“นี่น้ำมนต์ฟังนะ” คำเรียกของชายหนุ่มเหมือนมนต์สะกดให้ปิติญาดานิ่ง“เธอ…ไม่ใช่ของเล่น ไม่ใช่ตัวสำรอง แต่เธอคือคนที่ทำให้ฉันรู้สิ่งไหนควรปล่อยวางและสิ่งไหนควรไขว่คว้าต่างหาก”“พูดอะไรของนาย ฉันไม่เข้าใจ”“ก็จริงที่พี่จงใจพาน้ำมนต์ไปงานแต่งงานของบัว ยอมรับว่าพี่เห็นแก่ตัวที่ทำแบบนั้น แต่วันนี้น้ำมนต์ทำให้พี่ได้คำตอบอะไรบางอย่าง”“คำตอบอะไร”“ไม่รู้เหรอ” คณินเลิกคิ้วสูงถาม แต่ปิตญาดาก็ยังจับต้นชนปลายไม่ได้“ถ้าไม่พูดแล้วจะรู้ไหม”“ให้ตายสิ อุตส่าห์ทำไปเป็นชั่วโมงๆ จนน้ำมนต์ร้องครางเป็นลูกแมวยังไม่รู้อีกเหรอ” คำแซวของคณินทำให้ปิติญาดาหน้าแดงซ่าน ก่อนจะทุบอกเขาไปแรงๆ“หยุดพูดแบบนั้นนะคนบ้า”“พี่คิดว่า พี่ชอบน้ำมนต์ได้ยินไหม”“อะ…อะไรนะ ชอบฉัน” คนฟังตาโตเพราะ
ส่วนคู่ฮันนีมูนหวานอย่างภคมณและวศินนั้น หลังจากสิ้นสุดโปรแกรมบนเรือสำราญสุดหรูแล้ว ทั้งคู่ก็ยังไม่มีกำหนดกลับเมืองไทยแต่อย่างใด ขณะเดินลงจากเรือภคมณก็ขอเก็บภาพความประทับใจไว้เสียหน่อย เธอพยายามถ่ายภาพเรือสำราญให้ได้ทั้งลำ ซูมเข้าซูมออกอยู่หลายครั้ง ก่อนจะร้องอุทานออกมาเมื่อพบคนใบหน้าคุ้นๆ ผ่านกล้องถ่ายรูปในมือ“เอ๊ะ...นั่นคุณลุง คุณป้าหรือเปล่า” ไม่พูดเปล่าหญิงสาวยังถ่ายรูปท่านทั้งสองคนไว้ด้วย ทำไมถึงเห็นพ่อและแม่ของปิติญาดาที่นี่ หรือจะมาเที่ยวเติมความหวานให้กันแบบสองต่อสองเพราะไม่เห็นเงาเพื่อนสักนิด คิดแล้วก็อิจฉา ถ้าแก่ตัวไปเธอยังมีวศินคอยจับมืออย่างห่วงใยแบบนั้นก็คงดีเหมือนกัน“ถ่ายอะไรอยู่ครับ”“อ้อ...ความประทับใจน่ะค่ะ ไว้เรามาล่องเรือกันอีกได้ไหมคะ”“ได้...ถ้าหนูจ๋าท้องเมื่อไหร่ พี่จะพามา” ภคมณส่งค้อนให้สามีไปวงใหญ่ ก่อนจะกลับมาตั้งใจถ่ายรูปอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่เห็นพ่อและแม่ของปิติญาดาอยู่ในเฟรมเสียแล้ว อยู่บนเรือลำเดียวกันมาตั้งหลายวัน แต่กลับไม่เจอกันเลย ส
“กลัวพี่เข้ามาในห้องขนาดนั้นเลยหรือน้ำมนต์”“ปะ...เปล่าสักหน่อย ก็นี่เป็นบ้านพี่คิงส์ น้ำมนต์จะทำแบบนั้นกับเจ้าของบ้านได้ยังไงกัน” น้ำเสียงของปิติญาดาแผ่วเบาลงไปเรื่อยๆ ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนตัวลีบลงไปทุกขณะ หญิงสาวกระชับผ้าขนหนูแน่น หัวใจดวงน้อยสั่นไหวรุนแรง เต้นไม่เป็นส่ำชวนให้เป็นลมเสียเหลือเกิน“แล้วนี่อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ”“เสร็จแล้วค่ะ”“แน่ใจ พี่ยังเห็นคราบสบู่ ติดอยู่บนแก้มน้ำมนต์อยู่เลยนะ”“เอ่อ...งั้นน้ำมนต์ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” พูดจบก็ทำท่าจะตรงดิ่งเข้าห้องน้ำ ขอให้เข้าไปในนั้นได้ทีเถอะ เธอจะนอนในนั้นเลยคืนนี้ แต่คณินกลับดีดตัวขึ้นจากเตียง เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็เข้าไปขวางหน้าปิติญาดาเรียบร้อยพร้อมรั้งเธอเข้ามากอดแน่น เนื้อสาวนุ่มนิ่มที่ได้สัมผัส ทำเอาคนหนุ่มหัวใจพองโต“พี่ก็ยังไม่ได้อาบ เอาเป็นว่าเราอาบพร้อมกันดีไหม”“เอ๋...” คนถูกชวนอุทานเสียงสูง ก่อนจะส่ายหน
“จริงครับ จริง” เสียงขาดๆ หายๆ ของคณินเอ่ยตอบกลับไป ก่อนจะครางออกมาเมื่อปิติญาดายกสะโพกขึ้นสูงก่อนจะทิ้งตัวลงมาหนักๆ ชายหนุ่มกดสะโพกเธอค้างไว้แบบนั้นก่อน ไม่นานเธอก็ค่อยๆ ขยับอีกครั้ง คงพอใจที่ได้ฟังคำตอบ แต่สำหรับคณินเขามีแผนจะทำให้ปิติญาดาสารภาพรักเขาเช่นเดียวกัน แต่แผนนั้นคงต้องเก็บไปใช้วันอื่นชายหนุ่มออกแรงพลิกตัวปิติญาดาให้ลงไปนอนบนเตียง ก่อนจะเป็นฝ่ายขึ้นทาบทับและพาเธอไปส่งยังจุดหมายปลายทางของความสุขในรักอีกครั้ง จากนั้นจึงตามเธอขึ้นไปสัมผัสความสุขเช่นเดียวกันบ้าง คืนนั้นทั้งคืนกว่าที่ปิติญาดาจะได้ก้าวลงจากเตียงก็ผ่านไปหลายชั่วโมง ตอนเช้าเธอก็ยังได้รับการปลุกด้วยวิธีพิเศษของคณินอีกต่างหาก เรียกได้ว่าแข้งขาอ่อนไปตามๆ กัน พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเธอก็มายืนส่งค้อนให้เขา“คนบ้าเซ็กส์” พูดจบก็ทุบแผงอกชายหนุ่มไปหลายครั้งอย่างเหลืออด ส่วนคณินได้แต่หัวเราะหึหึในลำคอเท่านั้น ไม่เถียงที่ ปิติญาดาพูดสักคำ ก็เซ็กส์ดีๆ แบบนี้เขาไม่ต้องการก็คงกลายเป็นคนเซ็กส์เสื่อมน่ะสิ แต่ก่อนจะออกจากห้องไป ปิติญาดาก็หันมามองคณินหน้า
ค่ำวันนั้น ปิติญาดาได้รับอีเมลหนึ่งฉบับจากลูกค้าที่จีน โดยเนื้อหาบอกว่าเขากำลังเดินทางมาเมืองไทย และอยากพบเธอวันวันแรกที่มาถึง ด้วยเหตุผลที่ว่าแม้จะได้ทำการสั่งออเดอร์มาแล้วแต่ก็อยากเห็นสินค้าตัวจริง รวมทั้งพูดคุยกับเธอเพื่อหาช่องทางทำธุรกิจร่วมกันด้วย เมื่อได้อ่านอีเมลจบ ปิติญาดาไม่คัดค้านที่จะไปพบลูกค้ารายนี้เลย เพราะถือว่าเธอเองก็ได้ประโยชน์เหมือนกันแต่ติดปัญหาที่เธอต้องลงไปรับเขาที่กรุงเทพฯ นี่สิ หญิงสาวจึงปรึกษาเรื่องนี้กับคณิน ซึ่งชายหนุ่มก็เห็นด้วยที่เธอจะต้อนรับลูกค้าใหญ่รายนี้ แต่ถึงจะเป็นลูกค้ารายเล็กๆ เธอก็ต้องดูแล เพราะถือว่านี่คือการซื้อใจกัน ถ้าออกมาดีเธอก็จะมีพื้นที่ในการยืนทำธุรกิจมากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มตรวจดูตารางงานของตนเองว่าว่างตรงกับวันที่ปิติญาดาต้องขึ้นไปกรุงเทพฯ หรือเปล่า“วันนั้นพี่มีงานที่ปาย คงไปกับน้ำมนต์ไม่ได้นะครับ”“ค่ะ ไม่เป็นไร” ปิติญาดายิ้มให้ ตั้งแต่สนิทสนมกันมากขึ้นก็พอรู้ว่าชายหนุ่มนั้นทำอะไรบ้าง ไหนจะคุมงานที่โรงานเซรามิค ไหนจะงานด้านสถาปนิกตกแต่งภายในครอบว
ปิติญาดาออกอาการเกร็งขณะนั่งรถขึ้นลำปางกับจางซีเป่า ซึ่งเขาให้เธอเรียกว่ามิสเตอร์จาง รูปร่างหน้าตาไม่สูงมาก ตาชั้นเดียวในแบบคนจีน อายุสี่สิบกว่าปีแล้ว มาครั้งนี้เขาพาลูกน้องมาสองคนชายหนึ่งหญิงหนึ่ง มิสเตอร์จางพูดภาษาอังกฤษได้คล่องทีเดียว เขาบอกว่ามาเมืองไทยบ่อยครั้ง เคยซื้อเซรามิคจากหลายที่เพื่อนำไปขายให้ลูกค้าชาวจีนและนักท่องเที่ยว แต่สินค้าบนเว็บไซต์ของหญิงสาวนั้นน่าสนใจและแตกต่างไปจากของรายอื่นๆ ที่เคยทำการซื้อขายกันมามาก พอได้รับคำชม ปิติญาดาก็นั่งยิ้มเมื่อถึงรีอสร์ทที่พัก มิสเตอร์จางก็เอ่ยปากชมถึงความสวยงามของศิลปะล้านนาที่ได้นำมาผสมผสานให้กลมกลืนกับความโมเดิร์ทได้อย่างลงตัว อาหารรสชาติก็ถูกปากคนจีนอย่างเขาไม่น้อย แถมยังชมปิดท้ายว่าปิติญาดาเป็นสาวแกร่ง ทำงานนี้คนเดียวได้ดีอย่างน่าทึ่ง ซึ่งเธอก็รับคำชมนั้นไว้อีกครั้ง วันนี้ดูทุกอย่างดูจะราบรื่นสำหรับปิติญาดาไปเสียหมด หลังจากดูแลแขกเรียบร้อยหญิงสาวก็ขอตัวกลับ เธอเอนหลังพิงเบาะในรถยนต์ ความอ่อนล้าเข้ามาเล่นงานยามอยู่ตามลำพัง แต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นข้างตัวก็ทำให้หญิงสาวคว้าขึ้นมารับ“ฮัล
เมื่อกลับถึงบ้าน ภคมณก็เดินไปเดินมาอย่างคนใช้ความคิด เธอมีอะไรสงสัยแต่อีกใจก็กังวลว่าเธอคิดไปเอง ก่อนจะรื้อกระเป๋าสานเพื่อหยิบกล้องถ่ายรูปขนาดเล็กที่พกติดตัวไว้ตลอด เลื่อนขึ้นลงเพื่อหารูปที่ต้องการ เมื่อพบถึงกับยกมือขึ้นปิดปาก ท่าทางตกอกตกใจไม่น้อย“นี่คุณลุงกับคุณป้าชัดๆ” ภคมณมือไม้สั่น ซูมรูปที่เห็นให้ใกล้ที่สุด หวนคิดถึงคำพูดของป้าสายหยุด คนที่บอกว่าพ่อของ ปิติญาดาได้เสียชีวิตไปแล้วอย่างกะทันหัน ส่วนแม่ก็บวชชีพราหมณ์อยู่วัดป่า แต่ทำไมสองคนนี้ถึงไปโผล่ที่ยุโรปได้“ผีหลอกเหรอเรา” คิ้วสวยได้รูปขมวดเข้าหากันจนยุ่งก่อนจะทำหน้าขบคิด วศินที่พึ่งเดินออกจากห้องน้ำ พอเห็นแววตาแบบนั้นของเธอก็เข้ามาใกล้แล้วถามขึ้น“เป็นอะไรครับหนูจ๋า”“พี่วศินดูนี่สิคะ” พูดจบก็ยื่นกล้องถ่ายรูปให้ชายหนุ่ม วศินรับไว้เพ่งมองอยู่นานแล้วสบตาเธอ“รูปใครครับ”“พ่อกับแม่ของน้ำมนต์”“หือ…เป็นไปได้ยังไง ก็ในเ
ปิติญาดาตื่นแต่เช้า ก่อนจะออกจากบ้านเพื่อไปรับมิสเตอร์จางและลูกน้องมายังโรงงานของคณิน พอมาถึงชายหนุ่มคอยดูแลเทคแคร์ลูกค้าของหญิงสาวเป็นอย่างดีประหนึ่งลูกค้าของตัวเขาเอง มิสเตอร์จางแสดงท่าทางสนอกสนใจสินคโรงงานคณินมาก แต่นั่นก็แค่การสร้างภาพในฐานะนักธุรกิจต่อสายตาคนอื่นเท่านั้นเองเมื่อออกจากโรงงานของคณินแล้ว ปิติญาดาก็พามิสเตอร์จางไปยังโรงานของเสี่ยโกศล ซึ่งเป็นโรงงานที่ทางมิสเตอร์จางได้สั่งซื้อสินค้าเช่นกัน แต่นี่ดูจะอยู่ในแผน เพราะทางมิสเตอร์จางเจาะจงไปเองมากกว่า บอกว่าเคยเป็นลูกค้าเก่าแก่อยากแวะไปเยี่ยมเยียน ทางด้านปิติญาดานั้นก็ไม่ได้เอะใจอะไรมากมาย ทำตามที่ลูกค้าต้องการเต็มที่ แต่สำหรับคณินดูเขาจะไม่คิดเช่นเดียวกับเธอ ตอนนี้ชายหนุ่มยังพูดอะไรไม่ได้ จนกว่าจะได้ข่าวจากเพื่อนตำรวจเสียก่อน แต่ภาพของเขตไทยที่นั่งซึมกะทืออยู่ใต้ต้นไม้ขณะนี้ ทำให้คณินเดินเข้าไปหา“เป็นอะไรของเอ็งไอ้เขต”“คิดถึงแฟนว่ะ” เขตไทยเอ่ยตอบตามตรง เกิดมายังไม่เคยคิดถึงใครมากเท่ากับคิดถึงต้องหทัยเลยจริงๆ สงสัยต้องรวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัวเสียแล้ว จะได้มาอยู่ใกล้ๆ กันไม่ต้อง
“ปล่อยเธอได้แล้วเสี่ย” เสียงของคณินดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเสี่ยโกศลลงเรือไปแล้ว“เออ...” เสี่ยโกศลยอมทำตามสัญญาของลูกผู้ชาย แม้ลึกๆ ยังอยากได้ตัวประกันไว้กับตัว เพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะรอดจากตำรวจได้จริงๆ แต่พอมาคิดดูปิติญาดาจะเป็นภาระในการหนีเสียมากกว่า และมั่นใจว่าวิธีหนีทางน้ำของตนนั้นต้องได้ผลแน่ เนื่องจากมีจุดลับขึ้นฝั่งไว้ในใจ ซึ่งทางตำรวจต้องคิดไม่ถึงเสี่ยโกศลใช้ปลายปืนแตะหลังของปิติญาดาให้เดินกลับขึ้นไป หญิงสาวค่อยๆ เดินเข้าหาฝั่ง เมื่อถึงคณินก็ยื่นมือมารับ ทั้งคู่กอดกันกลม หัวใจของปิติญาดาเต้นแรงพอๆ กับหัวใจของคณิน เขาโล่งอกที่เธอปลอดภัยแต่สถานการณ์กลับเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อเสียโกศลเลือกที่จะเอาคืนปิติญาดาให้หายเจ็บใจ จังหวะที่บังคับเรือเพื่อจะหลบหนีกลับเล็งปลายกระบอกปืนมายังหญิงสาว หวังจะยิงแก้แค้นที่กล้าสมรู้ร่วมคิดกับตำรวจซ้อนแผนจับเขาแบบนี้ปัง!เสียงปืนดังขึ้นอีกหนึ่งนัด ปิติญาดาสะดุ้งเพราะเมื่อครู่เธอถูกเหวี่ยงให้มาหลบอยู่ในอ้อมกอดของคณิน ชายหนุ่มรับกระสุนปืนนัดนี้แทนเธอ ร่างหนาถึงกับทรุด&ld
ปัง!เสียงปืนที่ดังขึ้นหนึ่งนัด ทำให้เสี่ยโกศลไหวตัว เพราะเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ ส่งของวันนี้ก็รู้สึกเสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก จะหมุนตัวกลับแต่รถก็อยู่ไกลเกินไป ถ้าถูกจับได้จะไม่คุ้มเสี่ยง จึงต้องหาตัวประกัน ซึ่งจะมีใครเหมาะกับตำแหน่งนั้นไปเสียไม่ได้ นอกเสียจากปิติญาดาเมื่อคิดแบบนั้น จึงตรงเข้าไปหาเป้าหมายซึ่งเธอยืนนิ่งอย่างไม่รู้ตัว คณินเห็นว่าเสี่ยโกศลเดินตรงไปหาปิติญาดาแล้วและรู้ว่าต้องมีแผนไม่ดีแน่แต่เขากลับขยับตัวช้าไป เพราะตอนนี้เสี่ยโกศลถึงตัวหญิงสาวเสียแล้ว พร้อมกับปืนที่นำมาจ่อข้างขมับเธอ“พี่คิงส์”“ทำอะไรนะเสี่ย...ปล่อยเธอ!” สีหน้าของคณินบ่งบอกว่าชายหนุ่มโกรธมากที่เสี่ยโกศลเลือกใช้วิธีนี้ แต่มีหรือคนถูกสั่งจะยอมทำตามง่ายๆ ถ้าไม่มีอะไรก็ดีไป แต่ถ้ามีขึ้นมาเขาต้องไม่ถูกจับ ต้องรอดออกไปจากที่นี่ให้ได้ สิ่งที่เสี่ยโกศลทำในตอนนี้เหมือนย้ำในความผิดของตนให้ชัดขึ้น ถ้าไม่ร้อนตัวก็คงไม่หาทางออก“ปล่อยให้โง่น่ะสิวะ พวกมึงคิดจะจับกูเหรอ ไม่มีทาง”“จับอะไร ผมไม่รู้เร
งานด้านนอกที่ได้รับหมอบหมายนั้นเหมือนจะไม่มีอะไรมาก ก็แค่การจัดเตรียมของใส่สายพานให้เคลื่อนเข้าไปภายในเท่านั้น แม้จะถามคนที่ทำงานด้วยว่าด้านในมีอะไรแต่ก็ไม่มีใครพอจะให้คำตอบอนุภพได้เลยสักคน ขณะทำงานก็คอยสังเกตรอบๆ ตัวไปด้วย แต่ก็นึกอะไรขึ้นได้ ร้อยตำรวจเอกอนุภพถือวิสาสะเดินเข้าไปภายในส่วนต้องห้ามทันที พอเห็นว่าด้านในทำอะไรอยู่เขาถึงกับตะลึง เพราะตรงหน้าคือขั้นตอนการลักลอบนำเฮโรอีนใส่ไว้ใต้ฐานเซรามิคที่จะส่งออก ในที่สุดเขาก็รู้จนได้“เอ็งเข้ามาทำอะไรในนี้ รีบออกไป” ดำเอ่ยสั่งเสียงห้วน เพราะไม่อยากให้เสี่ยโกศลมาเห็น เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะคนที่เข้ามาในนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นตายมานักต่อนักแล้ว“ขอโทษทีพี่ดำ ฉันลืมเอาเงินค่าส่งยานี่ให้พี่”“เออๆ เสร็จแล้วเอ็งก็ออกไป ไป!” ขณะพูดก็ดันหลังอนุภพให้กลับออกไปด้วย นายตำรวจหนุ่มก็ยอมทำตามอย่างไม่อิดออด อย่างน้อยตอนนี้เขาก็รู้ขั้นตอนที่สำคัญเข้าให้แล้ว ที่เหลือก็แค่จับกุมเสี่ยโกศลในวันส่งของให้ได้คาหนังคาเขา คล้อยหลังที่อนุภพเดินกลับออกไปเสี่ยโกศลก็เดินออกมา“ใครดำ”
หลังจากสร้างข่าวและทำตัวให้เป็นที่น่าสนใจนานพอสมควรหมิงต้าก็เริ่มขยับตัวอีกครั้ง โดยเริ่มจากการรับนัดมิสเตอร์จางเป็นคนแรก การพูดเริ่มต้นแบบไม่มีอ้อมค้อม เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่าต่างฝ่ายต่างทำอะไรในธุรกิจมืด ฟังผิวเผินจะเหมือนการต่อรองธุรกิจทั่วๆ ไป แต่สินค้าที่พวกเขาหมายถึงนั่นคือเฮโรอีน ด้วยความที่มิสเตอร์จางอยากได้หมิงต้าคนนี้เข้าร่วมกลุ่มด้วยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การเจรจาซื้อขายจึงดูจะง่ายสำหรับนายตำรวจนอกเครื่องแบบมาก“แล้วนี่คุณจะนำของจากไทยเข้าจีนได้ยังไงกัน” แม้จะรู้ช่องทางแต่หมิงต้าก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ มิสเตอร์จางคลี่ยิ้มก่อนจะยอมบอกเพราะเห็นว่าเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกัน“ง่ายจะตายไป วิธีง่ายๆ ที่ใครก็คิดไม่ถึง”“อืม…ผมชักอยากจะเห็นกับตาแล้วสิว่าวิธีที่ว่านั่นคืออะไร” หมิงต้าอมยิ้ม สบตามิสเตอร์จางให้เห็นว่าเขาเป็นมิตรไม่ใช่ศัตรู“วันรับของก็รู้เองครับ”“ผมจะรอวันนั้น” มิสเตอร์จางพยักหน้ารับ คิดไม่ผิดที่ขอพบหมิงต้า เพราะเขาสั่งซื้อในจำนวนมหาศาลจริงๆ ลูกค้าเก่าเทียบไม่ได้สักคน ถ้าได้ทำงานด้วยหลายคร
“แน่ใจเหรอครับ”“คิงส์!” เพ็ญแขผุดขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่แทบจะทันที ก่อนจะมองหน้าสามีเลิ่กลัก มงคงปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะเอ่ยถาม หวังให้ลูกชายไม่ได้ยินการสนทนาของเขากับภรรยาเมื่อครู่ แต่เหมือนจะไม่เป็นผล“มาตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก”“ก็นานพอที่จะได้ยินพ่อกับแม่คุยกันเรื่องคลุมถุงชนอะไรนั่น ตกลงแล้วพ่อของน้ำมนต์ยังไม่เสียชีวิตใช่ไหมครับ เจ้าหนี้บ้าๆ นั่นก็คงไม่มี เรื่องทั้งหมดก็แค่การจัดฉากให้ผมกับเธอแต่งงานกัน” คณินมองพ่อและแม่สลับกันไปมา ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมถึงคิดทำเรื่องใหญ่โตแบบนั้นได้ ในเมื่อความลับไม่เป็นความลับอีกต่อไป มงคลจึงเอ่ยตามความจริง“ที่พ่อกับแม่ทำก็เพราะหวังดีทั้งนั้น ถ้าไม่ทำแบบนี้ลูกกับหนูน้ำมนต์ก็คงไม่ได้แต่งงานกัน”“ความหวังดีมีอีกตั้งมากที่จะแสดงออก แล้วที่สำคัญพ่อกับแม่รู้ได้ยังไงว่าผมกับเธอจะไปด้วยกันได้จริงๆ”“แต่ตอนนี้พ่อกับแม่ก็คิดไม่ผิดไม่ใช่เหรอ แกกับหนูน้ำมนต์กำลังรักกันอยู่” คำพูดของพ่อคณินไม่ปฏิเสธ แต่ถ้าผลที่
“ได้ข่าวน้ำมนต์หรือยังค่ะพี่วศิน” นี่คือประโยคที่ภคมณมักจะถามสามีของเธอเป็นประจำ“ยังเลยครับ แต่ไม่มีข่าวร้ายเข้ามา เราก็คงโล่งอกไปได้บ้าง” วศินโอบรอบเอวภรรยา ที่พักนี้ดูจะมีน้ำมีนวลมากขึ้น แต่ก็ไม่กล้าทักเพราะกลัวภคมณจะงอน ตีความหมายคำว่ามีน้ำมีนวลของเขาเป็นว่าเธออ้วน งานได้เข้าแน่ๆ“เฮ้อ!” ภคมณถอนหายใจออกมาเพราะกลุ้มใจเรื่องนี้ ทุกวันที่ผ่านไปหญิงสาวกังวลแต่เรื่องของปิติญาดาจนลืมสังเกตความผิดปกติที่เกิดกับร่างกายของตัวเอง เมื่อเธอเข้าไปนั่งในห้องรับแขกเด็กรับใช้ที่บ้านก็ถือถาดมะม่วง มะยมและอีกสารพัดของเปรี้ยวของมาให้นายสาวตามคำสั่งคนท้องซึ่งยังไม่รู้ตัวหยิบผลไม้รสเปรี้ยวเข้าปาก ขณะเคี้ยวสีหน้าไม่ได้แสดงอาการว่าเปรี้ยวแต่อย่างใด แต่คนมองอย่างวศินกลับรู้สึกเสียวฟันเสียเอง แต่สักพักก็ตาโตก่อนจะวิ่งขึ้นไปห้องนอนที่อยู่ชั้นบน ควานหากล่องอะไรสักอย่างในลิ้นชัก เมื่อพบก็รีบวิ่งลงมาหาภคมณที่ชั้นล่างซึ่งยังไม่ละมือจากของเปรี้ยวตรงหน้า“เข้าห้องน้ำ” เสียงตื่นเต้นของวศินเอ่ยบอก หัวใจเข้าเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ
หลังจากถูกจับตัวมานานหลายชั่วโมง ปิติญาดาก็ถูกปล่อยตัวให้กลับบ้านได้ เธอตั้งมั่นในใจว่านี่ต้องเป็นการถูกตำรวจจับครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายของเธอ แต่ก่อนจะเข้าบ้านคณินแวะไปดูความเรียบร้อยที่โรงงาน แต่สั่งให้หญิงสาวนั่งรออยู่ในรถเท่านั้น จามรถูกเรียกตัวเข้าพบก่อนที่ผู้เป็นเจ้านายจะสั่งการอะไรบางอย่าง แม้จะไม่รู้อะไรมาก แต่จามรก็พยักหน้ารับหลังจากเสร็จธุระที่โรงงาน คณินก็ขับรถพาปิติญาดากลับบ้าน แต่ก็มาพบอีกหนึ่งหนุ่มที่นั่งรอหน้าเครียดอยู่ คณินดุนหลัง ปิติญาดาให้เข้าไปในบ้านก่อน หญิงสาวก็ยอมทำตามเพราะรู้สึกเหนื่อยมากแล้วนั่นเอง เขตไทยได้แต่มองตาม เพราะรู้ว่าเขาจะถามเอาความจริงจากเพื่อนได้“วันนี้เกิดอะไรขึ้นวะไอ้คิงส์”“เปล่า”“เปล่าอะไร ป้าชื่นบอกข้าว่าวันนี้ตำรวจไปจับน้องน้ำมนต์ถึงโรงงาน เรื่องบ้าอะไร ถ้ายังเห็นว่าข้าเป็นเพื่อนรักอยู่ละก็ เล่ามาให้หมด”“ข่าววงในจริงนะเอ็ง” คณินส่ายหน้า เขาอุตส่าห์กำชับคนทั้งโรงงานว่าให้เก็บเรื่องนี้ไว้อย่าพูดเด็ดขาดหรือถ้าจะพูดก็ให้พูดในเรื่องที่เขาแต่งขึ
เมื่อมาถึงสถานีตำรวจ เธอก็ถูกนำตัวให้มานั่งอยู่ในนี้คนเดียวอยู่นาน ปิติญาดานั่งตัวสั่นภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ได้กว้างนัก ไม่มีใครเข้ามาพูดด้วยหรือบอกว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น ตำรวจที่พาตัวเธอมาก็ไม่รู้หายกันไปไหนหมด หญิงสาวกระวนกระวายใจเป็นที่สุด คิดไปต่างๆ นานา ถึงสาเหตุที่เธอถูกจับมาที่นี่ แต่ก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ จึงเลือกที่จะนั่งอยู่นิ่งๆขณะที่ภายนอก นายตำรวจชุดที่ไปบุกจับปิติญาดามานั้นก็กำลังนั่งปรึกษาหารือกันอยู่ พวกเขาไม่ได้วู่วาม แต่ทำตามคำสั่งของเบื้องบนจากกรมตำรวจเช่นเดียวกัน เพราะคดีนี้โยงใยไปหลายประเทศ พยายามควานหาตัวผู้เกี่ยวข้อง และคนที่พวกเขาจับมาวันนี้ดูจะหาตัวง่ายที่สุด ซึ่งเรื่องนี้นายตำรวจคนหนึ่งเกิดความสงสัยอยู่ในใจว่าปิติญาดาจะเกี่ยวข้องจริงหรือแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้น เมื่อปรึกษากันเรียบร้อยจึงเปิดประตูเข้าไปภายใน“ตกลงจะบอกดิฉันได้หรือยังคะ ว่านี่เกิดอะไรขึ้น” แม้จะหวาดกลัวแต่ปิติญาดาก็พยายามคุมสติไว้ เธอต้องรู้ให้ได้ว่าถูกพาตัวมาที่นี่เพราะอะไร หญิงสาวจ้องนายทำตรวจทั้งสามเขม่ง“รู้ตัวว่าผิดก็รับผิดมาซะเถอะ โทษหนักจะ
แต่มรสุมอีกลูกกำลังถาโถมใส่ปิติญาดา เพราะขณะนี้ร้อยตำรวจเอกอนุภพได้ข่าวทางลับของเสี่ยโกศล หลังจากตามสืบมานาน นายตำรวจหนุ่มลงทุนปลอมตัวเข้าไปเป็นคนงานในโรงงานของเป้าหมาย กว่าจะได้ข่าวนี้มาไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ เขาเอาชีวิตไปเสี่ยงดีๆ นี่เอง แต่ด้วยหน้าที่รับใช้ชาติเขาก็ต้องทำอย่างสุดความสามารถ สืบไปสืบมาถึงได้รู้ว่าเสี่ยโกศลทำอะไรไว้บ้าง แต่ที่น่าหนักใจคือเรื่องนี้เกี่ยวกับคณินด้วยนี่สิ“ไอ้คิงส์เข้าไปเกี่ยวด้วยได้ยังไงวะ” นายตำรวจหนุ่มคิ้วขมวด เพราะสินค้าต้องสงสัยถูกส่งมาจากโรงงานของคณิน หรือเพราะเหตุนี้คณินถึงได้ไว้วานให้เขาตามสืบเสี่ยโกศลลับๆ แต่อนุภพก็ต้องรายงานข้อมูลที่ได้ให้ผู้บังคับบัญชารับรู้ เพื่อประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับคนร้านค้ายาเสพติดรายนี้แต่ก่อนที่คำสั่งจากเบื้องบนจะลงมา นายตำรวจหนุ่มก็รีบเข้าไปหาคณินที่บ้านทันที เพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงแม้ด้วยหน้าที่เขาจะไม่สามารถบอกอะไรได้ก็ตาม แต่ความเป็นเพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อน เพราะมั่นใจว่าคณินไม่รู้เรื่องนี้แน่นอน แต่เหมือนจะเอะใจขึ้นมาได้ ผู้กองหนุ่มจึงห