“เอ่อ... เตยมาแล้วค่ะ”
เตยหอมคลานเข่าเข้ามาหยุดตรงหน้าของปิยนุชที่นั่งอยู่บนโซฟาหรูภายในห้องรับแขก
“ไหนลองลุกขึ้นยืนให้ฉันดูหน่อยสิ”
หล่อนแปลกใจกับคำสั่งของปิยนุช แต่ก็ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากถามออกไป นอกจากทำตามคำสั่ง
“หมุนตัวด้วย เร็วสิ”
หล่อนทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย หมุนให้ปิยนุชดูเรือนร่างของตนเองจนพอใจ จึงถูกสั่งให้นั่งลงกับพื้นเหมือนเดิม
“ถ้าไม่รวมหน้าอกเทอะทะ กับสะโพกบานๆ ของแก ตัวแกพอๆ กับน้องเจนเลยนะ”
หล่อนไม่ได้ตอบ ก้มหน้ามองพื้น นึกไม่ออกว่าปิยนุชกำลังคิดจะทำอะไรอยู่
“ฉันมีงานสำคัญจะให้แกทำ”
“เอ่อ...” หล่อนช้อนตาขึ้นมองปิยนุช “คุณผู้หญิงบอกมาได้เลยค่ะ เตยยินดีทำค่ะ”
ปิยนุชยิ้มหยัน กวาดตามองเสี้ยนหนามตำหัวใจของตัวเองอย่างเตยหอมด้วยความเกลียดชังที่ซ่อนไม่มิด
“แกยังซิงอยู่หรือเปล่า”
“คะ?”
หล่อนตกใจกับคำถาม หน้าซีดสลับแดงก่ำ มือเล็กที่ประสานกันไว้บนตักชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
“ทำหน้าตกใจทำไม ฉันถามก็ตอบมาสิ แกเคยนอนกับผู้ชายหรือยัง”
“เอ่อ... มะ... ไม่เคยค่ะ”
“งั้นก็แสดงว่าแกยังซิงอยู่จริงๆ สินะ”
หล่อนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมปิยนุชจะต้องยินดีกับคำตอบของหล่อนแบบนี้ด้วย
หล่อนสงสัยมาก แต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยถามออกไป นั่งนิ่งรอจนกระทั่งปิยนุชพูดออกมาเอง
“แกอยากรู้ไหมว่าฉันจะให้แกทำงานอะไร”
“เอ่อ... ค่ะ”
หล่อนช้อนตาขึ้นสบประสานกับดวงตาที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ร้ายของปิยนุช แต่จู่ๆ ก็มีเสียงเคร่งเครียดของเกรียงไกรดังขึ้นที่ทางด้านหลัง
“คุณนุช ผมขอล่ะ”
หล่อนเอี้ยวตัวไปมอง ก็เห็นว่าเกรียงไกรมองมาที่หล่อน มองมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
นี่มันอะไรกัน?
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ อย่ามายุ่งค่ะ”
ปิยนุชตวาดใส่หน้าสามีอย่างไร้ความเคารพ
ใช่... หล่อนหมดความเคารพเกรียงไกรตั้งแต่จับได้ว่าเขามีเมียอีกคนแล้วล่ะ
“แต่ผมขอร้องล่ะคุณนุช จะให้ผมทำอะไรก็ได้ แต่อย่า...”
“ไปให้พ้นค่ะ ก่อนที่ฉันจะทำยิ่งกว่านี้”
คำขู่ของปิยนุชทำให้เกรียงไกรหวาดกลัว เพราะตอนนี้อำนาจทุกอย่างภายในบ้านหลังนี้ตกเป็นของปิยนุชหมดแล้ว แถมตัวเองก็ยังเจ็บออดๆ แอดๆ อีกด้วย
“เตย... พ่อขอโทษนะลูก”
เตยหอมเบิกตาค้าง หัวใจเต้นระส่ำ เมื่อได้ยินคำพูดของเกรียงไกร
นี่เขาแทนตัวเองว่าพ่อกับหล่อนเหรอ...
หล่อนดีใจเหลือเกิน แม้จะรู้ดีว่า เกรียงไกรไม่ใช่พ่อที่ดีสำหรับตนเอง
“ไปให้พ้นคุณเกรียง ไปเดี๋ยวนี้เลย!”
เกรียงไกรจำต้องเดินจากไป ทิ้งเตยหอมให้อยู่กับปิยนุชตามลำพังเช่นเดิม
เตยหอมนั่งก้มหน้านิ่งด้วยความรู้สึกแบบเดิม ตรงกันข้ามกับปิยนุชที่ทวีความเกลียดชังเด็กตรงหน้ายิ่งขึ้น เมื่อได้ยินสามีแทนตัวเองว่าพ่อกับมัน
“เงยหน้าขึ้นมามองฉัน”
เตยหอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย รอยยิ้มบนใบหน้าของปิยนุชน่ากลัวเหลือเกิน
“ถ้าไม่มีบ้านหลังนี้ แกก็จะไม่มีที่ซุกหัวนอน ไม่มีที่กินที่อยู่ และไม่ได้เรียนหนังสือ ป่านนี้แกคงไปเป็นขอทาน หรือดีหน่อยก็น่าจะเป็นกะหรี่อยู่ตามซ่อง จริงไหม”
คำดูถูกดูแคลนที่ปิยนุชซัดใส่หน้ามันคือความจริงทุกอย่าง บ้านหลังนี้มีบุญคุณกับหล่อนมาก แม้ว่าทุกคนในบ้านจะไม่มีใครหยิบยื่นความเมตตาให้โดยไม่หวังผลตอบแทนเลยก็ตาม
“เตยสำนึกในบุญคุณของคุณผู้หญิงไม่เคยลืมค่ะ”
“ดีมาก” ปิยนุชหัวเราะร่วน “แล้วแกยินดีจะตอบแทนบุญคุณของฉันหรือเปล่าล่ะ”
เตยหอมช้อนตามองปิยนุช น้ำใสๆ คลอสองหน่วยตา “เพียงแค่คุณผู้หญิงบอกมาว่าต้องการให้เตยทำอะไร เตยยินดีจะทำทุกอย่างเพื่อทดแทนบุญคุณที่คุณผู้หญิงหยิบยื่นให้ค่ะ”
“แน่ใจนะว่ายอมทำทุกอย่าง”
“ค่ะ”
รอยยิ้มของปิยนุชทำให้เตยหอมใจคอไม่สู้ดีนัก และทันทีที่ได้ยินสิ่งที่ปิยนุชต้องการให้หล่อนทำ ความตื่นตกใจก็ถล่มเข้าใส่หัวใจอย่างรุนแรง
“ฉันต้องการ... ให้แกเข้าหอกับคุณอเล็กแทนน้องเจน”
“คุณผู้หญิง!”
“ทำหน้าตกใจทำไม ไหนว่าแกยินดีทำให้ฉันได้ทุกอย่างยังไงล่ะนังเตย”
เตยหอมแทบไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่สองหูได้ยิน นี่มันอะไรกัน ทำไมปิยนุชคิดอะไรบ้าๆ แบบนี้ออกมาได้
“เตยยินดีทำค่ะ แต่... คุณเจนจะไม่พอใจ...”
“น้องเจนรู้เรื่องนี้แล้ว”
อะไรกันเนี่ย นี่มันเรื่องอะไรกัน
สีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตกใจของเตยหอมทำให้ปิยนุชยิ่งสะใจเป็นที่สุด และก็ต้องการขยี้ลงไปอีก
“และน้องเจนก็ยินดีมากที่แกจะสละพรหมจรรย์ของตัวเองเพื่อทำให้ภาพลักษณ์น้องเจนในสายตาของคุณอเล็กขาวสะอาดเหมือนกับที่ฉันอวดอ้างเอาไว้”
น้ำตาของเตยหอมไหลรินออกมา นี่หล่อน... หล่อนกำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไรเนี่ย
แบบนี้นี่เอง เกรียงไกรถึงได้มองหล่อนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดแบบนั้น
“แต่... คุณอเล็กจะต้องรู้ว่าคนที่นอนกับเขาคือเตย ไม่ใช่คุณเจนนะคะ... เตยว่า...”
“คุณอเล็กจะรู้ได้ยังไงกันล่ะนังเตย ในเมื่อฉันจะมอมเหล้าให้เขาเมาก่อน จากนั้นค่อยส่งเข้าไปในห้องหอ แล้วให้แกมอบพรหมจรรย์ให้กับเขา”
“เตย...”
“แกจะไม่ยอมทำเหรอนังเตย”
หลายปีต่อมา... สี่หนุ่มเพื่อนซี้ก็สามารถหาเวลาว่างตรงกันและนัดมาสังสรรค์กันได้ในที่สุดอเล็กซิสยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ ขณะทอดสายตามองไปยังทุ่งกว้างที่บรรดาเด็กน้อยวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน โดยมีสาวๆ ซึ่งเป็นภรรยาของพวกเขาทั้งสี่คนปูเสื่อนั่งคุยกันอยู่ไม่ห่างจากจุดที่เด็กๆ วิ่งเล่นอยู่เขาไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาก่อนเลย การมีครอบครัวคือสิ่งที่เขาไม่เคยปรารถนามาก่อน แต่หลังจากที่เตยหอมเข้ามาในชีวิต เขาก็ได้รู้จักกับความสุขที่แท้จริง...ความสุขที่เงินมากเท่าไรก็ซื้อหาไม่ได้...“ในท้องเมียนายกี่คนวะ เห็นท้องใหญ่ๆ” แม็กซิมัสเอ่ยถามอเล็กซิส ซึ่งเป็นหนุ่มหล่อคนสุดท้ายที่เพิ่งได้แต่งเมีย“แฝดสามว่ะ” อเล็กซิสยืดอกตอบอย่างภาคภูมิใจ “น้ำยาฉันมันแรง เห็นไหมล่ะ”เสียงหัวเราะของอีกสามหนุ่มดังกระหึ่ม ก่อนจะรีบเกทับกันยกใหญ่“แค่แฝดสามทำมาคุยไอ้อเล็ก ฉันนี่ลูกหกคนแล้วโว้ย ยังไม่เห็นคุยเลย ถึงจะไม่ใช่แฝดก็ตาม” เคลวินยืดอกบ้างด้วยความภูมิใจในเชื้อพันธุ์ของตนเองไม่ต่างกัน“ให้มันน้อยๆ หน่อยน่ะพวกแก” ชาร์ลีแย้งขึ้นพร้อมกับจิบเหล้า แต่ก็ทำให้เพื่อนอีกสามคนหันมาทับถมกันใหญ่โต“นายน่ะอ่อนสุดเลยรู้ไหมไอ้ชาร์ล พวกเร
Mackenzie, New Zealandสถานที่ตรงหน้ามันสวยเหลือเกิน สวยงามน่าอัศจรรย์จนหล่อนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลย รู้แต่ว่ามันคือแดนสวรรค์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่จริงบนโลกรอยยิ้มละไมเปื้อนดวงหน้างามตลอดเวลา เมื่อนึกถึงภาพของทะเลสาบสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ที่อยู่ท่ามกลางเทือกเขาสูงใหญ่ และรอบๆ ก็มีดอกไม้สีสันสดใสประดับประดาอย่างลงตัวคล้ายกับดินแดนในเทพนิยายที่เคยหยิบยืมของเจนจิรามาอ่านตอนเด็กไม่มีผิด“ชอบไหมทูนหัว...”คนที่นอนหลับตาอยู่ก่อนหน้าขยับเปลือกตาลืมขึ้น และมองหน้าหล่อน ดวงตาของเขาระยิบระยับสวยแข่งกับดวงดาวบนท้องฟ้ากว้างเหลือเกินมือเล็กยกลูบแก้มสากที่มีตอหนวดขึ้นประปรายแผ่วเบา “ชอบมากค่ะ มันสวยเหลือเกิน...”คนตัวโตยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวสะอาดสะท้อนกับแสงของดวงดารานับหมื่นบนท้องฟ้า“ผมดีใจนะที่คุณชอบ...”“ขอบคุณมากนะคะที่พาเตยมาที่นี่ มันสวยมาก สวยเหมือนสวรรค์เลยค่ะ”คนที่นอนพักอยู่ลุกขึ้นนั่ง ยกมือใหญ่ขึ้นโอบประคองแก้มนวลของภรรยาเอาไว้ ก่อนจะจุมพิตกลีบปากอวบอิ่มนุ่มนวล จากนั้นก็กระซิบแผ่วเบา“แล้วที่นี่คุณชอบอะไรที่สุดล่ะ ทะเลสาบ ดอกลูพิน หรือว่าดวงดาวบนฟ้าในตอนนี้”หล่อนฉีกยิ้มกว้าง
และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความสุขคือสิ่งที่เตยหอมพบเจอเป็นประจำจนเคยชิน หล่อนไม่เคยพบประสบกับความทุกข์ใจใดๆ อีกเลย เมื่อมีอุ้งมือของอเล็กซิสคอยโอบประคอง จนหล่อนอดคิดไม่ได้ว่าตนเองคือผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก“อุ้ยยย...” หล่อนสะดุ้งตกใจเมื่อถูกสวมกอดจากทางด้านหลัง แต่สัมผัสและกลิ่นหอมที่คุ้นเคยทำให้อมยิ้มกว้างในเวลาต่อมา อ้อมแขนที่แสนอบอุ่นนี้จะเป็นของใครไปได้ล่ะ นอกจาก...อเล็กซิส โอคอนเนอร์ สามีดีเด่นของหล่อนนั่นเอง...หล่อนหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับสามีสุดหล่อที่ตัวสูงใหญ่ มองจ้องตาสีฟ้าสวยของเขาด้วยความรักหมดหัวใจ“น้องปิ่นหลับแล้วเหรอคะ”“หลับแล้วครับทูนหัว...” คุณพ่อคนเก่งก้มลงจูบแก้มภรรยาอย่างแสนรัก จากนั้นก็เลยมาอ้อยอิ่งที่กลีบปากหวานราวกับหยาดน้ำผึ้งป่าของภรรยา “กว่าจะหลับได้ ผมหมดนิทานในสต็อกไปเกือบห้าเรื่องแน่ะ” เขาพูดและก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ดวงตากวาดมองหน้าหวานของเตยหอมตลอดเวลา“ตอนเด็ก คุณจ้อเก่งแบบน้องปิ่นหรือเปล่าเนี่ย”หล่อนหัวเราะร่วน “เปล่านะคะ ตอนเล็กๆ เตยไม่ค่อยจะพูดด้วยซ้ำไปค่ะ”“อ้าว งั้นก็คงเหมือนผมน่ะสิ” เขาหัวเราะก๊าก ซึ่งหล่อนเองก็อดที่จะหัวเราะออกมาอีกครั้
“ที่แท้ก็อยากมีลูกเพิ่มใช่ไหมคะเนี่ย”เขาผงกศีรษะตอบรับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์น้อยๆ “ก็ฉันกลัวน้องปิ่นจะเหงา ก็เลยอยากมีน้องๆ ให้มาเป็นเพื่อนวิ่งเล่น ว่าแต่ตกลงไหมทูนหัว”เตยหอมยิ้มเอียงอาย ก่อนจะซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้างอย่างแสนรัก“ค่ะ”“น่ารักจังทูนหัว”เสียงหัวเราะพึงพอใจของอเล็กซิสดังกระหึ่มขึ้น ก่อนที่มือใหญ่จะเริ่มต้นซุกซน“อุ้ยยย... จะทำอะไรเหรอคะ”“ก็เร่งมือทำน้องให้น้องปิ่นไงจ๊ะทูนหัว”“ตะ... ตอนนี้เลยเหรอคะ” มือของเขาซุกซนมาก สัมผัสลูบไล้ไปทั้งบั้นท้ายทำเอาหล่อนสยิวเสียวซ่าน“ไม่ทำตอนนี้จะทำตอนไหนล่ะทูนหัว...”“ก็... ตอนค่ำไงคะ” หล่อนอ้อมแอ้มตอบด้วยความขัดเขิน“รอไม่ไหวจ๊ะที่รัก... ได้โปรดขอตอนนี้เลย... นะ...”น้ำเสียงของอเล็กซิสทั้งกระเส่าทั้งแปร่งพร่า ทำเอาหล่อนไม่กล้าที่จะขัดใจเลย“ก็... ได้ค่ะ”กายสาวร้อนผะผ่าว เลือดในกายก็เดือดพล่าน ยิ่งอเล็กซิสมือไม่อยู่สุขแบบนี้ หล่อนก็ยิ่งร้อนฉ่าราวกับจับไข้สูง“ทูนหัว... อวบใหญ่ไปทั้งตัวเลย... อืมมม”มือใหญ่ทั้งขยำทั้งบีบเต้านมอย่างเมามัน ก่อนจะฉีกทึ้งเสื้อผ้าที่หล่อนสวมอยู่จนกระเด็นหวือลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นห้อง ส่วนกายสาวก็ล่อนจ้อน
ในที่สุดช่วงเวลาที่น่าหวาดหวั่นก็เดินทางมาถึงจนได้ อเล็กซิสพาหล่อนกับปิ่นงามกลับมายังบ้านของเขา เพื่อที่จะได้พบเจอกับเจสสิก้ามารดาของเขานั่นเองเขาบอกกับหล่อนว่าได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้มารดาและบิดาฟังหมดแล้ว ซึ่งตอนนี้มารดาของเขาก็ต้องการที่จะพบหล่อนกับปิ่นงาม“มือเย็นเชียว ไม่มีอะไรหรอก เชื่อฉันสิ” คนตัวโตเอื้อมมือมากุมมือเล็กเอาไว้ และก็บีบให้กำลังใจ“ค่ะ... เตย... เชื่อคุณอเล็กค่ะ”อเล็กซิสระบายยิ้มหวาน เขาย่อตัวลงวางปิ่นงามให้ลงยืนกับพื้นห้อง เมื่อพาหล่อนกับลูกสาวเข้ามาในห้องรับแขกหรูแล้ว หล่อนเห็นเจสสิก้านั่งอยู่บนโซฟาตัวยาว จับจ้องมองมาที่หล่อนและปิ่นงามไม่วางตาสมัยตอนที่หล่อนอยู่ที่บ้านของปิยนุช ก็มีโอกาสได้เจอะเจอกับเจสสิก้าหลายครั้ง แต่ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดมาก่อน“สวัสดีค่ะคุณเจสสิก้า”หล่อนยกมือไหว้สตรีสูงวัยที่ยังสวยไม่สร่างตรงหน้าด้วยความนอบน้อม ก่อนจะหันไปบอกลูกสาวให้ยกมือไหว้เช่นกัน ซึ่งปิ่นงามก็ทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย เรียกรอยยิ้มเอ็นดูของเจสสิก้าได้อย่างมากมายเลยทีเดียว“หลานย่า... มาให้ย่ากอดหน่อยลูก”ปิ่นงามมองหน้าหล่อนเล็กน้อยราวกับขอความเห็น และเมื่อหล่อนพยักหน้าอน
หลังจากที่หล่อนบอกความจริงกับยายฟองจันทร์และตาคำสาย ทั้งสองตายายก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นตกใจ ก่อนที่ยายฟองจันทร์จะพูดออกมา“ยายว่าแล้วเชียวว่ามันต้องมีอะไรในกอไผ่”“ทำไมแกพูดอย่างนั้นล่ะยายฟองจันทร์ หรือว่าแกเดาออกว่าคุณอเล็กกับหนูเตยเป็น...” ตาคำสายเอ่ยถามภรรยายังไม่ทันจบก็ถูกแทรกขึ้นเสียก่อน “ก็แกไม่เห็นสายตาที่คุณอเล็กมองหนูเตยในงานศพคุณเจนหรือไงล่ะ มองตาเชื่อมจนมดกัดแบบนั้น แล้วยังที่บุกมาถามวันเดือนปีเกิดของน้องปิ่นอีก”ตาคำสายผงกศีรษะรับหงึกๆ ก่อนจะหันไปถามอเล็กซิสที่ยืนอุ้มปิ่นงามเอาไว้ในอ้อมแขน“นี่ถ้าผมเป็นคุณอเล็กนะ ผมคงไม่ยอมปล่อยให้เมียหนีไปนานถึงสี่ปีหรอกครับ แค่สี่วันผมก็อกจะแตกตายอยู่แล้ว”อเล็กซิสอมยิ้ม ทอดสายตามองเตยหอมที่ยืนหน้าแดงระเรื่ออยู่ข้างกาย“ใครว่าผมยอมปล่อยกันล่ะครับ หนูเตยของคุณตาคุณยายหนีไปต่างหาก ผมตามหาแทบพลิกแผ่นดินก็ไม่เจอ จนเกือบถอดใจอยู่แล้วล่ะครับ”“ที่เตยหนีไปก็เพราะเตยจำเป็น คุณอเล็กก็รู้นี่คะ ยังมาว่าเตยอีก” สาวน้อยอ้อมแอ้มตัดพ้อสามีเสียงอ่อยอเล็กซิสมองภรรยาด้วยความเอ็นดูก่อนจะก้มหน้าลงมาจูบแก้มแดงๆ โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย สองตายายเห็นเข้าก็อมยิ้มฟิ