม ฟังไม่ผิดหรอก” เขาตอบด้วยน้ำเสียงปกติแล้วตักอาหารใส่ถ้วยข้าวของเธอ“เพื่ออะไรคะ คุณมีแผนอะไรจะ...เอ่อ มีแผนจะทำอะไรคะ” เธอเปลี่ยนไปพูดอีกแบบ เกือบพลั้งปากถามว่ามีแผนอะไรจะแกล้งเธออีก“ก็อยากรีบมีลูกแล้วหย่ากับผมไม่ใช่เหรอ อยู่ๆ จะนอนกับคนที่ไม่ได้ทำความรู้จักกันมาก่อนก็คงจะทำใจลำบาก ผมเลยอยากให้เราทำความคุ้นเคยกันไว้ก็เท่านั้น”พรนับพันฟังเหตุผลของเขาแล้วหน้าแดงเรื่อด้วยความเขินที่เขาพูดเรื่องมีลูกกลางโต๊ะอาหาร โชคดีที่เป็นห้องส่วนตัวที่ได้ยินกันแค่สองคน“ว่ายังไงล่ะ” เขาถามแล้วเลิกคิ้วสูงเพื่อรอคำตอบเมื่อเห็นว่าวันนี้เขาดูอารมณ์ดีเธอจึงรีบรับปากเขาเพื่อรักษาอารมณ์ที่เป็นปกติของคนทั่วไปนี้เอาไว้ แม้จะไม่ใช่อารมณ์ปกติของเขาก็ตาม“ได้ค่ะ ฉันจะไปทานอาหารกับคุณทุกวัน”“แล้วอีกอย่างนะ”“อะไรคะ”“ถ้าไม่เป็นการฝืนใจ เรียกแทนตัวเองอย่างที่ผมเคยขอด้วยก็ดีนะ” เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงที่คุมให้นุ่มนวลเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง“ค่ะ” เธอรับปากเขาแล้วยิ้มให้เล็
เรื่องราวอีกด้านของรัตติกาลหรือกัญญาที่ภัสกรรับรู้ เขาไม่ได้รู้สึกว่าตนเองถูกเธอหลอกลวงเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมองว่าหญิงสาวตัวเล็กๆ ที่หนีออกจากบ้านพ่อแม่บุญธรรมนั้น มันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างไม่แน่ว่าเธออาจจะไม่ได้รับความรักจากครอบครัวที่อุปการะเธอ หรือบางทีอาจจะถูกพ่อบุญธรรมคิดทำมิดีมิร้ายถึงได้หนีออกมาแล้วต้องปิดบังตัวตนไม่ให้คนอื่นตามเจอ“เกล ชีวิตคุณต้องผ่านอะไรมาบ้างนะ” เขาพึมพำหาเธอด้วยความห่วงใยแม้ลึกๆ จะนำข้อมูลนั้นมาปะติดปะต่อแล้วแอบคิดในแง่ร้ายแต่เพราะเชื่อมั่นในตัวของคนรักที่ดีต่อเขาเสมอมา และไม่เคยเรียกร้องเงินทองหรือสิ่งมีค่าจากเขาเลย มันก็ทำให้เขาเชื่อมั่นในตัวเธอแล้วสลัดความคิดเหล่านั้นออกไปในขณะที่ภัสกรโหมทำงานอย่างหนักเพื่อให้หยุดคิดในสิ่งที่นักสืบเอกชนรายงานเพื่อให้เขาคิดกับเธอในมุมมองที่เลวร้าย เสียงเอะอะด้านนอกก็ดังขึ้นทำให้เขารู้ว่าความวุ่นวายที่เคยหายไปกำลังจะกลับมาอีกครั้งแล้ว“เข้าไปไม่ได้นะครับ” วาทินพยายามห้ามปรามหญิงสาวทั้งสองสิรินาถและซอนญ่าใช้ความเร็วและความเป็นผู้หญิงที่วาทินไม่กล้าแตะต้องตัวเธอเดินหน้าเข้าหาวาทินจนเขาต้องเป็นฝ่ายถอย แล้วอาศัยจังหวะนั
ภัสกรกลับไปที่ห้องของตนด้วยความรู้สึกที่สับสน เขามั่นใจว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับพรนับพันเลยแม้แต่นิด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกังวลกับความต้องการตามธรรมชาติของตนแน่นอนว่าข้อเสนอเหล่านั้นสร้างมาเพื่อที่จะทำให้พรศักดิ์รู้สึกเจ็บปวด แต่ว่าความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นมันทำให้เขาเริ่มรู้สึกลำบากใจเธอเองก็ไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่อะไร และเขาเองก็มีสิทธิ์ในตัวเธอเต็มที่ตามข้อตกลง รวมไปถึงสิทธิ์ที่เป็นสามีตามกฎหมาย แต่เพราะไม่อยากทำผิดต่อรัตติกาลจึงไม่ได้ลงมือทำมันลงไป“ให้ตายตอนนั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำเรื่องบ้าๆ ลงไป บ้าฉิบ” เขาสบถด่าตัวเองด้วยความโมโหทั้งกลัวใจตัวเองจะเผลอไผลไป และกังวลว่าหากตามตัวคนรักกลับมาได้จะทำให้เรื่องทุกอย่างยิ่งยุ่งยากและวุ่นวายมากกว่านี้หลังจากเดินไปเดินมาภายในห้องอย่างคิดไม่ตก เขาจึงตัดสินใจจะไปหาเครื่องดื่มดับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตน และความคิดในหูที่ดังขึ้นมาว่าเขาควรจัดการพรนับพันไปให้จบๆ“ไม่มีทาง” ภัสกรพูดออกมาสู้กับความคิดของตนเองเขาดื่มบรั่นดีในมือแล้วรู้สึกโมโหตัวเอง หลายครั้งที่เขาอารมณ์ร้อนแล้วขาดสติทำเรื่องไม่เป็นเรื่องจนเกิดปัญหาตามมาอยู่บ่อยครั้งและครั้งนี้ข้อเสนอท
หลังจากที่ปล่อยให้พรนับพันต้องอยู่ที่ร้านอาหารหรูที่รับเฉพาะเงินสด โดยปราศจากกระเป๋าและเครื่องมือสื่อสาร ภัสกรก็ตรงกลับมาที่บริษัทของตนด้วยความสะใจเมื่อเขาไปถึงวาทินก็รีบนำเอกสารโครงการต่างๆ ที่มีคนฝากไว้มาเปิดให้เขาดู“วันนี้มีอะไรอีกไหม”“ไม่มีครับ มีแค่โครงการที่ฝ่ายขายขอส่วนลดให้ลูกค้า และงบประมาณที่ฝ่ายบุคคลขอเบิกเพื่อจัดงานปฐมนิเทศพนักงานใหม่ที่คุณวิรากานต์อยากจะขอคำปรึกษา” วาทินรายงานแล้วก้มหน้าลง เพราะรู้ว่าเจ้านายไม่ต้องไม่พอใจกับอย่างหลัง“แค่งบปฐมนิเทศฝ่ายบัญชีตรวจสอบกันเองไม่ได้หรือไง ทำไมต้องถึงมือฉันด้วย” เขาถามแล้วจรดปากกาเซ็นอนุมัติงานของฝ่ายขายหลังจากกวาดตาอ่านเรียบร้อยแล้ว“เอ่อ คุณวิรากานต์อยากจะเข้ามาคุยกับบอสถึงเรื่องนี้ด้วยครับ เธอว่างบมันดูแปลกๆ แต่ผมดูแล้วเห็นว่าก็สมเหตุสมผล แต่เธอยืนยันว่าอยากคุยกับนายด้วยตัวเองครับ” วาทินรายงานตามที่อีกฝ่ายยืนยันความประสงค์มา แม้รู้ว่าภัสกรจะไม่ชอบใจกับการพยายามเข้าหาของเธอ แต่ด้วยตำแหน่งของวิรากานต์เขาจึงไม่สามารถปฏิเสธได้“บอกว่าฉันอนุมัติงบประมาณตามที่ฝ่ายบุคคลขอ และช่วงนี้ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนไม่อยากพบใครเป็นการส่วนตัว” เข
พรศักดิ์ไปรับลูกสาวกลับพร้อมกับจ่ายเงินค่าอาหารให้ พรนับพันนำอาหารพวกนั้นไปแจกจ่ายให้พนักงาน แล้วเอาขวดไวน์ราคาเหยียบหมื่นมาตั้งที่โต๊ะของตัวเองแล้วมองมันด้วยความเจ็บใจน้ำตาพานจะไหลแต่ก็ต้องทำเป็นว่าเธอไม่รู้สึกอะไรเพื่อความสบายใจของบิดา“พ่อว่าเขาตั้งใจแกล้งเค้ก พ่อดูออก”“ไม่หรอกค่ะพ่อ เขารีบกลับไปทำงานด่วน เค้กผิดเองที่ลืมไปว่าตัวเองไม่ได้เอากระเป๋าไป เลยให้เขากลับไปทั้งอย่างนั้น ขอโทษนะคะที่ต้องรบกวนให้พ่อไปจ่ายให้” หญิงสาวบอกบิดารับความผิดเอาไว้เอง“เฮ้อ ช่างเถอะ” พรศักดิ์ถอนหายใจออกมา แม้ว่าพรนับพันจะลืมว่าตัวเองไม่ได้พกกระเป๋าไปก็จริง แต่เขาควรฝากเงินไว้ให้เธอจ่ายค่าอาหารให้ กานดาที่ออกไปทำบุญกับเพื่อนกลับมาในตอนบ่าย เธอเข้ามาที่ห้องทำงานของลูกสาวหลังจากได้ยินเลขานุการของสามีบอกว่าเขาออกไปรับเธอกลับมาเพราะถูกภัสกรทิ้งไว้ที่ร้านอาหาร“เกิดอะไรขึ้นลูก” กานดาเข้ามาก็ถามในประเด็นที่ตนสงสัยพรนับพันจึงเล่าเรื่องที่เกิดให้มารดาฟังให้เข้าใจแบบเดียวกันกับบิดา“เขาคงไม่ตั้งใจหรอก ถึงจะเคียดแค้นแค่ไหน แต่เป็นถึงนักธุรกิจใหญ่โตอายุอานามก็จะสี่สิบ เขาไม่เอาเวลามากลั่นแกล้งกันด้วยเรื่องเล็







