เมื่อฝนสุดาเดินทางกลับมาถึงบ้าน เธอเอาแต่นั่งเหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย ในเวลานี้สิ่งที่ต้องตัดสินใจ คือการให้กำเนิดบุตรที่ไร้บิดา มันช่างเป็นโชคชะตา ที่ฟังดูแล้วมันช่างเลวร้ายเหลือเกิน สำหรับลูกของเธอที่ต้องเกิดมาอาภัพ ไม่มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเหมือนเด็กคนอื่นๆ หญิงสาวไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า เธอจะต้องมาเผชิญกับเรื่องอะไรแบบนี้
"แม่คุณ...ตั้งแต่กลับมาจากโรงพยาบาลก็เอาแต่นั่งเหม่อ มิราว่ามันเป็นเรื่องดีนะฝน"หญิงสาวพูดพร้อมกับนั่งลงกับข้างๆ เพื่อนรัก ซึ่งตอนนี้ฝนสุดากำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อน ตรงสวนหย่อมหน้าบ้าน บรรยากาศที่ร่มรื่น กับอากาศที่ครึ้มฟ้าครึ้มฝน ช่างเป็นใจสำหรับการพักผ่อน กลับไม่ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย
"เธอว่าอะไรนะมิรา การที่ฝนจะถูกตัดมดลูกทิ้ง มันเป็นเรื่องดีอย่างนั้นเหรอ น่าน้อยใจจัง ที่เพื่อนรักคิดแบบนี้ และถ้าหากฝนตัดสินใจมีลูก เด็กคนนั้นก็ต้องเกิดมากำพร้าพ่อนะมิรา"ฝนสุดาพูดพร้อมกับทำสีหน้าเครียด แม้เธอจะรู้ว่ามิราไม่เคยคิดร้าย แต่หญิงสาวก็อดน้อยใจไม่ได้ ที่เพื่อนเห็นข่าวร้ายของเธอเป็นเรื่องน่ายินดี
"มิราไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย ฝนอยากมีลูก แต่ไม่อยากมีสามี การที่คุณหมอคนนั้นเสนอทำกิ๊ฟต์ให้ถือว่าโชคดีมากเลยรู้ไหม ถ้าหากเด็กที่เกิดมาได้รับความเอาใจใส่จากคนเป็นแม่ ถ้าฝนมอบความรักความอบอุ่นให้เด็กคนนั้นมากพอ เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีพ่อก็ได้ไม่ใช่เหรอ" มิราชี้แจงถึงเจตนารมณ์ของเธอ ในประโยคที่พูดออกไปแบบนั้นให้เพื่อนเข้าใจ ซึ่งเธอรู้ดีว่าฝนสุดารู้สึกยังไง กับการที่ต้องสูญเสียมดลูกไป ในขณะที่เธอนั้นยังไม่พร้อมที่จะมีบุตร แม้ว่าฝนสุดาจะอยากมีลูกก็ตามที แต่นั่นมันคือการวางแผนในอนาคตระยะยาว ไม่ใช่ภายในเดือนสองเดือนนี้
"ตอนแรกฝนก็ไม่แน่ใจ แต่คุณหมอคนนั้นบอกว่า เขาสามารถมีคำตอบให้ลูกฝนได้ ถ้าหากวันหนึ่ง เด็กคนนั้นอยากรู้ว่าพ่อของเขาเป็นใคร ให้กลับไปเอาคำตอบที่เขาได้เลย" ฝนสุดาตัดสินใจเล่าในสิ่งที่เธอเป็นกังวล ให้เพื่อนรักฟัง อย่างน้อยในช่วงเวลาที่เธอเคว้งคว้าง ก็ยังมีมิราคอยอยู่เคียงข้างให้กำลังใจ
"น้ำเชื้อที่ได้ มาจากธนาคารเสปิร์มไม่ใช่เหรอ ทำไมคุณหมอคนนั้นถึงมั่นใจจัง เขาจะรู้ได้ยังไงว่าลูกที่ฝนให้กำเนิดเกิดจากเสปิร์มของใคร" มิราพูดพร้อมกับเอามือค้ำคางยันไว้ที่โต๊ะ เมื่อเธอกำลังนึกสงสัยคำพูดของคุณหมอ ซึ่งปกติแล้วแพทย์จะต้องปกปิดเรื่องแบบนี้เป็นความลับ เพราะการมีบุตรของเพื่อนรัก เลือกใช้วิธีทางการแพทย์ที่ค่อนข้างรัดกุม เพราะทุกวันนี้กฎหมายค่อนข้างจะครอบคลุม เนื่องจากหลายคนมักจะใช้วิธีการอุ้มบุญไปในทางที่ผิด
"เรื่องนั้นฝนไม่สงสัยหรอก เขาเป็นหมอคงหาทางพิสูจน์ได้มั้ง แต่ที่ฝนกำลังเครียดคือ ฝนกลัวว่าจะทำหน้าที่เป็นแม่ที่ดีให้กับลูกไม่ได้"
"ฝนฟังมิรานะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มิราจะไม่มีทางทิ้งฝนไปไหน อยากเลี้ยงหลานแล้วฝนรีบมีลูกเถอะนะ"
"จะซึ้งแล้วเชียว ประโยคท้ายแปลกๆ ยังไงชอบกล" ฝนสุดาพูดพร้อมกับแอบอมยิ้ม บางที่โชคชะตาอาจจะนำพาให้เธอ มีชีวิตในรูปแบบที่คนธรรมดาเขาไม่ค่อยมีกันก็ได้
"ก็เห็นเครียด แล้วสรุปจะเอายังไง ฝนก็ตัดสินใจเอง มิราคงตัดสินใจแทนไม่ได้ เพราะการตัดสินใจครั้งนี้มันหมายถึงการเปลี่ยนแปลงชีวิตของฝนเลยนะ แต่มิราก็เชื่อว่าในความโชคร้ายมันมักจะมาคู่กับความโชคดีเสมอ" คำพูดกล่าวทิ้งท้ายของมิรา ทำให้ฝนสุดาตัดสินใจอย่างไม่ลังเล
"ฝนจะทำตามที่คุณหมอคนนั้นแนะนำ ฝนอยากมีลูก ครั้งหนึ่งในชีวิตของผู้หญิง ฝนเชื่อว่าทุกคนอยากจะสัมผัส กับความรู้สึกของการได้เป็นแม่ เมื่อมีใครสักคนเรียกเราว่าแม่ โดยเฉพาะเด็กที่เกิดเลือดเนื้อเชื้อไขมันคงตื้นตันจนทำให้น้ำตาคลอได้ ฝนจะไม่ปล่อยให้โอกาสที่มีกลายเป็นศูนย์เด็ดขาด" ฝนสุดาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น แววตาของหญิงสาวตั้งมั่น กับการตัดสินใจที่จะตั้งครรภ์ในครั้งนี้
"ยินดีด้วยค่ะคุณแม่คุณได้ลูกสาว" มิรากล่าวแซวเพื่อนขึ้นอย่างอารมณ์ดี เมื่อสถานการณ์ความตึงเครียดที่มีได้คลี่คลายลงไป
"ลูกสาวหรือลูกชายก็ได้ แต่คงไม่ใช่แฝดหรอกนะ เพราะฝนคงเลี้ยงไม่ไหว" ฝนสุดาพูดออกมาด้วยแววตาเป็นประกาย เมื่อเธอกำลังจินตนาการนึกถึงวันที่จะให้กำเนิดลูกสาวหรือลูกชาย ไม่ว่าจะเป็นเพศอะไรเด็กคนนั้นก็คือลูกของเธอ ที่ฝนสุดาจะเฝ้าถนอมเลี้ยงดูทุกย่างก้าว ให้เขาเติบโตมาอย่างมีคุณภาพ ไม่สร้างความเดือดร้อน หรือภาระให้กับสังคม แค่เป็นคนไม่เอารัดเอาเปรียบใคร มีจิตใจดีแค่นี้เธอก็พอใจแล้ว
"แล้วเรื่องงานฝนแค่พัก หรือว่าคิดจะลาออกถาวร" คราวนี้กลายเป็นมิราที่ดูเครียด เมื่อเธอต้องบินในไฟท์ที่ไม่มีฝนสุดา ซึ่งเคยทำงานร่วมกันมานานหลายปี ถ้าหากฝนสุดาลาออกก็น่าเสียดาย เมื่อหญิงสาวรักในอาชีพนี้มาก
"ก็อย่างที่มิราบอก การตัดสินใจของฝนครั้งนี้ มันหมายถึงการเปลี่ยนแปลงของชีวิตครั้งใหญ่ ฝนควรตัดใจเลือกระหว่างลูกกับอาชีพที่รัก" แค่ฝนสุดาเอื้อนเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมา ก็ทำให้มิรารู้แล้วว่าเพื่อนรักตัดสินใจจะลาออกจากการเป็นนางฟ้า
"ฝนพูดแบบนี้ก็หมายความว่า จะลาออกจากการเป็นแอร์ใช่ไหม"
"อืม... ไม่เอาอย่าทำหน้าแบบนั้นสิมิรา ฝนคิดว่าถ้ามีลูก ก็ควรจะทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับเขา ตอนนี้ยังพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง คลอดแล้วค่อยคิดหาทาง ขยับขยายทำอะไรที่มันเป็นชิ้นเป็นอันอีกที และที่สำคัญงานหรืออาชีพที่ฝนเลือก ต้องสามารถดูแลลูกไปในตัวได้ด้วย โดยที่ลูกจะต้องไม่รู้สึกว่าเขาขาดหายอะไรในชีวิตไป"
"โอ้โห! คุณแม่วางแผนระยะยาวไว้เสียด้วย แบบนี้มิราต้องลาออกมาเป็นผู้ช่วย ฝนว่าดีไหม"
"จะบ้าหรือไง มิราเป็นนางฟ้าแบบนี้ก็ดีแล้ว ปล่อยให้นางฟ้าปีกหักอย่างฝน ใช้ชีวิตคุณเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ในแบบมัดมือชกไปเถอะ" ฝนสุดาพูดออกมา พร้อมกับรอยยิ้มที่เปื้อนบนใบหน้า เมื่อเธอคิดว่าการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว มันคงไม่มีอะไรโหดร้าย เท่ากับที่เธอจะไม่สามารถมีบุตรได้ จนทำให้ตัวเองนั้นต้องมาเสียดายในวันที่แก่ตัวลง เพราะวันนั้นเธอคงจะเสียใจมาก ถ้าหากปล่อยให้โอกาสครั้งนี้หลุดลอยไป
"ฝนโอเคแล้วใช่ไหม ไม่เครียดแล้วนะ มิราเห็นเพื่อนยิ้มได้แบบนี้ก็ดีใจมากแล้ว สู้ ๆ นะ"
"ขอบใจนะ ถ้าไม่ได้มิราฝนคงรู้สึกแย่"
"วันไหนนัดหมอ อุ้ย! วันไหนหมอนัดขอไปด้วยสิ อยากเห็นหน้าหมอจัง เผื่อเขาอยากให้นางฟ้าพาไปขึ้นสวรรค์" มิราพูดออกมาทีเล่นทีจริง
"มิรา! พูดจาน่าเกลียดจัง" ฝนสุดาถึงกับร้องเรียกชื่อเพื่อนออกมาเสียงดัง ใบหน้าของเธอเริ่มร้อนผ่าวแดงระเรื่อ เมื่อหญิงสาวนึกถึงใบหน้าหมอหนุ่ม ซึ่งเธอไม่รู้ว่าเขาโสดหรือแต่งงานแล้ว แต่หมอคือผู้ชายคนแรก ที่ได้เห็นกลีบผกาอวบนูนขาวผ่อง ในวันที่เขาขอตรวจภายในเธอ
"เฮ้ย! ทำไมต้องเสียงดังและหน้าแดงแบบนั้นด้วย ฮันแน่... หมอหล่อใช่ม๊าา"
"โอ๊ย! ยัยมิรา อยากรู้อาทิตย์หน้าก็ไปพบหมอกับฝนสิ เข้าบ้านเถอะ ขวัญดาวมาแล้ว ทานมื้อเย็นด้วยกันนะ ขอตัวเข้าครัวก่อน" ฝนสุดารีบเปลี่ยนเรื่องพูด จนมิราจับพิรุธได้ เธอมองตามหลังของเพื่อนรักออกไปอย่างแปลกใจ เพราะไม่เคยเห็นฝนสุดาเขินอายจนหน้าแดง เวลาพูดถึงผู้ชายคนไหน หญิงสาวชักอยากจะเห็นคุณหมอคนนั้นแล้วสิ หน้าตาของเขาจะหล่อเหลาเหมือนพระเอกในซีรีส์หรือเปล่า
“ถ้าผมมีลูกมีเมียอยู่แล้ว พ่อกับแม่ยังจะยัดเยียดนุชวราให้กับผมอยู่อีกไหมครับ” หมอหนุ่มถามออกมาอีกครั้งด้วยใบหน้าที่ราบเรียบ จนบิดามารดาไม่สามารถเดาความคิดของเขาออก ซึ่งคนทั้งคู่คิดว่าลูกชายเพียงแค่อยากรู้คำตอบเท่านั้น “พ่อกับแม่ไม่ใช่คนใจร้าย ที่จะพรากลูกพรากเมียใครหรอกนะ ถ้าหมอมีลูกมีเมียอยู่แล้ว พ่อกับแม่ก็จะไม่บังคับให้ลูกต้องหมั้น หรือแต่งงานกับนุชวราหรอก แต่ลูกชายของแม่โสดไม่มีใคร แล้วทำไมจะแต่งงานกับหนูนุชไม่ได้ หรือว่าลูกชอบไม้ป่าเดียวกัน แม่ไม่ยอมแน่” ผู้เป็นมารดาเริ่มคิดไปต่างๆ นานา เมื่อลูกชายมีท่าทางที่อิดออด ไม่อยากจะแต่งงานกับสาวสวยที่เพอร์เฟกต์อย่างนุชวรา “ผมไม่มีใครหรอกครับแม่ แต่ขอเวลาอีกสามเดือนได้ไหมครับ ผมไม่เคยขออะไรจากแม่เลย ถ้าหากว่าผมจะต้องหมั้นหรือแต่งงานกับนุชวราจริงๆ ขอให้ผมได้ใช้ชีวิตในแบบของผม เพียงแค่สามเดือนจะได้ไหมครับแม่”
“เอวาขอร้องได้ไหมคะ ระหว่างที่เราคบกันและคุณยังการันตีในความสัมพันธ์ของเราให้ใครต่อใครได้ทราบ ก็ให้เกียรติเอวาบ้างหน่อยเถอะค่ะ” หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้า เมื่อเธอนั้นได้กลายเป็นเพียงแค่แฟนในนาม แต่เรื่องบนเตียงกลับเล่นจริงไม่ใช้สแตนด์อิน “รอให้หมอวายุหมั้นและแต่งงานกับนุชวราเมื่อไหร่ ผมจะปล่อยคุณไปให้เป็นอิสระ” เขาช่างเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัว แม้ว่าเงื่อนไขและผลประโยชน์ที่เอวาได้รับนั้น จะเป็นเงินก้อนใหญ่ แต่หญิงสาวก็ปรารถนาอยากใช้ชีวิตร่วมกับนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงมากกว่า “คุณพายุ ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายปีคุณไม่คิดที่จะมีใจให้เอวาบ้างเลยหรือไง” คราวนี้หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่พัดพ้อ เมื่อเขาให้ความสำคัญในตำแหน่งแฟน เพียงแค่ต้องการให้หล่อนเป็นไม้กันหมาให้เขาเท่านั้น แม้แต่บิดามารดาของชายหนุ่ม ก็ไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนเนื่องจากเขาเป็นลูกชายคนโต จึงถูกเลี้ยงดูตามใจมาตั้งแต่เด็ก ในขณะที่หมอวายุนั้นถูกบังคับ ให้ทำตามความประสงค์ของบุพการี ทั้งการเรียนและเรื่องของหัวใน ท้ายที่สุดเขาต้องเรียนแพทย์ ทั้งที่
ผับใจกลางเมือง มิรากำลังนั่งดื่มอยู่กับเบส สายตาของเธอได้เหลือบไปเห็นหญิงสาว ที่มีรูปร่างคุ้นตา แต่ไม่แน่ใจว่าจะใช่ขวัญดาวหรือเปล่า เนื่องจากโต๊ะโซนวีไอพี ซึ่งถัดออกไปจากเธอพอสมควร หญิงสาวกำลังนั่งดื่มอยู่กับคาสโนว่าตัวพ่ออย่างพายุ นักธุรกิจหนุ่มที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แต่เขายังคงเป็นคุณชายเจ้าสำราญไม่เลิกรา“ถ้าผมจะกลับมาคบกับคุณอีกจะได้ไหม มิรา” น้ำเสียงของกัปตันหนุ่มฟังดูน่าหลงใหล แต่มิรากลับรู้สึกไม่ไหว ถ้าหากเธอจะต้องมานั่งร้องไห้ เมื่อเขาบอกเลิก และที่เธอยอมออกมาดื่มเป็นเพื่อนแฟนเก่าก็แค่ต้องการปลอบโยน ที่เขานั้นได้เสียบิดาไป ในขณะที่แฟนใหม่ขอยุติความสัมพันธ์ ซึ่งมิราไม่มีวันจะกลับไปเป็นแฟนกับเขาอีกเป็นเด็ดขาด “เป็นเพื่อนกันมันก็ดีอยู่แล้ว อย่าพยายามทำให้ทุกอย่างกลับมาที่เดิม เมื่อใจสองดวงได้เปลี่ยนไปแล้ว มิราจะยังคงเป็นเพื่อนที่ดีให้กับเบสเสมอนะ” คำพูดของอดีตคนรัก ทำให้กัปตันหนุ่มซาบซึ้งใจ เขาไม่น่าทิ้งเธอไปทั้งที่คบกันมาเป็นสิบปี
ดวงตาคู่สวยค่อยๆ ปรือลงอย่างช้าๆ เมื่อเธอกำลังจินตนาการว่าตัวเองนั้น กำลังเป็นนางเอกในซีรี่ย์ ที่มีหมอหนุ่มหน้าตาดี เป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยทำให้เธอตั้งครรภ์ ก่อนที่หญิงสาวจะไม่มีมดลูก “คุณ... คุณฝนสุดา หลับอีกแล้วเหรอ” เสียงทุ้มของหมอหนุ่มที่ดังข้างใบหูของเธอ จนสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวตื่นจากภวังค์ “เอ่อ... ขะ ขอโทษค่ะ” ฝนสุดารีบดีดตัวลุกขึ้นยืน พร้อมกับใบหน้าที่เหลอหลา ก่อนจะกล่าวขอโทษเขาออกมาด้วยคำพูดที่ติดอ่าง พร้อมกับรีบก้มหน้าลงต่ำ เพื่อหลบสายตาคมของหมอหนุ่ม เมื่อเธอเดาความรู้สึกของเขาไม่ออก การวางสีหน้าที่เรียบเฉยตลอดเวลา พร้อมกับเก๊กท่าวางมาดเข้ม บวกกับบุคลิกของหมอหนุ่มดูหล่อเท่สมาร์ต แต่ทว่าบางทีก็ดูลึกลับจนน่าค้นหา ส่งผลให้หัวใจดวงน้อยของฝนสุดาอดที่จะหวั่นไหว ให้กับหมอวายุไม่ได้ “ผมเพิ่งบอกคุณไปไม่กี่นาที จะลุกจะเดินต้องระวัง ไม่อย่างนั้นคุณมีสิทธิ์แท้งแน่ ถ้าย้ายตั
ภายในห้องนอนที่ตกแต่งเอาไว้ในสไตล์นอร์ดิก แลดูโล่ง โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก แต่ดูอบอุ่นเรียบหรูดูแพง ซึ่งมีโทนขาว เทาเป็นหลัก ทั้งผ้าปูและเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ตกแต่งภายใน ผนังของห้องใช้สีพาสเทลอ่อนๆ บ่งบอกให้รู้ถึงรสนิยมของคนอาศัยที่มีใบหน้าเคร่งขรึมอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญหมอวายุเป็นคนที่ชอบความเงียบสงบ แต่คนรอบข้างมักจะนำพาความวุ่นวาย เข้ามาภายในชีวิตของเขาไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะเรื่องการหมั้นระหว่างเขากับนุชวรา คนตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียงขนาดคิงไซซ์ ค่อยๆ พลิกกายบิดตัวหาวออกมา เมื่อเธอรู้สึกสบายตัวที่นอนอยู่บนเตียงนุ่ม บวกกับที่นอนไม่หลับมาทั้งคืน เนื่องจากตื่นเต้นกับการมาตามนัด เพื่อรับฟังรายละเอียดในขั้นตอนของการทำร่างกายให้พร้อม สำหรับการตั้งครรภ์ นั่นจึงทำให้หญิงสาวหลับยาวไปหลายชั่วโมง "อืม..." ฝนสุดาครางออกมาจากในลำคอ พร้อมกับบิดขี้เกียจอย่างอ้อยอิ่ง เมื่อเธอไม่อยากลุกออกจากเตียงนุ่มนี่เลยสักนิด จากนั้นหญิงสาวจึงค่อยๆ พลิกกายกลับมานอนหงาย เธอปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะพบว่าเพดานของห้องนอน แปลกไปจากที่คุ้นเคย แน่นอนเพราะนี่มันไม
หลายวันผ่านไป หลังจากที่นายแพทย์หนุ่มหนุ่มพยายามเลื่อนนัดนุชวรามาหลายครั้ง ในวันนี้เธอจึงจำเป็นที่จะต้องบุกไปหาเขาที่โรงพยาบาล จนทำให้หมอหนุ่มจำใจต้องออกมารับประทานมื้อเย็นกับหญิงสาวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าเขานั้นจะรู้สึกอึดอัดกับการที่ต้องออกไปรับประทานมื้อเย็น ภายใต้แสงเทียน หล่อนคงอยากสร้างความประทับใจให้กับเดตแรกระหว่างเธอกับหมอวายุ "พี่หมอค่ะ ทำไมต้องทำหน้าเหมือนกับว่า กำลังลำบากใจที่ออกมาทานข้าวกับนุช" นุชวราพูดออกมาด้วยน้ำเสียงน้อยใจ เมื่อหล่อนพยายามเข้าใกล้ แต่หมอวายุกลับมีท่าทีถอยห่างออกไป ทั้งที่เขาก็ไม่มีใครทำไมไม่รับปากตกลงหมั้นกับเธอสักที "พอดีว่าช่วงนี้ผมมีเรื่องเครียดนิดหน่อย การเป็นหมอต้องอยู่ภายใต้แรงกดดัน ซึ่งคนไข้ได้ฝากชีวิตไว้กับแพทย์ที่รักษา ผมจึงอยากทุ่มเทชีวิตนี้ให้กับวงการแพทย์ ถ้านุชเจอใครที่ถูกใจ ก็รีบคว้าเอาไว้อย่าฝากความหวังไว้ที่ผมเลยนะครับ" ใบหน้าอันหล่อเหลาของหมอหนุ่ม ดูเรียบเฉยไร้วี่แววของการมีใจ บางครั้งนุชวราก็อยากเอ่ย