“ปะ... เปล่าค่ะ แต่เตย... เตย...”
หล่อนจะทำยังไงดี จะปฏิเสธก็ไม่ได้ แต่จะให้ทำเรื่องน่าอัปยศแบบนั้น มันก็ทรมานเหลือเกิน
“แกไม่ต้องเป็นกังวลหรอก เพราะหลังจากแกสังเวยความสาวในคราบของน้องเจนให้กับคุณอเล็กแล้ว ฉันจะส่งแกไปอยู่ที่อื่น แกจะได้ไม่ต้องตะขิดตะขวงใจเวลาเห็นน้องเจนกับคุณอเล็กสวีทกัน ดีไหมล่ะ”
“ตะ... แต่เตยยังเรียนไม่จบเลยนะคะ เตย...”
“ฉันคิดเรื่องนี้เอาไว้สักพักแล้วล่ะ”
สายตาของปิยนุชที่ทอดมองมานั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังเหลือเกิน
เตยหอมร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บช้ำ นี่หล่อนจะต้องตอบแทนบุญคุณของคนพวกนี้ด้วยความสาวเชียวเหรอ แถมผู้ชายคนนั้นก็ยังคืออเล็กซิส... ผู้ชายที่หล่อนแอบรักมาตลอดอีก
หล่อนทรมานเหลือเกิน...
“ฉันจะให้แกหยุดเรียน”
“คุณผู้หญิง...!”
“ก็ในเมื่อน้องเจนจะไม่เรียนต่อ แกก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียนเหมือนกัน เพราะขี้ข้าอย่างแก ห้ามมีอะไรดีเกินหน้าเกินตาลูกสาวของฉัน จำเอาไว้”
“แต่เตย... อยากเรียน คุณผู้หญิงคะ... เตยขอร้องล่ะค่ะ ให้เตยเรียนนะคะ” หล่อนยกมือไหว้วิงวอนปิยนุช ในขณะที่ผู้หญิงตรงหน้าหัวเราะสะใจ “ก็ได้ แต่แกต้องทำสิ่งที่ฉันสั่งให้สำเร็จนะ ไม่อย่างนั้น อนาคตของแกมืดมนแน่”
“ค่ะ... ค่ะ คุณผู้หญิง...”
หล่อนร้องไห้ปิ่มจะขาดใจ เสียใจ ตกใจ และอีกมากมายความรู้สึกที่มันเป็นต้นเหตุของความทุกข์
“กลับไปได้แล้ว และก็เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ”
“ค่ะ คุณผู้หญิง...”
เตยหอมจำไม่ได้ว่าตัวเองเดินจากปิยนุชมาตั้งแต่เมื่อไร แต่หล่อนมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่พาร่างกายโซซัดโซเซมานั่งอยู่ในสวนข้างบ้าน
น้ำตาไหลรินออกมาเป็นทาง กลีบปากอิ่มสั่นเทาด้วยแรงสะอื้นปวดร้าว
ทำไมหล่อนจะต้องมาพบเจอชะตากรรมแบบนี้ด้วย และทำไมปิยนุชจะต้องใจร้ายกับหล่อนนัก
“เตยหอม...”
หล่อนรีบยกหลังมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง แต่เช็ดยังไงก็ไม่ยอมแห้ง หล่อนเอี้ยวตัวไปมองด้านข้าง ก็พบว่าผู้ให้กำเนิดที่ไม่เคยไยดีในตัวลูกสาวอย่างหล่อนเลย กำลังก้าวเดินเข้ามาหา
เกรียงไกรเห็นเตยหอมนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นก็ยิ่งเสียใจมาก เขาไม่เคยปกป้องเตยหอมเลย และเมื่อมาถึงตอนนี้ ตอนที่พยายามจะปกป้อง แต่ก็กลับทำไม่สำเร็จ
“พ่อขอโทษ...”
เตยหอมช้อนตามองผู้ชายที่แทนตัวเองว่าพ่อ... น้ำตาของหล่อนยิ่งทะลักไหล
“ไม่... ไม่เป็นไรค่ะ เตยไม่เป็นไร...”
หล่อนกัดฟันลุกขึ้นยืน และถอยออกห่างจากร่างของผู้ชายที่ตนเองเคยโหยหาอ้อมกอดมาตลอดเกือบยี่สิบปี แต่เขาไม่เคยมอบมันให้กับหล่อนเลยสักครั้ง
“พ่ออยากให้ลูกอดทน...”
อดทน...
เตยหอมยิ่งเจ็บปวดกับคำพูดที่เล็ดลอดออกมาจากปากของผู้ชายตรงหน้า
“เตยไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ คุณ... ผู้ชายอย่าคิดมากเลย...” หลังมือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาอีกครั้ง “เตยขอตัวนะคะ เตย... จะรีบไปทำการบ้านค่ะ”
“เตย...” เกรียงไกรคว้าแขนของลูกสาวเอาไว้
เตยหอมยื่นนิ่ง น้ำตาไหลทะลักยิ่งกว่าเขื่อนตอนที่ทำนบกั้นแตก
“การบ้านเตยเยอะจริงๆ ค่ะ ขอตัวนะคะ”
หล่อนก้าวหนีมาทันที เมื่อเกรียงไกรปล่อยแขนเล็กให้เป็นอิสระ ดวงตาของหล่อนพราวพร่างไปด้วยหยาดน้ำตา จนแทบจะมองทางเดินไม่เห็น
“แม่จ๋า... ทำไมชีวิตของเตย... ถึงเป็นแบบนี้...”
ในที่สุดก็ไม่อาจจะกัดฟันเดินต่อไปได้อีก ร่างเล็กสั่นเทาร่วงลงนั่งกับพื้นราวกับเศษขยะไร้ค่า
ชีวิตของหล่อน... ก็คงไม่ต่างจากขยะในสายตาของพวกเขาสินะ...
“พระเจ้า นี่นายไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมวะ อเล็ก”
เคลวินตกใจมาก เมื่อรู้ว่าอเล็กซิสหนุ่มคนสุดท้ายของกลุ่มกำลังจะสละโสดในอาทิตย์หน้า
“ล้อเล่นกับผีอะไรล่ะ แม่บังคับให้ฉันแต่งงานกับแม่เจนจิราจริงๆ นี่ฉันกลุ้มจนจะเป็นบ้าอยู่แล้วเนี่ย”
“ใช่ น้ำเสียงนายดูเครียดมากจริงๆ แล้วนี่นายจะทำยังไงต่อไปวะอเล็ก จะหนีหรือว่ายอมแต่ง”
“ฉันจะหนีไปไหนได้ล่ะ หนีไปคุณแม่ก็ต้องแกล้งเข้าโรงพยาบาลเรียกให้กลับมาอยู่ดี แถมฉันก็ยังไม่รู้ด้วยว่าไอ้โรคหัวใจที่คุณแม่เป็นอยู่มันเป็นโรคจริงหรือว่าโรคปลอม” อเล็กซิสถอนใจยาวเหยียดไปตามสายสนทนา
“งั้นสรุปก็คือ... นายจะแต่งงาน?”
“แล้วฉันมีทางเลือกไหมล่ะ ไม่มีเลย”
“ทำใจดีๆ ไว้นะอเล็ก บางทีนายอาจจะค้นพบหลังจากแต่งงานก็ได้ว่าน้องเจนจิราอะไรนั่นมีดี และแกก็อาจจะตกหลุมรักเธอหลังจากนั้น...”
“ไม่มีทางหรอก ฉันไม่ชอบผู้หญิงจุ้นจ้าน พูดมาก ขี้อ่อย แล้วเจนจิราเป็นครบทุกอย่างเลยนะที่ฉันพูดมาเนี่ย”
เคลวินอดเครียดแทนเพื่อนสนิทไม่ได้ “งั้นฉันว่านายเข้าไปหาแม่นายใหม่ และขอยืดเวลาออกไปก่อน”
“ฉันพูดกับคุณแม่จนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว แต่ท่านยอมที่ไหนกันล่ะ พร่ำบอกแต่ว่าหนูเจนดีอย่างนู้นอย่างนี้ ฉันก็ทำได้แค่ถอนใจยาวๆ ใส่ท่านน่ะ”
“นายน่าสงสารมากเลยว่ะ ฉันก็จนปัญญาไม่รู้จะช่วยนายยังไงดี”
“ที่ฉันโทร. มานี่ไม่ได้จะให้มาช่วยอะไรหรอก แค่โทร. มาเชิญให้มาร่วมงานแต่งน่ะ”
“โอเค ฉันไปแน่นอน”
“ขอบใจมากเพื่อน ฉันจะได้มีเพื่อนเมา”
“แล้วนี่บอกไอ้ชาร์ลกับไอ้แม็กหรือยัง”
“โทร. ไปบอกแล้วล่ะ ไอ้ชาร์ลคงมาไม่ได้ เพราะมันไปฮันนีมูนกับคุณช้องนางที่ไอซ์แลนด์ ส่วนไอ้แม็กน่าจะกระเตงลูกมาด้วย”
เคลวินถอนใจออกมา “ฉันเสียใจด้วยนะโว้ยที่ชีวิตอิสระสวยหรูของนายกำลังจะจบลง แต่บางทีนะ อาจจะมีอะไรบางอย่างรอคอยนายอยู่ก็ได้ โชคชะตามักชอบเล่นตลกกับผู้ชายหล่อๆ อย่างพวกเราเสมอ นายก็เห็นตัวอย่างจากพวกฉันมาแล้วนี่”
อเล็กซิสหัวเราะหยันโลก สีหน้าเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย “ขอบใจ แต่สำหรับฉันไม่น่ามีอะไรดีๆ รออยู่หรอก เพราะเท่าที่รู้มาเจนจิรายิ่งกว่าดอกไม้ริมทางเสียอีก”
“ก็ทดลองอยู่กันไป ถ้าอยู่ไม่ได้ก็หย่า ไม่ยากหรอกเพื่อนรัก”
“แน่นอนอยู่แล้ว เรื่องหย่าน่ะฉันคิดเอาไว้ในหัวตั้งแต่ยังไม่รู้วันแต่งเลยล่ะ”
“เออ ขอให้นายโชคดีก็แล้วกัน แล้วเจอกันวันงาน ไอ้เพื่อนเลิฟ”
“อืม แล้วเจอกัน”
อเล็กซิสตัดสายสนทนา ก่อนจะเอนศีรษะพิงกับพนักเก้าอี้เอาไว้ สีหน้ายังคงเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายเหมือนเดิม
หลายปีต่อมา... สี่หนุ่มเพื่อนซี้ก็สามารถหาเวลาว่างตรงกันและนัดมาสังสรรค์กันได้ในที่สุดอเล็กซิสยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ ขณะทอดสายตามองไปยังทุ่งกว้างที่บรรดาเด็กน้อยวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน โดยมีสาวๆ ซึ่งเป็นภรรยาของพวกเขาทั้งสี่คนปูเสื่อนั่งคุยกันอยู่ไม่ห่างจากจุดที่เด็กๆ วิ่งเล่นอยู่เขาไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย การมีครอบครัวคือสิ่งที่เขาไม่เคยปรารถนามาก่อน แต่หลังจากที่เตยหอมเข้ามาในชีวิต เขาก็ได้รู้จักกับความสุขที่แท้จริง...ความสุขที่เงินมากเท่าไรก็ซื้อหาไม่ได้...“ในท้องเมียนายกี่คนวะ เห็นท้องใหญ่ๆ” แม็กซิมัสเอ่ยถามอเล็กซิส ซึ่งเป็นหนุ่มหล่อคนสุดท้ายที่เพิ่งได้แต่งเมีย“แฝดสามว่ะ” อเล็กซิสยืดอกตอบอย่างภาคภูมิใจ “น้ำยาฉันมันแรง เห็นไหมล่ะ”เสียงหัวเราะของอีกสามหนุ่มดังกระหึ่ม ก่อนจะรีบเกทับกันยกใหญ่“แค่แฝดสามทำมาคุยไอ้อเล็ก ฉันนี่ลูกหกคนแล้วโว้ย ยังไม่เห็นคุยเลย ถึงจะไม่ใช่แฝดก็ตาม” เคลวินยืดอกบ้างด้วยความภูมิใจในเชื้อพันธุ์ของตนเองไม่ต่างกัน“ให้มันน้อยๆ หน่อยน่ะพวกแก” ชาร์ลีแย้งขึ้นพร้อมกับจิบเหล้า แต่ก็ทำให้เพื่อนอีกสามคนหันมาทับถมกันใหญ่โต“นายน่ะอ่อนสุดเลยรู้ไหมไอ้ชาร์ล พวกเร
Mackenzie, New Zealandสถานที่ตรงหน้ามันสวยเหลือเกิน สวยงามน่าอัศจรรย์จนหล่อนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลย รู้แต่ว่ามันคือแดนสวรรค์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริงบนโลกรอยยิ้มละไมเปื้อนดวงหน้างามตลอดเวลา เมื่อนึกถึงภาพของทะเลสาบสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ที่อยู่ท่ามกลางเทือกเขาสูงใหญ่ และรอบๆ ก็มีดอกไม้สีสันสดใสประดับประดาอย่างลงตัวคล้ายกับดินแดนในเทพนิยายที่เคยหยิบยืมของเจนจิรามาอ่านตอนเด็กไม่มีผิด“ชอบไหมทูนหัว...”คนที่นอนหลับตาอยู่ก่อนหน้าขยับเปลือกตาลืมขึ้น และมองหน้าหล่อน ดวงตาของเขาระยิบระยับสวยแข่งกับดวงดาวบนท้องฟ้ากว้างเหลือเกินมือเล็กยกลูบแก้มสากที่มีตอหนวดขึ้นประปรายแผ่วเบา “ชอบมากค่ะ มันสวยเหลือเกิน...”คนตัวโตยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวสะอาดสะท้อนกับแสงของดวงดารานับหมื่นบนท้องฟ้า“ผมดีใจนะที่คุณชอบ...”“ขอบคุณมากนะคะที่พาเตยมาที่นี่ มันสวยมาก สวยเหมือนสวรรค์เลยค่ะ”คนที่นอนพักอยู่ลุกขึ้นนั่ง ยกมือใหญ่ขึ้นโอบประคองแก้มนวลของภรรยาเอาไว้ ก่อนจะจุมพิตกลีบปากอวบอิ่มนุ่มนวล จากนั้นก็กระซิบแผ่วเบา“แล้วที่นี่คุณชอบอะไรที่สุดล่ะ ทะเลสาบ ดอกลูพิน หรือว่าดวงดาวบนฟ้าในตอนนี้”หล่อนฉีกยิ้มกว้าง
และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความสุขคือสิ่งที่เตยหอมพบเจอเป็นประจำจนเคยชิน หล่อนไม่เคยพบประสบกับความทุกข์ใจใดๆ อีกเลย เมื่อมีอุ้งมือของอเล็กซิสคอยโอบประคอง จนหล่อนอดคิดไม่ได้ว่าตนเองคือผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก“อุ้ยยย...” หล่อนสะดุ้งตกใจเมื่อถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง แต่สัมผัสและกลิ่นหอมที่คุ้นเคยทำให้อมยิ้มกว้างในเวลาต่อมา อ้อมแขนที่แสนอบอุ่นนี้จะเป็นของใครไปได้ล่ะ นอกจาก...อเล็กซิส โอคอนเนอร์ สามีดีเด่นของหล่อนนั่นเอง...หล่อนหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับสามีสุดหล่อที่ตัวสูงใหญ่ มองจ้องตาสีฟ้าสวยของเขาด้วยความรักหมดหัวใจ“น้องปิ่นหลับแล้วเหรอคะ”“หลับแล้วครับทูนหัว...” คุณพ่อคนเก่งก้มลงจูบแก้มภรรยาอย่างแสนรัก จากนั้นก็เลยมาอ้อยอิ่งที่กลีบปากหวานราวกับหยาดน้ำผึ้งป่าของภรรยา “กว่าจะหลับได้ ผมหมดนิทานในสต็อกไปเกือบห้าเรื่องแน่ะ” เขาพูดและก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ดวงตากวาดมองหน้าหวานของเตยหอมตลอดเวลา“ตอนเด็ก คุณจ้อเก่งแบบน้องปิ่นหรือเปล่าเนี่ย”หล่อนหัวเราะร่วน “เปล่านะคะ ตอนเล็กๆ เตยไม่ค่อยจะพูดด้วยซ้ำไปค่ะ”“อ้าว งั้นก็คงเหมือนผมน่ะสิ” เขาหัวเราะก๊าก ซึ่งหล่อนเองก็อดที่จะหัวเราะออกมาอีกครั้
“ที่แท้ก็อยากมีลูกเพิ่มใช่ไหมคะเนี่ย”เขาผงกศีรษะตอบรับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์น้อยๆ “ก็ฉันกลัวน้องปิ่นจะเหงา ก็เลยอยากมีน้องๆ ให้มาเป็นเพื่อนวิ่งเล่น ว่าแต่ตกลงไหมทูนหัว”เตยหอมยิ้มเอียงอาย ก่อนจะซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้างอย่างแสนรัก“ค่ะ”“น่ารักจังทูนหัว”เสียงหัวเราะพึงพอใจของอเล็กซิสดังกระหึ่มขึ้น ก่อนที่มือใหญ่จะเริ่มต้นซุกซน“อุ้ยยย... จะทำอะไรเหรอคะ”“ก็เร่งมือทำน้องให้น้องปิ่นไงจ๊ะทูนหัว”“ตะ... ตอนนี้เลยเหรอคะ” มือของเขาซุกซนมาก สัมผัสลูบไล้ไปทั้งบั้นท้ายทำเอาหล่อนสยิวเสียวซ่าน“ไม่ทำตอนนี้จะทำตอนไหนล่ะทูนหัว...”“ก็... ตอนค่ำไงคะ” หล่อนอ้อมแอ้มตอบด้วยความขัดเขิน“รอไม่ไหวจ๊ะที่รัก... ได้โปรดขอตอนนี้เลย... นะ...”น้ำเสียงของอเล็กซิสทั้งกระเส่าทั้งแปร่งพร่า ทำเอาหล่อนไม่กล้าที่จะขัดใจเลย“ก็... ได้ค่ะ”กายสาวร้อนผะผ่าว เลือดในกายก็เดือดพล่าน ยิ่งอเล็กซิสมือไม่อยู่สุขแบบนี้ หล่อนก็ยิ่งร้อนฉ่าราวกับจับไข้สูง“ทูนหัว... อวบใหญ่ไปทั้งตัวเลย... อืมมม”มือใหญ่ทั้งขยำทั้งบีบเต้านมอย่างเมามัน ก่อนจะฉีกทึ้งเสื้อผ้าที่หล่อนสวมอยู่จนกระเด็นหวือลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นห้อง ส่วนกายสาวก็ล่อนจ้อน
ในที่สุดช่วงเวลาที่น่าหวาดหวั่นก็เดินทางมาถึงจนได้ อเล็กซิสพาหล่อนกับปิ่นงามกลับมายังบ้านของเขา เพื่อที่จะได้พบเจอกับเจสสิก้ามารดาของเขานั่นเองเขาบอกกับหล่อนว่าได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้มารดาและบิดาฟังหมดแล้ว ซึ่งตอนนี้มารดาของเขาก็ต้องการที่จะพบหล่อนกับปิ่นงาม“มือเย็นเชียว ไม่มีอะไรหรอก เชื่อฉันสิ” คนตัวโตเอื้อมมือมากุมมือเล็กเอาไว้ และก็บีบให้กำลังใจ“ค่ะ... เตย... เชื่อคุณอเล็กค่ะ”อเล็กซิสระบายยิ้มหวาน เขาย่อตัวลงวางปิ่นงามให้ลงยืนกับพื้นห้อง เมื่อพาหล่อนกับลูกสาวเข้ามาในห้องรับแขกหรูแล้ว หล่อนเห็นเจสสิก้านั่งอยู่บนโซฟาตัวยาว จับจ้องมองมาที่หล่อนและปิ่นงามไม่วางตาสมัยตอนที่หล่อนอยู่ที่บ้านของปิยนุช ก็มีโอกาสได้เจอะเจอกับเจสสิก้าหลายครั้ง แต่ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดมาก่อน“สวัสดีค่ะคุณเจสสิก้า”หล่อนยกมือไหว้สตรีสูงวัยที่ยังสวยไม่สร่างตรงหน้าด้วยความนอบน้อม ก่อนจะหันไปบอกลูกสาวให้ยกมือไหว้เช่นกัน ซึ่งปิ่นงามก็ทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย เรียกรอยยิ้มเอ็นดูของเจสสิก้าได้อย่างมากมายเลยทีเดียว“หลานย่า... มาให้ย่ากอดหน่อยลูก”ปิ่นงามมองหน้าหล่อนเล็กน้อยราวกับขอความเห็น และเมื่อหล่อนพยักหน้าอน
หลังจากที่หล่อนบอกความจริงกับยายฟองจันทร์และตาคำสาย ทั้งสองตายายก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นตกใจ ก่อนที่ยายฟองจันทร์จะพูดออกมา“ยายว่าแล้วเชียวว่ามันต้องมีอะไรในกอไผ่”“ทำไมแกพูดอย่างนั้นล่ะยายฟองจันทร์ หรือว่าแกเดาออกว่าคุณอเล็กกับหนูเตยเป็น...” ตาคำสายเอ่ยถามภรรยายังไม่ทันจบก็ถูกแทรกขึ้นเสียก่อน “ก็แกไม่เห็นสายตาที่คุณอเล็กมองหนูเตยในงานศพคุณเจนหรือไงล่ะ มองตาเชื่อมจนมดกัดแบบนั้น แล้วยังที่บุกมาถามวันเดือนปีเกิดของน้องปิ่นอีก”ตาคำสายผงกศีรษะรับหงึกๆ ก่อนจะหันไปถามอเล็กซิสที่ยืนอุ้มปิ่นงามเอาไว้ในอ้อมแขน“นี่ถ้าผมเป็นคุณอเล็กนะ ผมคงไม่ยอมปล่อยให้เมียหนีไปนานถึงสี่ปีหรอกครับ แค่สี่วันผมก็อกจะแตกตายอยู่แล้ว”อเล็กซิสอมยิ้ม ทอดสายตามองเตยหอมที่ยืนหน้าแดงระเรื่ออยู่ข้างกาย“ใครว่าผมยอมปล่อยกันล่ะครับ หนูเตยของคุณตาคุณยายหนีไปต่างหาก ผมตามหาแทบพลิกแผ่นดินก็ไม่เจอ จนเกือบถอดใจอยู่แล้วล่ะครับ”“ที่เตยหนีไปก็เพราะเตยจำเป็น คุณอเล็กก็รู้นี่คะ ยังมาว่าเตยอีก” สาวน้อยอ้อมแอ้มตัดพ้อสามีเสียงอ่อยอเล็กซิสมองภรรยาด้วยความเอ็นดูก่อนจะก้มหน้าลงมาจูบแก้มแดงๆ โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย สองตายายเห็นเข้าก็อมยิ้มฟิ