INICIAR SESIÓNครืด ครืด
เขาเหลือบมองโทรศัพท์ที่โชว์หลาเบอร์ไม่คุ้นเคยขึ้นมาหลังจากออกกำลังกายเสร็จ มองเบอร์นั้นอย่างครุ่นคิดว่าควรรับดีไหม เพราะปกติแล้วเขาไม่ค่อยรับสายเบอร์แปลก สุดท้ายจึงตัดสินใจกดรับ
“ฮัลโหล”
(สะ…สวัสดีค่ะ หนูเองนะคะ มิรา จำหนูได้หรือเปล่า)
น้ำเสียงคุ้นเคยที่ดังเข้ามาในสายทำให้เขาเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างแปลกใจ แน่นอนว่าจำได้ แต่กำลังแปลกใจตรงที่ มิรารู้จักเบอร์เขาได้อย่างไร
“อืม จำได้”
(เอ่อ…คือว่า หนูโทรมากวนคุณหรือเปล่าคะ?)
“ไม่ พูดธุระของเธอมา” มิราต้องมีเรื่องสำคัญแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าโทรมาหาเขา ทั้งที่เมื่อคืนเพิ่งทำตัวไม่น่ารักด้วย
อยากรู้แล้วสิว่าเด็กนั่นโทรมาหาเขาทำไม…
(วันนี้ว่างไหมคะ หนู…หนูขอเจอคุณได้ไหม)
“…”
(คือหนูมีเรื่องสำคัญอยากคุยกับคุณ แต่ถ้าคุณไม่สะดวก ก็ไม่เป็นไร…)
“ได้… แต่ฉันจะเป็นคนเลือกสถานที่นัดเจอ” เขาตอบมิรากลับไปเสียงเรียบ
“ถ้าไม่ตกลง ก็ไม่ต้องเจอ
(ดะ…ได้ค่ะ หนูให้คุณเลือกสถานที่นัดเจอก็ได้)
“ดี เอาเบอร์แอดไลน์มา จะส่งสถานที่นัดเจอให้” มุมปากหยักกระตุกยิ้ม แววตาฉายแววความชั่วร้ายออกมาอย่างไม่ปิดบัง
สุดท้าย มิราก็เป็นฝ่ายซมซานกลับมาหาเขาเอง…
•••
“ชะ…ใช่ที่นี่จริงๆ เหรอ” เธอพูดกับตัวเอง มองโลเคชั่นที่เขาส่งมาพร้อมกับสถานที่ตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ
สถานที่ ที่เต็มไปด้วยความทรงจำของคืนนั้น
มิรายืนอยู่หน้าคอนโดมิเนียมแห่งนี้สองนาน ก่อนจะตวัดสองเท้าเดินเข้าไปข้างใน ขณะลิฟต์กำลังเคลื่อนตัวขึ้นสู่ชั้นเป้าหมาย ภาพเหตุการณ์ของคืนนั้นพลางหลั่งไหลเข้ามาในหัว พยายามสะบัดไล่แต่ก็ทำไม่สำเร็จ
ติ้ง…
ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อมาถึงชั้นเป้าหมาย เธอเดินตรงไปยังห้องที่คุณคาร์มินนัดเจอด้วยความรู้สึกมากมายที่ประเดประดังเข้ามา สายตามองห้องตรงหน้า ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วกดออดเรียกเขา รอไม่นานประตูก็ถูกเปิดออก
แอดด
เธอมองเจ้าของห้องด้วยความประหม่า สภาพเขาตอนนี้อยู่ในเสื้อคลุมสีดำแหวกจนเห็นแผงอกที่อัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ กลิ่นหอมจากตัวเขาลอยมาเตะจมูก จนเผลอทำให้หัวใจเธอเต้นแรง
“เข้ามาสิ”
“หนูขอโทษที่มารบกวนคุณกะทันหันแบบนี้นะคะ” เธอพูดหลังจากเข้ามาข้างในแล้ว จำห้องนี้ได้ มันคือจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของเธอและเขา
“เธอคงมีธุระสำคัญกับฉันจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ขอเจอ ทั้งที่เคยบอกไม่ไว้ใจคนอย่างฉัน” คาร์มินนั่งไขว่ห้างเอาแขนวางพาดขอบโซฟา มืออีกข้างถือแก้วเครื่องดื่ม สายตามองมิรา
“นั่งก่อนสิ”
เธอหย่อนสะโพกนั่งลงโซฟาตัวว่าง ยอมรับว่าแอบประหม่าและทำตัวไม่ถูก พยายามไม่นึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นที่นี่ แต่เหมือนยิ่งพยายามมากเท่าไร ภาพในคืนนั้นก็ยิ่งฉายซ้ำในหัว
แววตาที่เขามองมาทำให้เธอไม่กล้าสบสายตาด้วย นั่งบีบมือตัวเองเพื่อคลายความรู้สึกต่างๆ ที่ประเดประดังเข้ามา
“หนูไม่ดื่มค่ะ” เธอปฏิเสธเขาที่ยื่นเครื่องดื่มมาให้
“ถ้าไม่ดื่ม ก็ไม่คุย”
“กะ…ได้ค่ะ” เธอจำใจยอมรับเครื่องดื่มจากเขามา นาทีนี้ยอมไปก่อน เพราะตัวเองไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว
คาร์มินคือคนเดียวที่สามารถช่วยเธอได้ ส่วนจะช่วยหรือไม่… ก็ขึ้นอยู่กับเขา
“พูดธุระของเธอมาสิ” คาร์มินพูด พลางยกแก้วน้ำสีเหลืองอำพันในมือขึ้นดื่มอย่างละเมียดละไม
“หนู… หนูต้องการใช้เงิน”
แก้วน้ำสีเหลืองอำพันที่กำลังยกขึ้นดื่มถูกชะงักจนขอบแก้วจรดริมฝีปากหยักเพียงนิด สายตาคมเข้มปรายมองเจ้าของประโยคเมื่อครู่แล้วเอ่ยถาม
“ต้องการเงิน?”
“ค่ะ หนูต้องการเงิน”
“ก็เลยมาขอให้ฉันช่วย? หึ… โทษที ฉันไม่ได้ปล่อยเงินกู้ให้ใคร” คาร์มินตอบกลับมิราเสียงเรียบ
“หนูไม่ได้มาขอยืมเงินคุณ”
สายตาคมเข้มปรายมองมิราอีกครั้ง
“หนูมีข้อเสนอมาแลก…”
“มั่นใจหรือเปล่าว่าข้อเสนอของเธอมันจะถูกใจฉัน”
“หนู…ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” เธอตอบกลับเสียงแผ่ว
“ลองพูดข้อเสนอของเธอมาสิ เผื่อมันจะถูกใจฉัน”
มิราบีบมือตัวเองแน่นอย่างประหม่า ทั้งที่เตรียมการมาอย่างดี พออยู่ในสถานจริงกลับขี้ขลาด และไม่กล้าพูดเสียอย่างนั้น
“นอนกับหนูอีกครั้งนะคะ” เธอกลั้นใจพูดมันออกไป รู้ว่าขอยืมเงินเฉยๆ คงไม่ได้แน่ เลยลองเตรียมข้อเสนอนี้มาต่อรองดู รู้ว่าเขาต้องการเรื่องเซ็กซ์ ทุกครั้งที่เจอกัน คุณคาร์มินแสดงออกชัดเจนว่าต้องการสิ่งนั้นจากเธออีกครั้ง
“…”
“แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แล้วหนูจะไม่รบกวนคุณอีก”
มุมปากหยักกระตุกยิ้ม หลังจากได้ยินข้อเสนอที่มิราพูดมา คาร์มินยังคงไม่ให้คำตอบแก่อีกฝ่าย ยกแก้วน้ำสีเหลืองอำพันในมือขึ้นดื่มอย่างใจเย็น
มิรามองคาร์มินที่เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดอะไร หรือว่าเธอคิดผิดที่ยื่นข้อเสนอนี้ให้เขา?
“หนูขอโทษที่มารบกวนคุณนะคะ” เธอรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากตรงนี้ เดินได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็ถูกแรงมหาศาลดึงกลับไป
“!!!!” ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ เมื่อถูกเขาประกบจูบลงมาโดยไม่ทันตั้งตัว
มือหนารั้งเอวของเธอเข้าไปหาจนหน้าท้องแบนราบแนบชิดกับตัวเขา แรงบดคลึงเจือด้วยรสชาติขมจากแอลกอฮอล์ที่คาร์มินดื่มเข้าไปก่อนหน้านี้ พานทำหัวใจสั่นไหว เรี่ยวแรงที่มีเริ่มอ่อนระทวยจนต้องเลื่อนมือตัวเองขึ้นมาจับสาบเสื้อคลุมสีดำเอาไว้แน่น
ลิ้นสากสอดแทรกเข้ามากวาดต้อนความหอมหวานภายในโพรงปากอย่างช่ำชอง คาร์มินดันร่างบางให้กลับไปนั่งลงโซฟาอีกครั้ง มือหนาอีกข้างประคองใบหน้าสวยหวาน จูบอย่างหนักหน่วงราวกับสัตว์ร้ายผู้หิวโหย
จูบแสนเนิ่นนานถูกถอนออกในเวลาต่อมา มิรารีบโกยอากาศทั้งหมดเข้าเต็มปอด ใบหน้าแดงซ่านจากสัมผัสของคาร์มิน
“ลองฟังข้อเสนอของฉันดูหน่อยไหม?”
“ขะ…ข้อเสนออะไรคะ” เธอเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ เป็นคนยื่นข้อเสนอให้แท้ๆ แต่กลับถูกยื่นข้อเสนอกลับมาเสียอย่างนั้น
คาร์มินยิ้มร้าย พลางยกมือขึ้นมาลูบไล้กรอบหน้าสวยหวานของหญิงสาวลงมายังลำระหง ผ่านลาดไหล่มายังไหปลาร้า มิรารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องกับสัมผัสของคนตรงหน้า
เขาเก่งที่หลอกล่อให้เพศตรงข้ามเคลิ้มตามได้อย่างง่ายดาย ไม่แปลกใจเลยทำไมผู้หญิงหลายคนถึงหลงเสน่ห์ผู้ชายคนนี้…
สายตาคมเข้มช้อนขึ้นมองมิรา ก่อนจะขยับริมฝีปากพูดข้อเสนอของตัวเอง
“มาเป็นผู้หญิงบนเตียงของฉัน แล้วเธอจะได้ค่าตอบแทนกลับไป มากกว่าคืนนั้น…หลายเท่า”
“เดินระวังนะครับ”“เบบี๋ประคองหนูทั้งวันแล้วนะ ให้หนูเดินเองเถอะ”“ไม่ได้ ท้องหนูโตมากแล้ว ให้เฮียประคองเนี่ยแหละดีแล้ว”เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ ต่อให้ท้องไม่โตใกล้คลอดเขาก็เดินประคองทุกวันอยู่แล้ว อาทิตย์หน้าก็ถึงกำหนดคลอดลูก บอกตามตรงว่าตื่นเต้นและกลัวในเวลาเดียวกัน ไม่เคยมีประสบการณ์คลอดลูกมาก่อน ค้นกูเกิลเกี่ยวกับเรื่องนี้เยอะมาก ซึ่งหลายคนบอกไม่เหมือนกันเลยสักคนคาร์มินประคองมิรามานั่งลงโซฟา ชายหนุ่มถอดรองเท้าออกให้ การกระทำของคนตัวโตเรียกรอยยิ้มจากภรรยาสาวได้ไม่ยากอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นเขาทำแบบนี้ให้“ขอบคุณเบบี๋นะคะ”คาร์มินเงยหน้าขึ้นมองภรรยาสาว“เบบี๋ดูแลหนูดีมากเลย ไม่คิดว่าชีวิตนี้หนูจะได้เจอผู้ชายแบบเบบี๋” แม้จุดเริ่มของความสัมพันธ์ไม่ได้ดีมากนัก ทว่าตอนจบของเรื่อง…เชื่อว่ามันสวยงามเสมอคุณคาร์มินดีกับเธอมากจริงๆ เขาดูแลและเอาใจใส่ในทุกเรื่อง แถมยังรู้ด้วยว่าเธอชอบหรือไม่ชอบอะไร ถ้าหากวันนั้นเธอกับเขาไม่ได้เจอกัน ก็คงไม่มีวันนี้“หนูรักเบบี๋นะคะ”“รักเหมือนกันครับ” เขามองมิราแล้วยิ้ม ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปสวมกอดเธอเอาไว้ด้วยความรักถ้าหากรู้ว่าจะรักมิรามากขนาดนี้ คงขอเธอเป็นแฟนไ
วันแต่งงาน “สวยจังเลยลูกสาวแม่” มะลิพูดกับลูกสาวในชุดเจ้าสีขาวสะอาดตาสวยงามด้วยรอยยิ้มและแววตาที่ปลื้มปิติจากเด็กน้อยในวันนั้นสู่เจ้าสาวในวันนี้…วันและเวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ เผลอแป๊บเดียวมิราโตเป็นสาวแล้ว ความฝันของคนเป็นแม่ไม่ได้มีอะไรมากมายเลย แค่อยากเห็นลูกสาวได้เจอคู่ชีวิตที่ดีและได้อุ้มหลานเส้นทางแห่งการก้าวสู่คำว่า ‘สร้างครอบครัว’ คงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของมิราและคาร์มิน หวังว่าทั้งสองคนจะจับมือกันผ่านอุปสรรคต่างๆ ในอนาคตไปได้ จะคอยดูลูกสาวเติบโตอยู่ไม่ไกล หันมาเมื่อไหร่ก็ยังเจอ“แม่ก็สวยเหมือนกันค่ะ”“ปากหวานจริงๆ เด็กคนนี้”“คิก แม่ว่าคนอื่นจะมองหนูยังไงบ้างคะ เพราะหนูอายุสิบแปด แต่กำลังแต่งงาน”“อีกไม่กี่เดือนลูกสาวแม่ก็สิบเก้าแล้วนะ” มะลิพูดเย้าแหย่ให้ลูกสาวไม่เครียด“มิราไม่ต้องสนใจสายตาคนอื่นหรอกว่าจะมองยังไง วันนี้หนูเป็นนางเอกของงาน สวยที่สุดในนี้ ต่อให้ลูกสาวแม่แต่งงานตอนอายุสิบแปดมันก็ไม่เห็นแปลกอะไรเลย เพราะมิราบรรลุนิติภาวะแล้ว อีกอย่าง ความคิดและทัศนคติของลูกยังเหมือนผู้ใหญ่คนนึง”“…”“หากตัดเรื่องอายุออกไป ลูกสาวแม่ก็เหมือนผู้ใหญ่คนนึงเลยแหละ เพราะฉะนั้นมิราไม่ต
วันรับปริญญาคาร์มินในชุดครุยรับปริญญากำลังยืนถ่ายรูปกับกลุ่มเพื่อนสนิท สายตาคมเข้มมองหาใครบางคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วย มีเพียงครอบครัวตัวเองและของเพื่อนสนิทเท่านั้น เมื่อเช้ามิราโทรมาบอกว่าอาจจะไม่ได้เข้าไปเพราะติดธุระสำคัญวันนี้เป็นวันสำคัญแต่คนสำคัญกลับยังไม่มา พอมองดูรอบข้างเห็นคิมหันต์และอนาคินกำลังถ่ายรูปคู่กับแฟนสาวมันกลับทำให้เขารู้สึกเศร้าขึ้นมารู้ว่ามิราติดธุระของตัวเอง ทว่าวันสำคัญทั้งที ก็อยากให้เธอได้อยู่ตรงนี้ด้วยกัน“มิราไม่มาเหรอวะ” ลูคัสเดินเข้าไปถามคาร์มิน“ไม่แน่ใจวะ เห็นบอกว่าวันนี้ต้องไปทำธุระสำคัญ”“เดี๋ยวก็มา” เพื่อนสนิทตบไหล่เบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาครอบครัวตัวเองส่วนคาร์มินก็เดินเข้าไปหาพ่อ แม่ และน้องสาว“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะพี่คาร์มิน” คาร์เทียร์เอ่ยถามพร้อมกับอมยิ้ม แม้รู้อยู่แล้วว่าสาเหตุที่ทำให้พี่ชายทำหน้าหงอยแบบนี้มาจากอะไรเพราะว่าพี่สะใภ้ไม่อยู่ตรงนี้ยังไงล่ะ เลยทำให้แมวเย็นแถวนี้กลายเป็นแมวหงอย“พี่สะใภ้ของเทียร์ยังไม่มาเหรอคะ”“นั่นนะสิ ตั้งแต่มาถึง แม่ยังไม่เห็นหนูมิราเลย”“วันนี้มิราติดธุระสำคัญครับ ไม่รู้ว่าจะเสร็จตอนไหน บางทีอาจจะไม่ได้มา”“ลอง
“เบบี๋~ หนูมาแล้ว~” เสียงใสคุ้นเคยดังเข้ามาในโสตประสาทชายหนุ่มที่กำลังวุ่นวายอยู่กับงานตรงหน้า ความเครียดตึงเหมือนสมองบีบรัดแน่นหายไปในพริบตา เมื่อได้เห็นรอยยิ้มสดใสของแฟนสาวและเป็นคนเดียวกับ…แม่ของลูก“ซื้อของกินมาฝากด้วยค่ะ” คนตัวเล็กในชุดสบายๆ ชูถุงของกินเต็มสองมือขึ้นต่อหน้าคาร์มิน“ไปชอปปิงกับคาร์เทียร์สนุกไหม” วันนี้เขาออกมาบริษัทตั้งแต่สิบโมงเช้า ทำให้มิราต้องอยู่เพนท์เฮาส์คนเดียว ตอนแรกแอบกังวลว่าเธอจะเหงาหรือเปล่า โชคดีวันนี้คาร์เทียร์โทรมาขออนุญาตพามิราไปชอปปิงเป็นเพื่อน เขาเลยอนุญาตให้ไป เพราะไม่อยากปล่อยแฟนไว้คนเดียว“สนุกมากเลยค่ะ น้องสาวเบบี๋ชวนคุยเก่งมาก แถมยังพาหนูไปกินของอร่อยๆ เยอะแยะเต็มไปหมดเลย”“หึ เฮียดีใจนะที่เห็นหนูมีความสุข” คงสนุกเที่ยวเลยล่ะ ทั้งมิราและคาร์เทียร์มีอะไรหลายอย่างคล้ายกันมาก แตกต่างกันอยู่แค่ไม่กี่อย่าง“ยิ้มแบบนี้เยอะๆ นะครับ” รอยยิ้มของมิราเปรียบเสมือนยาชูกำลัง เห็นแบบนี้ทุกวันทำให้เขาหายเหนื่อยกับอะไรหลายๆ อย่างที่ทำมาทั้งวันเลยล่ะ…“เมื่อกี้เห็นเบบี๋สีหน้าไม่ค่อยดีเลย เป็นอะไรเหรอคะ”“เฮียแค่กำลังโฟกัสกับงาน” เวลากำลังโฟกัสกับอะไร สีหน้าของ
บรรยากาศภายในห้องอาหารของโรงแรมหรูระดับห้าดาวชื่อดังแห่งหนึ่งอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มแห่งความสุข สองครอบครัวได้มาเจอกันเป็นครั้งแรกครอบครัวคาร์มินให้การต้อนรับครอบครัวมิราเป็นอย่างดี ทั้งหมดร่วมกันรับประทานอาหารเย็นท่ามกลามวิวตึกในยามค่ำคืนของเมืองกรุงเทพมหานครในห้องอาหารส่วนตัววีไอพีคาร์มินเป็นคนนัดทุกคนให้มารวมตัวกันเพื่อบอกเรื่องสำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เจ้าตัวไม่ได้คิดมากอะไร แต่คนที่คิดมากเห็นจะเป็นแฟนสาวมากกว่า เมื่อคืนมิรานอนไม่หลับเพราะเอาแต่เครียดเรื่องนี้ และกลัวอะไรหลายๆ อย่างที่ยังไม่เกิดขึ้น“นัดเจอกันแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ จะได้ทำความรู้จักกับครอบครัวหนูมิราด้วย” เสียงนาร์มินพูดแล้วยิ้มให้ครอบครัวมิราอย่างเป็นมิตร“อะไรที่ทำให้ลูกนัดเจอพวกเราพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้” มาร์คินหันไปถามลูกชายด้วยความอยากรู้“ที่ผมนัดทุกคนมาเจอกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาวันนี้ เพราะมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกให้ทราบครับ”“เรื่องสำคัญอะไรเหรอ?” มะลิถามคาร์มินหันไปมองหน้ามิราพร้อมกับจับมือเล็กมากุมเอาไว้ แม้คนข้างกายไม่แสดงออกว่ากำลังวิตกกังวล แต่ลึกๆ เชื่อว่าเธอคงกำลังเป็นแบบนั้น“
“เบบี๋~” เสียงใสเจื้อยแจ้วเรียกแฟนมาแต่ไกล มิราเดินมานั่งบนตักอ้อนคาร์มินที่กำลังทำงานอยู่ ทำให้ชายหนุ่มต้องพักงานตัวเองเอาไว้ชั่วคราวเพื่อสนใจแฟนสาวก่อนเป็นอันดับแรก“ว่าไงครับ”“เบบี๋ไม่ปลุกหนูอีกแล้ว”“เฮียเห็นหนูหลับอยู่เลยไม่อยากรบกวน” ช่วงนี้มิรานอนกลางวันบ่อยมาก แถมยังขี้อ้อน และติดเขาแบบสุดๆ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบที่เธอเป็นอย่างนี้ ชอบมากเลยล่ะ เพราะเมื่อก่อนมิราไม่ค่อยสนใจเขาเท่าไร อยากให้เป็นแบบนี้ไปนานๆ ตลอดไปเลยยิ่งดี…“แต่บางทีการตื่นขึ้นมาโดยไม่เห็นเบบี๋ มันก็รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน”“บางทีเฮียก็เดินเข้าไปดูหนูอยู่ แต่เห็นนอนหลับสบายเลยไม่กล้าปลุก”“เบบี๋ทำงานอยู่เหรอ?”“ใช่ครับ”“หนูลงไปซื้อชานมไข่มุกนะ เบบี๋จะเอาอะไรไหมเดี๋ยวซื้อมาให้”“ไปคนเดียว?”เธอพยักหน้าเป็นคำตอบ เห็นเขากำลังทำงานอยู่เลยไม่อยากชวนลงไปด้วย“เดี๋ยวเฮียลงไปเป็นเพื่อน”“เบบี๋ทำงานเถอะค่ะ หนูไม่อยากกวน”“เดี๋ยวไปเป็นเพื่อน”“ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูไปหยิบกระเป๋าตังค์ก่อนนะ”“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเฮียจ่ายให้”“เบบี๋จ่ายค่าชานมไข่มุกให้หนูเกือบทุกวัน หมดไปเยอะแล้วมั้ง ครั้งนี้หนูขอจ่ายเองดีกว่า”“เฮียจะจ่ายให้”“ตามใจเ







