ความรักวุ่นๆ ระหว่างปิติญาดาและคณิน ที่บิดามารดาของทั้งคู่ เล่นละครฉากใหญ่เพื่อที่จะจับบุตรสาวและบุตรชายของพวกเขาให้ได้แต่งงานกัน แต่การแต่งงานครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะราบรื่น เมื่อมีอุปสรรคจากถ่านไฟเก่าเข้ามาแทรกแซง
View Moreรถยุโรปคันสวย แล่นไปตามถนนยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานคร ความที่บรรยากาศรอบข้างช่างเงียบเชียบจนน่าวังเวงชวนขนหัวลุก มือน้อยๆ ซึ่งตอนนี้ทำหน้าที่จับพวงมาลัยรถอยู่นั้นจึงเอื้อมไปเปิดวิทยุ นิ้วเรียวสวยจิ้มเลือกสถานีมาสักหนึ่งสถานีเพื่อฟังเพลงไปเรื่อยเปื่อยอย่างไม่เจาะจง สายตาก็ไม่ได้ละไปจากท้องถนนตรงหน้า ก่อนที่หูจะสะดุดกับเพลงที่กำลังดังขึ้น จนหัวทุยๆ ที่จัดแต่งทรงผมมาอย่างสวยงาม แทบจะทิ่มไปกับพวงมาลัยรถ
‘งานแต่งที่ใด เป็นได้แค่แขกรับเชิญ อยากแต่งกับเขาเหลือเกิน ขัดเขินที่ยังไร้คู่…’ ปิติญาดาอยากจะหักพวงมาลัยในมือชนต้นไม้ข้างทางให้รู้แล้วรู้รอด เพลงอะไรช่างเปิดได้ประจวบเหมาะกับชีวิตเธอตอนนี้เสียเหลือเกิน หญิงสาวละมือจากวิทยุมากำพวงมาลัยทั้งสองข้าง ไม่ได้เปลี่ยนสถานีหนีเพลงที่ดังขึ้นแต่เสียดแทงใจดำคนโสดแต่อย่างใด นั่งฟังไปอย่างนั้น ตอกย้ำคนโสดไร้คู่อย่างเธอให้ถึงที่สุดกันไปข้าง อายุอานามก็จะแตะเลขสามเข้าไปทุกขณะ ก็ยิ่งกลัวว่าคานทองนิเวศที่ไม่ต้องการจะหล่นตุ๊บลงมาบนตัก “เฮ้อ!!” เสียงถอนหายใจของคนโสดดังออกมาอย่างอ่อนใจ ก่อนจะสำรวจตัวเองผ่านกระจกมองหลัง เธอไม่ใช่ผู้หญิงหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่เสียหน่อย สมัยเรียนเป็นถึงอดีตดาวมหาวิทยาลัยเชียวนะ ฐานะทางบ้านก็ดีในระดับหนึ่ง เป็นลูกสาวคนเดียวเสียด้วย แต่ทำไมถึงไร้คู่ก็ไม่รู้ได้ หรือเธอจะต้องห้อยโหนบนคานทองจริงๆ หรือนี่ คิดแบบนั้นคนสวยถึงกับแยกเขี้ยวให้ตัวเองผ่านกระจก ขณะที่คิดเรื่องนี้ สายตาก็เหลือบมองไปเห็นของชำร่วยชิ้นน่ารักกับช่อดอกไม้ของเจ้าสาวที่วางไว้ตรงกระจกหน้ารถ สองชิ้นนี้เธอพึ่งได้มาสดๆ ร้อนๆ เมื่อไม่ถึงสามชั่วโมงก่อน ในงานแต่งงานของภคมณเพื่อนสนิทกันมาเป็นสิบๆ ปี แต่ชิ่งตัดหน้า แซงทางโค้ง แต่งงานไปก่อนเธอ ทั้งๆ สมัยละอ่อนเคยสัญญากันไว้เสียดิบดี ว่าจะอยู่โสดๆ ในแบบฉบับสาวสวยๆ รวยๆ เริ่ดๆ ไปจนแก่ แถมงานแต่งงานคราวนี้เธอได้รับช่อดอกไม้จากเจ้าสาวแบบไม่ตั้งตัว ในงานจึงถูกแซวว่าจะได้เป็นเจ้าสาวคนต่อไป ซึ่งปิติญาดานั้นได้แต่ส่ายหน้าให้ เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่าไม่ทางเป็นแบบนั้นได้แน่นอน พอคิดถึงเรื่องนี้ก็ชวนให้ย้อนคิดถึงอดีต “เราสองคนจะอยู่กันแบบนี้ ถึงไม่มีผู้ชายก็ไม่แคร์” คำพูดและภาพในอดีตตอนที่ภคมณเอ่ยปฏิญาณด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาก็จริงจังประหนึ่งจะไปออกรบฉายเข้ามาในความคิดของปิติญาดา ก่อนที่ทั้งสองคนจะเกี่ยวก้อยสัญญา แต่ภาพต่อมาคือภาพที่ภคมณสวมชุดเจ้าสาวซะอย่างนั้น “คุณเพื่อนขี้จุ๊ ชิชิ” ปิติญาดาทำปากยื่นปากยาวให้ภคมณ วันนี้ที่สวยเปล่งปลั่งสมเป็นเจ้าสาว ถึงจะหวิวๆ แต่ภาพนั้นก็ทำเอาเธอน้ำตาคลอ ปลื้มใจแทนเพื่อนรักที่ต่อไปนี้มีชายหนุ่มผู้แสนดีมาคอยดูแลไปตลอดชีวิต ส่วนเธอต่อไปนี้ก็คงใช้ชีวิตตามประสาคนโสดต่อไป แต่พอคิดแบบนั้นลูกศรของความโสดก็แล่นมาปักอกดังฉึก! ‘ตกลงสาวสวยอย่างเธอคือคนสุดท้ายของกลุ่มที่ยังไม่แต่งงานใช่ไหม’ คิดแล้วแค้นใจ มือสวยบีบพวงมาลัยรถจนแน่นริมฝีปากบางอวบอิ่มเม้มเข้าหากัน ก่อนที่จะตั้งสติขับรถกลับบ้านอย่างปลอดภัย แต่ใจนั้นเปลี่ยวเหงา ปีนี้ปิติญาดานั้นอายุย่างเข้ายี่สิบแปดแล้ว เป็นบุตรสาวคนเดียวของครอบครัวอารายานนท์ ซึ่งมีบิดาที่ชื่อศรชัยเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่หัวหน้าครอบครัวที่แท้จริงดูเหมือนจะเป็นภรรยาที่ชื่อผกามาศมากกว่า ผู้ซึ่งมีตำแหน่งมารดาของเธอพ่วงมาด้วย เพราะดูเหมือนคุณนายผกามาศจะเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของบ้าน เพราะสามีของคุณนายผกามาศหรือพ่อของปิติญาดานั้นอยู่สมาคมกลัวเมียมาตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน ครอบครัวของปิติญาดาประกอบอาชีพด้านพลังงาน มีปั๊มน้ำมันอยู่หลายแห่งทั่วประเทศไทยเรียกได้ว่าเป็นเศรษฐีคนหนึ่งก็ว่าได้ แม้จะไม่ใช่เศรษฐีเก่า แต่เรื่องเงินทองทรัพย์สมบัติเชิดหน้าชูตาก็มีไม่น้อยหน้าใคร การมีลูกสาวคนเดียวแถมยังไม่ได้แต่งงานแต่งการหรือไม่มีข่าวเรื่องคบหาใครเป็นพิเศษ ทำให้ผู้เป็นพ่อและแม่กลัดกลุ้มไม่น้อย จนต้องปรึกษาหารือเรื่องนี้กันอยู่เนืองๆ อย่างเช่นตอนนี้เป็นต้น สองสามีภรรยานั่งจับเข่าคุยคล้ายปรับทุกข์กันในห้องนอน ต่างมองหน้าและถอนหายใจออกมาเฮือกๆ พวกเขามีแผนไว้ในใจแล้วว่าจะทำยังไงให้ปิติญาดาได้ลงจากคาน เป็นแผนอันบ้าดีเดือดที่ทุกคนคิดไม่ถึงแน่นอน แต่ถ้าแผนไม่สำเร็จ ต่างก็กลัวว่าจะสูญเสียลูกสาวคนเดียวคนนี้ไปเพราะความโกรธเกรี้ยว ถึงจะเสี่ยงก็ต้องยอมเสี่ยงกันสักครั้ง “แน่ใจนะคะคุณว่าจะได้ผล” น้ำเสียงของผกามาศดูหวาดหวั่นชอบกล ชักไม่แน่ใจว่าแผนคลุมถุงชนครั้งนี้จะได้ผลจริงๆ ถ้าพลาดขึ้นมาเธอแทบไม่อยากจะคิด “ได้ผลสิ ถ้ายายน้ำมนต์ของเราได้แต่งงานนะ ไม่เกินปี เราตายายจะได้อุ้มหลานน่ารักน่าชังแน่นอน คุณไม่อยากอุ้มเหรอ” คำพูดของสามีทำเอาผกามาศปฏิเสธไม่ออกแต่ก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี “อยากน่ะมันอยากอยู่แล้ว แต่…” “ไม่มีแต่แล้วคุณอ้อย เราต้องเดินหน้าลุยอย่างเดียว” ศรชัยเอ่ยอย่างมั่นใจ งานนี้มีแต่ลุยคำเดียวเท่านั้น สองสามีภรรยาพยักหน้าให้กันและกันอย่างแน่วแน่พร้อมเดินหน้าต่อเต็มกำลัง มั่นใจว่าสายตาผู้ใหญ่สี่คู่มองไม่ผิด ว่าหญิงสาวที่ชื่อปิติญาดาและชายหนุ่มที่ชื่อคณินนั้นต้องมีชีวิตคู่ที่สมบูรณ์แบบอย่างไม่มีที่ติเป็นแน่ แม้ตอนเริ่มต้นจะเศร้าสร้อยและไม่ค่อยสวยงามเหมือนในนิยายก็ตามที ศรชัยและผกามาศมีนัดกับมงคลและเพ็ญแข ซึ่งทั้งสี่คนนั้นเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันตั้งแต่สมัยเรียนในวันรุ่งขึ้นเพื่อพูดคุยถึงเรื่องงานแต่งงานของลูกๆ พวกเขาให้เสร็จสิ้นในพรุ่งนี้ ต่างฝ่ายก็ต่างมีแผนไว้จัดการกับคนของตัวเอง เรียกได้ว่าไร้ซึ่งหนทางปฏิเสธได้แน่นอน ใช่ว่าพวกเขาอยากจะใช้วิธีนี้ แต่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เพราะพยายามนัดให้ลูกสาวลูกชายออกมาเจอกัน แต่ก็คลาดกันเสียทุกครั้งไป เหตุที่พวกเขาต้องรีบจัดแจงคลุมถุงชนให้เกิดขึ้นเร็วๆ เพราะวันก่อนคณินเข้ามาเปรยๆ กับเพ็ญแข ถามเรื่องแหวนแต่งงานอะไรทำนองนี้ คนเป็นแม่จึงพอจะเดาได้ว่าลูกชายมีความคิดจะสร้างครอบครัวเสียแล้ว และถ้าเดาไม่ผิดอีกอย่าง หญิงสาวที่ลูกชายเธอจะแต่งงานด้วยนั้นต้องเป็นกิ่งดาวแน่นอน ซึ่งงานนี้เพ็ญแขไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น เพราะสะใภ้ตระกูลภูมิภักดีเกียรติต้องเป็นปิติญาดาคนเดียวเท่านั้น“ปล่อยเธอได้แล้วเสี่ย” เสียงของคณินดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเสี่ยโกศลลงเรือไปแล้ว“เออ...” เสี่ยโกศลยอมทำตามสัญญาของลูกผู้ชาย แม้ลึกๆ ยังอยากได้ตัวประกันไว้กับตัว เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะรอดจากตำรวจได้จริงๆ แต่พอมาคิดดูปิติญาดาจะเป็นภาระในการหนีเสียมากกว่า และมั่นใจว่าวิธีหนีทางน้ำของตนนั้นต้องได้ผลแน่ เนื่องจากมีจุดลับขึ้นฝั่งไว้ในใจ ซึ่งทางตำรวจต้องคิดไม่ถึงเสี่ยโกศลใช้ปลายปืนแตะหลังของปิติญาดาให้เดินกลับขึ้นไป หญิงสาวค่อยๆ เดินเข้าหาฝั่ง เมื่อถึงคณินก็ยื่นมือมารับ ทั้งคู่กอดกันกลม หัวใจของปิติญาดาเต้นแรงพอๆ กับหัวใจของคณิน เขาโล่งอกที่เธอปลอดภัยแต่สถานการณ์กลับเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อเสียโกศลเลือกที่จะเอาคืนปิติญาดาให้หายเจ็บใจ จังหวะที่บังคับเรือเพื่อจะหลบหนีกลับเล็งปลายกระบอกปืนมายังหญิงสาว หวังจะยิงแก้แค้นที่กล้าสมรู้ร่วมคิดกับตำรวจซ้อนแผนจับเขาแบบนี้ปัง!เสียงปืนดังขึ้นอีกหนึ่งนัด ปิติญาดาสะดุ้งเพราะเมื่อครู่เธอถูกเหวี่ยงให้มาหลบอยู่ในอ้อมกอดของคณิน ชายหนุ่มรับกระสุนปืนนัดนี้แทนเธอ ร่างหนาถึงกับทรุด&ld
ปัง!เสียงปืนที่ดังขึ้นหนึ่งนัด ทำให้เสี่ยโกศลไหวตัว เพราะเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ ส่งของวันนี้ก็รู้สึกเสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก จะหมุนตัวกลับแต่รถก็อยู่ไกลเกินไป ถ้าถูกจับได้จะไม่คุ้มเสี่ยง จึงต้องหาตัวประกัน ซึ่งจะมีใครเหมาะกับตำแหน่งนั้นไปเสียไม่ได้ นอกเสียจากปิติญาดาเมื่อคิดแบบนั้น จึงตรงเข้าไปหาเป้าหมายซึ่งเธอยืนนิ่งอย่างไม่รู้ตัว คณินเห็นว่าเสี่ยโกศลเดินตรงไปหาปิติญาดาแล้วและรู้ว่าต้องมีแผนไม่ดีแน่แต่เขากลับขยับตัวช้าไป เพราะตอนนี้เสี่ยโกศลถึงตัวหญิงสาวเสียแล้ว พร้อมกับปืนที่นำมาจ่อข้างขมับเธอ“พี่คิงส์”“ทำอะไรนะเสี่ย...ปล่อยเธอ!” สีหน้าของคณินบ่งบอกว่าชายหนุ่มโกรธมากที่เสี่ยโกศลเลือกใช้วิธีนี้ แต่มีหรือคนถูกสั่งจะยอมทำตามง่ายๆ ถ้าไม่มีอะไรก็ดีไป แต่ถ้ามีขึ้นมาเขาต้องไม่ถูกจับ ต้องรอดออกไปจากที่นี่ให้ได้ สิ่งที่เสี่ยโกศลทำในตอนนี้เหมือนย้ำในความผิดของตนให้ชัดขึ้น ถ้าไม่ร้อนตัวก็คงไม่หาทางออก“ปล่อยให้โง่น่ะสิวะ พวกมึงคิดจะจับกูเหรอ ไม่มีทาง”“จับอะไร ผมไม่รู้เร
งานด้านนอกที่ได้รับหมอบหมายนั้นเหมือนจะไม่มีอะไรมาก ก็แค่การจัดเตรียมของใส่สายพานให้เคลื่อนเข้าไปภายในเท่านั้น แม้จะถามคนที่ทำงานด้วยว่าด้านในมีอะไรแต่ก็ไม่มีใครพอจะให้คำตอบอนุภพได้เลยสักคน ขณะทำงานก็คอยสังเกตรอบๆ ตัวไปด้วย แต่ก็นึกอะไรขึ้นได้ ร้อยตำรวจเอกอนุภพถือวิสาสะเดินเข้าไปภายในส่วนต้องห้ามทันที พอเห็นว่าด้านในทำอะไรอยู่เขาถึงกับตะลึง เพราะตรงหน้าคือขั้นตอนการลักลอบนำเฮโรอีนใส่ไว้ใต้ฐานเซรามิคที่จะส่งออก ในที่สุดเขาก็รู้จนได้“เอ็งเข้ามาทำอะไรในนี้ รีบออกไป” ดำเอ่ยสั่งเสียงห้วน เพราะไม่อยากให้เสี่ยโกศลมาเห็น เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะคนที่เข้ามาในนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นตายมานักต่อนักแล้ว“ขอโทษทีพี่ดำ ฉันลืมเอาเงินค่าส่งยานี่ให้พี่”“เออๆ เสร็จแล้วเอ็งก็ออกไป ไป!” ขณะพูดก็ดันหลังอนุภพให้กลับออกไปด้วย นายตำรวจหนุ่มก็ยอมทำตามอย่างไม่อิดออด อย่างน้อยตอนนี้เขาก็รู้ขั้นตอนที่สำคัญเข้าให้แล้ว ที่เหลือก็แค่จับกุมเสี่ยโกศลในวันส่งของให้ได้คาหนังคาเขา คล้อยหลังที่อนุภพเดินกลับออกไปเสี่ยโกศลก็เดินออกมา“ใครดำ”
หลังจากสร้างข่าวและทำตัวให้เป็นที่น่าสนใจนานพอสมควรหมิงต้าก็เริ่มขยับตัวอีกครั้ง โดยเริ่มจากการรับนัดมิสเตอร์จางเป็นคนแรก การพูดเริ่มต้นแบบไม่มีอ้อมค้อม เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่าต่างฝ่ายต่างทำอะไรในธุรกิจมืด ฟังผิวเผินจะเหมือนการต่อรองธุรกิจทั่วๆ ไป แต่สินค้าที่พวกเขาหมายถึงนั่นคือเฮโรอีน ด้วยความที่มิสเตอร์จางอยากได้หมิงต้าคนนี้เข้าร่วมกลุ่มด้วยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การเจรจาซื้อขายจึงดูจะง่ายสำหรับนายตำรวจนอกเครื่องแบบมาก“แล้วนี่คุณจะนำของจากไทยเข้าจีนได้ยังไงกัน” แม้จะรู้ช่องทางแต่หมิงต้าก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ มิสเตอร์จางคลี่ยิ้มก่อนจะยอมบอกเพราะเห็นว่าเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกัน“ง่ายจะตายไป วิธีง่ายๆ ที่ใครก็คิดไม่ถึง”“อืม…ผมชักอยากจะเห็นกับตาแล้วสิว่าวิธีที่ว่านั่นคืออะไร” หมิงต้าอมยิ้ม สบตามิสเตอร์จางให้เห็นว่าเขาเป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู“วันรับของก็รู้เองครับ”“ผมจะรอวันนั้น” มิสเตอร์จางพยักหน้ารับ คิดไม่ผิดที่ขอพบหมิงต้า เพราะเขาสั่งซื้อในจำนวนมหาศาลจริงๆ ลูกค้าเก่าเทียบไม่ได้สักคน ถ้าได้ทำงานด้วยหลายคร
“แน่ใจเหรอครับ”“คิงส์!” เพ็ญแขผุดขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่แทบจะทันที ก่อนจะมองหน้าสามีเลิ่กลัก มงคงปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะเอ่ยถาม หวังให้ลูกชายไม่ได้ยินการสนทนาของเขากับภรรยาเมื่อครู่ แต่เหมือนจะไม่เป็นผล“มาตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก”“ก็นานพอที่จะได้ยินพ่อกับแม่คุยกันเรื่องคลุมถุงชนอะไรนั่น ตกลงแล้วพ่อของน้ำมนต์ยังไม่เสียชีวิตใช่ไหมครับ เจ้าหนี้บ้าๆ นั่นก็คงไม่มี เรื่องทั้งหมดก็แค่การจัดฉากให้ผมกับเธอแต่งงานกัน” คณินมองพ่อและแม่สลับกันไปมา ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมถึงคิดทำเรื่องใหญ่โตแบบนั้นได้ ในเมื่อความลับไม่เป็นความลับอีกต่อไป มงคลจึงเอ่ยตามความจริง“ที่พ่อกับแม่ทำก็เพราะหวังดีทั้งนั้น ถ้าไม่ทำแบบนี้ลูกกับหนูน้ำมนต์ก็คงไม่ได้แต่งงานกัน”“ความหวังดีมีอีกตั้งมากที่จะแสดงออก แล้วที่สำคัญพ่อกับแม่รู้ได้ยังไงว่าผมกับเธอจะไปด้วยกันได้จริงๆ”“แต่ตอนนี้พ่อกับแม่ก็คิดไม่ผิดไม่ใช่เหรอ แกกับหนูน้ำมนต์กำลังรักกันอยู่” คำพูดของพ่อคณินไม่ปฏิเสธ แต่ถ้าผลที่
“ได้ข่าวน้ำมนต์หรือยังค่ะพี่วศิน” นี่คือประโยคที่ภคมณมักจะถามสามีของเธอเป็นประจำ“ยังเลยครับ แต่ไม่มีข่าวร้ายเข้ามา เราก็คงโล่งอกไปได้บ้าง” วศินโอบรอบเอวภรรยา ที่พักนี้ดูจะมีน้ำมีนวลมากขึ้น แต่ก็ไม่กล้าทักเพราะกลัวภคมณจะงอน ตีความหมายคำว่ามีน้ำมีนวลของเขาเป็นว่าเธออ้วน งานได้เข้าแน่ๆ“เฮ้อ!” ภคมณถอนหายใจออกมาเพราะกลุ้มใจเรื่องนี้ ทุกวันที่ผ่านไปหญิงสาวกังวลแต่เรื่องของปิติญาดาจนลืมสังเกตความผิดปกติที่เกิดกับร่างกายของตัวเอง เมื่อเธอเข้าไปนั่งในห้องรับแขกเด็กรับใช้ที่บ้านก็ถือถาดมะม่วง มะยมและอีกสารพัดของเปรี้ยวของมาให้นายสาวตามคำสั่งคนท้องซึ่งยังไม่รู้ตัวหยิบผลไม้รสเปรี้ยวเข้าปาก ขณะเคี้ยวสีหน้าไม่ได้แสดงอาการว่าเปรี้ยวแต่อย่างใด แต่คนมองอย่างวศินกลับรู้สึกเสียวฟันเสียเอง แต่สักพักก็ตาโตก่อนจะวิ่งขึ้นไปห้องนอนที่อยู่ชั้นบน ควานหากล่องอะไรสักอย่างในลิ้นชัก เมื่อพบก็รีบวิ่งลงมาหาภคมณที่ชั้นล่างซึ่งยังไม่ละมือจากของเปรี้ยวตรงหน้า“เข้าห้องน้ำ” เสียงตื่นเต้นของวศินเอ่ยบอก หัวใจเข้าเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ
หลังจากถูกจับตัวมานานหลายชั่วโมง ปิติญาดาก็ถูกปล่อยตัวให้กลับบ้านได้ เธอตั้งมั่นในใจว่านี่ต้องเป็นการถูกตำรวจจับครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายของเธอ แต่ก่อนจะเข้าบ้านคณินแวะไปดูความเรียบร้อยที่โรงงาน แต่สั่งให้หญิงสาวนั่งรออยู่ในรถเท่านั้น จามรถูกเรียกตัวเข้าพบก่อนที่ผู้เป็นเจ้านายจะสั่งการอะไรบางอย่าง แม้จะไม่รู้อะไรมาก แต่จามรก็พยักหน้ารับหลังจากเสร็จธุระที่โรงงาน คณินก็ขับรถพาปิติญาดากลับบ้าน แต่ก็มาพบอีกหนึ่งหนุ่มที่นั่งรอหน้าเครียดอยู่ คณินดุนหลัง ปิติญาดาให้เข้าไปในบ้านก่อน หญิงสาวก็ยอมทำตามเพราะรู้สึกเหนื่อยมากแล้วนั่นเอง เขตไทยได้แต่มองตาม เพราะรู้ว่าเขาจะถามเอาความจริงจากเพื่อนได้“วันนี้เกิดอะไรขึ้นวะไอ้คิงส์”“เปล่า”“เปล่าอะไร ป้าชื่นบอกข้าว่าวันนี้ตำรวจไปจับน้องน้ำมนต์ถึงโรงงาน เรื่องบ้าอะไร ถ้ายังเห็นว่าข้าเป็นเพื่อนรักอยู่ละก็ เล่ามาให้หมด”“ข่าววงในจริงนะเอ็ง” คณินส่ายหน้า เขาอุตส่าห์กำชับคนทั้งโรงงานว่าให้เก็บเรื่องนี้ไว้อย่าพูดเด็ดขาดหรือถ้าจะพูดก็ให้พูดในเรื่องที่เขาแต่งขึ
เมื่อมาถึงสถานีตำรวจ เธอก็ถูกนำตัวให้มานั่งอยู่ในนี้คนเดียวอยู่นาน ปิติญาดานั่งตัวสั่นภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ได้กว้างนัก ไม่มีใครเข้ามาพูดด้วยหรือบอกว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น ตำรวจที่พาตัวเธอมาก็ไม่รู้หายกันไปไหนหมด หญิงสาวกระวนกระวายใจเป็นที่สุด คิดไปต่างๆ นานา ถึงสาเหตุที่เธอถูกจับมาที่นี่ แต่ก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ จึงเลือกที่จะนั่งอยู่นิ่งๆขณะที่ภายนอก นายตำรวจชุดที่ไปบุกจับปิติญาดามานั้นก็กำลังนั่งปรึกษาหารือกันอยู่ พวกเขาไม่ได้วู่วาม แต่ทำตามคำสั่งของเบื้องบนจากกรมตำรวจเช่นเดียวกัน เพราะคดีนี้โยงใยไปหลายประเทศ พยายามควานหาตัวผู้เกี่ยวข้อง และคนที่พวกเขาจับมาวันนี้ดูจะหาตัวง่ายที่สุด ซึ่งเรื่องนี้นายตำรวจคนหนึ่งเกิดความสงสัยอยู่ในใจว่าปิติญาดาจะเกี่ยวข้องจริงหรือแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้น เมื่อปรึกษากันเรียบร้อยจึงเปิดประตูเข้าไปภายใน“ตกลงจะบอกดิฉันได้หรือยังคะ ว่านี่เกิดอะไรขึ้น” แม้จะหวาดกลัวแต่ปิติญาดาก็พยายามคุมสติไว้ เธอต้องรู้ให้ได้ว่าถูกพาตัวมาที่นี่เพราะอะไร หญิงสาวจ้องนายทำตรวจทั้งสามเขม่ง“รู้ตัวว่าผิดก็รับผิดมาซะเถอะ โทษหนักจะ
แต่มรสุมอีกลูกกำลังถาโถมใส่ปิติญาดา เพราะขณะนี้ร้อยตำรวจเอกอนุภพได้ข่าวทางลับของเสี่ยโกศล หลังจากตามสืบมานาน นายตำรวจหนุ่มลงทุนปลอมตัวเข้าไปเป็นคนงานในโรงงานของเป้าหมาย กว่าจะได้ข่าวนี้มาไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ เขาเอาชีวิตไปเสี่ยงดีๆ นี่เอง แต่ด้วยหน้าที่รับใช้ชาติเขาก็ต้องทำอย่างสุดความสามารถ สืบไปสืบมาถึงได้รู้ว่าเสี่ยโกศลทำอะไรไว้บ้าง แต่ที่น่าหนักใจคือเรื่องนี้เกี่ยวกับคณินด้วยนี่สิ“ไอ้คิงส์เข้าไปเกี่ยวด้วยได้ยังไงวะ” นายตำรวจหนุ่มคิ้วขมวด เพราะสินค้าต้องสงสัยถูกส่งมาจากโรงงานของคณิน หรือเพราะเหตุนี้คณินถึงได้ไว้วานให้เขาตามสืบเสี่ยโกศลลับๆ แต่อนุภพก็ต้องรายงานข้อมูลที่ได้ให้ผู้บังคับบัญชารับรู้ เพื่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับคนร้านค้ายาเสพติดรายนี้แต่ก่อนที่คำสั่งจากเบื้องบนจะลงมา นายตำรวจหนุ่มก็รีบเข้าไปหาคณินที่บ้านทันที เพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงแม้ด้วยหน้าที่เขาจะไม่สามารถบอกอะไรได้ก็ตาม แต่ความเป็นเพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อน เพราะมั่นใจว่าคณินไม่รู้เรื่องนี้แน่นอน แต่เหมือนจะเอะใจขึ้นมาได้ ผู้กองหนุ่มจึงห
Comments