ฉันก้าวขึ้นมาบนรถสปอตคันหรูแล้วปรับเอนเบาะนอนลงทันที ก็จะให้นั่งตรงๆ ยังไงไหวเพราะฉันกินเยอะมาก โดยเฉพาะหอยนางรมนี่แหละเด็ดดวงที่สุด
"คาดเบลท์ด้วย" เขาออกคำสั่ง
"ไม่คาด ฉันกินอิ่มขนาดนี้ให้คาดเบลท์มันอึดอัดนะ" ฉันแหวใส่ เรื่องอะไรต้องยอมด้วยก็มันอึดอัดจริงๆ หนิ
"บอกให้คาดไง"
เขาทำเสียงเข้มกว่าเดิม แต่ฉันก็ไม่สนใจ ฟาบริซขยับตัวเอื้อมมือมาดึงสายเบลท์เพื่อคาดให้ฉันที่กำลังนอนอยู่ เขาเบือนสายตาลงมองพุงจ้ำม่ำน่ารักของฉันที่ขยายออกมาอวดสายตาชาวโลกเพราะกินเยอะ แต่มันก็ป่องมาแค่นิดหน่อยเองแหละน่า
"กินซะเยอะแยะ ดูสิ พุงป่องอย่างกับงูเหลือมอิ่มหมา" เขาพูดพร้อมกับหัวเราะหึๆ ในขณะที่ขับรถออกมาจากร้านอาหาร
"จิ๊.. ฟาบริซ ปากน่ายนี่มันน่า.."
"น่าจูบใช่มั้ย รู้แล้วน่า ขับรถอยู่จะมาจูบอะไรตอนนี้ไม่รู้เวล่ำเวลา หอยนางรมออกฤทธิ์แล้วไง"
เขาพูดด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาท ในขณะที่ฉันได้แต่ทึ้งหัวตัวเองด้วยความโมโห แต่ครั้นจะลุกขึ้นมาฟาดฟันด้วยก็ลุกไม่ไหว เพราะอิ่มจนจุกมาถึงคอหอยแล้ว
"ทำไมต้องคลานลงเตียงด้วย" ฉันเอ่ยถาม
"ห๊ะ!!" เขาขมวดคิ้วเป็นคำถาม
"ก็ที่น้องคนนั้นพูดว่านายจะต้องคลานลงจากเตียงมันคืออะไร" ฉันสงสัยมากๆ แต่ตอนนั้นมัวแต่โมโหที่น้องเขามาจับคู่ฉันให้เป็นแฟนกับฟาบริซ ก็เลยลืมถามเขาไปเลย
"เธอไม่รู้?"
"ถ้ารู้จะถามเพื่อ?" ฉันมองเขาด้วยสายตาหงุดหงิด ถามไปก็ตอบๆ มาไม่ได้รึไง ให้ฉันพูดอะไรเยอะแยะ แค่นี้ก็อิ่มจนจะแย่แล้ว เดี๋ยวก็อ้วกกันพอดี
"เขาว่ากันว่าหอยนางรมเป็นอาหารบำรุงทางเพศ"
"ห๊ะ!!! ถ้าอย่างนั้นน้องคนนั้นก็เข้าใจว่าฉันบำรุงนายเพื่อจะ..เอ่อ.. อะจึ๋ยๆ กันงั้นเหรอ"
เสียงฉันค่อยๆ ขาดหายไป มิน่าล่ะ น้องเขาถึงได้แซวแบบนั้น น่าอายจริงๆ สั่งให้ฟาบริซสามชุดไม่พอ ยังสั่งให้ตัวเองอีกสามชุดอีกต่างหาก หมดกัน เขาจะมองฉันเป็นผู้หญิงยังไงล่ะเนี่ย คิดแล้วก็อายเขาเหมือนกัน
"ถ้าคืนนี้ทนไม่ไหวก็มาเคาะห้องเรียกแล้วกันนะ จะฉลองศรัทธาให้ เผื่อจะได้เป็นบุญกุศลติดตัวไว้ชาติหน้า"
ฟาบริซหัวเราะหึๆ แต่ตอนนี้ฉันไม่ไหวจะโต้คารมด้วยแล้วเพราะอายมาก ทำไงดี.. แกล้งตายละกัน คร่อกกก .. ฉันรีบหลับตาแล้วแกล้งหลับทันที
"แอลลี่ ตื่นเลย ถึงแล้ว" ฉันได้ยินเสียงฟาบริซเรียกดังๆ พร้อมกับเขย่าแขนฉันเบาๆ จนฉันรู้สึกตัวตื่น แล้วลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย นี่ฉันเผลอหลับไปเหรอเนี่ย
"ถึงแล้วเหรอ"
ฉันค่อยๆ ขยับปรับเบาะรถขึ้น แต่เมื่อมองเห็นสถานที่โดยรอบแล้วก็ตาสว่าง หายง่วงเป็นปลิดทิ้งเพราะตรงนี้เป็นถนนเลียบชายหาดซึ่งมีร้านค้ายาวทั้งสองข้างทาง มีทั้งร้านเสื้อผ้า อาหาร ของฝากต่างๆ มากมายเลยทีเดียว
"อะโห..ของกินเยอะแยะ น่ากินทั้งนั้นเลยอะกลิ่นปลาหมึกย่างห๊อมมมหอม" ฉันทำท่าสูดกลิ่นหมึกย่างของโปรดที่ย่างขายอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม
"จมูกดีจังนะ ขนาดยังไม่ได้ลงรถยังได้กลิ่น นี่จมูกคนหรือจมูกหมา?" นั่นไง หลอกด่าฉันอีกแล้ว ปากปีจอไม่หยุดจริงๆ
"ย่ะ ..ฉันมันจมูกหมา ส่วนนายน่ะปากหมา" ฉันเปิดประตูแล้วก้าวลงจากรถเดินข้ามฝั่งไปร้านปลาหมึกย่างทันที
"คุณลุงคะ ปลาหมึกไม้ละเท่าไหร่เหรอคะ" ฉันชี้มือไปที่ปลาหมึกตัวใหญ่ที่ลุงคนขายเสียบไม้ไว้ไม้ละหนึ่งตัวนั่น
"ตัวใหญ่ตัวละหนึ่งร้อยบาทครับคุณ" ลุงคนขายตอบแล้วสาละวนย่างปลาหมึกให้ลูกค้าตามคิวต่อไป ลูกค้าเยอะมากแบบนี้น้ำจิ๋ม..เอ๊ยย น้ำจิ้มต้องเด็ดดวงแน่นอน ว่าแล้วน้ำลายหก
"ทำอะไร?" ฟาบริซที่เพิ่งเดินมาถึงเอ่ยถามฉันที่กำลังก้มๆ เงยๆ เลือกปลาหมึกอยู่
"เลือกหมึกไง อยากกินหมึกย่างอ่า" ฉันตอบออกไปแต่สายตายังจับจ้องเลือกปลาหมึกอย่างต่อเนื่อง
"มีเงิน?" เขาเอ่ยถามในขณะที่ฉันนึกขึ้นมาได้ว่าตอนออกมาจากบ้านไม่ได้สะพายกระเป๋ามาด้วย หยิบแต่โทรศัพท์ติดมือมาเท่านั้น ฉันฉีกยิ้มแบบที่คิดว่าหวานที่สุดในโลกให้กับเขาทันที
"ขอยืมนายก่อนได้มั้ย เดี๋ยวกลับบ้านแล้วคืนให้"
ฟาบริซยืนเฉยไม่พูดไม่ตอบอะไร กลิ่นปลาหมึกย่างก็ช่างลอยมาเข้าจมูกฉันไม่หยุดหย่อน ไหนจะเห็นคุณลุงหั่นปลาหมึกเป็นชิ้นใส่ชามพลาสติกฟู้ดเกรดแล้วตักน้ำจิ้มซีฟู้ดราดใส่ลงไปแล้วส่งให้ลูกค้า ฉันงี้แทบอยากจะกระโดดงับเสียให้รู้แล้วรู้รอด
"พี่ฟาบริซขา แอลลี่อยากกินหมึกย่าง ซื้อให้หน่อยนะคะ"
ฉันพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปกอดแขนของเขาพร้อมกับแนบแก้มถูไปมา เงยหน้ามองเขาตาแป๋ว แต่ในใจรู้สึกสะอิดสะเอียนกับการกระทำของตัวเองเสียเหลือเกิน ถ้าไม่เห็นแก่ของกินอย่าหวังว่าฉันจะพูดดีด้วยแบบนี้เลยเหอะ
"อือ.. นิ่งเป็นหลับขยับเป็นกินจริงๆ เลย" ปากเขาบ่นแต่มือก็เปิดกระเป๋าสตางค์แล้วส่งเงินใบเทามาให้ฉันใบนึง ฉันรีบหยิบทันทีเพราะกลัวเขาจะเปลี่ยนใจ แว่บนึงฉันแอบเห็นหน้าเขาแดงจนลามไปถึงใบหู สงสัยแดดจะร้อน เพราะนี่ก็สายมากแล้วด้วย
"คุณลุงขา หนูเอาหมึกตัวใหญ่สี่ตัวนะคะ นี่เงินค่ะ เดี๋ยวหนูค่อยกลับมารับนะคะ ขอไปเดินดูอย่างอื่นก่อน"ฉันบอกคุณลุงพร้อมกับยื่นเงินให้ หลังจากรับเงินทอนแล้วจึงเดินตามฟาบริซออกไป
"นายจะไปไหนเนี่ย เดินช้าหน่อยได้ไหมฉันตามไม่ทัน"
ฉันบ่นอุบเมื่อต้องรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามเขา ก็เขาสูงตั้งร้อยเก้าสิบเซ็น ส่วนฉันร้อยหกสิบแปดเอง ขาฉันสั้นกว่าเขาตั้งเยอะ ไม่เห็นใจกันเลย แต่อย่าคิดว่าที่ฉันรู้ส่วนสูงเขาเพราะฉันสนใจเขานะ โนจ้ะ.. ที่ฉันรู้ก็เพราะเขาสูงเท่าเฮียฟาต่างหาก
ปึ่กก / โอ๊ยย
จู่ๆ เขาก็หยุดเดินแล้วหันกลับมาในขณะที่ฉันกำลังรีบเดินจ้ำอ้าวใบหน้าเล็กของฉันจึงชนกับแผงอกแกร่งของเขาเข้าเต็มเปาจนเซถลา แต่เขาสอดมือมากอดเอวที่ด้านหลังของฉันไว้พอดี
"อูยย เจ็บ" ฉันครางเบาๆ พลางเอามือจับจมูก
"เดินไม่ดูเลย" เขาบ่นฉัน
"นายนั่นแหละ อยู่ๆ ก็หยุดเดินเฉยเลย ฉันก็ชนน่ะสิ" ฉันเถียงฉอดๆ ก็มันจริงหนิ ยังจะมาโทษฉันอีก
"มานี่เลย ทีนี้จะได้เดินทันกัน" เขาเอื้อมมือหนามาจับมือเรียวเล็กของฉันไว้ แล้วพาเดินไปด้านหน้าทันที อยู่ๆ หัวใจฉันก็เต้นแรงแปลกๆ สงสัยคงเหนื่อยเพราะแดดมันร้อนด้วยแหละ
ฟาบริซพาฉันเดินเข้ามาด้านในที่ดูเหมือนตลาด แต่ที่นี่ขายเสื้อผ้าทั้งหมด มีครบตั้งแต่เสื้อผ้าชาย หญิง เด็ก สตรีมีครรภ์ ยันคนชรา แถมมีชุดว่ายน้ำกับชุดชั้นในด้วยนะ
"นายพาฉันมาที่นี่ทำไม?"
"ที่บ้านไม่มีเสื้อผ้าผู้หญิง เธอบอกว่าจะอยู่ต่ออีกสองวันแล้วจะเอาอะไรใส่ จะแก้ผ้าอยู่กับฉันตลอดมันก็ไม่ไหวนะ ฉันไม่อยากเสียสายตา"
"จิ๊.. นายนี่มัน"
ฉันคันปากยุบยิบอยากจะด่าเขาเสียเหลือเกิน แต่มาคิดอีกทีถ้าฉันด่าไปเดี๋ยวเขาเกิดเปลี่ยนใจไม่ซื้อเสื้อผ้าให้ใส่ งานนี้ฉันต้องแก้ผ้าจริงๆ แน่ ไม่ได้เป็นห่วงสายตาของเขาหรอก แต่ห่วงความปลอดภัยของ แอลลี่ตัวน้อย ของฉันมากกว่า ภาพหนอนด้วงตัวโตของเขายังติดตาฉันอยู่เลย น่ากลัวชะมัด
...
Write Talk: สองคนนี้เขาทันกันดีนะคะ ปากแจ๋วพอกัน 😂😂
เสียงเพลง EDM ดังสนั่น นักเที่ยวทั้งหลายพากันโยกย้ายสนุกสนานไปตามเสียงเพลง ฉันกับเพื่อนๆ ก็เช่นเดียวกัน แต่ในขณะที่กำลังเต้นสนุกๆ อยู่นั้น..."อร๊ายยย... ยัยแอลลี่ วิล..วิล.. คุณวิลลล" ฉันมองหน้ายัยแองจี้ที่อยู่ๆ ก็แหกปากแล้วก็เงียบเสียงไป แถมยังตะลึงตาค้างอีก ยัยน้ำชาก็เช่นกัน"อะไรของพวกแกวะ?" ฉันเอ่ยถามด้วยความงุนงง"โน่นๆๆ คุณวิลไง วิลอะไรไม่รู้ แต่กำลังเดินยิ้มมาทางนี้แล้ว" ยัยแองจี้พูดไปดีดดิ้นไป ฉันมองตามไปก็เห็นเขาเดินหล่อออร่ามาทางนี้จริงๆ สไตล์การแต่งตัวแบบนี้ ยิ้มเจ้าชู้เรี่ยราดแบบนี้ไม่มีใครหรอกค่ะ ใครแยกไม่ออกว่าเป็นวิลไหน แต่นังแอลลี่รู้ดี"อ้อ..นั่นคุณวิลเซนต์" ฉันบอกกับสองสาว พวกหล่อนหันหน้ามามองฉันเป็นตาเดียวโดยมิได้นัดหมาย ใช่ค่ะ.. เพื่อนๆ ฉันไม่รู้หรอกว่าฉันกับทริปเปิลวิลล์รู้จักกัน แถมไม่ได้รู้จักแบบธรรมดาด้วยนะ แต่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กเลย"กะ..แกรู้ได้ไง รู้จักเขาเหรอ?"ยัยแองจี้ตาลุกวาว ฉันไม่ตอบแต่ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วขยิบตาให้เพื่อน ฉันหันกลับไปมองพี่วิลเซนส์ที่กำลังเดินยิ้มมาหาพร้อมกับอ้าแขนกว้างๆ เท่านั้นแหละ พ่อสุดหล่อก็เดินเข้ามาสวมกอดฉันทันที ทำเอาสาวๆ แถวนั้นทำ
ตั้งแต่เกิดเรื่องที่มหาลัยวันนั้น ฟาบริซก็เงียบหายไปเลย ฉันเองก็ไม่ได้โทรไปหาเขาเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดกับเขายังไง ก็เลยปล่อยผ่านไปจนเกือบสัปดาห์ รวมถึงตอนนี้ฉันก็ยุ่ง ๆ เรื่องเรียนด้วย เพราะเป็นเทอมสุดท้ายที่จะจบแล้ว ส่วนกับไนซ์เราก็ไม่ได้เจอกัน มีแต่เขาที่ทักไลน์มาบ้างแค่นั้นเอง"แอลลี่ แกเคลียร์กับพี่ฟาบริซแล้วยังเรื่องวันนั้นน่ะ?" น้ำชาเอ่ยถามในขณะที่กำลังคีบซูชิเข้าปาก ตั้งแต่วันนั้นพวกเราก็เพิ่งได้มากินอาหารญี่ปุ่นกันวันนี่เนี่ยแหละ"ยังเลย ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้เจอกัน ฉันยังไม่ได้กลับบ้านแล้วก็ไม่ได้โทรหาเขาด้วย ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงดีอะ" ฉันตอบเพื่อนไปตามที่ตัวเองคิด จริง ๆ ฉันก็รู้สึกผิดนะ แต่จะให้ฉันโทรไปง้อเขามันก็จะดูแปลก ๆ ไปนิด และอีกอย่างฉันก็ไม่เคยง้อใคร โดยเฉพาะผู้ชาย"แต่จากที่แกเล่าให้ฟังเรื่องแพ้ลิลลี่ตอนเด็กน่ะ ถ้าคนที่มาช่วยแกคือเฮียฟา แล้วพี่ฟาบริซเขาจะรู้ได้ไงว่าแกแพ้เฉพาะลิลลี่สีชมพู แล้วเขาต้องจำมันด้วยเหรอ ก็ไหนแกบอกว่าไม่ถูกกันตั้งแต่เด็ก ๆ ไง" แองจี้เริ่มเปิดประเด็น"เออว่ะ ก็จริงของแองจี้มันนะ ไม่ใช่แค่รู้ว่าแพ้ลิลลี่ แต่รู้ถึงขนาดว่าต้องสีชมพูด้วยงี้"
"กินข้าวที่ไหนกันดีพวกแก?" ฉันเอ่ยถามน้ำชากับแองจี้พร้อมกับสะพายกระเป๋าเตรียมหยิบกุญแจรถ วันนี้มีเรียนเช้าพวกเราจึงเลิกเรียนแค่บ่ายโมงเท่านั้น"อยากกินอาหารญี่ปุ่นอะแก" น้ำชาตอบพร้อมกับทำตาปริบๆ ขอความเห็นใจ"เคๆ ไปก็ไป" พวกเราสามสาวเดินลงมาจากตึกและตรงไปยังลานจอดรถทันที"เฮ้ย แอลลี่ นั่นไนซ์นี่หว่า" เสียงพูดของแองจี้ทำให้ฉันหันไปมองทันที เป็นไนซ์จริง ๆ นั่นแหละ เขายืนยิ้มพิงรถพอร์ชของฉันอยู่ ในมือถือดอกไม้ช่อบะเริ่มเทิ่ม เอิ่มมม.. นี่ไม่ใช่คณะของไนซ์ เพราะฉะนั้นเดาได้เลยว่าต้องมาหาฉันแน่นอน"เฮ้ยๆๆ แอลลี่ นั่นมันพี่ฟาบริซใช่ไหม มาทำไมวะน่ะ แกนัดเขาไว้เหรอ?" น้ำชาพูดพร้อมกับทำหน้าเหมือนเห็นผี"เปล่านี่ ฉันไม่ได้นัดใครสักหน่อย""งั้นแสดงว่ารถไฟมารอชนกันเองโดยมิได้นัดหมายสินะ" แองจี้กอดอกพลางส่ายหน้าไปมา เพื่อนสุดแสบของฉันสองคนหันไปมองหน้ากันพร้อมกับยิ้มร้าย เดาว่าพวกหล่อนต้องมีความคิดอะไรพิเรนทร์แน่ ๆ"ฉันเล่นข้างพี่ฟาบริซร้อยนึง วันนี้ต้องมีเรื่องแน่ๆ แกดูหน้าพี่เขาซะก่อน จะแดกหัวไอ้ไนซ์อยู่แล้วนั่น" นี่ยัยน้ำชา"โอเค งั้นฉันเล่นข้างไนซ์ร้อยนึง ฉันว่าไนซ์มันต้องไม่ยอมแน่ ๆ เป้าหมายมีไว
เรียวขาสวยบนรองเท้าส้นสูงสีขาวมุกก้าวลงมาจากรถพอร์ชคันหรู ฉันเดินตรงไปยังด้านในของร้านอาหารที่บรรยากาศรายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี บรรยากาศริมน้ำยามเย็นแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันตา"แอลลี่ ทางนี้" เสียงยัยน้ำชาโบกมือเรียก ฉันจึงเดินตรงไปยังโต๊ะที่ถูกจัดอยู่บริเวณระเบียงที่ยื่นออกไปยังแม่น้ำ ทุกคนมาพร้อมกันหมดแล้ว ไนซ์ขยับตัวลุกขึ้นแล้วเลื่อนเก้าอี้ให้ฉันนั่งลงฝั่งเดียวกันใกล้ ๆ กับเขา"วันนี้มากันพร้อมหน้าเลย ไนซ์สั่งอาหารไว้แล้วนะ อีกสักพักหนึ่งพนักงานคงเอามาเสริฟ แอลลี่หิวมากไหม"ไนซ์เอ่ยถามในขณะที่ฉันส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วมุ่งความสนใจไปที่พระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน แสงสีส้มที่ทอแสงมากระทบผืนน้ำระยิบระยับสีทองอร่ามตา สวยงามมากจริง ๆ"พระอาทิตย์จะตกดินแล้ว สวยจัง น้ำชาแกถ่ายรูปให้ฉันหน่อยสิ" ฉันพูดพร้อมกับส่งโทรศัพท์หรูให้กับเพื่อน ยัยน้ำชาถ่ายให้ฉันหลายรูปเลย แต่ละรูปสวย ๆ ทั้งนั้น ยัยนี่ถ่ายรูปได้เทพมาก ฉันจึงชอบใช้ให้ถ่ายให้บ่อย ๆ"ไนซ์ขอถ่ายคู่กับแอลลี่บ้างได้ไหม" ฉันพยักหน้า ก็แค่ถ่ายรูป เพื่อนกันไม่เห็นจะเป็นไรเลย ยัยน้ำชาจึงเป็นตากล้องให้พวกเราเหมือนเดิม"รูปสวยมากเลย ไนซ์ข
ติ๊ง ติ๊ง ติ๊งเสียงสัญญาณไลน์แจ้งเตือนที่ดังขึ้นทำให้ผมรู้สึกตัวตื่นแล้วเอื้อมมือไปคลำหาที่มาของเสียงโดยไม่ได้ลืมตาขึ้นมามองแต่อย่างใด เมื่อฝ่ามือหนากระทบกับวัตถุรูปสี่เหลี่ยมจึงรีบหยิบขึ้นมาทันที ผมค่อย ๆ ลืมตาสู้กับแสงที่ส่องเข้ามาในห้องนอนในเพนท์เฮาส์ นาฬิกาบนโทรศัพท์บอกเวลาสิบโมงเช้า พร้อมกับไลน์ที่เด้งขึ้นมารัว ๆ LineNice: Hello แอลลี่ (sticker หมีโบกมือ)Nice: คิดถึงเธอจัง อยากเห็นหน้าNice: ได้ยินไหมว่าคิดถึง ๆๆ "คิดถึงพ่อมึงสิ" ผมหลุดคำด่าออกไปเพราะอดหมั่นไส้ไม่ได้ ไอ้เวรนี่ขยันทำให้ผมหัวร้อนจริงๆ ผมเหลือบมองคนตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังนอนซุกอกแกร่งของผมอยู่และเธอกำลังหลับสนิท ก็แหงล่ะ!! เมื่อคืนผมกับเธอฟาดฟันกันอย่างเร่าร้อน กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปเกือบหกโมงเช้าติ๊ง... เสียงไลน์มันดังขึ้นมาอีกแล้วNice: เย็นนี้ทานข้าวกันไหม ไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ อยากคุยด้วยยัง..มันยังไม่เลิกเซ้าซี้ นี่ขนาดไลน์มาผมยังหงุดหงิดได้ขนาดนี้ ถ้ามันมาพูดกับแอลลี่ใกล้ ๆ ผมคงได้ล่อหน้ามันสักทีสองที ข้อหาหมั่นไส้"อืมมมมม"เสียงแอลลี่ครางเบา ๆ ในลำคอแล้วขยับแขนเล็กขึ้นกอดเอวหนาของผมแน่นขึ้น ผมวางโทรศัพท
(Ally Talk)ฟาบริซจ้องมองเรือนร่างเปลือยขาวเนียนที่อยู่ภายใต้ชุดเดรสสั้นซีทรูสีดำด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างลึกล้ำ ซึ่งมันก็ไม่ได้ต่างไปจากฉันในตอนนี้เลย ฉันยกมือขึ้นโอบรอบคอหนาแล้วโนมใบหน้าหล่อนั้นเข้ามาใกล้จนปลายจมูกของเราชนกัน ฉันใช้ปลายจมูกเล็กของตัวเองเขี่ยปลายจมูกโด่งคมนั้นไปมาอย่างหยอกเย้า ฟาบริซกัดฟันแน่นจนเห็นสันกรามนูน ลมหายใจร้อน ๆ ของเขาเป่ารดลงมาที่ริมฝีปากของฉันพอดิบพอดี"ฟาบริซต้องการแอลลี่มั้ยคะ"ฉันเอ่ยอย่างออดอ้อน ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยพูดอะไรแบบนี้กับเขามาก่อน จะว่าเมาก็ไม่น่าใช่เพราะตอนนี้สติฉันก็มีครบถ้วน เพียงแต่เห็นหน้าฟาบริซตอนที่เขามีอารมณ์อย่างว่าแล้วมันทำให้เลือดลมฉันสูบฉีด จนอยากจะลุกขึ้นไปควบเขาเองให้มันรู้แล้วรู้รอด แต่กลัวว่าจะไม่งาม เลยต้องอ่อยเป็นการลองเชิงสักนิดนึงก่อนเขาไม่ตอบอะไรออกมา แต่สายตาหวานหยดย้อยของเขามันคือคำตอบอยู่ในตัวแล้ว ฟาบริซยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ฝ่ามือหนาค่อย ๆ เลื่อนเข้าไปในชุดซีทรูแล้วจับเนินอกทั้งสองข้างพร้อมกับใช้นิ้วแกร่งสะกิดยอดถันเบา ๆ จนมันตอบสนองด้วยการแข็งตัวเข้าใส่ ซึ่งเขาก็ยังขยำสองเต้าไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว"อ๊ะ อ๊
ในขณะที่กำลังจะถูกอุ้มกลับอยู่นั้น ฉันก็เหลือบไปเห็นระฆังช่วยชีวิตคนใหม่แล้ว แต่คราวนี้ไม่ใช่คนเดียวนะ เพราะมาทีเดียวพร้อมกันสามคนเลย พ่อทริปเปิลวิลล์ของฉัน ตอนนี้พวกเขากำลังเดินตรงมาทางนี้แล้วด้วยโอ้โห..ให้ตายเถอะโรบิ้น!! พ่อสามวิลล์ของฉันหล่อชิบหาย ไม่ว่าจะเดินผ่านโต๊ะไหน สาวๆ ก็เหลียวมองกันจนคอเคล็ด พี่วิลสัน พี่วิลเซอร์ และพี่วิลเซนต์ ลูกชายของคุณลุงโจเซฟ เพื่อนสนิทของแด๊ดฉันกับคุณน้าเซดริก สามหนุ่มนั่นเป็นแฝดสามจากไข่ใบเดียวกัน (ฉันหมายถึงไข่ในมดลูกนะคะ อย่าคิดลึก) ทั้งสามคนจึงเหมือนกันมาก เหมือนยันเงา รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวสะอาด แต่สิ่งเดียวที่จะแยกทั้งสามคนออกได้คือสีตา เพราะพี่วิลสันมีดวงตาสีเทา พี่วิลเซอร์มีดวงตาสีฟ้า สวนพี่วิลเซนส์มีดวงตาสีน้ำตาลอ่อน ทั้งสามคนนี้เป็นชาวฝรั่งเศสร้อยเปอร์เซนต์ เพราะลุงโจเซฟกับคุณป้าแคทเธอรีนเป็นคนฝรั่งเศสทั้งคู่ พี่ทริปเปิลวิลจึงไม่ใช่ลูกครึ่งเหมือนฉัน"พี่วิลล์ขาาาาา" ฉันเรียกพี่ทริปเปิลวิลล์เสียงหวาน ยังไงก็ต้องมีตอบมาสักวิลล์ล่ะวะ!!.. อ้อ!!. ฉันลืมบอกไปว่าทั้งสามวิลล์นี่มีอีกสิ่งที่แยกออกได้ชัดเจนอีกอย่างนึงก็คือนิสัย เพราะทั้งสามคนนี้นิสั
(Ally Talk) หลังจากฟาบริซจับฉันยัดใส่หน้ารถเรียบร้อย เขาก็ขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับแล้วปิดประตูรถดังปัง แบบไม่กลัวประตูพังเลย เขาปล่อยให้รถหรูของเฮียฟาขับนำหน้าไปก่อนแล้วจึงขับตามไป เขาเงียบมาก ไม่ยอมพูดอะไรเลย ฉันแอบเหลือบไปมองเห็นเขาทำหน้าบูดบึ้ง ไม่รู้ไปกินรังต่อรังแตนที่ไหนมา"ใครเดินเหยียบตาปลานายรึไง หรือไปกินแกงค้างคืนที่ไหนมาหน้าถึงได้บูดขนาดนั้น" ฉันตัดสินใจถามเพราะอึดอัดกับความเงียบ"บ้านจนรึไง เสื้อผ้าดีๆ ถึงไม่มีจะใส่ ดูสภาพชุดที่ใส่มาสิ ทั้งสั้นทั้งบาง ทำไมไม่ถอดไปเลยล่ะ" ฟาบริซทำน้ำเสียงขึงขังไม่พอใจแถมยังไม่มองหน้าฉันอีก"ชุดนี้สวยจะตาย แถมราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ แบรนด์ดังอีกต่างหาก นายมันตาไม่ถึง แล้วนี่ฉันแต่งตัวมาเที่ยวผับนะ ไม่ได้แต่งตัวไปสวดมนต์ข้ามปี" ฉันเถียงฉอด ๆ ก็ชุดฉันออกจะสวย ตาถั่วจริง ๆ"ไม่เห็นสวยเลย โป๊ขนาดนี้เอาอะไรมาสวย" ... ยัง.. ตานี่ยังไม่หยุด"แหม.. ทีสาว ๆ แต่งตัวโป๊ฉันเห็นนายมองจนตาแทบถลน แล้วไอ้ที่นายเคยควงแต่ละคนก็แต่งตัวเปรี้ยวปรี๊ด ทีนี้ล่ะทำมาว่าฉัน" ฟาบริซถอนหายใจแล้วหันมามองหน้าฉัน"มันไม่เหมือนกันไง จะเอาผู้หญิงแบบนั้นมาเปรียบกับเธอได้ยังไง เธอดีก
รถสปอตหรู Bentley Continental GT ขับเข้ามาจอดยังหน้าคฤหาสน์แอลตันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ตอนนี้แอลลี่ก็ยังคงนอนหลับตาพริ้มไม่มีทีท่าว่าจะตื่นง่ายๆ ผมขยับตัวไปใกล้ๆ เพื่อจะปลุกเธอ แต่ให้ตายเถอะ... หน้าเธอตอนหลับน่ารักเป็นบ้า ผมค่อยๆ ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น เป้าหมายคือริมฝีปากรูปกระจับอวบอิ่มที่เผยอน้อยๆ นั่น แต่แล้ว...."ก๊อก ๆ ๆ"เสียงเคาะกระจกข้างรถของผมดังขึ้น ผมสะดุ้งตื่นจากภวังค์ รีบหันหน้ากลับไปมองด้านข้างรถ"ฟาริส" ผมหลุดปากเรียกชื่อเด็กหนุ่มที่ผมรักเหมือนน้องชายแท้ๆ เสียงดังจนแอลลี่ขยับตัวตื่น ผมจึงเปิดประตูรถออกมาทันที"เฮียฟาบริซ" ฟาริสเข้ามาสวมกอดผม ผมกอดตอบกลับพร้อมกับตบเบาๆ ที่บ่าของเด็กหนุ่ม ปีนี้ฟาริสอายุย่างเข้าสิบเจ็ดปีแล้ว กำลังเป็นหนุ่มน้อยที่รูปร่างหน้าตาหล่อเอาเรื่องเลยทีเดียว"ไหนแด๊ดเแอลบอกเฮียว่านายจะบินมาถึงตอนเย็น ทำไมมาถึงแล้วล่ะ""คุณปู่ใจร้อนครับ คิดถึงลูกหลานก็เลยมาก่อน" ฟาริสตอบผมพร้อมกับเบนหน้าไปมองพี่สาวตัวเองที่กำลังงัวเงียเดินออกมาจากรถ เมื่อเธอเห็นหน้าน้องชายคนเล็กก็ยิ้มร่า รีบเดินเข้าไปสวมกอดฟาริสทันที"คิดถึงจังเลย น้องชายสุดหล่อของเจ๊" แอลลี