ภายในห้องพักแพทย์ การสนทนาระหว่างคุณหมอทั้งสองดูเคร่งเครียด เมื่ออีกคนไม่เห็นด้วยในสิ่งที่หมอหนุ่มกำลังจะทำ
"ผมตัดสินใจดีแล้ว หมอแพรวช่วยเป็นธุระจัดการให้ผมด้วย" หมอหนุ่มพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น แววตาของเขาดูจริงจังจนหมอแพรวกนกรู้สึกแปลกใจ เพราะไม่เคยเห็นหมอว่าอายุจริงจังกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน แม้แต่ผู้หญิงที่มารดาเขาจัดหามาให้ หมอหนุ่มก็ไม่เคยเหลียวแลหรือมีท่าทีสนใจ แต่ทำไมกับคนไข้รายนี้เขาถึงดูรู้สึกพิเศษกับเธอจัง
"แต่มันผิดจรรยาบรรณของแพทย์นะคะหมอ" หมอสาวพยายามพูดเตือนสติ เมื่อหมอวายุกำลังคิดจะทำเรื่องวุ่นวายขึ้นมาในชีวิต
"ผมตัดสินใจดีแล้ว เรื่องทั้งหมดผมจะเป็นคนรับผิดชอบเอง ไม่ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไร ผมจะไม่เสียใจเลย ที่วันนี้ได้เลือกทำตามหัวใจตัวเอง"
"หมอวายุ..."
หมอแพรวกนกถึงกับเอ่ยเรียกชื่อหมอหนุ่มออกมา แต่เขากลับทำเป็นไม่ได้ยิน เมื่อหมอหนุ่มเปิดประตูเดินออกไปจากห้องพักแพทย์ ปล่อยให้หมอสาวนั่งซึม เพราะความรู้สึกน้อยใจ รักแท้แพ้ใกล้ชิดกฎข้อนี้คงใช้กับเธอไม่ได้ผล เพราะหมอวายุไม่เคยมีท่าทีว่าจะชอบเธอเลย แต่เขากลับตกหลุมรักคนไข้ ที่มารักษาเพียงไม่กี่ครั้ง เธอรู้แล้วทำไมวันนั้นเขาถึงดูเคร่งเครียด กับแผ่นอัลตร้าซาวด์ ที่แท้เรื่องมันก็เป็นแบบนี้นี่เอง
ณ บ้านของคุณหมอวายุ ในตอนเย็นซึ่งเป็นเวลาเลิกงาน พอหมอหนุ่มกลับมาถึงบ้านมารดาของเขา กลับพบว่ามารดากำลังมีแขกคนสำคัญ หล่อนไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นผู้หญิงที่มารดาเพิ่งหามาให้ดูตัวอีกคน หลังจากที่เขาเคยปฏิเสธผู้หญิงทุกคนไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าหญิงสูงวัยจะไม่รับความพยายามเมื่อนางมีความปรารถนาอยากจะให้ลูกชายคนเล็กเป็นฝั่งเป็นฝาสักที ทั้งที่พี่ชายของเขาลอยหน้าลอยตาควงเอวาไปวันๆ ไม่เห็น คิดจะหมั้นหรือแต่งงานสักที
"อ้าว! หมอ เลิกงานมาก็ดีแล้ว นุชวรามารอตั้งนาน พาน้องออกไปหาอะไรทานข้างนอกสิลูก" หญิงสูงวัยพูดออกมาด้วยน้ำเสียง ที่เอาอกเอาใจนุชวรา ทั้งที่ลูกชายเพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัด ซึ่งในเวลานี้หมอวายุต้องการพัก เพราะเขารู้สึกเหนื่อยล้าจากการผ่าตัดนานหลายชั่วโมง
"เอาไว้วันหลังได้ไหมครับแม่ ผมขอโทษนะนุช เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะพาไป" หมอหนุ่มพูดรับปากแบบขอไปที เพราะเขาไม่ปรารถนา ที่จะออกไปดินเนอร์กับนุชวราอยู่แล้ว
"หมอ! แค่ออกไปทานข้าว ทำไมจะต้องผัดวันประกันพรุ่งด้วย" คราวนี้หญิงสูงวัยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ห้วน เมื่อนางไม่พอใจกับการที่ลูกชายคนเล็กปฏิเสธนุชวรา หลายครั้งหลายครา จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับหมอหนุ่ม ไปแล้ว จนทำให้นางรู้สึกสงสาร และเห็นใจหญิงสาว ที่ลูกชายดูเย็นชาไม่ยินดียินร้ายในการมาของเธอสักนิด
"คุณป้าขา นุชออกไปทานคนเดียวก็ได้ค่ะ ไม่เป็นไรหรอก" นุชวราพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหวาน แต่แววตากลับดูมีเลศนัย พร้อมกับประโยคเมื่อสักครู่ ซึ่งแฝงไปด้วยความประชดประชัน จนหมอวายุสัมผัสได้ ถึงความร้ายกาจของเธอ
"โถ... น่าสงสาร หนูนุชไม่ต้องห่วง ยังไงเย็นนี้หมอวายุก็ต้องพาหนูไปทานมื้อเย็น น้องอุตส่าห์มานั่งรอเป็นชั่วโมง อย่าใจร้ายไปหน่อยเลยหมอ" ผู้เป็นมารดาพูดออกมา พร้อมกับถ้อยคำที่กำลังมัดมือชก หมอวายุคงไม่มีทางปฏิเสธ หรือเลือกที่จะทำในสิ่งที่หัวใจปรารถนาได้
"พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไป นัดร้านไว้รอได้เลย ผมออกเวรตอนเย็นแล้วจะรีบไป แต่วันนี้ผมมีงานสำคัญที่ต้องทำ คุณแม่ช่วยเข้าใจผมด้วยนะครับ" หมอวายุตัดสินใจพูดออกไปแบบนั้นก็เพราะว่า ในเวลานี้เขากำลังยุ่งอยู่กับการเก็บสเปิร์ม ด้วยความช่วยเหลือจากหมอแพรวกนก ซึ่งเป็นแพทย์ที่เชี่ยวชาญในด้านนี้ แม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจ แต่เมื่อหมอวายุเอ่ยปากขอร้อง หมอสาวก็ไม่มีทางเลือก จึงจำใจต้องทำตามอย่างหน้าชื่นอกตรม
"ตกลงค่ะ" นุชวรารีบตอบกลับออกไปทันที เพราะนี่มันคือโอกาสที่เธอจะได้ใกล้ชิดกับหมอวายุ เนื่องจากนานทีปีละไม่กี่ครั้ง ที่เขาจะตกปากรับคำยอมไปกับเธอ
"ผมขอตัวนะครับ" หมอวายุพูดพร้อมกับจะเดินเลี่ยงตรงไปบันได แต่ทว่ามารดาของเขาได้เรียกไว้ทัน
"หมอจะรีบไปไหนไม่พาน้องไปทานข้าว ก็มานั่งคุยกันก่อนสิ แม่มีเรื่องสำคัญจะคุยกับลูก" หญิงสูงวัยรีบพูดดักขึ้น เพราะนางมีจุดประสงค์สำคัญที่จะคุยกับลูกชายคนเล็ก เรื่องงานหมั้นระหว่างเขากับนุชวรา
"เอาไว้วันหลังได้ไหมครับแม่ ผมพึ่งออกจากห้องผ่าตัดมาอยากใช้เวลาพักผ่อน เพราะวันนี้ในตอนดึกผมต้องกลับเข้าไปโรงพยาบาลอีก" คุณหมอหนุ่มพูดพร้อมกับถอนหายใจออกมา เมื่อมารดามีความพยายามเหลือเกิน ที่จะจับคู่ให้เขากับนุชวรา
"เรื่องนี้มันเกี่ยวกับหมอโดยตรงนะ แม่อยากให้ลูกหมั้นกับนุชวราไว้ก่อน เราเป็นคู่หมายกันมาตั้งแต่เล็ก ปล่อยเอาไว้เนิ่นนาน เดี๋ยวจะเป็นขี้ปากชาวบ้าน เขาจะนินทาว่าเราเป็นผู้ชายไม่มีความรับผิดชอบ"
"แม่ครับ เรื่องนี้ผมพูดกับแม่รู้เรื่องแล้วไม่ใช่เหรอ เรื่องหมั้นถ้านุชรอไม่ได้ก็ไม่ต้องรอ" หมอหนุ่มพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็ง เมื่อเขาเหลืออด ที่จะต้องรับผิดชอบในคำพูดของผู้ใหญ่ ทั้งที่ความเป็นจริงคนที่เป็นคู่หมั้นคู่หมายของนุชวรา คือพายุพี่ชายของเขา แต่ในเวลานี้หมอหนุ่มกลับตกที่นั่งลำบาก จำใจต้องรับบทเป็นว่าที่คู่หมั้นของนุชวราแทนพี่ชาย
"หมอ! โอ๊ย ลูกคนนี้ไม่ได้ดั่งใจฉันเลย" หญิงสูงวัยถึงกับตะคอกออกมาเสียงดังด้วยความโกรธ เมื่อหมอหนุ่มเดินขึ้นบันไดไป อย่างไม่สนใจในคำพูดของนาง ซึ่งมันเป็นครั้งแรกที่หมอหนุ่มทำกิริยาแบบนี้ใส่มารดาของเขา
ปกติแล้วหมอวายุจะอ่อนโยน เวลามารดาพูดอะไรเขาก็เอาแต่รับฟัง ไม่เคยโต้ตอบแบบนี้เลยสักครั้ง แต่เหตุการณ์ในวันนี้อาจจะเป็นเพราะว่าเขากำลังเครียด ในสิ่งที่ตัดสินใจทำ เนื่องจากหมอหนุ่มกำลังเป็นห่วงความรู้สึกของฝนสุดา ถ้าหากวันหนึ่งความจริงปรากฏ เธอคงจะโกรธและเกลียดเขามาก
"คุณป้าขา ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อย่าโมโหให้พี่หมอเลยนะคะ พี่เขาคงเครียดเพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัด รอให้ใจเย็นๆ ก่อน แล้วค่อยพูดกันก็ได้ นุชไม่เร่งหรอกค่ะ" หญิงสาวพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่ทว่าภายในใจของเธอกลับร้อนรุ่มดั่งไฟสุม เมื่อหมอหนุ่มปฏิเสธการหมั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งที่เขาก็โสดไม่เคยข้องแวะกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน นอกเสียจากว่าเขาจะแอบซ่อนใครเอาไว้ ไม่ให้เธอกับมารดาได้ร่วงรู้ ซึ่งเธอจะพยายามสืบให้ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ถึงได้ขโมยหัวใจ หมอวายุไปครองได้
“เพิ่งโทรมา คุณคิดว่าไง อยากไปอยู่ที่โน่นหรือเปล่าครับ สำหรับผมแล้วอยู่ที่ไหนก็ได้ แค่มีคุณกับลูกก็พอ” น้ำเสียงและแววตาที่จ้องมองมาที่ใบหน้างามด้วยความอบอุ่น แต่ทว่าก็แฝงความหวานหยาดเยิ้มเอาไว้ในทีด้วย จากนั้นฝ่ามือของนายแพทย์หนุ่มได้กุมมือนุ่มของภรรยาเอาไว้ ทำให้ฝนสุดารู้สึกเขินอย่างง่ายดาย ทั้งที่เขามักจะแสดงออกแบบนี้กับเธอบ่อยครั้ง “ฝนเองก็อยากอยู่ที่นี่ค่ะ เพราะเจ้าดินคงไม่อยากจากไร่ชา แต่อีกใจก็ไม่อยากทำให้คุณแม่ผิดหวัง เพราะท่าทางท่านจะคิดถึงเจ้าดินกับหนูน้ำมากเลยนะคะ” น้ำเสียงของฝนสุดาดูเป็นกังวลขึ้นมาทันที เพราะเธอรู้ดีว่าลูกชายชอบที่นี่มาก แต่ลูกสาวติดบิดามารดา หนูน้ำอยู่ที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีฝนสุดากับนายแพทย์จิรายุ เด็กหญิงก็ไม่อิดออด ขอแค่มีบิดามารดาอยู่ข้างๆ “ผมคิดว่าเจ้าดินคงชอบบรรยากาศแบบนี้ หวังว่าโตขึ้นเขาคงสามารถสานฝันให้กับคุณทวดได้” น้ำเสียงของนายแพทย
“อ๊า อ๊าย คุณพายุ” เสียงหวานร้องเรียกชื่อสามีหนุ่มออกมาด้วยน้ำเสียงกระเส่า เมื่อเขาใช้ฝ่ามือเคล้นคลึงลงมาที่สองเต้า ขณะที่ปลายจมูกคมกำลังปลุกเร้าที่แผ่นหลังนวลเนียน เขาพรมจูบพร้อมกับใช้ฟันครูดเบาๆ สร้างความเสียวซ่านวาบหวิวไม่เบา จนมิราบิดตัวเกร็งงอ เมื่อเธอกำลังต้องการเจ้ามังกรยักษ์ลำเขื่องเต็มที “อื้ม” เพล้ง!! ร่างอรชรถูกสามีหนุ่มรั้งขึ้นไปนั่งที่โต๊ะเครื่องแป้ง ข้าวของที่หล่นลงพื้นระเนระนาดไม่มีผลต่ออารมณ์ที่กำลังได้ที่ เมื่อต่างคนต่างก็ปรารถนาในกันและกัน จนยากจะหยุดยั้งลงได้ “อื้ม อร้ายยย!” หญิงสาวร้องครางออกมาเสียงหลง เมื่อขาเรียวเสลาถูกจับพาดลงมาที่บั้นเอวของคนตัวโต ขณะที่สองมือของเธอกำลังหาที่จับให้มั่น มิรากำลังเอนลำตัวไปทางด้านหลัง สองเต้ากลมโตตั้งอยู่ในระดับสายตาคมของชายตรงหน้า ที่เขากำลังกวาดมองอย่างกับจะกลืนกินหญิงสาวร่างอรชรลงไปทั้งตัว พรึ่บ!!
“อื้มเมียจ๋า ผมจะแตกแล้ว อ๊า” สะโพกสอบเข้าออกไม่หยุดหย่อน ร่างกายของนายแพทย์หนุ่มเริ่มกระตุกเกร็ง ขณะที่เจ้ามังกรยักษ์ลำเขื่องถอดถอนเข้าออกในร่องเสียว ไม่นานน้ำลาวาขาวขุ่นได้พวยพุ่งออกมาจนเลอะเปรอะเปื้อนต้นขาของภรรยา คงไม่ต้องอธิบายให้มากความ นับจากวินาทีนี้ไป วิวาห์วุ่นๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างนายแพทย์หนุ่มกับฝนสุดา คงต้องจบลงอย่างสวยงาม เมื่อเธอได้อุ้มบุญรักทายาทของพลพิพัฒ แม้จะเกิดจากความไม่ได้ตั้งใจของหญิงสาว แต่เรื่องราวทั้งหมดนายแพทย์จิรายุได้คิดทบทวนและวางแผนเอาไว้เป็นอย่างดี จวบจนในตอนนี้ เขาก็ยังคงยืนยันตามเจตนารมณ์ที่เคยมี แม่ของลูกต้องเป็นฝนสุดาเท่านั้น เสปิร์มที่เขาตั้งใจฝากฝังเอาไว้ได้ผลเกินคาด “ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่คุณเข้ามาเติมเต็มในส่วนที่ขาดหาย ขอบคุณที่คุณทำให้วิวาห์วุ่นๆ จบลงด้วยอุ้มรักของสองเรา” นายแพทย์จิรายุก้มลงไปสบตาหญิงสาวที่อยู่ภายใต้ออกกอด แม้เธอจะไม่ตอบกลับ แต่รอยยิ้มที่เปื้อนบนใบหน้าของฝนสุดา พร้อมทั้งการแสดงอาการออดอ้อนออกมา ด้วยการซุกใบหน้าเข้าหาอกแกร่ง โดยมีเรียวแขนเล็กโอบลงไปที่เอว
“รักแรกพบเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถามออกมาขณะที่ตักอาหารเข้าปากด้วยความอร่อย เมื่อคนปรุงรสพิถีพิถันเป็นพิเศษ สำหรับเธอและลูกน้อยในครรภ์ “วันแรกที่ผมเจอคุณบนเที่ยวบิน วันนั้นผมยังคงจำไม่เคยลืม รอยยิ้มของคุณยังคงตราตรึงในหัวใจ ผมดื่มไวน์คู่กับกานาเปด้วยความรู้สึกสุขใจ เมื่อนึกถึงคนที่นำมาเสิร์ฟ” นายแพทย์หนุ่มพูดพร้อมกับเอียงหน้าเข้าหาภรรยา นัยน์ตาคมกำลังสะท้อนความหมายที่เขากำลังพยายามสื่อให้ฝนสุดาได้ทราบ เมื่อความอบอุ่นในหัวใจกำลังแผ่ซ่านไปทั้งดวง ส่งผลให้คนตัวเล็กรู้สึกเขินอาย เพราะสายตาคมที่กำลังหวานหยาดเยิ้ม ไม่สามารถคิดเป็นอื่นได้เลย นอกจากความต้องการกลืนกินเธอแทนมื้อเย็น “วันนั้นฝนก็จำได้ดี ยังแอบคิดเลยว่าอยากได้คุณมาเป็นแฟน” หญิงสาวพูดพร้อมกับหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม “คุณพูดจริงหรือเปล่า ดีใจจัง” “ฝนท้องอยู่นะคะ” น้ำเสียงที่กำลังประท้วงบ่งบอกให้ชายตัวโต ที่กำลังโน้มตัวเข้าหาภรรยาสา
“ขอบคุณนะคะคุณสรวิช” ฝนสุดากล่าวขอบคุณออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ก่อนที่เธอนั้นจะเดินนำหน้าสรวิชตรงไปยังรถที่เขาจอดเอาไว้ ระหว่างทางคนทั้งคู่ไร้ซึ่งบทสนทนา เมื่อฝนสุดาพอจะเดาความรู้สึกของสรวิชที่มีให้กับเธอได้ แต่หญิงสาวก็ทำเป็นไม่เป็นใจ เพราะถึงยังไงหัวใจของเธอก็ไม่เคยรับใครเข้ามา นอกจากผู้ชายอย่างนายแพทย์จิรายุ “สวยจัง” เมื่อรถแล่นเข้ามาจอด ฝนสุดาถึงกับตกตะลึงในความงามของที่นี่ ซึ่งด้านหน้าของเธอในเวลานี้ มันคือบ้านเรือนไทยหลังเล็กๆ ที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ มีดอกไม้นานาพันธุ์ที่กำลังเบ่งบานชูช่อ เหมือนกับรอเจ้าของเข้าไปเชยชม “ผมต้องไปแล้ว ขอให้ฝนกับคุณหมอมีความสุขกับชีวิตคู่นะครับ”สรวิชพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้ฝนสุดา นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวได้เห็นรอยยิ้มจากเขา นับตั้งแต่มาอยู่ที่ไร่ชา
“ไร่นี้เป็นของคุณหมอไม่ใช่เหรอคะ” “ใช่ครับ ซึ่งไร่ชามันก็เป็นของคุณกับลูกด้วยนะ ผมตั้งใจว่าจะให้คุณคลอดที่นี่ ลูกของเราจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติ คุณชอบที่นี่หรือเปล่า” นายแพทย์จิรายุยิ้มกว้าง เขาเอ่ยถามภรรยาออกไปด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล แต่ทว่าหญิงสาวตรงหน้ากับมองมาที่เขาด้วยแววตาค้อนใส่ “ไร่ของคุณหมออย่างนั้นเหรอ แต่ฝนว่ามันน่าจะเป็นของคุณสรวิชกับครอบครัวของเขามากกว่านะคะ ทุกคนตั้งใจอุทิศทำงานให้กับไร่ชา ในขณะที่เจ้าของยังเด็ดยอดชาไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ” รอยยิ้มเหยาะของภรรยา กำลังส่งผลให้นายแพทย์หนุ่มรู้สึกน้อยอกน้อยใจ เขายอมรับว่าตัวเองไม่เคยใส่ใจหรือศึกษากระบวนการผลิตชา หรือแม้แต่การดูแลต้นชา เมื่อนายแพทย์จิรายุมีเชิดชัยบิดาของสรวิชคอยกำกับดูแล ไม่ว่าจะเป็นคนงานหรือแม้แต่รายรับรายจ่ายในแต่ละเดือน ทุกอย่างที่อยู่ในไร่ชาจิรายุ นายเชิดชัยจะเป็นคนคอยรายงานเขาอย่างสม่ำเสมอ และเขาก็ไว้ใจ คนอย่างนายเชิดชัยไม่มีทางหักหลังเขาแน่