หลี่จวิ้นที่ไม่อาจทนเห็นความดื้อรั้นของเหวิ่นลี่หยา เขาได้เดินทางไปยังตำหนักของอวี้เหว่ยสนมอีกคน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า “องค์ชาย ทรงเหนื่อยหรือเพคะ” สนมอวี้เหว่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานขณะรินน้ำชาให้เขา หลี่จวิ้นพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะตอบเสียงแผ่ว “เหนื่อย ข้าเหนื่อยกับการพยายามทำให้เห
“เจ้าคิดหรือว่าข้าจะยอมแพ้” เหวิ่นลี่หยาพูดเบา ๆ ขณะที่มือบางลูบท้องตัวเอง ที่โตจากการตั้งครรภ์แก่ใกล้คลอด เหวิ่นลี่หยายังคงคิดแผนร้ายเงียบ ๆ นางรู้ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสำหรับการเผชิญหน้าโดยตรง แต่เมื่อถึงเวลาหลังจากที่นางคลอดลูก และกลับมามีแรงอีกครั้ง นางจะแก้แค้นให้สาสม “ลูกของข้าจ
ท่ามกลางบรรยากาศอันเป็นมงคลในพิธีรับขวัญพระโอรสหลี่เจ๋อหาน เสียงดนตรีอ่อนหวานขับขานคลอไปกับเสียงพูดคุยและคำอวยพรจากเหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย แต่ในมุมหนึ่งของงานพระชายาเหวิ่นลี่หยาที่กำลังตั้งครรภ์แก่ใกล้คลอด ยืนอยู่ในชุดสีเขียวหยกประดับลวดลายดอกเหมยทอง นางกำชายเสื้อแน่น ดวงตาคู่สวยมองไปยังอ
ในยามเช้าของวันใหม่ แสงอาทิตย์อ่อนโยนสาดส่องเข้ามาภายในตำหนัก สายลมเย็นพลิ้วผ่านม่านโปร่งบางนำกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ปลูกไว้ในสวนเข้ามาเติมเต็มบรรยากาศอบอุ่น หลี่หยวนเจ๋อนั่งอยู่บนตั่งใหญ่ โดยมีพระโอรสน้อยอยู่ในอ้อมแขน ใบหน้าหล่อเหลาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่มีแต่ความภาคภูมิใจ“หยูเอ๋อร์ ดูสิ เจ้าตัวน้อยกำ
หลี่หยวนเจ๋อรีบจับมือนางแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล “เจ้าเป็นอะไรหรือ เจ็บมากหรือไม่”เหวิ่นจือหยูสูดลมหายใจลึก แล้วบีบมือนั้นตอบ “หม่อมฉัน คิดว่าอาจจะถึงเวลาแล้ว”หลี่หยวนเจ๋อสีหน้าเปลี่ยนทันทีที่เห็นนางอันเป็นที่รักเจ็บ ก่อนที่จะตาเบิกกว้างเมื่อนึกได้ถึงสิ่งที่พระชายาจะสื่อ เขารีบลุกขึ้นยืนพลางส
เหวิ่นจือหยูมองเขา ดวงตาสะท้อนความสุขที่ล้นเอ่อ “แต่หม่อมฉันคิดว่าเขาอาจเหมือนท่าน ทั้งสง่างาม ทั้งอบอุ่น”หลี่หยวนเจ๋อหัวเราะเบา ๆ ขยับเข้าไปใกล้นางอีก “แต่ไม่ว่าเขาจะเหมือนใคร ข้าก็รักเขา และรักแม่ของเขามากกว่าอื่นใดในโลก”คำพูดนั้นทำให้เหวิ่นจือหยูใจเต้นแรง นางยิ้มเขิน ดวงหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ หลี