องค์รัชทายาทที่โดนคลุมถุงชน สารภาพกับพระชายาในวันเข้าหอว่าไม่ได้รักนาง แต่รักสตรีอื่นอีกหลายนางที่เคยพบในระหว่างการเดินทาง.... ทว่าพระชายากลับเอาสิ่งของที่พระองค์เคยมอบให้สตรีเหล่านั้นเป็นของแทนใจออกมาทีละชิ้น แล้วบอกว่า "สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ"... แล้วนางไปได้ของพวกนั้นมาอย่างไรกัน?!
View Moreงานมงคลสมรสอันยิ่งใหญ่จบลงแล้ว เสียงดนตรีและการเฉลิมฉลองที่ดังกึกก้องตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืน บัดนี้ได้ถูกแทนที่ด้วยความเงียบงัน เหลือเพียงความอ่อนล้าที่ฉาบอยู่บนใบหน้าของทุกคน เว้นเสียแต่องค์รัชทายาทผู้เป็นศูนย์กลางของงานในวันนี้
ฉลองพระองค์มงคลลายมังกรห้าเล็บสีแดงสดขับให้พระพักตร์ของพระองค์ซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด ดวงเนตรคมที่เคยเป็นประกายด้วยความมุ่งมั่น บัดนี้กลับฉายแววหม่นหมองและว่างเปล่า
นี่คือการสมรสกับธิดาอ๋อง ที่เกิดขึ้นจากราชโองการของพระบิดา จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ เพื่อค้ำจุนราชบัลลังก์และถ่วงดุลอำนาจกับแคว้นที่บิดาของนางกุมอำนาจทางทหารไว้ทั้งหมด
ขบวนส่งตัวเคลื่อนไปตามระเบียงยาวที่ประดับด้วยโคมไฟสีแดงสลัว องค์รัชทายาทก้าวพระบาทไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า หัวใจของพระองค์หนักอึ้งราวกับถูกถ่วงด้วยโซ่ตรวนแห่งความทรงจำ พระองค์ไม่ได้ทอดพระเนตร พระชายา ผู้เป็นธิดาของอ๋องนักรบผู้เกรียงไกรที่เดินอยู่เคียงข้างเลยแม้แต่น้อย ในห้วงคำนึงมีแต่ภาพของสตรีอื่น…
รอยยิ้มและแววตาใสซื่อของเด็กสาวชาวบ้านในวัยเยาว์…
แววตาที่ไม่ยอมแพ้โชคชะตาของทาสหญิง...
ท่าร่ายรำอ่อนช้อยที่แฝงไปด้วยความยั่วยวนของนางระบำในดินแดนแสนไกล…
กลิ่นชาหอมกรุ่นที่ถูกมือคู่หนึ่งวางลงบนโต๊ะยามวิกาล…
เสียงสวดภาวนาในภาษาที่ไม่คุ้นเคยของนักบวชหญิงในดินแดนตะวันตก…
ความทรงจำเหล่านั้นยังคงตราตรึง เมื่อยิ่งใกล้ต้องเข้าหอกับสตรีที่พระองค์ต้องแต่งด้วยเหตุผลทางการเมือง และต้องยกเป็นชายาเอกโดยไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แทนที่จะเป็นหนึ่งในนางที่เขารัก จิตใจก็ยิ่งดำดิ่งสู่ความอาลัย
ในที่สุดบานประตูห้องหอถูกปิดลง ตัดขาดพวกเขาจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง ภายในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นกำยานและเครื่องหอมมงคล ทว่าในสายตาขององค์รัชทายาท มันไม่ต่างอะไรจากกรงทองที่งดงามแต่ไร้ซึ่งอิสรภาพ
พระชายาในชุดเจ้าสาวสีแดงงดงามนั่งลงบนขอบเตียงอย่างสงบเยือกเย็น ผ้าคลุมหน้าสีแดงโปร่งบางบดบังใบหน้าของนางไว้ ทำให้ไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าธิดาแห่งอ๋องผู้ทรงอำนาจกำลังรู้สึกเช่นไร ความเงียบที่โรยตัวลงมาระหว่างพวกเขานั้นน่าอึดอัดเสียจนแทบหายใจไม่ออก
ในที่สุด องค์รัชทายาทก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้น พระองค์ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ปล่อยให้คำหลอกลวงเป็นรากฐานของสัมพันธภาพที่เปราะบางนี้
"พระชายาหลี่" สุรเสียงของพระองค์แหบพร่าและแฝงความเจ็บปวด "ข้า... ไม่อาจเป็นสามีที่ดีให้เจ้าได้… ข้าขออภัย"
ความเงียบคือคำตอบที่ได้รับ แต่นั่นก็ดีแล้ว พระองค์เพียงต้องการสารภาพความจริงทีกินหัวใจ
"อย่างที่เจ้ารู้มา ก่อนข้าจะมาวิวาห์กับเจ้า ข้าได้ออกเดินทางไปยังดินแดนตะวันตกเพื่อการทูตและการแสวงหาความรู้ มันทำให้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าพบเรื่องราวมามากมาย… หัวใจของข้า... มันไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว ข้าได้มอบมันให้กับสตรีหลายนางที่พบเจอ... แต่พวกนางทุกคน... ล้วนถูกโชคชะตาพรากไปจากข้าจนหมดสิ้น… ข้าตั้งใจจะรับพวกนางกลับมาด้วย แต่พวกนางกลับตายหรือหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย..."
พระองค์ก้มหน้าลง ยอมรับชะตากรรมที่ต้องจมอยู่กับความสูญเสียไปตลอดชีวิต แต่แทนที่จะเป็นเสียงร่ำไห้หรือตัดพ้อต่อว่า กลับได้ยินเพียงเสียงเสียดสีของแพรไหมเบาๆ
เมื่อเงยพระพักตร์ขึ้น องค์รัชทายาทก็ต้องเบิกเนตรกว้างด้วยความตกตะลึง
บนโต๊ะเล็กข้างเตียง พระชายาของพระองค์กำลังบรรจงวางของบางอย่างลงทีละชิ้น... ชิ้นแล้วชิ้นเล่า…
ปิ่นหยกขาวรูปดอกมู่หลาน ของแทนใจชิ้นแรกที่มอบให้เด็กสาวชาวนาผู้มีรอยยิ้มสดใส
หวีไม้จันทน์หอมสลักลายเมฆที่ซื้อให้ทาสสาวเพื่อเป็นสัญญาแห่งอิสรภาพ
กำไลข้อเท้าเงินร้อยกระพรวน ที่เคยส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งทุกครั้งที่นางระบำผู้เป็นที่รักร่ายรำ
ตลับเงินรูปไข่ที่มอบให้สาวใช้ในปราสาทอันห่างไกล
และสมุดบันทึกปกหนัง บันทึกการเดินทางฉบับที่คัดลอกด้วยลายมือเพื่อมอบให้นักบวชหญิงผู้มีจิตใจงดงาม
ของทุกชิ้นคือสิ่งที่พระองค์มอบให้หญิงสาวที่รัก... และคิดว่าได้สูญเสียพวกนางไปตลอดกาล…
"สตรีที่พระองค์เอ่ยถึง..." น้ำเสียงของพระชายาดังขึ้นลอดผ่านผ้าคลุมหน้า มันเยือกเย็นและเรียบนิ่งจนน่าขนลุก "คือเจ้าของสิ่งของเหล่านี้... ใช่หรือไม่เพคะ?"
องค์รัชทายาทตัวแข็งทื่อราวกับถูกสาปเป็นหิน ในพระทัยเกิดคำถามมากมายเหลือคณา นางไปได้ของพวกนี้มาได้อย่างไร!?
เครือข่ายอำนาจของบิดานาง ส่งคนไปจัดการพวกนางงั้นหรือ!?
“ใช่… แต่เจ้า… ได้มันมาอย่างไรกัน?”
"ดูเหมือนองค์รัชทายาทจะทรงมีคนรักมากมายเหลือเกินนะเพคะ… อยากทรงทราบหรือว่าหม่อมฉันได้มันมาอย่างไร?" นางเอ่ยถามช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำ มุมปากภายใต้ผ้าคลุมยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยือกเย็น “สตรีเหล่านั้น… หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ”
ซิงจวนมองสบตาองค์รัชทายาท แววตาของนางอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นความรวดร้าวใจของพระองค์"เรื่องราวของพระองค์กับไลลา... โดยเฉพาะค่ำคืนนั้น... หม่อมฉันเข้าใจและให้อภัยเพคะ" นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่หนักแน่น "หม่อมฉันดีใจที่นางได้มอบความอบอุ่นให้พระองค์ในยามที่ท่านอ้างว้างอย่างแท้จริง"องค์รัชทายาทเงยพระพักตร์ขึ้นมองนางด้วยความตื้นตันระคนละอายพระทัย "ซิงจวน... เจ้า...""แต่หม่อมฉันมีเรื่องอยากจะทูลถามองค์รัชทายาทสักเรื่องหนึ่งได้หรือไม่เพคะ" ซิงจวนกล่าวต่อ สายตาของนางจริงจังขึ้น องค์รัชทายาทพยักหน้าช้าๆ"หากเรื่องราวกลับกัน... หากสตรีที่ท่านต้องเข้าพิธีอภิเษกด้วยนั้น... ไม่ใช่สตรีบริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างที่สังคมคาดหวัง หากนางเคยมีอดีต... เคยมีสัมพันธ์ทางกายกับบุรุษอื่นมาก่อน... พระองค์จะยังทรงอภัยและยอมรับนางเป็นชายาได้หรือไม่เพคะ?"คำถามนั้นราวกับค้อนที่ทุบลงกลางใจขององค์รัชทายาท พระองค์นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ตระหนักถึงความเท่าเทียมที่นางกำลังเรียกร้อง... นางให้อภัยพระองค์ได้อย่างง่ายดาย แล้วพระองค์เล่า? หลังจากครุ่นคิดอยู่เพียงเสี้ยววินาที พระองค์ก็สบตานางอย่างแน่วแน่"ข้า..
“คืนหนึ่งท่ามกลางแหล่งน้ำกลางทะเลทรายใต้แสงจันทร์นวลตา... ข้ามองลึกลงไปในดวงตาของไลลา และไม่เห็นใครอื่นอีกต่อไป… แม้นางจะคล้ายเจ้า และทำให้ระลึกถึงเจ้าอยู่บ่อยๆ แต่นางก็ไม่ใช่เจ้า… ในตอนนั้นข้าเห็นเพียงนาง... สตรีผู้แข็งแกร่งและงดงามในแบบของนางเอง สตรีที่ข้าตกหลุมรักเป็นคนที่สองต่อจากเจ้า”“ข้าโน้มตัวลงไปจุมพิตนาง... และนางก็ไม่ได้ขัดขืน... ซิงจวน... มันไม่ใช่ราคะที่เร่าร้อน แต่เป็นการปลอบประโลมจิตใจที่อ้างว้างของคนสองคนที่ค้นพบความอบอุ่นในอ้อมกอดของกันและกัน ในอ้อมกอดของนาง ข้าพบความอบอุ่นที่ช่วยเยียวยาความเจ็บปวดจากการสูญเสียเจ้าชั่วขณะ และในอ้อมกอดของข้า นางคงพบความปลอดภัยที่นางโหยหามาตลอดชีวิต เราต่างเป็นที่พักพิงให้แก่กันในดินแดนที่ไม่มีใครเข้าใจเรา แล้วเราก็ตกเป็นของกันและกัน…”องค์รัชทายาทหยุดเล่าชั่วขณะ สุรเสียงของพระองค์แผ่วลงจนแทบไม่ได้ยิน พระองค์ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เพื่อสบตากับซิงจวน พระทัยเต้นระรัวด้วยความรู้สึกผิดที่กัดกิน... นางนั่งนิ่งราวกับรูปสลัก แววตาทอประกายบางอย่างที่พระองค์อ่านไม่ออกในที่สุด นางก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ น้ำเสียงยังคงราบเรียบแต่แฝงความหนักแน่น "เมื
ซิงจวนมองลึกลงไปในดวงเนตรขององค์รัชทายาทที่เต็มไปด้วยความสับสนระคนยินดี นางเข้าใจดีถึงคำถามมากมายที่อัดแน่นอยู่ในใจของพระองค์ นางคลายอ้อมกอดอย่างแช่มช้อย กิริยาสง่างามสมฐานะธิดาอ๋อง แต่แววตายังคงเป็นของซิงจวนคนเดิม“เรื่องราวยังไม่จบเพคะ” นางกล่าวเบาๆ “ข้อตกลงของเรายังคงอยู่”นางเดินกลับไปยังโต๊ะ หยิบหวีไม้จันทน์หอมสลักลายเมฆขึ้นมาอย่างนุ่มนวล กลิ่นหอมอ่อนๆ ของเนื้อไม้ลอยฟุ้งขึ้นมาในอากาศ "หม่อมฉันคิดว่า... ถึงเวลาของของชิ้นที่สองแล้ว"องค์รัชทายาททอดพระเนตรหวีในมือนาง ความทรงจำอีกระลอกซัดถาโถมเข้ามาในพระทัย เป็นความทรงจำที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาแห่งความสับสนและหลีกหนี พระองค์ทรุดกายนั่งลงอีกครั้ง เริ่มต้นเล่าเรื่องราวบทที่สองแห่งการเดินทาง“หลังจากที่ข้าสูญเสียเจ้าไป... หัวใจของข้าก็ว่างเปล่า” พระองค์เริ่มต้น “ข้าพยายามตามหาเจ้าอยู่แรมปีแต่ก็ไร้วี่แวว ในขณะเดียวกัน ราชโองการเรื่องการอภิเษกสมรสก็ถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง ข้ายังไม่พร้อมที่จะผูกมัดชีวิตกับสตรีที่ไม่รู้จัก จึงทูลขอพระบิดาออกเดินทางไปยังดินแดนตะวันตก อ้างว่าเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีและศึกษาเส้นทางการค้า... แต่เหตุผลที่
พระชายานิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ ปล่อยให้ความเจ็บปวดในน้ำเสียงขององค์รัชทายาทล่องลอยอยู่ในความเงียบงันของห้องหอ ก่อนที่สุรเสียงอันราบเรียบของนางจะดังขึ้นทำลายทุกสิ่ง“หม่อมฉันได้ปิ่นนี้มา... จากคุณชายผู้หนึ่งเพคะ”องค์รัชทายาทขมวดพระขนงกับคำตอบที่ไม่คาดคิด “คุณชาย?”“เพคะ” นางตอบรับ “เมื่อหลายปีก่อน หม่อมฉันในวัยเยาว์รู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตที่ถูกตีกรอบอยู่ในจวนอ๋อง หม่อมฉันปรารถนาจะได้เห็นโลกภายนอก อยากสัมผัสชีวิตของชาวบ้านที่แท้จริง จึงได้ขออนุญาตบิดาปลอมตัวเป็นหญิงสาวสามัญชน ออกไปใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ชายป่า พร้อมกับองครักษ์และนางข้าหลวงคนสนิทเพียงสองคน สวมบทเล่นเป็นพ่อแม่ลูก”หัวใจขององค์รัชทายาทกระตุกวูบ... เรื่องราวของนางช่างคล้ายคลึงกับของพระองค์เหลือเกิน“มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของหม่อมฉัน” นางเล่าต่อ น้ำเสียงเจือความฝันหวาน “หม่อมฉันได้เรียนรู้วิธีเก็บสมุนไพร แยกแยะเห็ดมีพิษ ได้หัวเราะอย่างเต็มเสียงโดยไม่ต้องกังวลถึงยศศักดิ์ และที่นั่นเอง... หม่อมฉันได้พบกับคุณชายรูปงามผู้หนึ่งที่หนีความวุ่นวายมาพักผ่อนหย่อนใจเช่นกัน เราตกหลุมรักกันอย่างรวดเร็ว”องค์รัชทายาทแทบ
ความตกตะลึงแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นเฉียบที่แล่นจับขั้วหัวใจอย่างรวดเร็ว ในเสี้ยววินาทีนั้น ภาพสตรีผู้เป็นที่รักในความทรงจำทั้งห้าซ้อนทับกันราวกับภาพวาดที่ซีดจาง เด็กสาวชาวบ้าน ทาสสาว นางระบำ สาวใช้ และนักบวชหญิง ก่อนจะถูกฉีกกระชากด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นภายใต้ผ้าคลุมหน้าของพระชายา สมมติฐานที่เลวร้ายที่สุดผุดขึ้นในพระทัย เครือข่ายอำนาจของบิดานาง ส่งคนไปจัดการพวกนางงั้นหรือ!?“อำมหิต!” องค์รัชทายาทตวาดลั่น สุรเสียงที่เคยแหบพร่าด้วยความอาลัย บัดนี้สั่นเทาด้วยโทสะที่พลุ่งพล่าน พระองค์ผุดพระวรกายลุกขึ้น ฉลองพระองค์มงคลสีแดงสดสะบัดไหวรุนแรงราวกับเปลวเพลิง ปลายนิ้วของพระองค์ชี้ไปยังกองสิ่งของบนโต๊ะราวกับจะแผดเผามันให้เป็นเถ้าถ่าน “เจ้าทำอะไรพวกนาง!? ข้าไม่มีอารมณ์ร่วมหอกับเจ้าแล้ว!”พระทัยของพระองค์ร้อนรุ่มดั่งไฟเผา ไม่รอคำตอบใดๆ องค์รัชทายาทหมุนพระวรกาย หมายจะพุ่งไปยังบานประตูสูงใหญ่ที่สลักเสลาอย่างวิจิตร เพื่อหนีจากกรงทองที่น่าอึดอัดและสตรีผู้มีรอยยิ้มราวกับปีศาจ แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวที่สาม น้ำเสียงเรียบนิ่งของนางก็หยุดพระองค์ไว้ราวกับโซ่ตรวนที่มองไม่เห็น“หากองค์รัชทายาททรงก้าวออกจากห้องหอในค
งานมงคลสมรสอันยิ่งใหญ่จบลงแล้ว เสียงดนตรีและการเฉลิมฉลองที่ดังกึกก้องตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืน บัดนี้ได้ถูกแทนที่ด้วยความเงียบงัน เหลือเพียงความอ่อนล้าที่ฉาบอยู่บนใบหน้าของทุกคน เว้นเสียแต่องค์รัชทายาทผู้เป็นศูนย์กลางของงานในวันนี้ฉลองพระองค์มงคลลายมังกรห้าเล็บสีแดงสดขับให้พระพักตร์ของพระองค์ซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด ดวงเนตรคมที่เคยเป็นประกายด้วยความมุ่งมั่น บัดนี้กลับฉายแววหม่นหมองและว่างเปล่า นี่คือการสมรสกับธิดาอ๋อง ที่เกิดขึ้นจากราชโองการของพระบิดา จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ เพื่อค้ำจุนราชบัลลังก์และถ่วงดุลอำนาจกับแคว้นที่บิดาของนางกุมอำนาจทางทหารไว้ทั้งหมดขบวนส่งตัวเคลื่อนไปตามระเบียงยาวที่ประดับด้วยโคมไฟสีแดงสลัว องค์รัชทายาทก้าวพระบาทไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า หัวใจของพระองค์หนักอึ้งราวกับถูกถ่วงด้วยโซ่ตรวนแห่งความทรงจำ พระองค์ไม่ได้ทอดพระเนตร พระชายา ผู้เป็นธิดาของอ๋องนักรบผู้เกรียงไกรที่เดินอยู่เคียงข้างเลยแม้แต่น้อย ในห้วงคำนึงมีแต่ภาพของสตรีอื่น…รอยยิ้มและแววตาใสซื่อของเด็กสาวชาวบ้านในวัยเยาว์…แววตาที่ไม่ยอมแพ้โชคชะตาของทาสหญิง...ท่าร่ายรำอ่อนช้อยที่แฝงไปด้วยความยั่วยวนของนางระบำในด
Comments