“ก็เอาแต่พอดีๆ สิคะ ไม่มากและน้อยไป”
“ไอ้ความพอดีของคนเรานี่ใช้ไม้บรรทัดวัดได้ก็ดีสิครับ” ชายหนุ่มเอ่ยเปรียบเปรยก่อนจะส่ายหน้าให้ ปิติญาดาพลอยถอนหายใจออกมาอีกคน “นี่ก็ดึกแล้วพี่กลับก่อนดีกว่า ยังไงฝากน้องน้ำมนต์ช่วยเช็ดตัวไอ้คิงส์มันอีกสักรอบนะครับ จะได้หลับสบายขึ้น”“ได้ค่ะ” หญิงสาวรับปาก ก่อนจะทำท่าเดินไปยังประตูห้อง เขตไทยจึงชิงพูดขึ้นเพราะเดาท่าทางหญิงสาวออก “ไม่ต้องลงไปส่งหรอก พี่กลับเองได้ น้องน้ำมนต์อยู่ดูแลไอ้คิงส์แล้วกัน” คำพูดนี้ทำเอาคนหวังดีชะงักเท้า เขตไทยหันมามองหน้าคณินพร้อมส่ายหน้าให้ ก่อนจะลงจากชั้นบนแล้วขับรถกลับบ้านของตน ส่วนปิติญาดาก็ทำตามที่เขตไทยบอก หญิงสาวหยิบผ้าขนหนูผืนเดิม ก่อนจะนำไปล้างและชุบน้ำออกมาเช็ดตามเนื้อตามตัวให้คณินอีกครั้งแต่หญิงสาวกลับดูเก้ๆ กังๆ มากกว่าตอนที่เขตไทยทำเสียอีก เพราะตอนนี้เสื้อตัวที่คณินสวมอยู่ถูกปลดกระดุมออกเสียทุกเม็ดเผยให้เห็นสัดส่วนน่ามองของผู้ชายที่พึ่งเคยเห็นกับตาเป็นครั้งแรก กล้ามเป็นมัดๆ แถมไรขนที่หายลับเข้าไปยังขอบกางเกงนัปิติญาดาแทบกรี๊ดเมื่อริมฝีปากร้อนๆ ของคณินได้ครอบครองยอดบัวงามที่กำลังแข็งเป็นไต ชายหนุ่มดูดกลืนความหอมหวานอย่างหิวกระหายจนหญิงสาวสั่นสะท้านครั้งแล้วครั้งเล่า ตาปรือด้วยอารมณ์ปรารถนาตามธรรมชาติที่กำลังลุกโชนอย่างยากที่จะต้านทาน มืออีกข้างของคณินก็เคล้าคลึงฟ้อนเฟ้นหน้าอกอีกข้างของเธออย่างไม่น้อยหน้าริมฝีปากหยักอันร้ายกาจนั่นแม้แต่น้อย ดวงตาของปิติญาดาเบิกกว้างก่อนจะหลับลงเพราะอารมณ์รัญจวน“ปะ...ปล่อยนะ” เสียงห้ามปรามอันแผ่วเบาดังมาจากริมฝีปากอิ่มที่ตอนนี้บวมเจ่ออย่างเห็นได้ชัด แรงขัดขืนมีอยู่แต่ก็ไม่มากมายจนพอจะทำให้ร่างกายเป็นอิสระจากการครอบครองของคณิน ความรู้สึกวาบหวิวถาโถมเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่า หัวใจดวงน้อยเหมือนจะขาดรอนๆ เพราะไฟปราถนาที่ไม่เคยได้สัมผัสกำลังแผดเผา“บัว...คุณหอมไปทั้งตัวเลยที่รัก” คำเอ่ยเรียกอย่างลืมตัวของคณินที่ได้ยินข้างหู ทำให้ปิติญาดาได้สติ หญิงสาวหยุดนิ่งสมองกลับมาทำงานอีกครั้ง น้ำตาของความน้อยใจกำลังเอ่อล้นเล่นงานคนเข้มแข็งที่ตอนนี้กลายเป็นคนอ่อนแอให้พ่ายแพ้ปิติญาดา
“ตกลงคิดออกหรือยังว่าจะทำอะไรที่นี่” ขณะถามชายหนุ่มก็มองหน้าปิติญาดาไปตรงๆ พร้อมทำหน้าตาสงสัยว่าทำไมใบหน้าของหญิงสาวถึงได้แดงก่ำแบบนั้น ส่วนคนถูกมองแม้จะพยายามข่มความอายแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ ใบหน้าถึงได้ร้อนๆ แบบนี้“ขะ…คิดออก”“แล้วนี่เป็นอะไรของเธอ ตอบตะกุกตะกัก หน้าก็แดงแจ๋ไม่สบายหรือเปล่า” ในที่สุดคนที่สงสัยอยู่นานก็ถามขึ้น ปิติญาดาทำตัวไม่ถูกเผลอสบตากับเขาตรงๆ คราวนี้ใบหน้าที่ว่าแดงอยู่แล้ว ก็ยิ่งแดงมากขึ้น ก่อนจะรีบปฏิเสธเสียงสั่น“ปะ…เปล่านี่”“ช่างเถอะ แล้วที่ว่าคิดออกคืออะไร ว่ามาสิ” คณินเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง เพราะเวลานี้เขาปวดศีรษะมาก จนไม่อยากคิดอะไรให้รกสมองไปกว่านี้แล้วเท่านั้นเอง ชายหนุ่มหลับตาขณะรอฟังว่าปิติญาดาจะพูดอะไร แต่หารู้ไม่ว่าตอนนั้นสายตาหญิงสาวจับจ้องตรงริมฝีปากหยักของเขาอย่างไม่สามารถละสายตาไปมองที่อื่นได้ แต่คำพูดของคณินก็เรียกสติเธอให้กลับมา“หื้อ… ว่าไงพูดมาสิ รอฟังอยู่&rd
“โอ้...เมล์แทบแตก” จำนวนข้อความในกล่องขาเข้าของ ปิติญาดามีเยอะมากจนไม่รู้ว่าจะเปิดข้อความไหนก่อนดี เมื่อคิดไม่ออกก็ละไว้ ก่อนจะค้นหาอีเมลของชลนทีที่บันทึกไว้ก่อนเป็นอย่างแรก เพราะตอนนี้ความรู้ของเพื่อนสำคัญกับเธอนั่นเอง เมื่อได้ก็จดบันทึกใส่สมุดกันเหนียวไว้ แล้วส่งข้อความทางเอ็มเอสเอ็นไปหา ไม่นานฝั่งตรงข้ามก็ส่งตอบกลับโดยข้อความอย่างแรกคือเสียใจเรื่องพ่อของเธอและขอโทษที่ไม่ได้ไปร่วมงานศพปิติญาดาเองก็เข้าใจเพราะเหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้นเร็วมากจึงไม่ได้บอกใครให้รู้ข่าว เธอเองก็ไม่ได้ถือโทษเพื่อนคนนี้ด้วย ก่อนจะเอ่ยขอคำปรึกษาเรื่องการทำเว็บไซต์ ซึ่งเพื่อนก็ใจดีบอกขั้นตอนให้อย่างละเอียด แถมพอรู้ว่าหญิงสาวมีวัตถุประสงค์ที่จะทำอะไร ยังอาสาทำเว็บไซต์ให้ปิติญาดาแบบไม่คิดมูลค่าอีก แม้จะปฏิเสธไม่ขอรับน้ำใจนั้น แต่เพื่อนของเธอก็ดูท่าจะไม่ยอมง่ายๆการพูดคุยของทั้งสองคนจากทางข้อความก็เปลี่ยนมาเป็นคำพูด โดยที่ชลนทีเป็นคนโทรศัพท์มาหาปิติญาดาเองเพราะจะได้คุยกันให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น คนไม่มีความรู้เรื่องเว็บไซต์ก็ค่อยๆ ปะติดปะต่อเก็บเกี่ยวความ
“081-XXX-XXXX” เบอร์โทรศัพท์ที่ได้ยินช่วยดึงสติของ ปิติญาดาให้กลับมา เพราะต้องใช้สมองท่องจำให้ได้นั่นเอง“ขอบใจ งั้นแค่นี้แหละ” พูดจบก็วางสายไปทันที คณินส่ายหน้าไปมาก่อนจะตั้งสมาธิขับรถของตัวเองต่อไป โดยหารู้ไม่ว่าการพูดคุยกับปิติญาดานั้นทำให้ชายหนุ่มอารมณ์ดีขึ้นส่วนปิติญาดาเมื่อวางสายจากคณินแล้วก็รีบกดโทรออกไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ได้มาทันที แต่กลับมีแต่การฝากข้อความติดต่อไม่ได้ไปอีกคน หญิงสาวถอนหายใจออกมาเพราะเป็นห่วงแม่ ถ้าเป็นแบบนี้เธอคงต้องรอให้แม่เป็นฝ่ายติดต่อมาเอง หญิงสาวสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ เพื่อเติมหลังให้ตัวเองหลังจากนั้นก็ขอให้ป้าชื่นขึ้นไปหยิบกล้องถ่ายรูปที่อยู่ในห้องนอนของคณินให้ เมื่ออุปกรณ์พร้อมหญิงสาวก็ขับรถคันเมื่อวานออกไปยังร้านเซรามิคแต่ละร้านที่เล็งสินค้าเด่นๆ ดังๆ ของพวกเขาไว้ตั้งแต่แรกที่ได้เห็น รวมทั้งสินค้าที่เธอชอบและมองว่าตลาดต่างประเทศน่าจะชอบด้วยเช่นกัน ปิติญาดาพูดคุยเรื่องแผนธุรกิจของเธอให้ฟังว่างานที่เธอทำนี้จะเป็นแบบพรีออเดอร์ ทำตามยอดสั่งซื้อในแต่ละครั้ง จ
“เออ...แล้วข้าจะลองคิดดู” เขตไทยพยักหน้ารับคำพูดนั้นของคณิน รู้อยู่หรอกว่าเรื่องนี้มันต้องใช้เวลาในการเยียวยา แต่คนเราจะเก็บคนที่ไม่ได้รักมาฝังใจก็ใช่ที่ ทำแบบนั้นมีประโยชน์หรือไง สำหรับเขาให้มองมุมไหนก็ไม่เห็นมีข้อดีสักข้อ “แล้วเขาไม่ชวนเอ็งมาหรือไง”“ไม่นี่หว่า สงสัยเจาะจงแค่เอ็งคนเดียว”“อืม” คณินเอ่ยรับสั้นๆ ทั้งคู่เงียบอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขตไทยจะพูดเปลี่ยนเรื่องวกกลับมาที่เรื่องงานบ้าง“อีกสองสามวันข้าจะบินไปเกาหลี จะไปดูตลาดที่นั่นสักหน่อย เห็นว่ามีคู่ค้าสนใจสินค้าพวกเซรามิคของเราอยู่หลายราย” นี่คือตลาดกลุ่มใหม่ที่เขตไทยตั้งใจจะขยายงานเซรามิคของโรงงานไป หวังว่าทุกอย่างจะประสบความสำเร็จ“ก็ดี...งานนี้ข้าฝากเอ็งด้วยแล้วกัน เพราะพักนี้ข้ายุ่งๆ จนปลีกตัวไปกับเอ็งไม่ได้”“ไม่มีปัญหา แล้วจะเอารายชื่อคู่ค้าที่นู้นมากฝาก”“จะรอ” สองหนุ่มยิ้มให้กัน ทั้งสองคนแยกแยะเรื่องงานกับเรื่
“พี่วศิณ” ภคมณเอ่ยเรียกชื่อสามีของเธอแทบฟังไม่ได้สรรพ ก่อนจะครางออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า วาบหวามจนหน้าท้องบิดเกร็ง ความเป็นหญิงร้อนผ่าวรับรู้ได้ถึงความพร้อมของตัวเอง ริมฝีปากของวศิณทำหน้าที่มอบความสุขให้แก่คนที่เขารัก ก่อนจะละจากหน้าอกทั้งสองข้างแล้วพรมจูบต่ำลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงขอบบิกินี่ตัวจิ๋วที่ภคมณสวมอยู่มือหนารั้งปราการชิ้นเล็กจิ๋วให้ออกไปจากร่างสมส่วนตรงหน้า ซึ่งภคมณก็ให้ความร่วมมือด้วยการยกสะโพกขึ้นสูง ไม่นานเธอก็เปลือยเปล่าตามด้วยวศิณที่รีบจัดการรั้งปราการด่านสุดท้ายของเขาลงไปกองที่ข้อเท้าเช่นเดียวกัน ก่อนจะจับเรียวขาของภรรยาให้แยกกว้างออก จากนั้นก็แทรกตัวลงไป ภคมณถึงกับผวาสุดแรงเมื่อลิ้นร้อนๆ ของสามีสัมผัสกุหลาบที่มีเกสรฉ่ำเยิ้มของเธอ แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกแต่ก็อดตื่นเต้นและตื่นตัวไม่ได้ลิ้นอันร้ายกาจของวศิณทำหน้าที่ปรนเปรอความสุขให้ภคมณ แต่เหมือนเขาจะไม่หยุดแค่การใช้ลิ้น เมื่อชายหนุ่มค่อยๆ ใช้นิ้วกับกุหลาบดอกงาม ภคมณส่ายหน้าไปมาสลับร้องครางเบาๆ มือทั้งสองข้างขย้ำผ้าปูที่นอนจนยับยู่คามือเพื่อระบายความรู้สึกวาบหวิวในตอนนี้
“เปล่า ก็แค่อยากบอกให้รู้” คณินยักไหล่ให้ ก่อนจะเห็นว่า ปิติญาดากำลังชะเง้อคอยาวเป็นยีราฟ มองผ่านกระจกออกไปยังจุดปั้นถ้วยชามที่คนงานกำลังวุ่นทำกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เพราะมีออเดอร์เข้ามาหลายออเดอร์ กลัวว่าของจะเสร็จไม่ทันวันกำหนดส่ง“เคยทำหรือยัง”“หา…” คนถูกถามสะดุ้ง“จะขายงานเซรามิคทั้งที เธอรู้ขั้นตอนการทำเซรามิคสักชิ้นแล้วหรือยัง”“ยัง” ปิติญาดาส่ายหน้าให้ ถึงจะเคยไปโรงงานเซรามิคมาหลายโรงงาน เรื่องทฤษฎีก็พอรู้มาบ้างแต่ยังไม่เคยปฏิบัติ ได้ยินแบบนั้นคณินก็เอ่ยชวน“งั้นไป เดี๋ยวฉันสอนให้”“ตอนนี้เลยเหรอ” คนถูกชวนถามเสียงตื่นๆ อะไรมันจะรวดเร็วปานนั้น“ใช่…จะรออะไร ไปเร็ว” ชายหนุ่มพยักหน้าให้บอกว่าเขาพูดจริงทุกคำ ก่อนจะเดินนำออกไปข้างนอก พร้อมทั้งพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นสูง ปิติญาดาหันซ้ายหันขวาก่อนจะเดินตามชายหนุ่มออกไป เมื่อมาถึงหน้าเครื่อ
“แมวต่างหาก มองยังไงเป็นสัตว์ต่างดาว ชิชิ” ปิติญาดาหันมาย่นจมูกให้ชายหนุ่มอีกครั้ง เธอวาดออกจะเหมือน เหมือนที่สุดในสามโลกด้วย“แมว! มองมุมไหนก็ไม่เห็นจะเหมือนแมว เอเลี่ยนชัดๆ” คณินพยายามเพ่งมองสิ่งที่ปิติญาดาบอกว่าเป็นแมว หูยาว บนหน้ามีหนวดฝั่งละสามเส้น หน้าตาก็ประหลาด ตัวป้อมๆ ขาแทบมองไม่เห็น สิ่งนี้เรียกว่าแมวตรงไหน ปิติญาดาจึงอธิบายให้ชายหนุ่มเข้าใจ ถึงเธอจะตกวิชาศิลปะแต่เรื่องจินตนาการละก็ไม่มีทางแพ้ใคร“ก็นี่หู ตรงนี้หนวด ตรงนี้ก็แขนกับขาที่เห็นว่าขาสั้นๆ เพราะแมวตัวนี้นั่งอยู่” คนวาดแมวเอ่ยบอกตามที่เธอจินตนาการ แต่อีกคนกลับยิ้ม“เหรอ ไม่บอกไม่รู้” คนฟังส่ายหน้าให้ พยายามจะจินตนาการแมวตามภาพที่เห็น แต่ก็จินตนาการไม่ออกสงสัยเป็นแมวพันธุ์ใหม่“นายนี่ไม่มีความรู้เรื่องศิลปะเอาเสียเลย” คนสวยเชิดหน้าให้ ถึงคนอื่นจะมองไม่ออกว่านี่คือแมว แต่ปิติญาดามองออกมีอะไรไหม แต่อยู่ๆ เธอกลับนั่งตัวแข็งทื่อเมื่อคณินยื่นมือมาใกล้ ชายหนุ่มเช็ดคราบดินที
“พี่ธร!” ภรรยาตามกฏหมายถึงขั้นอึ้ง เพราะไม่คิดว่าชายหนุ่มจะกล้าตอบแบบนี้กลับมา โยนความผิดไปยังผู้หญิงที่ยืนหลบหลังชายหนุ่มทันทีว่าคือตัวต้นเหตุในการเปลี่ยนไปครั้งนี้ของพงศธร“บัวก็รู้ว่าพี่อยากมีลูก แต่บัวก็กลัวหุ่นจะเสีย กลัวจะไม่สวยและอีกสารพัดข้ออ้าง”“แต่เราคุยกันอีกครั้งก็ได้ บัวอาจจะเปลี่ยนใจยอมมีลูกกับพี่ก็ได้” กิ่งดาวเริ่งอ่อนลง ไม่คิดว่าการที่เธอไม่ยอมมีลูกจะทำให้ผู้ชายที่เธอคิดว่าเขารักเธอมากยอมทำได้ทุกอย่างเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้“อาจจะเปลี่ยนใจงั้นเหรอ” พงศธรยิ้มเหยียดออกมา ถึงขั้นนี้กิ่งดาวก็ยังใช้คำว่าอาจจะ แทนที่จะพูดว่าเธอยอมมีลูกกับเขา“ใช่...แต่นังนี่กลับปล่อยให้ตัวเองท้อง ฉันจะฆ่าแกนังสารเลว แย่งผัวชาวบ้าน” คำแต่ละคำที่กิ่งดาวพูดออกมาช่างไม่เหมือนกิ่งดาวคนที่พงศธรรู้จักสักนิด“หยุด...ต่อให้บัวพูดยังไง ตอนนี้ก็คงสายไปแล้ว”“เพราะนังเมียน้อยนี่ใช่ไหม เพราะมัน พี่ถึงเป็นแบบนี้” สติของกิ่งดาวเริ่มหลุด เธอไม่ยอมหยุดแค่นี้แน่นอน ปลายฟ้านั้นไ
“นิดหน่อยค่ะ” มือหนาของเขตไทยยกขึ้นสัมผัสแก้มนวลของต้องหทัยเบาๆ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน คิดถึงเป็นบ้า“งั้นเราไปหาอะไรกินข้าวกันก่อนดีกว่า อาหารเหนือที่นี่อร่อยมาก”“ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยรับก่อนจะเดินตามชายหนุ่มไป เขตไทยกระชับมือบางที่เขากุมอยู่แน่น ก่อนจะหันมาขโมยหอมแก้มเธอหนักๆ ให้ได้หายคิดถึง ต้องหทัยจึงฟ้อนเล็บตอบแทนเขาไปชุดใหญ่กับการทำอะไรประเจิดประเจ้อจนส่งผลต่อใบหน้าเธอให้รู้สึกร้อนผ่าวๆ อยู่ขณะนี้เขตไทยสั่งอาหารขึ้นชื่อของทางรีสอร์ตให้ต้องหทัยได้ลองชิม หญิงสาวนั่งมองหน้าเขานิ่ง มือทั้งสองคนยังคงกุมกันอยู่ คล้ายจะกลัวว่าถ้าปล่อยคนใดคนหนึ่งจะหายตัวไปแบบนั้น แม้จะอยากถามเขาว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้างเธอก็ไม่ถาม กลับชวนคุยเรื่องอื่นรอให้ทานอิ่มค่อยถามก็ได้แต่ขณะทานข้าวอยู่นั้นชายหนุ่มกลับถามเธอขึ้นมาก่อน เพราะรู้ว่าเธอเองก็มีเรื่องให้กังวลอยู่เหมือนกัน แต่เหมือนเส้นผมบังภูเขา เพราะถ้าต้องหทัยบอกชื่อว่าเพื่อนคนที่เธอตามหาว่าเป็นใคร เขตไทยคงช่วยได้นานแล้ว“แล้วหมวยตามหาเพื่อนพบหรือยังครับ”“
“ปล่อยเธอได้แล้วเสี่ย” เสียงของคณินดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเสี่ยโกศลลงเรือไปแล้ว“เออ...” เสี่ยโกศลยอมทำตามสัญญาของลูกผู้ชาย แม้ลึกๆ ยังอยากได้ตัวประกันไว้กับตัว เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะรอดจากตำรวจได้จริงๆ แต่พอมาคิดดูปิติญาดาจะเป็นภาระในการหนีเสียมากกว่า และมั่นใจว่าวิธีหนีทางน้ำของตนนั้นต้องได้ผลแน่ เนื่องจากมีจุดลับขึ้นฝั่งไว้ในใจ ซึ่งทางตำรวจต้องคิดไม่ถึงเสี่ยโกศลใช้ปลายปืนแตะหลังของปิติญาดาให้เดินกลับขึ้นไป หญิงสาวค่อยๆ เดินเข้าหาฝั่ง เมื่อถึงคณินก็ยื่นมือมารับ ทั้งคู่กอดกันกลม หัวใจของปิติญาดาเต้นแรงพอๆ กับหัวใจของคณิน เขาโล่งอกที่เธอปลอดภัยแต่สถานการณ์กลับเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อเสียโกศลเลือกที่จะเอาคืนปิติญาดาให้หายเจ็บใจ จังหวะที่บังคับเรือเพื่อจะหลบหนีกลับเล็งปลายกระบอกปืนมายังหญิงสาว หวังจะยิงแก้แค้นที่กล้าสมรู้ร่วมคิดกับตำรวจซ้อนแผนจับเขาแบบนี้ปัง!เสียงปืนดังขึ้นอีกหนึ่งนัด ปิติญาดาสะดุ้งเพราะเมื่อครู่เธอถูกเหวี่ยงให้มาหลบอยู่ในอ้อมกอดของคณิน ชายหนุ่มรับกระสุนปืนนัดนี้แทนเธอ ร่างหนาถึงกับทรุด&ld
ปัง!เสียงปืนที่ดังขึ้นหนึ่งนัด ทำให้เสี่ยโกศลไหวตัว เพราะเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ ส่งของวันนี้ก็รู้สึกเสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก จะหมุนตัวกลับแต่รถก็อยู่ไกลเกินไป ถ้าถูกจับได้จะไม่คุ้มเสี่ยง จึงต้องหาตัวประกัน ซึ่งจะมีใครเหมาะกับตำแหน่งนั้นไปเสียไม่ได้ นอกเสียจากปิติญาดาเมื่อคิดแบบนั้น จึงตรงเข้าไปหาเป้าหมายซึ่งเธอยืนนิ่งอย่างไม่รู้ตัว คณินเห็นว่าเสี่ยโกศลเดินตรงไปหาปิติญาดาแล้วและรู้ว่าต้องมีแผนไม่ดีแน่แต่เขากลับขยับตัวช้าไป เพราะตอนนี้เสี่ยโกศลถึงตัวหญิงสาวเสียแล้ว พร้อมกับปืนที่นำมาจ่อข้างขมับเธอ“พี่คิงส์”“ทำอะไรนะเสี่ย...ปล่อยเธอ!” สีหน้าของคณินบ่งบอกว่าชายหนุ่มโกรธมากที่เสี่ยโกศลเลือกใช้วิธีนี้ แต่มีหรือคนถูกสั่งจะยอมทำตามง่ายๆ ถ้าไม่มีอะไรก็ดีไป แต่ถ้ามีขึ้นมาเขาต้องไม่ถูกจับ ต้องรอดออกไปจากที่นี่ให้ได้ สิ่งที่เสี่ยโกศลทำในตอนนี้เหมือนย้ำในความผิดของตนให้ชัดขึ้น ถ้าไม่ร้อนตัวก็คงไม่หาทางออก“ปล่อยให้โง่น่ะสิวะ พวกมึงคิดจะจับกูเหรอ ไม่มีทาง”“จับอะไร ผมไม่รู้เร
งานด้านนอกที่ได้รับหมอบหมายนั้นเหมือนจะไม่มีอะไรมาก ก็แค่การจัดเตรียมของใส่สายพานให้เคลื่อนเข้าไปภายในเท่านั้น แม้จะถามคนที่ทำงานด้วยว่าด้านในมีอะไรแต่ก็ไม่มีใครพอจะให้คำตอบอนุภพได้เลยสักคน ขณะทำงานก็คอยสังเกตรอบๆ ตัวไปด้วย แต่ก็นึกอะไรขึ้นได้ ร้อยตำรวจเอกอนุภพถือวิสาสะเดินเข้าไปภายในส่วนต้องห้ามทันที พอเห็นว่าด้านในทำอะไรอยู่เขาถึงกับตะลึง เพราะตรงหน้าคือขั้นตอนการลักลอบนำเฮโรอีนใส่ไว้ใต้ฐานเซรามิคที่จะส่งออก ในที่สุดเขาก็รู้จนได้“เอ็งเข้ามาทำอะไรในนี้ รีบออกไป” ดำเอ่ยสั่งเสียงห้วน เพราะไม่อยากให้เสี่ยโกศลมาเห็น เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะคนที่เข้ามาในนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นตายมานักต่อนักแล้ว“ขอโทษทีพี่ดำ ฉันลืมเอาเงินค่าส่งยานี่ให้พี่”“เออๆ เสร็จแล้วเอ็งก็ออกไป ไป!” ขณะพูดก็ดันหลังอนุภพให้กลับออกไปด้วย นายตำรวจหนุ่มก็ยอมทำตามอย่างไม่อิดออด อย่างน้อยตอนนี้เขาก็รู้ขั้นตอนที่สำคัญเข้าให้แล้ว ที่เหลือก็แค่จับกุมเสี่ยโกศลในวันส่งของให้ได้คาหนังคาเขา คล้อยหลังที่อนุภพเดินกลับออกไปเสี่ยโกศลก็เดินออกมา“ใครดำ”
หลังจากสร้างข่าวและทำตัวให้เป็นที่น่าสนใจนานพอสมควรหมิงต้าก็เริ่มขยับตัวอีกครั้ง โดยเริ่มจากการรับนัดมิสเตอร์จางเป็นคนแรก การพูดเริ่มต้นแบบไม่มีอ้อมค้อม เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่าต่างฝ่ายต่างทำอะไรในธุรกิจมืด ฟังผิวเผินจะเหมือนการต่อรองธุรกิจทั่วๆ ไป แต่สินค้าที่พวกเขาหมายถึงนั่นคือเฮโรอีน ด้วยความที่มิสเตอร์จางอยากได้หมิงต้าคนนี้เข้าร่วมกลุ่มด้วยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การเจรจาซื้อขายจึงดูจะง่ายสำหรับนายตำรวจนอกเครื่องแบบมาก“แล้วนี่คุณจะนำของจากไทยเข้าจีนได้ยังไงกัน” แม้จะรู้ช่องทางแต่หมิงต้าก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ มิสเตอร์จางคลี่ยิ้มก่อนจะยอมบอกเพราะเห็นว่าเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกัน“ง่ายจะตายไป วิธีง่ายๆ ที่ใครก็คิดไม่ถึง”“อืม…ผมชักอยากจะเห็นกับตาแล้วสิว่าวิธีที่ว่านั่นคืออะไร” หมิงต้าอมยิ้ม สบตามิสเตอร์จางให้เห็นว่าเขาเป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู“วันรับของก็รู้เองครับ”“ผมจะรอวันนั้น” มิสเตอร์จางพยักหน้ารับ คิดไม่ผิดที่ขอพบหมิงต้า เพราะเขาสั่งซื้อในจำนวนมหาศาลจริงๆ ลูกค้าเก่าเทียบไม่ได้สักคน ถ้าได้ทำงานด้วยหลายคร
“แน่ใจเหรอครับ”“คิงส์!” เพ็ญแขผุดขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่แทบจะทันที ก่อนจะมองหน้าสามีเลิ่กลัก มงคงปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะเอ่ยถาม หวังให้ลูกชายไม่ได้ยินการสนทนาของเขากับภรรยาเมื่อครู่ แต่เหมือนจะไม่เป็นผล“มาตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก”“ก็นานพอที่จะได้ยินพ่อกับแม่คุยกันเรื่องคลุมถุงชนอะไรนั่น ตกลงแล้วพ่อของน้ำมนต์ยังไม่เสียชีวิตใช่ไหมครับ เจ้าหนี้บ้าๆ นั่นก็คงไม่มี เรื่องทั้งหมดก็แค่การจัดฉากให้ผมกับเธอแต่งงานกัน” คณินมองพ่อและแม่สลับกันไปมา ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมถึงคิดทำเรื่องใหญ่โตแบบนั้นได้ ในเมื่อความลับไม่เป็นความลับอีกต่อไป มงคลจึงเอ่ยตามความจริง“ที่พ่อกับแม่ทำก็เพราะหวังดีทั้งนั้น ถ้าไม่ทำแบบนี้ลูกกับหนูน้ำมนต์ก็คงไม่ได้แต่งงานกัน”“ความหวังดีมีอีกตั้งมากที่จะแสดงออก แล้วที่สำคัญพ่อกับแม่รู้ได้ยังไงว่าผมกับเธอจะไปด้วยกันได้จริงๆ”“แต่ตอนนี้พ่อกับแม่ก็คิดไม่ผิดไม่ใช่เหรอ แกกับหนูน้ำมนต์กำลังรักกันอยู่” คำพูดของพ่อคณินไม่ปฏิเสธ แต่ถ้าผลที่
“ได้ข่าวน้ำมนต์หรือยังค่ะพี่วศิน” นี่คือประโยคที่ภคมณมักจะถามสามีของเธอเป็นประจำ“ยังเลยครับ แต่ไม่มีข่าวร้ายเข้ามา เราก็คงโล่งอกไปได้บ้าง” วศินโอบรอบเอวภรรยา ที่พักนี้ดูจะมีน้ำมีนวลมากขึ้น แต่ก็ไม่กล้าทักเพราะกลัวภคมณจะงอน ตีความหมายคำว่ามีน้ำมีนวลของเขาเป็นว่าเธออ้วน งานได้เข้าแน่ๆ“เฮ้อ!” ภคมณถอนหายใจออกมาเพราะกลุ้มใจเรื่องนี้ ทุกวันที่ผ่านไปหญิงสาวกังวลแต่เรื่องของปิติญาดาจนลืมสังเกตความผิดปกติที่เกิดกับร่างกายของตัวเอง เมื่อเธอเข้าไปนั่งในห้องรับแขกเด็กรับใช้ที่บ้านก็ถือถาดมะม่วง มะยมและอีกสารพัดของเปรี้ยวของมาให้นายสาวตามคำสั่งคนท้องซึ่งยังไม่รู้ตัวหยิบผลไม้รสเปรี้ยวเข้าปาก ขณะเคี้ยวสีหน้าไม่ได้แสดงอาการว่าเปรี้ยวแต่อย่างใด แต่คนมองอย่างวศินกลับรู้สึกเสียวฟันเสียเอง แต่สักพักก็ตาโตก่อนจะวิ่งขึ้นไปห้องนอนที่อยู่ชั้นบน ควานหากล่องอะไรสักอย่างในลิ้นชัก เมื่อพบก็รีบวิ่งลงมาหาภคมณที่ชั้นล่างซึ่งยังไม่ละมือจากของเปรี้ยวตรงหน้า“เข้าห้องน้ำ” เสียงตื่นเต้นของวศินเอ่ยบอก หัวใจเข้าเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ
หลังจากถูกจับตัวมานานหลายชั่วโมง ปิติญาดาก็ถูกปล่อยตัวให้กลับบ้านได้ เธอตั้งมั่นในใจว่านี่ต้องเป็นการถูกตำรวจจับครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายของเธอ แต่ก่อนจะเข้าบ้านคณินแวะไปดูความเรียบร้อยที่โรงงาน แต่สั่งให้หญิงสาวนั่งรออยู่ในรถเท่านั้น จามรถูกเรียกตัวเข้าพบก่อนที่ผู้เป็นเจ้านายจะสั่งการอะไรบางอย่าง แม้จะไม่รู้อะไรมาก แต่จามรก็พยักหน้ารับหลังจากเสร็จธุระที่โรงงาน คณินก็ขับรถพาปิติญาดากลับบ้าน แต่ก็มาพบอีกหนึ่งหนุ่มที่นั่งรอหน้าเครียดอยู่ คณินดุนหลัง ปิติญาดาให้เข้าไปในบ้านก่อน หญิงสาวก็ยอมทำตามเพราะรู้สึกเหนื่อยมากแล้วนั่นเอง เขตไทยได้แต่มองตาม เพราะรู้ว่าเขาจะถามเอาความจริงจากเพื่อนได้“วันนี้เกิดอะไรขึ้นวะไอ้คิงส์”“เปล่า”“เปล่าอะไร ป้าชื่นบอกข้าว่าวันนี้ตำรวจไปจับน้องน้ำมนต์ถึงโรงงาน เรื่องบ้าอะไร ถ้ายังเห็นว่าข้าเป็นเพื่อนรักอยู่ละก็ เล่ามาให้หมด”“ข่าววงในจริงนะเอ็ง” คณินส่ายหน้า เขาอุตส่าห์กำชับคนทั้งโรงงานว่าให้เก็บเรื่องนี้ไว้อย่าพูดเด็ดขาดหรือถ้าจะพูดก็ให้พูดในเรื่องที่เขาแต่งขึ