“อืม เธอล่ะ”
“ยังไม่มาเหมือนกัน สงสัยเมื่อคืนกลับกันดึกไปหน่อย”ใยไหมตอบเสียงเบา เธอยืนชั่งใจอยู่นานว่าจะเข้ามาทักทายเขาดีไหม เพราะปกติเวลาเจอกันไม่ว่าจะในห้องเรียนหรือนอกห้องเรียน เราสองคนไม่เคยคุยกันสักคำ อีกอย่างเขาก็เป็นผู้ชายที่ฮอตไม่ใช่เล่น กลัวว่าหากเธอเดินมาทักทายเขาแล้วเขาจะไม่อยากคุยกับเธอ
“วิชาอาจารย์โหด คงไม่มีใครกล้าขาดหรอกมั้ง”เธอพูดปลอบใจตัวเอง เพราะเมื่อคืนพวกเธอทั้งกลุ่มนัดไปดื่มกันที่ผับ เผลอลากยาวจนตีหนึ่ง เลยนึกกลัวว่าวันนี้เพื่อนจะลอยแพเธอทิ้งให้นั่งเรียนคนเดียว
“ก็ไม่แน่หรอก”
“แล้วเพื่อนนายมากันไหมล่ะ”เธอถามถึงเพื่อนเขาบ้าง เพราะตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็ยังไร้วี่แววของเพื่อนเขาเหมือนกัน
“ไม่รู้เหมือนกัน”โซลตอบเสียงเรียบ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูช่องแชทกลุ่ม ปรากฎว่ายังคงว่างเปล่า ข้อความที่เขาส่งไปยังไม่มีใครเปิดอ่านสักคน ได้แต่คิดในใจว่า....
พวกมันคงไม่ขาดเรียนพร้อมกันขนาดนี้หรอกนะ อย่างน้อย ๆ ไอ้คีรินมันก็ต้องมา มันเป็นคนรักการเรียนยิ่งกว่าอะไร ไม่เห็นเคยขาดเรียนสักครั้ง
“หึ ฉันว่าเพื่อนเราสองคนคงไม่มาหรอก”
“เธอรู้ได้ไง?”
“ปกติฉันจะเห็นคีรินมาเป็นคนแรก แล้วก็จะตามด้วยตะวัน สกาย คาเตอร์ ส่วนนายกับยีนส์จะมาหลังสุด ฉันเห็นแบบนี้ทุกวัน”
โซลหันไปสบตากับผู้หญิงที่ทิ้งตัวลงนั่งตรงเก้าอี้ที่ว่างข้างเขาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ วันนี้ดูเหมือนเธอจะพูดมากเป็นพิเศษ ถึงเราสองคนจะไม่เคยคุยกัน แต่เขาก็เห็นว่าปกติเธอจะเป็นคนเงียบ ๆ กว่าเพื่อนในกลุ่มของเธอ
“สังเกตุไปทำไม?”
“อ้าว ก็เราเรียนห้องเดียวกันนะ ถึงไม่สังเกตุก็ต้องเห็นไหมล่ะ”
“ฉันนึกว่าเธอชอบใครในกลุ่มฉันซะอีก ไม่งั้นคงไม่ใส่ใจขนาดนี้”
ใยไหมเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่นทันที เมื่อโดนเขาพูดแบบนี้ใส่ ใบหน้าสวยร้อนผ่าวขึ้นมาทันที“บ้า ใครจะไปชอบพวกนายกัน แต่ละคนเสือกันทั้งนั้น เพื่อนในห้องทุกคนเห็นหมดแหละ ไม่ใช่ฉันคนเดียวซะหน่อย”
“หึ ฉันแค่พูดเล่นเอง ทำไมเธอต้องหน้าแดงด้วย”
ชายหนุ่มหรี่ตาจับผิดเพื่อนร่วมคณะ เขาคิดว่ามองไม่ผิดว่าเธอกำลังเขินเรื่องที่เขาพูด แสดงว่าคำพูดเมื่อกี้ของเขามีผลต่อความรู้สึกเธอ แต่ก็แปลกนะถ้าเธอชอบใครในกลุ่มเขาจริง ๆ ทำไมถึงปล่อยผ่านมาตั้งหลายปี หรือบางทีเธออาจแค่เขินที่เขามองหน้าเธอตอนนี้ก็ได้
“ถ้าเธอชอบใครในกลุ่มฉันจริง ๆ ฉันจะช่วยเธอเอง ขอแค่อย่าเป็นไอ้ตะวันกับไอ้ยีนส์พอ สองคนนั้นมันมีแฟนแล้ว”
ใยไหมส่ายหน้าหวือทันที กำลังจะอ้าปากพูดบางอย่างออกไปแต่โซลกลับขัดขึ้นมาเสียก่อน
“อ้อ...อย่าเป็นฉันด้วยนะ เพราะเธอคงไม่มีวันสมหวังหรอก”เขายักคิ้วขึ้นล้อเลียนเธอเหมือนเป็นเรื่องสนุก แต่ทว่าคนได้ยินอย่างใยไหมสะอึกไปทันที ความอยากพูดคุยกับเขาถดถอยลงจนไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้ เลยผุดตัวลุกจากที่นั่ง
“อะ เอ่อ ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”หญิงสาวรีบเดินไปเข้าห้องน้ำทันที รู้สึกตัวเองคิดผิดที่เข้าไปคุยกับเขาวันนี้ เธอน่าจะปล่อยให้เธอกับเขาเป็นเหมือนคนไม่รู้จักกันไปจนเรียนจบมากกว่า ไม่เข้าใจตัวเองว่าทั้ง ๆ ที่ทำได้มาตลอด ทำไมวันนี้ถึงได้กล้าเดินเข้าไปคุยกับเขาแบบนั้น
แต่ทว่าความรู้สึกที่เธอแอบเก็บไว้ลึกสุดใจ ก็เป็นตัวสั่งให้เธอเดินเข้าไปหาเขาวันนี้ ก่อนหน้าเขาอยู่กับเพื่อนตลอด เธอก็ได้แค่แอบมองเขาอยู่ห่าง ๆ มาเกือบสี่ปีแล้ว และใช่เธอชอบโซล ชอบผู้ชายคนนั้นตั้งแต่ปีหนึ่ง ตั้งแต่เราสบตากันครั้งแรกตอนวันปฐมนิเทศ เห็นเขาควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้ามาตลอด เธอก็ได้แต่แอบเก็บความรู้สึกไว้คนเดียว แม้แต่เพื่อนสนิทของเธอก็ไม่ได้บอกให้ใครรู้
คำพูดที่เขาพูดมาเมื่อกี้ ถึงเขาจะพูดแล้วยิ้ม แต่เธอรู้ว่าเขาพูดจริง ก็ไม่แปลกเพราะเธอเป็นผู้หญิงนอกสายตาเขามาตลอด ขนาดว่าทำตัวเด่นเป็นถึงดาวมหาลัย แต่เขาก็ยังไม่เคยมองเธอเลย มีแต่เธอที่ได้แต่แอบมองเขาอยู่ฝ่ายเดียว
ติ้ง!
ใบหม่อน: อีไหมกูไม่ไปนะวันนี้ ปวดหัว
เพื่อนสนิทส่งข้อความมาบอกในแชท ซึ่งก็ไม่ได้ต่างจากที่เธอคิดไว้เท่าไหร่ แต่ไม่เป็นไรใบหม่อนไม่มาก็ยังเหลือนับหนึ่งกับเอวา อย่างน้อยสองคนนั้นคนใดคนหนึ่งก็ต้องมา คงไม่ขาดเรียนพร้อมกันทั้งสามคนหรอก
เอวา: กูไม่ไหวว่ะ มึงลาให้ด้วยนะ
ใยไหมถอนหายใจออกมาเมื่ออ่านข้อความที่สอง ภาวนาให้นับหนึ่งมาเรียนด้วยเถิด เธอไม่อยากนั่งเรียนคนเดียววันนี้
นับหนึ่ง: กูกำลังไปนะ
เธอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อคำภาวนาเป็นผล ก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า และเดินออกจากห้องน้ำไปรอเพื่อนที่ใต้อาคารเรียนเหมือนเดิม
ตอนที่เธอเดินมาถึงใต้อาคารเรียน ก็เจอกับกลุ่มของโซลที่ตอนนี้มีคีรินกับสกายมาแล้ว เธอส่งยิ้มให้สองหนุ่มตามมารยาท แต่ทว่าหุบยิ้มทันทีเมื่อหันไปเห็นแววตาคมของโซลที่มองมา
"สองคนนั้นไม่มาใช่ไหม?"
นับหนึ่งเพื่อนสนิทในกลุ่มเอ่ยถามทันทีที่เดินมาถึงใต้อาคารเรียนที่ใยไหมยืนรออยู่"แล้วมึงมายืนรออะไรตรงนี้ ทำไมไม่ไปนั่งรอที่โต๊ะ"
"ใกล้เรียนแล้วไง รีบไปดีกว่า"
เธอรีบจูงมือนับหนึ่งเดินออกจากบริเวณนี้ทันที ได้แต่นึกโทษตัวเองในใจที่ทำให้ต้องมาอายอยู่แบบนี้ ทั้งที่จริงเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอชอบเขา ผู้ชายคนนั้นก็แค่เดาสุ่มไปทั่ว แต่ทำไมเธอถึงทำตัวปกติไม่ได้เลยนะ ถ้าเขาจะรู้ก็น่าจะเป็นเพราะเธอทำท่าทางร้อนตัวนี่แหละ
ตลอดเวลาเรียนเธอก็คอยแต่หลบสายตาของโซล ทั้งที่เขาไม่ได้มองมาที่เธอด้วยซ้ำ แต่เธอกลับเอาแต่ระแวงว่าเขาจะรู้ว่าเธอแอบชอบเขาหรือเปล่า เธอเป็นแบบนี้ตลอดทั้งวันจนถึงตอนเย็นอาการเหล่านี้ถึงได้หายไป คงเพราะเธอแน่ใจแล้วว่าเขาก็แค่พูดเล่นไปอย่างนั้น เพราะหลังจากตอนนั้นเขาก็ไม่ได้มีท่าทีสนใจเธอเหมือนทุกวันที่เราสองคนเป็นเพียงเพื่อนร่วมคณะกันธรรมดา ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว
“มึงไปเอารถที่ผับใช่ไหม”
“อืม…มึงจะไปส่งกูเหรอ”
“ก็เออสิว่ะ เหลือกูคนเดียว ไม่ใช่กูแล้วใครจะไปส่งมึงล่ะเพื่อนรัก”
“โว้ย!!! มึงพูดเบา ๆ สิอีนับ”ใยไหมรีบเอามือปิดปากเพื่อนทันที เมื่อเห็นกลุ่มของโซลเดินออกมาจากห้องเรียนพอดี เธอพยายามลากแขนเพื่อนไปยังลานจอดรถให้เร็วที่สุด แต่ทว่าเสียงของสกายเอ่ยเรียกนับหนึ่งไว้เสียก่อน
“จะรีบไปไหนจ๊ะ นับหนึ่งคนสวย ได้ข่าวว่าเมื่อคืนพวกเธอไปเมาที่ผับ”
“นายรู้ได้ไง ฉันว่าเมื่อคืนไม่ได้เจอนายนะ”
“ผับพี่ฉัน ทำไมฉันจะไม่รู้”
“จริงเหรอ?”นับหนึ่งพูดเหมือนไม่เชื่อ เมื่อคืนเป็นครั้งแรกที่พวกเธอไปผับที่นั่น ถึงจะออกเที่ยวกันมาตลอดแต่ปกติกลุ่มพวกเธอจะถนัดไปนั่งร้านเหล้ากันมากกว่าหรือไม่ก็ไปสิงสถิตที่คอนโดเอวา เพราะเมื่อเมากันเต็มที่แล้วจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนขับรถกลับ สามารถนอนกันที่นั่นได้เลย
“งั้นคราวหลังพวกฉันไป นายก็ให้ส่วนลดบ้างสิ”
“พูดอะไรของมึงอีนับ ไปได้แล้ว”ใยไหมรีบลากแขนเพื่อนสนิทเมื่อเผลอพูดอะไรไม่เข้าท่าออกไป ตามนิสัยคนชอบพูดไปเรื่อยของมันที่แก้ไม่หายสักที
“เดี๋ยวสิอีไหม จะรีบลากไปไหน”เธอไม่อยากยืนอยู่ตรงนั้นนาน เพราะทั้งกลุ่มของสกายยังยืนกันครบทุกคนรวมถึงโซลด้วยที่เอาแต่มองหน้าเธอแล้วยิ้มมุมปาก ไม่ใช่ว่าเขายังคิดเรื่องนั้นอยู่อีกนะ ที่เขาหาว่าเธอชอบใครในกลุ่มของเขา