ฉันก้าวขึ้นมาบนรถสปอตคันหรูแล้วปรับเอนเบาะนอนลงทันที ก็จะให้นั่งตรงๆ ยังไงไหวเพราะฉันกินเยอะมาก โดยเฉพาะหอยนางรมนี่แหละเด็ดดวงที่สุด
"คาดเบลท์ด้วย" เขาออกคำสั่ง
"ไม่คาด ฉันกินอิ่มขนาดนี้ให้คาดเบลท์มันอึดอัดนะ" ฉันแหวใส่ เรื่องอะไรต้องยอมด้วยก็มันอึดอัดจริงๆ หนิ
"บอกให้คาดไง"
เขาทำเสียงเข้มกว่าเดิม แต่ฉันก็ไม่สนใจ ฟาบริซขยับตัวเอื้อมมือมาดึงสายเบลท์เพื่อคาดให้ฉันที่กำลังนอนอยู่ เขาเบือนสายตาลงมองพุงจ้ำม่ำน่ารักของฉันที่ขยายออกมาอวดสายตาชาวโลกเพราะกินเยอะ แต่มันก็ป่องมาแค่นิดหน่อยเองแหละน่า
"กินซะเยอะแยะ ดูสิ พุงป่องอย่างกับงูเหลือมอิ่มหมา" เขาพูดพร้อมกับหัวเราะหึๆ ในขณะที่ขับรถออกมาจากร้านอาหาร
"จิ๊.. ฟาบริซ ปากน่ายนี่มันน่า.."
"น่าจูบใช่มั้ย รู้แล้วน่า ขับรถอยู่จะมาจูบอะไรตอนนี้ไม่รู้เวล่ำเวลา หอยนางรมออกฤทธิ์แล้วไง"
เขาพูดด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาท ในขณะที่ฉันได้แต่ทึ้งหัวตัวเองด้วยความโมโห แต่ครั้นจะลุกขึ้นมาฟาดฟันด้วยก็ลุกไม่ไหว เพราะอิ่มจนจุกมาถึงคอหอยแล้ว
"ทำไมต้องคลานลงเตียงด้วย" ฉันเอ่ยถาม
"ห๊ะ!!" เขาขมวดคิ้วเป็นคำถาม
"ก็ที่น้องคนนั้นพูดว่านายจะต้องคลานลงจากเตียงมันคืออะไร" ฉันสงสัยมากๆ แต่ตอนนั้นมัวแต่โมโหที่น้องเขามาจับคู่ฉันให้เป็นแฟนกับฟาบริซ ก็เลยลืมถามเขาไปเลย
"เธอไม่รู้?"
"ถ้ารู้จะถามเพื่อ?" ฉันมองเขาด้วยสายตาหงุดหงิด ถามไปก็ตอบๆ มาไม่ได้รึไง ให้ฉันพูดอะไรเยอะแยะ แค่นี้ก็อิ่มจนจะแย่แล้ว เดี๋ยวก็อ้วกกันพอดี
"เขาว่ากันว่าหอยนางรมเป็นอาหารบำรุงทางเพศ"
"ห๊ะ!!! ถ้าอย่างนั้นน้องคนนั้นก็เข้าใจว่าฉันบำรุงนายเพื่อจะ..เอ่อ.. อะจึ๋ยๆ กันงั้นเหรอ"
เสียงฉันค่อยๆ ขาดหายไป มิน่าล่ะ น้องเขาถึงได้แซวแบบนั้น น่าอายจริงๆ สั่งให้ฟาบริซสามชุดไม่พอ ยังสั่งให้ตัวเองอีกสามชุดอีกต่างหาก หมดกัน เขาจะมองฉันเป็นผู้หญิงยังไงล่ะเนี่ย คิดแล้วก็อายเขาเหมือนกัน
"ถ้าคืนนี้ทนไม่ไหวก็มาเคาะห้องเรียกแล้วกันนะ จะฉลองศรัทธาให้ เผื่อจะได้เป็นบุญกุศลติดตัวไว้ชาติหน้า"
ฟาบริซหัวเราะหึๆ แต่ตอนนี้ฉันไม่ไหวจะโต้คารมด้วยแล้วเพราะอายมาก ทำไงดี.. แกล้งตายละกัน คร่อกกก .. ฉันรีบหลับตาแล้วแกล้งหลับทันที
"แอลลี่ ตื่นเลย ถึงแล้ว" ฉันได้ยินเสียงฟาบริซเรียกดังๆ พร้อมกับเขย่าแขนฉันเบาๆ จนฉันรู้สึกตัวตื่น แล้วลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย นี่ฉันเผลอหลับไปเหรอเนี่ย
"ถึงแล้วเหรอ"
ฉันค่อยๆ ขยับปรับเบาะรถขึ้น แต่เมื่อมองเห็นสถานที่โดยรอบแล้วก็ตาสว่าง หายง่วงเป็นปลิดทิ้งเพราะตรงนี้เป็นถนนเลียบชายหาดซึ่งมีร้านค้ายาวทั้งสองข้างทาง มีทั้งร้านเสื้อผ้า อาหาร ของฝากต่างๆ มากมายเลยทีเดียว
"อะโห..ของกินเยอะแยะ น่ากินทั้งนั้นเลยอะกลิ่นปลาหมึกย่างห๊อมมมหอม" ฉันทำท่าสูดกลิ่นหมึกย่างของโปรดที่ย่างขายอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม
"จมูกดีจังนะ ขนาดยังไม่ได้ลงรถยังได้กลิ่น นี่จมูกคนหรือจมูกหมา?" นั่นไง หลอกด่าฉันอีกแล้ว ปากปีจอไม่หยุดจริงๆ
"ย่ะ ..ฉันมันจมูกหมา ส่วนนายน่ะปากหมา" ฉันเปิดประตูแล้วก้าวลงจากรถเดินข้ามฝั่งไปร้านปลาหมึกย่างทันที
"คุณลุงคะ ปลาหมึกไม้ละเท่าไหร่เหรอคะ" ฉันชี้มือไปที่ปลาหมึกตัวใหญ่ที่ลุงคนขายเสียบไม้ไว้ไม้ละหนึ่งตัวนั่น
"ตัวใหญ่ตัวละหนึ่งร้อยบาทครับคุณ" ลุงคนขายตอบแล้วสาละวนย่างปลาหมึกให้ลูกค้าตามคิวต่อไป ลูกค้าเยอะมากแบบนี้น้ำจิ๋ม..เอ๊ยย น้ำจิ้มต้องเด็ดดวงแน่นอน ว่าแล้วน้ำลายหก
"ทำอะไร?" ฟาบริซที่เพิ่งเดินมาถึงเอ่ยถามฉันที่กำลังก้มๆ เงยๆ เลือกปลาหมึกอยู่
"เลือกหมึกไง อยากกินหมึกย่างอ่า" ฉันตอบออกไปแต่สายตายังจับจ้องเลือกปลาหมึกอย่างต่อเนื่อง
"มีเงิน?" เขาเอ่ยถามในขณะที่ฉันนึกขึ้นมาได้ว่าตอนออกมาจากบ้านไม่ได้สะพายกระเป๋ามาด้วย หยิบแต่โทรศัพท์ติดมือมาเท่านั้น ฉันฉีกยิ้มแบบที่คิดว่าหวานที่สุดในโลกให้กับเขาทันที
"ขอยืมนายก่อนได้มั้ย เดี๋ยวกลับบ้านแล้วคืนให้"
ฟาบริซยืนเฉยไม่พูดไม่ตอบอะไร กลิ่นปลาหมึกย่างก็ช่างลอยมาเข้าจมูกฉันไม่หยุดหย่อน ไหนจะเห็นคุณลุงหั่นปลาหมึกเป็นชิ้นใส่ชามพลาสติกฟู้ดเกรดแล้วตักน้ำจิ้มซีฟู้ดราดใส่ลงไปแล้วส่งให้ลูกค้า ฉันงี้แทบอยากจะกระโดดงับเสียให้รู้แล้วรู้รอด
"พี่ฟาบริซขา แอลลี่อยากกินหมึกย่าง ซื้อให้หน่อยนะคะ"
ฉันพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปกอดแขนของเขาพร้อมกับแนบแก้มถูไปมา เงยหน้ามองเขาตาแป๋ว แต่ในใจรู้สึกสะอิดสะเอียนกับการกระทำของตัวเองเสียเหลือเกิน ถ้าไม่เห็นแก่ของกินอย่าหวังว่าฉันจะพูดดีด้วยแบบนี้เลยเหอะ
"อือ.. นิ่งเป็นหลับขยับเป็นกินจริงๆ เลย" ปากเขาบ่นแต่มือก็เปิดกระเป๋าสตางค์แล้วส่งเงินใบเทามาให้ฉันใบนึง ฉันรีบหยิบทันทีเพราะกลัวเขาจะเปลี่ยนใจ แว่บนึงฉันแอบเห็นหน้าเขาแดงจนลามไปถึงใบหู สงสัยแดดจะร้อน เพราะนี่ก็สายมากแล้วด้วย
"คุณลุงขา หนูเอาหมึกตัวใหญ่สี่ตัวนะคะ นี่เงินค่ะ เดี๋ยวหนูค่อยกลับมารับนะคะ ขอไปเดินดูอย่างอื่นก่อน"ฉันบอกคุณลุงพร้อมกับยื่นเงินให้ หลังจากรับเงินทอนแล้วจึงเดินตามฟาบริซออกไป
"นายจะไปไหนเนี่ย เดินช้าหน่อยได้ไหมฉันตามไม่ทัน"
ฉันบ่นอุบเมื่อต้องรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามเขา ก็เขาสูงตั้งร้อยเก้าสิบเซ็น ส่วนฉันร้อยหกสิบแปดเอง ขาฉันสั้นกว่าเขาตั้งเยอะ ไม่เห็นใจกันเลย แต่อย่าคิดว่าที่ฉันรู้ส่วนสูงเขาเพราะฉันสนใจเขานะ โนจ้ะ.. ที่ฉันรู้ก็เพราะเขาสูงเท่าเฮียฟาต่างหาก
ปึ่กก / โอ๊ยย
จู่ๆ เขาก็หยุดเดินแล้วหันกลับมาในขณะที่ฉันกำลังรีบเดินจ้ำอ้าวใบหน้าเล็กของฉันจึงชนกับแผงอกแกร่งของเขาเข้าเต็มเปาจนเซถลา แต่เขาสอดมือมากอดเอวที่ด้านหลังของฉันไว้พอดี
"อูยย เจ็บ" ฉันครางเบาๆ พลางเอามือจับจมูก
"เดินไม่ดูเลย" เขาบ่นฉัน
"นายนั่นแหละ อยู่ๆ ก็หยุดเดินเฉยเลย ฉันก็ชนน่ะสิ" ฉันเถียงฉอดๆ ก็มันจริงหนิ ยังจะมาโทษฉันอีก
"มานี่เลย ทีนี้จะได้เดินทันกัน" เขาเอื้อมมือหนามาจับมือเรียวเล็กของฉันไว้ แล้วพาเดินไปด้านหน้าทันที อยู่ๆ หัวใจฉันก็เต้นแรงแปลกๆ สงสัยคงเหนื่อยเพราะแดดมันร้อนด้วยแหละ
ฟาบริซพาฉันเดินเข้ามาด้านในที่ดูเหมือนตลาด แต่ที่นี่ขายเสื้อผ้าทั้งหมด มีครบตั้งแต่เสื้อผ้าชาย หญิง เด็ก สตรีมีครรภ์ ยันคนชรา แถมมีชุดว่ายน้ำกับชุดชั้นในด้วยนะ
"นายพาฉันมาที่นี่ทำไม?"
"ที่บ้านไม่มีเสื้อผ้าผู้หญิง เธอบอกว่าจะอยู่ต่ออีกสองวันแล้วจะเอาอะไรใส่ จะแก้ผ้าอยู่กับฉันตลอดมันก็ไม่ไหวนะ ฉันไม่อยากเสียสายตา"
"จิ๊.. นายนี่มัน"
ฉันคันปากยุบยิบอยากจะด่าเขาเสียเหลือเกิน แต่มาคิดอีกทีถ้าฉันด่าไปเดี๋ยวเขาเกิดเปลี่ยนใจไม่ซื้อเสื้อผ้าให้ใส่ งานนี้ฉันต้องแก้ผ้าจริงๆ แน่ ไม่ได้เป็นห่วงสายตาของเขาหรอก แต่ห่วงความปลอดภัยของ แอลลี่ตัวน้อย ของฉันมากกว่า ภาพหนอนด้วงตัวโตของเขายังติดตาฉันอยู่เลย น่ากลัวชะมัด
...
Write Talk: สองคนนี้เขาทันกันดีนะคะ ปากแจ๋วพอกัน 😂😂
ฉันตัดสินใจว่าจะกลับไปที่บ้านพักตากอากาศเพราะอยากแน่ใจในบางสิ่งบางอย่างก่อนที่จะกลับไปทำงานในอีกสองวันข้างหน้า จริงๆ แล้วฉันชอบบรรยากาศที่รีสอร์ตของน้ามิกกี้มากนะ เพราะมันสวยงามเหมือนโลกแห่งความฝัน มีความสงบและเป็นส่วนตัวสูง มัมเคยเล่าว่าสมัยก่อนตอนที่มีปัญหากับแด๊ดเคยหนีมาพักที่นี่ แต่แด๊ดก็มาตามง้อกลับไปจนได้ฉันโทรหาน้ามิกกี้เพื่อบอกว่าวันนี้ฉันจะกลับแล้ว น้ามิกกี้คงจะรู้คร่าวๆ จากมัมว่าฉันมีปัญหาชีวิตนิดหน่อย ท่านบอกว่าถ้าอยากกลับจะให้เรือของรีสอร์ตไปส่งให้ไม่ต้องรอเรือจากท่าเรือให้เสียเวลา ดูความน่ารักของน้ามิกกี้สิคะ ทั้งหล่อทั้งใจดี อบอุ่นขนาดนี้แต่ทำไมถึงยังโสดอยู่นะติ๊งงงงฉันก้มลงมองที่มือถือ พบว่ามีข้อความจากฟาบริซส่งมาให้ ตั้งแต่เกิดเรื่องฉันก็ไม่รับโทรศัพท์ของเขาเลย แต่พ่อเจ้าประคุณก็ขยันส่งข้อความมาให้บ่อยๆ คงจะรู้ว่าถึงโทรมาฉันก็ไม่รับเลยส่งเป็นข้อความมาแทน ซึ่งฉันก็อ่านนะ แต่ไม่ได้ตอบกลับไปหรอก LINE / FABRIZFabriz: แอลลี่ครับ พี่คิดถึงหนูที่สุด พี่ไม่เคยนอกกายและไม่เคยนอกใจหนู ไม่เคยแม้แต่จะคิด พี่รักหนูคนเดียวนะฉันถอนหายใจเมื่ออ่านข้อความจบลง จริงๆ แล้วฉันก็แปลกใจ
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะเปิดดูข้อความที่แอลลี่ส่งให้ แต่เธอรีบเดินกลับไปที่รถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว ผมรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้านแล้วขึ้นรถขับตามออกมาทันทีโดยไม่ได้สนใจถุงแป้งที่ตะโกนร้องเรียกตามหลังมาเลยสักนิดผมพยายามขับรถไล่ตามเธอแต่เธอขับเร็วมากแถมยังเลี้ยวเข้าซอยเล็กซอยน้อย จนผมไล่ตามไปไม่ทัน แล้วในที่สุดเราก็คลาดกันจนได้ ผมขับรถมาจอดบนถนนเลียบชายหาด พยายามโทรหาเธอเป็นสิบสายแต่เธอไม่ยอมรับสาย ผมจึงทำได้แต่นั่งกุมขมับตัวเอง"ปวดหัวชิบ!!" ผมสบถออกมาอย่างอารมณ์เสีย หยิบโทรศัพท์มากดดูไลน์ที่แอลลี่ส่งมาให้ คิ้วหนาขมวดมุ่น เพ่งมองด้วยความแปลกใจ ภาพที่ส่งมาดูจากชื่อแล้วคงเป็นไอจีของไอ้กองทัพที่ถูกแท็กโดยไอจีของถุงแป้ง ภาพถ่ายพร้อมแคปชั่นทำให้ผมส่ายหัว ไม่แปลกเลยที่แอลลี่จะเข้าใจผิดแบบนี้ ส่วนโลเคชั่นและภาพถ่ายในห้องที่ถุงแป้งส่งไปมันยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นว่าเธอตั้งใจเขย่าเสาเรือนผมกับแอลลี่แน่นอนผมกดโทรศัพท์ถึงป้าแม่บ้านทันที ไม่นานป้าก็รับสาย"คุณฟาบริซอยู่ไหนคะเนี่ย คุณถุงแป้งเธอร้องห่มร้องไห้โวยวายว่าคุณทิ้งเธอจนป้าปวดหูไปหมดแล้วค่ะ"ป้าไม่ได้พูดเกินจริงหรอก เพราะในขณะที่ผมคุยสายอย
(Ally)ฉันวางมือถือลงแล้วละสายตาจากแอพพลิเคชั่นไลน์ที่ถูกส่งมาให้แล้วมองไปยังถนนด้านหน้าพยายามตั้งสติขับรถไปยังจุดหมายซึ่งใกล้จะถึงอยู่รอมร่อ แต่หัวใจของฉันกำลังเจ็บปวดกับสิ่งที่ได้เห็นและรับรู้ ยัยถุงแป้งส่งโลเคชั่นบ้านพักตากอากาศพร้อมกับเสื้อผ้าที่ฟาบริซซื้อให้ฉันเมื่อครั้งก่อนมาเย้ยกันแบบนี้เธอคงจะประกาศสงครามกับฉันอย่างเป็นทางการแล้วสินะฉันกระพริบตาถี่ๆ ไล่หยดน้ำตาที่ตอนนี้มันเอ่อเต็มจนทำให้มองอะไรพร่าลือนไปหมด ไม่รู้ว่าเรื่องราวแบบนี้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันก็เลือกที่จะมาเห็นด้วยสองตาของตัวเองมากกว่า ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บแค่ไหนก็ช่างมัน เพราะอย่างมากมันก็แค่เจ็บ หรือเจ็บปางตาย แต่มันคงไม่ถึงตายฉันจอดรถที่หน้าประตูรั้วของบ้านพัก ซึ่งมองเห็นรถหรูของฟาบริซจอดอยู่คันเดียว แต่ไม่มีรถยัยถุงแป้งแสดงว่าที่ยัยถุงแป้งโพสต์ขอบคุณที่เขาไปรับ มันก็คงเป็นเรื่องจริงสินะ ฉันเหยียดยิ้มเย้ยหยันให้กับความเจ็บปวดในหัวใจของตัวเอง เอามือปาดน้ำตาอย่างลวกๆ แล้วก้าวเท้าลงไปจากรถ สูดหายใจเข้าให้เต็มปอด "พร้อมเผชิญกับความจริงเถอะนะแอลลี่" ฉันกลั้นใจบอกกับตัวเองพร้อมกับก้าวเดินเข้าไ
ถุงแป้งนั่งอมยิ้มอย่างมีความสุขหลังจากที่เธอลงรูปภาพพร้อมแคปชั่นเด็ดในไอจีโดยตั้งใจแท็กไปที่กองทัพ เพราะเธอรู้ว่าแอลลี่กับกองทัพตามไอจีของกันและกันอยู่"ป่านนี้อกแตกตายไปหรือยังล่ะนังแอลลี่" ถุงแป้งยิ้มเยาะอยู่ในใจ ตอนนี้เธอกำลังนั่งเชิดหน้าชูคออยู่บนรถหรูราคาเกือบสามร้อยล้าน โดยมีชายหนุ่มรูปหล่อฐานะอภิมหึมามหาเศรษฐีเป็นคนขับให้นั่ง มันช่างมีความสุขเสียนี่กระไร"ผมย้ำแล้วย้ำอีกว่าให้คุณตรวจดูเอกสารให้เรียบร้อย ทำไมถึงพลาดได้" ฟาบริซพูดด้วยอารมณ์หงุดหงิด แต่ถุงแป้งก็หาได้แคร์ไม่ ปล่อยให้หงุดหงิดไปก่อนเถอะ เพราะเดี๋ยวคืนนี้เธอจะปลดปล่อยให้เขาหายหงุดหงิดเองนั่นแหละ"ถุงแป้งขอโทษด้วยนะคะที่พลาดไป แต่พอรู้ถุงแป้งก็รีบขับรถตามมาให้ทันทีเลยค่ะ" หล่อนทำหน้าเศร้าสุดชีวิตใส่ฟาบริซ เขาส่ายหน้าไปมาแล้วถอนหายใจยาว"แล้วที่ว่ารถเสีย มันเป็นอะไร" ฟาบริซเอ่ยถามในขณะที่ยังมองตรงไปด้านหน้า ไม่หันหน้ามามองเธอเลยตลอดเส้นทาง แต่ถุงแป้งก็ไม่ใส่ใจอีกนั่นแหละ เพราะคืนนี้เธอจะให้เขามองทุกส่วนยิ่งกว่าให้มองหน้าอีก"ถุงแป้งก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ขับมาอยู่ดีๆ มันก็ดับไปแล้วก็สตาร์ทไม่ติดอีกเลย"ฟาบริซพยายามข่มใจไม
"อ๊ะ อื้ออออ พะ..พี่ฟาบริซ อ๊าาาา"ฉันร้องครางอย่างไม่อาย เพราะตอนนี้ลิ้นอุ่น ๆ ของเขากำลังเล่นงานฉันอย่างหนัก แถมเขายังใช้นิ้วหัวแม่มือบดคลึงเป็นวงกลมเบา ๆ ที่เกสรสาวของฉันไม่หยุด ฉันเสียวจนไม่รู้จะบรรยายยังไง รู้แต่ว่าตอนนี้ร่างเล็กรุ่มร้อนไปหมด แถมความเสียวซ่านยังวิ่งวนไปทั่วร่าง"อื้มมมมมม"เสียงพี่ฟาบริซครางงึมงำในลำคอ แต่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากหว่างขาขาวของฉันเลย ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าร่างกายมันเบาโหวงเหวงเหมือนล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ ขนอ่อนลุกเกรียว ความเสียววิ่งมากระจุกตัวรวมกันอยู่ที่ส่วนยอดของเกสรสาวจนใกล้จะประทุเต็มทนแล้ว ฉันกัดริมฝีปากแล้วเชิดหน้าขึ้น"อ๊าาาา พี่ฟาบริซ แอลลี่เสียว อร๊ายยยย"ร่างเล็กเกร็งกระตุกพร้อมกับปลดปล่อยน้ำหวานออกมามากมาย แต่เขาก็ดูดดื่มมันจนหมด ฉันหอบหายใจถี่รัว รู้สึกเรี่ยวแรงหดหายเหมือนไปวิ่งรอบสนามสักสิบรอบทั้ง ๆ ที่เรื่องจริงแค่นอนรับเสียวอยู่บนโต๊ะนี้เท่านั้น พี่ฟาบริซเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบทิชชูเปียกมาเช็ดเนินเนื้อสาวอย่างทะนุถนอม ฉันแอบมองเห็นเขาจ้องแอลลี่น้อยแล้วยิ้มให้อย่างมีความสุขเหลือเกิน เขาค่อย ๆ แยกกลีบกุหลาบออกจากกันแล้วซับเบา ๆ จนฉันอดเ
ฉันแวะเอาอาหารที่ซื้อมาฝากเฮียฟาไปให้ที่ห้องทำงานและอยู่คุยด้วยอีกนิดหน่อยก่อนที่จะขอตัวมาหาพี่ฟาบริซที่ห้องก๊อก ก๊อก ก๊อกมือเล็กเคาะประตูตามมารยาทก่อนที่จะเปิดเข้าไป พี่ฟาบริซเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะทำงานแล้วส่งยิ้มหวานให้ ก่อนที่จะรีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาพลางหยิบถุงอาหารที่อยู่ในมือไปถือไว้แทน"ซื้ออะไรมาฝากพี่เหรอครับ" เขาเอ่ยถามพร้อมกับจูบที่แก้มเนียนฟอดใหญ่"พอดีแอลลี่แวะไปหาซื้อเสื้อผ้าใส่ทำงานที่ห้างใกล้ๆ นี่แหละค่ะ ซื้อเสร็จแล้วหิว ก็เลยแวะทานอาหารแล้วร้านนี้อร่อยมาก แอลลี่เลยซื้อมาฝาก" ฟาบริซจูงมือฉันมานั่งที่โต๊ะเล็กที่โซนใกล้ๆ กัน เป็นโต๊ะที่ไว้นั่งทานของเบรคและดื่มกาแฟเพื่อพักผ่อนระหว่างการทำงาน"หิวไหมคะ แอลลี่ซื้อสลัดโรลดอกไม้มาฝากด้วยนะ น้ำสลัดงาญี่ปุ่นอร่อยมากเลย มีเครื่องดื่มแบบฟิวชั่นด้วย เดี๋ยวเอาไปจัดใส่จานให้นะ" ฉันเอ่ยพลางหยิบถุงอาหารแล้วเดินเข้าไปยังเคาท์เตอร์เล็ก ๆ ที่มีจานและช้อนแยกไว้อยู่ ฉันจัดสลัดดอกไม้ใส่จาน พร้อมกับหยิบขวด Watermelon Rosemary Flavered Water เป็นน้ำฟิวชั่นที่ใช้แตงโมและโรสแมรี่เป็นส่วนประกอบ รสชาติหอมหวานละมุนละไม หลังจากนั้นก็เดินไปเสริฟให