จะผิดไหม ถ้าเพื่อนรักจะกลายเป็นรักเพื่อน “สัญญาได้ไหมวะ ถ้ากูยังไม่มีแฟน มึงก็ห้ามคบใครเหมือนกัน”
Ver másนักศึกษาคนอื่น ๆ ต่างทยอยเดินออกจากสนาม เมษาก็รีบวิ่งเข้าไปหาเพื่อนรักที่นั่งอยู่กับวายุ เธออยากออกจากการแข่งมาดูแลมารีนใจจะขาด แต่ในฐานะนักกีฬาคนหนึ่งจึงไม่สามารถทำตามอำเภอใจได้ นอกจากรอให้การแข่งขันจบลง“เป็นยังไงบ้าง”“ดีขึ้นแล้ว” มารีนเอ่ยตอบเพื่อนรัก ก่อนจะถามกลับ“สองคนนั้นเพื่อนมึงเหรอ”“เปล่า พวกนางเรียนศิลปะการแสดง”แม้จะเรียนอยู่คณะนิเทศศาสตร์เหมือนกันก็จริง แต่เมษาก็ไม่เคยรู้จักกับสองคนนั้นมาก่อนเนื่องจากเรียนคนละสาขา จนกระทั่งได้มาแข่งกีฬาในครั้งนี้แล้วได้อยู่ทีมเดียวกัน“อ่อ พวกมึงไปรอที่รถก่อนก็ได้นะ กูขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึง”มารีนบอกกับเพื่อนรักทั้งสองคน ขณะที่สายตานั้นเหลือบไปเห็นคนที่ตั้งใจทำร้ายเธออย่างแน่นอน กำลังแวะเข้าห้องน้ำในโรงยิม ซึ่งตอนนี้ผู้คนก็เดินออกไปจนบางตามากแล้ว“กูไปเป็นเพื่อน”เมษามองแววตาของมารีนออก เธอรู้ดีว่าเพื่อนเป็นคนไม่ยอมให้ใครมาหาเรื่องอยู่ฝ่ายเดียว คิดว่าคงอยากเอาคืนเป็นแน่ จึงได้พากันเดินไปยังห้องน้ำ ปล่อยให้เพื่อนชายนั่งรออยู่คนเดียวคนที่แวะทำธุระในห้องน้ำเสร็จก็ออกมาล้างมือ แล้วโยเกิร์ตก็เอ่ยขึ้นเพราะคิดว่าไม่มีใครมาใช้ห้องน้ำในเวลานี้
หลังจากเปิดเรียนมาแล้วหนึ่งเดือน ทางมหาวิทยาลัยก็ได้จัดงาน Freshy Game (เฟรชชี เกม) ซึ่งเป็นงานกีฬาของเหล่าน้องใหม่ปีหนึ่งที่จะได้มาร่วมแข่งขัน รวมทั้งยังได้ทำความรู้จักกับเพื่อนนักศึกษาคณะอื่น ๆ ที่อยู่ในชั้นปีเดียวกัน“ไอ้วายุ ลงแข่งบาสกัน”มังกร เพื่อนสนิทในสาขาของวายุเอ่ยชวนขณะกำลังนั่งอยู่ใต้ตึกคณะ ซึ่งเพื่อนของเขากำลังก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่ในช่วงหลังเลิกเรียนเขามักจะชวนวายุเล่นบาสเก็ตบอลอยู่บ่อยครั้ง ก็มีทั้งตอบรับบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะขอตัวกลับไปพักเสียมากกว่า ไม่รู้ว่ามันจะรีบกลับไปทำไม“ไม่อยากแข่ง” วายุตอบเสียงเรียบ“อ้าว ทำไมวะ”เพื่อนของเขานั้นเล่นเก่ง แถมยังเคยเป็นตัวตึงในระดับชั้นมัธยม ถ้าไม่ลงแข่งในครั้งนี้ก็เสียดายความเก่งของมันแย่“กูจะสมัครเป็นสตาฟ”“ลองคิดดูอีกทีไหมวะ เพื่อนในทีมต้องการตัวมึงอยู่นะเว้ย”“ขาดกูไปสักคน พวกมึงก็ลงแข่งกันได้อยู่ดี”“ยอมมึงเลยไอ้สัส ไม่เป็นไร พวกกูจะเอาถ้วยมาฝากมึงเอง”มังกรได้แต่ถอนหายใจอย่างคนยอมแพ้ วายุเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ถ้าเพื่อนบอกไม่ลงแข่ง ถึงเขาจะพูดโน้มน้าวอย่างไรมันก็ไม่ยอมฟัง“ถ้าพวกมึงคว้าที่หนึ่งมาได้ กูจะพาไปเลี้ยง”“ได้แน่นอ
วันนี้วายุเลิกเรียนเร็วจึงได้แวะเข้าไปใช้บริการที่หอสมุดของมหาวิทยาลัย งานอดิเรกยามว่างของเขานั้นคือการอ่านหนังสือ โดยเฉพาะหนังสือที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์นั้นได้ผ่านตามานับเล่มไม่ถ้วนชายหนุ่มนั่งลงกับพื้น พิงแผ่นหลังแนบชิดผนังสีขาว ใช้เวลาอยู่ในมุมเงียบเพื่อไล่สายตาอ่านทุกประโยคที่พิมพ์ลงบนกระดาษถนอมสายตา เวลาผ่านไปราวสองชั่วโมง โทรศัพท์ที่ตั้งเสียงสั่นเอาไว้ในกระเป๋ากางเกงก็มีการแจ้งเตือนบางอย่างวายุเลื่อนมือลงไปหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดู ชื่อที่ปรากฏให้เห็นก็คือเพื่อนสาวของเขาที่ส่งข้อความเข้ามาMarine: กูเรียนเสร็จแล้ว มึงล่ะWayu: เสร็จแล้วเหมือนกันMarine: รออยู่ที่ลานจอดรถใช่ปะWayu: อยู่ห้องสมุดMarine: เดี๋ยวกูไปหาทางด้านมารีนเธอส่งข้อความนั้นออกไป ริมฝีปากสวยก็เผยรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะละสายตาจากโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนในสาขาทั้งสองคน“กลับก่อนนะเว้ย พรุ่งนี้เจอกัน” เธอเอ่ยกับเพื่อนใหม่ที่มีชื่อว่าปอนด์และคูเปอร์หลังจากผ่านช่วงกิจกรรมรับน้องและเข้าเรียนได้สองสัปดาห์ ก็ทำให้มารีนเริ่มสนิทกับเพื่อนที่เรียนสาขาเดียวกัน ซึ่งดวงของเธอก็ยังหนีไม่พ้นเพื่อนผู้ชาย ไม่ใช่ว่า
เปิดเรียนวันแรกทั้งสองสาวก็พากันตั้งนาฬิกาปลุกตั้งแต่เช้าตรู่ เนื่องจากตื่นเต้นกับการเป็นน้องใหม่ หลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลงไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารแถวคอนโดเพราะยังไม่รู้ที่ทางในมหาวิทยาลัย เกรงว่าถ้าไปฝากท้องที่นั่น คงไม่ทันได้กินข้าวก็จะได้เวลาเข้าเรียนกันเสียก่อน โดยที่เช้านี้มีเพื่อนชายอย่างวายุมารับไปเรียนพร้อมกัน“ขอบใจนะที่มารับ พวกกูไปก่อนนะ”มารีนนั่งเบาะข้างคนขับหันไปเอ่ยขอบคุณเพื่อนชายใจดีที่แวะมารับตรงหน้าร้านข้าว จนกระทั่งรถของเขาขับไปถึงมหาวิทยาลัย ทั้งสามคนก็ได้เวลาแยกย้ายกันเข้าคณะของตนเองแม้ว่ามารีนกับเมษาจะสนิทและเรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ทว่าสองสาวกลับมีความชอบและความถนัดคนละอย่างสาวสวยอย่างมารีนเลือกเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ดูแล้วก็ไม่ตรงสายกับธุรกิจของครอบครัวแต่อย่างใด พ่อแม่ของเธอนั้นไม่เคยบังคับหรือกดดันให้เลือกเรียนคณะบริหารธุรกิจเหมือนพวกท่านเมื่อครั้งเยาว์วัย ขอเพียงลูกสาวมีความสุขกับการเรียนในสาขาที่ชอบ พ่อแม่ก็พร้อมสนับสนุนเต็มที่เพื่อนรักอย่างเมษา ครอบครัวทำธุรกิจผลิตสื่อโฆษณา จึงเลือกเรียนคณะนิเทศศาสตร์ สาขาการออกแบบดิจิทัล ซึ่
หนึ่งปีต่อมา“มารีน ลงมากินข้าวได้แล้วลูก เดี๋ยวจะไม่ทันขึ้นเครื่อง” ปลาดาว เอ่ยเรียกลูกสาวที่ยังเตรียมตัวอยู่บนห้องนอนหลังจากกินมื้อเช้าเสร็จทะเลและปลาดาวก็เดินทางไปส่งมารีนที่สนามบิน คราแรกตั้งใจจะไปส่งถึงที่หมาย ทว่าลูกสาวกลับโตแล้วแถมมีความใจกล้าอยากเดินทางด้วยตัวเอง เนื่องจากเคยนั่งเครื่องบินมาแล้วหลายครา เมื่อปรึกษากันแล้วจึงได้ยอมใจอ่อนทำตามที่ลูกร้องขอมารีนไหว้ลาผู้มีพระคุณก่อนจะเข้าไปสวมกอดพ่อและแม่ แล้วลากกระเป๋าเข้าไปนั่งรอขึ้นเครื่องพร้อมกับเพื่อนสนิทอย่างเมษาเครื่องบินได้ลงจอดหลังเคลื่อนตัวอยู่บนท้องฟ้านานกว่าหนึ่งชั่วโมงสามสิบนาที ทั้งสองสาวก็ไปรอรับกระเป๋าสัมภาระ แล้วเดินออกไปหาคนที่บอกว่าจะมารับ“ไอ้วา”ทันใดที่ดวงตาคู่สวยเห็นเศษเสี้ยวใบหน้าของเพื่อนชายก็ยกมือขึ้นโบกไปมาด้วยรอยยิ้มดีใจ พลางส่งเสียงเรียกชื่อสั้น ๆ อย่างคนสนิทกัน“นั่นวายุที่มึงพูดถึงเหรอ” เมษาหันไปถามเพื่อนรักวายุในวัยย่างเข้าสิบเก้าปี ใบหน้าหล่อเหลา สันกรามได้รูป จมูกโด่งเป็นสัน ผิวขาว รูปร่างสูงโปร่ง ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็หล่อและดูดีไม่มีที่ติ แม้ว่าเมษาจะเป็นเพื่อนรักที่เรียนกับมารีนมาตั้งแต่เด็ก แต
“ไอ้แว่น นายมาอยู่หน้าห้องทำงานพ่อฉันได้ยังไง”เด็กสาวหน้าตาน่ารักสดใส ตะโกนเสียงแหลมใส่เด็กชายไม่คุ้นหน้า ที่มายืนทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่หน้าห้องทำงานพ่อของเธอมารีน สาวน้อยวัยเจ็ดขวบ ลูกสาวเพียงคนเดียวของทะเลและปลาดาวผู้เป็นเจ้าของรีสอร์ทชื่อดัง เธอไม่เคยเห็นเขามาก่อน แสดงว่าต้องไม่ใช่คนแถวนี้แน่ และด้วยนิสัยแก่นแก้วตั้งแต่เด็ก จึงทำให้เด็กสาวมัดผมเปียทั้งสองข้าง ยกมือเท้าเอวเอียงใบหน้าจ้องมองเด็กชายรุ่นราวคราวเดียวกันอย่างไม่วางตา“เธอเรียกใครไอ้แว่น”เด็กชายคนดังกล่าวเอ่ยอย่างไม่เต็มเสียง หันมาจ้องใบหน้าจิ้มลิ้ม พลางเลื่อนมือขยับแว่นตาขึ้นบนสันจมูก“แล้วตรงนี้มีใครใส่แว่นอีกล่ะถ้าไม่ใช่นาย คิดจะเข้ามาขโมยของใช่ไหม พ่อคะ มีไอ้เด็กที่ไหนไม่รู้มาขโมยของที่บ้านเราค่ะ”มารีนตะโกนเรียกผู้เป็นพ่อซึ่งกำลังคุยธุระอยู่ในห้องทำงานเสียงดังลั่น ทำเอาผู้ใหญ่ด้านในทั้งสองคนต่างตกใจ รีบลุกออกจากเก้าอี้ เดินออกมาหาอย่างเร็วพลัน“ไหนขโมย” ทะเล พ่อของมารีนและเป็นเจ้าของรีสอร์ตแห่งนี้เอ่ยถามลูกสาว“นี่ไงคะ” เธอชี้ไปที่เด็กชายตรงหน้าอย่างมั่นใจ“หนูคงเข้าใจผิดแล้วล่ะ นี่คือลูกชายของลุงเอง” ไต้ฝุ่น หนุ่ม
Comentarios